Skip to content

A Will Eternal 587

บทที่ 587 เจ้าช่างทำให้คนผิดหวังยิ่งนัก

ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้กำลังอารมณ์ดี เขาบินไปยังสถานที่ตั้งของกระดานหลอมไฟด้วยความเบิกบานสุดขีด ห่างไปทางด้านหลังเขาไม่ไกลมีคนตระกูลป๋ายจำนวนไม่น้อยติดตามมาด้วย แต่ละคนล้วนสอดส่ายสายตามองหาและรอคอยพร้อมใจที่สั่นสะท้านไม่หยุด

“นี่เขาจะบินไปยังกระดานหลอมไฟนี่นา!”

“ในขอบเขตสร้างฐานราก อันดับหนึ่งการหลอมพลังจิต อันดับหนึ่งการหลอมยาวิญญาณ หากเขาได้เป็นที่หนึ่งในกระดานการหลอมไฟอีก ป๋ายฮ่าวผู้นี้…ก็จะโดดเด่นบินทะยานขึ้นฟ้าได้แล้วจริงๆ!”

“เรื่องนี้ผิดปกติอย่างมาก ก่อนหน้านี้ป๋ายฮ่าวผู้นี้มีฐานะต่ำต้อยนิสัยก็ขลาดเขลา ทว่ามาตอนนี้กลับทำตัวโอ้อวด แถมพรสวรรค์ในด้านการหลอมพลังจิตก็ยังสยบสวรรค์ได้ถึงเพียงนี้!”

ขณะที่ทุกคนที่อยู่โดยรอบพากันวิพากษ์วิจารณ์และร้องอุทานด้วยความตกใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็บินทะยานอย่างรวดเร็วมาตลอดทาง และไม่นานก็มาถึงจุดกระดานการหลอมไฟของตระกูลป๋าย ที่นั่นก็มีป้ายศิลาหนึ่งตั้งตระหง่านเหมือนกัน อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าสูงใหญ่กว่าป้ายศิลาอื่นๆ ไม่น้อย

เบื้องใต้ป้ายศิลายังคงมีห้องหลอมไฟล้อมวนไว้สามชั้น บัดนี้ที่นี่มีคนของตระกูลป๋ายอยู่เยอะมาก และยังมีคนรับใช้อยู่หลายคนที่พากันมารออยู่ เห็นได้ชัดว่าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับป๋ายฮ่าวก่อนหน้านี้จึงรีบมารอสังเกตการณ์ที่นี่

เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนมาถึง คนในตระกูลที่อยู่ที่นี่ก็มีคนส่งเสียงดังขึ้นมาทันที

“มาแล้ว ป๋ายฮ่าวมาแล้ว!”

“เวลาภายในหนึ่งวันกลายเป็นอันดับหนึ่งบนกระดานทั้งสองอย่างหลอมพลังจิตและหลอมยาวิญญาณติดต่อกัน ข้าพนันเลยว่าบนกระดานหลอมไฟนี้ของเขาก็ต้องมีผลงานน่าตะลึงมากเช่นกัน!”

“ดีนักนะเจ้าป๋ายฮ่าว…ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตเขามาก่อนจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะซ่อนตัวได้ลึกล้ำขนาดนี้!”

ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังสะท้อน ป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวยาวๆ มาถึง ทุกคนที่อยู่เบื้องหน้าพากันหลีกทางให้กับเขา ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนปลงตกอยู่ในใจ

“ศิษย์ป๋ายฮ่าว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของเจ้า ด้วยพรสวรรค์ในการหลอมพลังจิตของเจ้า เจ้าย่อมทำได้ดีกว่าข้ามากนัก” ป๋ายเสี่ยวฉุนอดนึกถึงป๋ายฮ่าวไม่ได้ ยิ่งรู้สึกว่าการตายของป๋ายฮ่าวช่างน่าเสียดายยิ่งนัก

“แต่ตระกูลป๋ายติดค้างเจ้า ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของเจ้า ข้าจะต้องทวงมันกลับคืนมาให้เจ้าจงได้!”

