บทที่ 586 ข้าต้องการให้มันตาย
“พรสวรรค์ด้านการหลอมไฟที่น่าตะลึงซึ่งป๋ายฮ่าวเผยออกมา สร้างความอิจฉาริษยาให้กับผู้อื่นจึงเป็นเหตุให้เขาถูกฆ่า!”
“คนที่ฆ่าเขา มีความเป็นไปได้ถึงแปดเก้าส่วนว่าจะเป็นฮูหยินไช่ผู้นั้น…แต่ก็ยังมีจุดหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ หากบิดาของป๋ายฮ่าวรู้ถึงพรสวรรค์ของป๋ายฮ่าว จะปฏิบัติกับเขาต่างไปจากนี้หรือไม่? เพราะอย่างไรซะสำหรับตระกูลของผู้หลอมวิญญาณ คนที่มากความสามารถแบบนี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าเป็นบุตรกิเลนอย่างแท้จริง”
“ป๋ายฮ่าว…ได้บอกพรสวรรค์ในการหลอมไฟของเขาให้บิดาเขารู้หรือไม่? หากไม่ได้บอกก็ยังว่าไปอย่าง แต่ถ้าดูตามบันทึกที่ป๋ายฮ่าวเขียนเอาไว้ เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะบอกให้บิดาเขารับรู้ หากเขาศึกษาตำรับการหลอมไฟสิบห้าสีออกมาได้แล้วเอาไปมอบให้บิดาของเขา…”
“แต่หากเขาบอกบิดาตัวเองแล้ว…ก็ยังถูกฆ่าอยู่เหมือนเดิม…ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้…” ป๋ายเสี่ยวฉุนใคร่ครวญแล้วเขาก็ไม่ยินดีคิดลงลึกต่อไป พอนึกถึงจุดจบสุดท้าย ในใจเขาก็เศร้าอาดูร ยิ่งรู้สึกว่าป๋ายฮ่าวน่าสงสาร ความฝันที่อยากให้บิดาเหลียวมามองตนบ้างเป็นบางครั้งนั้น ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“ป๋ายฮ่าว ข้าเคยรับปากเจ้าไว้ ในเมื่อพวกเรามีวาสนาต่อกัน ความแค้นของเจ้า ข้าจะแก้แค้นให้เอง…แต่ตอนนี้วิธีการหลอมไฟของเจ้ามีประโยชน์สูงสุดต่อข้า และข้าก็จะไม่เอาเปรียบเจ้า แม้ว่าเจ้าจะตายไปแล้ว ทว่าข้าจะรับเจ้าที่อยู่ในยมโลกเป็นลูกศิษย์คนโตของข้า!”
“จนถึงกระทั่งวันนี้ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังไม่เคยมีลูกศิษย์แม้แต่คนเดียว เจ้าป๋ายฮ่าวจะเป็นคนแรก ด้วยสาเหตุนี้ ต่อให้พวกเราจะแยกจากกันด้วยความตาย แต่ข้าก็ยังคงเป็นอาจารย์ของเจ้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดเบาๆ ด้านหนึ่งเขารู้สึกว่าป๋ายฮ่าวน่าสงสาร อีกด้านหนึ่งเขาก็อยากมอบฐานะและชื่อเสียงให้กับป๋ายฮ่าว
เพราะอย่างไรซะตนก็ใช้ตัวตนของป๋ายฮ่าว และก็เตรียมที่จะเอาผลการศึกษาของป๋ายฮ่าวมาเป็นของตนด้วย
“ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็เป็นลูกศิษย์ของข้าแล้ว ข้าอยากจะรู้นักว่าใครมันเป็นคนสังหารลูกศิษย์ของข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตา พอคิดอย่างนี้เขาก็ยิ่งขัดหูขัดตาตระกูลป๋าย
“ยิ่งข้าทำตัวโอ้อวดมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีคนมาสังหารข้าก็ยิ่งมาถึงเร็วเท่านั้น!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเชิดคางขึ้น ขณะที่พูดด้วยความจองหองก็พลันรู้สึกว่าการทำเช่นนี้อาจจะอันตรายอยู่บ้าง แต่พอคิดว่าไหนๆ ตนก็เป็นอาจารย์ของป๋ายฮ่าวแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมือเขาลูบคลำสถูปวิญญาณผลึกใส นั่นจึงทำให้เขาวางใจลงได้
“ปวดหัวยิ่งนัก ข้าคนนี้ไม่ชอบทำตัวโอ้อวดเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าโอ้อวด” ป๋ายเสี่ยวฉุนลูบคลำหน้าผาก ถอนหายใจหนึ่งครั้ง หลังจากเดินออกมาจากในห้องก็มองสำรวจไปรอบด้าน