“และนอกจากข้าจะล่อนักฆ่าออกมาแล้ว ยังมีอีกเป้าหมายหนึ่งก็คือจะลองดูสิว่าพอได้เห็นพรสวรรค์ของเจ้าแล้ว บิดาของเจ้า คนในตระกูลของเจ้า พวกเขาจะทำเช่นไร!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งแสงวาววับ ตรงดิ่งเข้าไปยังห้องหลอมไฟแห่งหนึ่งที่อยู่เบื้องล่างป้ายศิลา หลังจากเดินเข้าไปและประตูปิดลงตามหลังเขาแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็พากันจ้องมองไปทันที

เรื่องนี้ถึงกับดึงดูดความสนใจจากผู้อาวุโสบางส่วนในตระกูลป๋ายจนบางคนถึงกับออกมาจากที่พักของตัวเอง มารออยู่นอกกระดานการหลอมไฟพร้อมมองประเมินไปด้วย

สามารถพูดได้ว่าตลอดทั้งตระกูลป๋ายต่างก็ตื่นตะลึงฮือฮาเพราะการแสดงออกครั้งนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน

และหลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปในห้องหลอมไฟได้ไม่นาน ห่างออกไปไกลก็มีรุ้งยาวเจ็ดแปดเส้นคำรามอู้มาถึง ผู้นำคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่แผ่ปราณรวมโอสถขั้นสมบูรณ์แบบ ทำให้ตลอดทั้งร่างเขามองดูแล้วไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

ข้างกายเขามีคนห้อมล้อมอยู่เจ็ดแปดคน แต่ละคนต่างก็เป็นผู้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ตระกูลป๋าย แต่กลับเห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนยกให้ป๋ายฉีเป็นผู้นำ เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ก็สร้างความครึกโครมให้กับรอบด้านทันที

“ป๋ายฉี!!”

“ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจลูกหลานสายตรง ทั้งยังถูกขนานนามให้เป็นบุตรกิเลนแห่งตระกูลป๋ายของเรา…ป๋ายฉี!!”

“น่าสนใจ เขาเป็นพี่ชายร่วมพ่อต่างแม่ของป๋ายฮ่าวเชียวนะ” ดวงตาของคนในตระกูลป๋ายและพวกคนรับใช้ที่อยู่รอบๆ กระดานหลอมไฟต่างก็เปล่งแสงแวววาว พากันหลีกทางให้ และยังมีคนในตระกูลไม่น้อยที่พอเห็นป๋ายฉีก็เผยความกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่งออกมาทางดวงตาทันที สำหรับพวกเขาแล้ว ป๋ายฉีก็คือแสงแดดแก่กล้าของคนตระกูลป๋ายรุ่นนี้ คือนายน้อยของตระกูลป๋ายที่พวกเขาพากันติดตามยกย่อง!

แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายฉีมาถึง คนในตระกูลที่ดวงตาฉายความเร่าร้อนก็พากันเดินขึ้นหน้าไปคารวะ ทว่าในกลุ่มคนยังมีคนบางส่วนที่แค่นเสียงเย็นและเผยความไม่เป็นมิตรออกมา

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของตระกูลป๋ายสายอ้อมที่แตกกิ่งก้านสาขาออกไป เดิมทีพวกเขาก็ไม่ปรองดองกับลูกหลานสายตรงอยู่แล้ว โดยเฉพาะลูกหลานที่เป็นที่ภาคภูมิใจของสายเลือดทางอ้อมก็ยิ่งเป็นเช่นนี้

“ที่นี่คึกคักยิ่งนัก มีใครบอกข้าได้บ้างว่าที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลังจากป๋ายฉีมาถึงเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า หันไปพยักหน้ารับคนในตระกูลที่คารวะตัวเองก่อน จากนั้นจึงกวาดสายตามองไปรอบด้าน

เมื่อเห็นว่าที่นี่มีคนมารวมตัวกันมากถึงหลายร้อยคน ความไม่สบอารมณ์ในใจเขาก็เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย ทว่ากลับไม่เผยออกมาแม้แต่นิดเดียว

“นายน้อย เพราะว่าก่อนหน้านี้ป๋ายฮ่าวได้อันดับหนึ่งบนกระดานการประลอง ยามนี้ยังมาที่กระดานหลอมไฟอีก ทุกคนถึงได้ตามมาดู” ในบรรดาคนของตระกูลที่มองเขาด้วยสายตากระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่งมีคนตอบออกมาด้วยความนอบน้อมทันที