รู้ว่าในตระกูลป๋ายแห่งนี้มีสถานที่อยู่หลายแห่งที่จัดเตรียมไว้เป็นเหมือนที่ฝึกประลองสำหรับคนในตระกูลป๋าย สถานที่แบบนี้มีอยู่ในทุกตระกูล ในตระกูลป๋ายนี่ก็ยิ่งครบครัน แบ่งออกเป็นสถานที่สำหรับการหลอมพลังจิต หลอมไฟและหลอมยาวิญญาณ
ทั้งยังมีรางวัลให้ตามอันดับที่ต่างกันด้วย ส่วนรายละเอียดที่มากกว่านั้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้สนใจ เรื่องแบบนี้ไม่ว่าตอนอยู่ในสำนักไหนเขาก็เคยเห็นมาก่อนจึงคุ้นชินกับมันนานแล้ว
“ช่วยไม่ได้ คงได้แต่ไปกวาดตำแหน่งบนกระดานการประลองต่างๆ แล้วล่ะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนส่ายหัว มีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นถึงยาอายุวัฒนะขั้นสมบูรณ์แบบแต่กลับต้องมาเล่นกับเด็กน้อยขั้นสร้างฐานรากกลุ่มหนึ่ง
ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาฮึกเหิมเป็นกำลัง แถมยังรีบบินไปยังกระดานหลอมพลังจิตที่อยู่ใกล้ตนมากที่สุดด้วยความใจจดใจจ่อ
ไม่นานเขาก็มาถึงกระดานหลอมพลังจิตของตระกูลป๋าย ที่นี่มีป้ายศิลาอยู่แห่งหนึ่ง บนนั้นมีรายชื่อเรียงลำดับเอาไว้ รอบด้านล้อมวนไว้ด้วยห้องสำหรับหลอมพลังจิต เมื่อเทียบกับสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราแล้ว กระดานของตระกูลป๋ายนี้เล็กกว่าเยอะมาก ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ยี่หระ เขามองบริเวณรอบๆ จุดหลอมพลังจิตก็เห็นว่ามีคนไม่น้อยที่หากไม่สังเกตการณ์ก็เข้าไปทดลอง นั่นจึงทำให้เขาสนใจขึ้นมาทันที
“ข้าไม่ได้อยากจะมาเพื่อรังแกคนอื่นหรอกนะ ข้าจะมาชักนำโอกาสในการสังหารต่างหาก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง หลังจากกวาดตามองไปแล้วเขาก็ตรงดิ่งเข้าไปยังห้องหลอมพลังจิตแห่งหนึ่ง
การลงมือของป๋ายเสี่ยวฉุน…โดยเฉพาะการลงมือบนกระดานสร้างฐานรากแบบนี้ย่อมไม่มีทางเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ไม่นานบนป้ายศิลาก็ปรากฏแสงวูบวาบ
ชื่อของป๋ายฮ่าวพลันโผล่ขึ้นไปบนรายชื่อนั้น ตอนแรกเริ่มยังอยู่หนึ่งร้อยอันดับกว่า แต่ไม่นานก็กระโดดไปถึงอันดับที่สามสิบอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกระโดดอีกที…ก็โผล่มาอยู่อันดับที่หนึ่ง!!
การกระโดดข้ามอันดับเช่นนี้เร็วมากเกินไป คนรอบด้านยังไม่ทันสังเกตเห็นชัดเจนก็พลันถูกแสงบนป้ายศิลาส่องวาบเข้ามาที่ดวงตา พอแต่ละคนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมหันไปมอง เสียงอุทานด้วยความตื่นตะลึงก็พลันดังออกมาทันที
“ป๋ายฮ่าว…อันดับหนึ่ง?! หลอมพลังจิตเจ็ดครั้ง!!”
“สวรรค์ นี่…นี่มันเร็วเกินไปหน่อยไหม!!”
“ป๋ายฮ่าวผู้นี้…เขาเป็นลูกเมียน้อยไม่ใช่หรือ? ทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนมาเก่งกาจขนาดนี้ได้!!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร!! ปีนั้นต่อให้เป็นป๋ายฉีเอง ตอนที่อยู่ขั้นสร้างฐานรากก็ยังหลอมพลังจิตได้แค่หกครั้งเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าป๋ายฮ่าวผู้นี้จะหลอมพลังจิตได้ถึงเจ็ดครั้ง!!”