“อ้อ? ป๋ายฮ่าวงั้นหรือ…ดูท่าน้องชายที่ไม่ได้เรื่องของข้าคนนั้นจะทำให้ทุกคนสนใจกันเป็นอย่างมาก เอาเถอะ ข้าในฐานะที่เป็นพี่ชายก็ต้องมาร่วมยินดีกับเขาเสียหน่อย” ป๋ายฉีกล่าวเสียงเรียบ เมื่อเสียงของเขาดังออกมา หลายคนที่ได้ยินต่างก็ดวงตาวาววับ

ความสัมพันธ์ระหว่างป๋ายฉีและป๋ายฮ่าวนั้นทุกคนล้วนรู้กันดีอยู่แก่ใจ

และเวลานี้เอง ทันใดนั้นบนป้ายศิลาหลอมไฟก็พลันส่องแสงพร่างพราว ชื่อของป๋ายฮ่าวมาปรากฏอยู่ตรงอันดับที่หนึ่งในชั่วพริบตา และด้านหลังชื่อของเขาก็ระบุไฟเจ็ดสีไว้อย่างชัดเจน!

เห็นได้ชัดว่าไฟเจ็ดสีนี้คือผลคะแนนที่เกิดจากการจงใจควบคุมของป๋ายเสี่ยวฉุน เพราะอย่างไรซะป๋ายฮ่าวก็เป็นนักพรตสร้างฐานราก แม้ว่าเขาต้องการจะโอ้อวดตน แต่กลับเข้าใจดีว่าหากเล่นใหญ่เลยเถิดเกินไปกลับจะสร้างผลลัพธ์ในทางลบให้กับตัวเอง

และไฟเจ็ดสีนี่ก็ถือว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว เพราะนี่คือสัญลักษณ์ของอาจารย์หลอมวิญญาณระดับสาม อาจารย์หลอมวิญญาณระดับสามที่อยู่ในขั้นสร้างฐานรากเดิมทีก็ถือว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว มากพอจะสร้างความครึกโครมให้กับแปดทิศ อย่าว่าแต่ตระกูลป๋ายเลย ต่อให้เป็นในนครผียักษ์เองก็ยังทำให้คนไม่น้อยสะท้านสะเทือนได้

“ไฟเจ็ดสี!!”

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้…เขา…เขาเป็นถึงอาจารย์หลอมวิญญาณระดับสามเชียวหรือนี่!!”

“สวรรค์ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ผู้อาวุโสรวมโอสถในตระกูลหลายคนที่ข้ารู้จักก็ยังไม่ใช่อาจารย์หลอมวิญญาณระดับสามเลย…”

ทุกคนที่อยู่รอบด้านไม่ว่าจะเป็นสายตรงหรือสายอ้อม พอเห็นคำที่ระบุว่าเป็นไฟเจ็ดสี จิตวิญญาณของพวกเขาก็สั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์พลันดังกระหึ่มไปทั่วทิศ แม้แต่พวกผู้อาวุโสในตระกูลที่มารอดูซึ่งพอเห็นผลคะแนนนี้ก็ยังแสดงสีหน้าประทับใจ

เมื่อเห็นว่าทุกคนมีท่าทีเช่นนี้ ป๋ายฉีก็มีสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าความขุ่นเคืองในใจกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น แม้แต่สายตาของเขาก็ยังดำมืดลง

ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวาย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดินออกมาจากในห้องหลอมไฟ เขาฟังเสียงของทุกคนที่อยู่รอบกายด้วยความพึงพอใจ กำลังครุ่นคิดว่าตนโอ้อวดตัวมาได้พอสมควรแล้ว แค่คะแนนอันดับที่หนึ่งของสามกระดานก็มากพอจะทำให้พวกคนที่อยากฆ่าป๋ายฮ่าวคลุ้มคลั่งจนเพิ่มความเร็วในการลงมือได้แล้ว ขณะเดียวกันก็สามารถลองหยั่งเชิงท่าทีของประมุขตระกูลป๋ายผู้นั้นได้ด้วย

แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่เขาเดินออกมา สายตาของทุกคนที่อยู่โดยรอบก็ล้วนมาตกอยู่บนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ในสายตาเหล่านั้นมีทั้งอิจฉา มีทั้งซับซ้อน มีทั้งตื่นตะลึง อารมณ์หลากหลายล้วนแฝงเร้นอยู่ในสายตาของพวกเขา

และป๋ายฉีเองก็หันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนกัน ในดวงตาที่เย็นชามีความรังเกียจเสี้ยวหนึ่งแฝงอยู่

สายตานี้ดึงดูดความสนใจจากป๋ายเสี่ยวฉุนได้ทันที หลังจากที่เขากวาดตามองไปรอบด้านก็หันไปมองป๋ายฉีเหมือนกัน ต่อให้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขามองเห็นพี่ชายของป๋ายฮ่าว ทว่าดูจากสายตาและตบะของอีกฝ่าย เขาก็วิเคราะห์ตัวตนของคนผู้นี้ออกทันที

“ป๋ายฉีงั้นหรือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหรี่ตาลง ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่เอ่ยคำใด

ทุกคนเริ่มมองออกถึงต้นสายปลายเหตุ แต่ละคนจึงเริ่มเงียบเสียง มองพี่น้องสองคนนี้ คนในตระกูลสายอ้อมหลายคนต่างก็แสดงความสนอกสนใจออกมาทางสีหน้า เห็นได้ชัดว่าอยากจะดูว่าระหว่างพี่น้องสองคนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้น

“ภาคภูมิใจมากนักหรือ?”

ขณะเดียวกันกับที่ทุกคนเงียบงัน ป๋ายฉีก็มองป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมเอ่ยเนิบช้า ตบะของเขาคือรวมโอสถขั้นสมบูรณ์แบบ ลำพังเพียงแค่พลังอำนาจก็มากพอจะบดขยี้สี่ด้านแปดทิศ ยามนี้พอเสียงของเขาดังขึ้นจึงสะท้อนกึกก้องราวอสนีบาต สั่นสะเทือนให้คนไม่น้อยต้องถอยหลังกรูด

“อันดับหนึ่งสามกระดาน เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง” ป๋ายฉีกล่าวเสียงเรียบเรื่อยคล้ายกำลังเอ่ยยินดี ทว่าความเย็นชาในดวงตากลับมองไม่ออกถึงความจริงใจแม้แต่น้อย

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแสงคมกริบ ยังคงมองประสานสายตากับป๋ายฉีเพราะอยากจะรู้ว่าคนผู้นี้คิดจะพูดอะไร และยามนี้เขาก็พอจะมองออกบ้างแล้วว่าคนผู้นี้มีความสัมพันธ์เช่นไรกับป๋ายฮ่าว

“แต่ว่าป๋ายฮ่าว เรื่องนี้เจ้าทำเกินไปหน่อย คนอื่นไม่รู้จักเจ้า แต่ในฐานะที่ข้าเป็นพี่ชายเจ้า มีหรือที่ข้าจะไม่รู้จักเจ้า ลำพังเพียงแค่ความสามารถของเจ้าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเจ้าใช้กลโกงบางอย่างช่วงชิงมันมา! เจ้า ช่างทำให้คนผิดหวังยิ่งนัก” ป๋ายฉีเอ่ยเนิบนาบ ตอนที่ยกมือขวาขึ้นเขาก็หยิบเอาป้ายตัวตนของตัวเองออกมาแล้วชี้ไปยังป้ายศิลาหลอมไฟ

ทันใดนั้นชื่อของป๋ายฮ่าวที่อยู่บนอันดับหนึ่งของกระดานหลอมไฟก็พร่าเลือนไปในพริบตา และไม่นานก็หายวับไป เห็นได้ชัดว่าป๋ายฉีใช้ตัวตนนายน้อยตระกูลป๋ายของเขามาลบชื่อของป๋ายฮ่าวออกจากกระดานหลอมไฟนี้!

ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบพากันอึ้งค้าง จากนั้นก็ร้องโหวกเหวกขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

“โกง?”

“ข้าก็ว่าแล้วไงว่าก่อนหน้านี้ป๋ายฮ่าวอ่อนแอจะตายไป อยู่ๆ จะเก่งกาจขึ้นมาได้อย่างไร ที่แท้ก็โกงนี่เอง…”

“น่าสนใจ เขาโกงหรือไม่ ใครจะรู้ได้ล่ะ…”

ขณะที่เสียงของคนเหล่านี้ดังสะท้อน

ป๋ายฉียังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นชา เพียงแต่ว่าความรังเกียจในดวงตาก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนมาเป็นความดูถูกแล้ว

ราวกับว่าเขาต้องการใช้สายตาบอกกับป๋ายเสี่ยวฉุนว่าทุกความพยายามของเจ้า ในสายตาของข้าก็เป็นเพียงแค่เรื่องตลกขำขันที่ตบฉาดเดียวเจ้าก็จมดินแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version