ขณะที่ทุกคนร้องอุทานด้วยความตกใจกันอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กระแอมดังๆ ให้คนด้านนอกได้ยินกันถ้วนทั่ว ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากในห้องหลอมพลังจิต รับสัมผัสกับสายตาและเสียงร้องอุทานตกใจจากคนรอบด้านด้วยใจที่เบิกบาน มีความรู้สึกเหมือนเงยหน้าอ้าปากได้หลังจากทนลำบากมานาน
“หึหึ ข้าไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนี้เพื่อตัวข้าเอง ข้าแค่รับฟังเสียงไชโยโห่ร้องของโลกใบนี้แทนลูกศิษย์ของข้า” เพราะอย่างไรซะป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ได้จิตใจดำมืดจนถึงขนาดมองข้ามจิตสำนึกอันดีของตัวเอง เขารู้สึกว่าตนเป็นถึงยาอายุวัฒนะขั้นสมบูรณ์แบบ มาแข่งขันกับนักพรตสร้างฐานรากกลุ่มหนึ่งแบบนี้จึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นัก
ดังนั้นท่ามกลางความลำบากใจ เขาจึงปลอบใจตัวเองเช่นนี้ ทว่าเอาเข้าจริงในใจเขาก็เบิกบานอย่างมากจึงเชิดคางขึ้น สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้งแล้วตรงดิ่งไปยังกระดานอีกแห่งหนึ่ง
นั่นคือกระดานการหลอมยาวิญญาณ สถานที่แห่งนี้มีคนในตระกูลอยู่มากกว่าจุดหลอมพลังจิตไม่น้อย เพราะอย่างไรซะการหลอมพลังจิตก็ยากเกินไป และเมื่อเทียบกันแล้ว การหลอมยาวิญญาณก็ถือว่าง่ายกว่า เพราะอย่างไรซะตระกูลป๋ายคือตระกูลผู้หลอมวิญญาณ การฝึกฝนในด้านนี้จึงมีจุดที่ไม่ธรรมดา
บนกระดานยาวิญญาณ คนที่อยู่อันดับสูงสุดสามารถหลอมยาวิญญาณระดับล่างยี่สิบเจ็ดส่วนออกมาได้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูป ป๋ายเสี่ยวฉุนปรายตามองครั้งหนึ่งก็ตรงดิ่งเข้าไปยังห้องหลอมยาวิญญาณด้วยความฮึกเหิม
ไม่นานภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกระดานหลอมพลังจิตก็มาเกิดกับกระดานหลอมยาวิญญาณอีกครั้ง เมื่อหนึ่งก้านธูปผ่านไป นามของป๋ายฮ่าวก็พลันปรากฏอยู่ในอันดับหนึ่งของกระดานยาวิญญาณ!
โดยเฉพาะจำนวนของยาวิญญาณระดับล่างที่เขาหลอมออกมาได้นั้นยังมีมากถึงห้าสิบส่วน!!
ระดับนี้ถือว่าสร้างความตะลึงพรึงเพริดได้มากพอแล้ว คนที่อยู่ขั้นสร้างฐานรากแต่กลับทำได้ขนาดนี้ ถือว่ามีฝีมือเลิศล้ำเกินจะเปรียบในสายตาของทุกคน พริบตาเดียวพอคนในตระกูลที่อยู่รอบกระดานยาวิญญาณนี้มองเห็น เสียงร้องอุทานแตกตื่นด้วยความเหลือเชื่อก็ดังเซ็งแซ่ไปรอบด้าน
“อันดับหนึ่ง…ห้าสิบส่วน!!”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ป๋ายฮ่าวผู้นี้ข้ารู้จักดี เขามันไม่เป็นสัปปะรดอะไรสักอย่าง จะกระโดดมาอยู่อันดับหนึ่งได้อย่างไร!”
“ก็ไม่แน่นะ นี่ต่างหากถึงเรียกว่านกเงียบไม่ส่งเสียงร้อง แต่พอร้องกลับดังสนั่นโลก!!” ท่ามกลางคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดินออกมามองเหตุการณ์รอบด้านด้วยใจที่เปี่ยมสุข
“ฮ่าวเอ๋อร์ หากวิญญาณเจ้ายังอยู่แล้วได้เห็นภาพนี้ ไม่ต้องซาบซึ้งใจในตัวอาจารย์เกินไปหรอกนะ เจ้าวางใจเถอะ ทุกอย่างอาจารย์จะออกหน้าจัดการให้เจ้าเอง” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำอยู่ในใจ ก่อนจะเดินอาดๆ ไปยังกระดานหลอมไฟต่อ
บัดนี้เรื่องเกี่ยวกับอันดับของป๋ายเสี่ยวฉุนบนกระดานหลอมพลังจิตก็แพร่มาถึงแล้วเช่นกัน คนที่อยู่รอบด้านจึงยิ่งส่งเสียงดังเอ็ดอึง อีกทั้งท่ามกลางความตื่นตะลึงของคนตระกูลป๋าย
พวกเขายังพากันส่งข่าวนี้ออกไป ไม่นานคนไม่น้อยของตระกูลป๋ายต่างก็รับรู้ข่าวนี้ และแน่นอนว่าย่อมดังลอยไปถึงหูของฮูหยินไช่
“ฆ่ามันซะ ต้องฆ่ามันให้ได้!! จะปล่อยให้มันโดดเด่นขึ้นมาไม่ได้เด็ดขาด!!” เขตตะวันออกของตระกูลป๋าย เบื้องล่างเจดีย์สูงหลังนั้นมีหอเรือนที่หรูหราอยู่หลายแห่ง หนึ่งในหอเรือนนั้นฮูหยินไช่นั่งอยู่ด้วยสายตาที่เผยไอสังหารดุเดือด อีกทั้งนางยังคว้าเอาแจกันดอกไม้ที่อยู่ข้างกายขว้างปาลงไปบนพื้นอย่างแรงด้วย
เบื้องหน้าของฮูหยินไช่มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้มีสีหน้ามืดทะมึน สวมอาภรณ์หรูหราไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน แถมหน้าตาก็หล่อเหลาสง่างาม ซึ่งนี่ก็คือพี่ชายพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่ของป๋ายฮ่าว ป๋ายฉี ยามนี้เขามองแจกันดอกไม้ที่อยู่บนพื้น แล้วก็มองมารดาตัวเองที่ดวงตาอบอวลไปด้วยจิตสังหาร ก่อนจะเอ่ยเนิบช้า
“ท่านแม่โปรดระงับอารมณ์โกรธ ก็แค่เศษสวะคนหนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ”
“คนอื่นไม่เข้าใจก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เจ้ายังไม่เข้าใจด้วยอย่างงั้นหรือ เจ้ามองไม่เห็นวิชาการหลอมไฟของมันหรือไง?” ฮูหยินไช่พลันเงยหน้าขึ้นมองลูกชายของตัวเอง ความโกรธเคืองยังคงไม่จางหาย
“หากให้ท่านพ่อของเจ้ารู้ถึงพรสวรรค์ของมัน นั่นจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อตัวเจ้าเอง เด็กคนนี้ต้องตายเท่านั้น!” ฮูหยินไช่กัดฟัน ทว่าพอชายหนุ่มผู้นั้นได้ยินกลับหัวเราะร่า
“ท่านแม่คิดมากเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เรื่องที่ท่านส่งคนไปสังหารป๋ายฮ่าวใช่ว่าจะไร้ช่องโหว่ ทั้งยังไม่สามารถปิดบังท่านพ่อที่เป็นประมุขของตระกูลได้ แต่ภายหลังเขาพูดอะไรหรือไม่เล่า? ก่อนหน้าจะเกิดเรื่องเขาได้เอ่ยห้ามปรามหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ คำพูดของเขาดังออกมา ฮูหยินไช่ก็ถึงกับอึ้งงันไปทันที
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้ท่านแม่วุ่นวายใจหรอก ในเมื่อเจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้กระโดดขึ้นมาได้ ข้าก็จะไปข่มหัวมันเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มส่ายหัวคล้ายไม่ยี่หระ หมุนตัวได้ก็จากไปทันที
จนกระทั่งชายหนุ่มจากไปไกล ฮูหยินไช่ถึงได้สูดลมหายใจเข้าลึก ทำท่าทางครุ่นคิด แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่วางใจจึงหยิบเอาแผ่นหยกออกมาส่งข้อความเสียงทันที
“คืนนี้ข้าต้องการให้มันตาย!”
นอกหอเรือน มุมปากของป๋ายฉียกยิ้มเย็นชา ในมือหยิบแผ่นกระดูกออกมา แน่นอนว่าต้องมีคนบอกตำแหน่งของป๋ายฮ่าวให้เขารู้อยู่แล้ว หลังจากที่รู้ว่าป๋ายฮ่าวไปที่กระดานหลอมไฟ รอยยิ้มของป๋ายฉีก็แฝงเร้นไว้ด้วยความเหยียดหยามและเย้ยหยันอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็บินไปยังกระดานหลอมไฟ
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าความพยายามทั้งหมดของเจ้า การกระทำทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ตัวเองของเจ้า ในสายตาของข้าก็เป็นแค่ละครเรื่องเล็กที่ตบฉาดเดียวก็ทำให้เจ้าจมดินได้แล้ว”