Skip to content

A Will Eternal 588

บทที่ 588 ล่องูออกจากถ้ำ

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน น้อยครั้งนักที่จะเห็นเขาไม่โกรธอย่างในตอนนี้ เขามองป๋ายฉีที่จงใจเหยียดหยามตน ทั้งยังถึงขั้นลบผลคะแนนของป๋ายฮ่าวออก คิดแล้วก็รู้สึกว่าคงไม่เพียงแค่ที่นี่เท่านั้น บัดนี้ชื่อของเขาที่อยู่บนกระดานหลอมพลังจิตและหลอมยาวิญญาณก็คงถูกลบทิ้งไปแล้วเหมือนกัน

อีกทั้งไม่จำเป็นต้องให้คิดมาก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้ดีว่านับจากวันนี้ คนทั้งตระกูลก็คงแพร่เรื่องที่เขาโกงให้รู้กันทั่ว

การกระทำที่ไม่ยอมตรวจสอบแต่ลบคะแนนของตนทิ้งไปตรงๆ เช่นนี้บอกได้อย่างชัดเจนมากแล้วว่าพี่ชายของป๋ายฮ่าวคนนี้เย็นชากับป๋ายฮ่าวอย่างถึงที่สุดเหมือนที่เล่าลือกันจริง

“ไม่ให้โอกาสกันแม้แต่เสี้ยวเดียว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจเบาๆ เขาไม่โกรธ เพียงแค่รู้สึกเศร้าอาลัยแทนป๋ายฮ่าว

“แน่ใจได้แล้วว่าฮูหยินไช่ ป๋ายฉีต่างก็มีท่าทีเช่นนี้กับป๋ายฮ่าว ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการมั่นใจก็คือท่าทีของบิดาเขา…” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน เสียงของป๋ายฉีก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ป๋ายฮ่าว คนอื่นเห็นแก่หน้าข้าและท่านพ่อจึงไม่สะดวกที่จะสั่งสอนเจ้า เดิมทีในฐานะของบุตรอนุภรรยาเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์สร้างชื่อของตัวเองไว้บนป้ายศิลาอยู่แล้ว”

“ทว่าเจ้าเป็นน้องชายข้า ข้าหวังว่าจะได้เห็นเจ้าลืมตาอ้าปาก เดิมทีจึงคิดจะมาแสดงความยินดี แต่เจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน” ป๋ายฉีส่ายหัว ไม่เอ่ยอะไรอีก แต่หันไปคารวะทุกคนที่อยู่รอบๆ

“ญาติพี่น้องร่วมตระกูลทุกท่าน เรื่องของป๋ายฮ่าว ข้าป๋ายฉีต้องขอโทษทุกท่านด้วย” กล่าวจบป๋ายฉีก็คารวะอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวพาคนรอบกายกลายร่างเป็นรุ้งยาวจากไปไกลโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมามองป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น สัมผัสถึงสายตาของทุกคนที่มองมายังตนเอง ผ่านไปพักใหญ่มุมปากของเขาก็ยกยิ้มจางๆ ยังไม่คงเอ่ยคำใด แต่หมุนกายได้ก็จากไปทันที

“ป๋ายฉีผู้นี้ข้าประเมินเขาต่ำไปหน่อย จัดการเรื่องราวได้ขนาดนี้ถือว่าเป็นคนมีกลอุบายไม่น้อย” หลังจากกลับมาถึงที่พักในเขตเหนือของตัวเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็นั่งขัดสมาธิครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น

“แต่ว่าในเมื่อนี่เป็นการตกปลา เหยื่อของข้าถูกโยนไปแล้ว เขาสามารถลบผลคะแนนของข้าได้ แต่กลับไม่สามารถลบเลือนความคิดของผู้คนได้ จะว่าไปแล้วบางทีข้าน่าจะให้โอกาสกับคนที่อยากสังหารข้าเสียหน่อย” ป๋ายเสี่ยวฉุนใคร่ครวญว่าตัวเองควรจะออกไปข้างนอกอีกครั้งดีหรือไม่ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็เงยหน้ามองสีท้องฟ้า หลับตาทำสมาธิแล้วเริ่มฝึกวิชาอมตะมิวางวาย

จนกระทั่งยามสนธยามาถึง อยู่ๆ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปรากฏเป็นเงาทับซ้อน ก่อนที่ร่างจำแลงร่างหนึ่งของเขาจะเดินออกจากห้องแล้วตรงดิ่งไปยังนอกเมืองตระกูลป๋าย

เวลาเดียวกันนั้นลมปราณร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็หายวับไป นอกเสียจากว่ามีคนผลักประตูเข้ามา มิฉะนั้นแล้วในด้านการรับสัมผัสเขาก็เหมือนไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว

นอกเมืองตระกูลป๋าย ร่างจำแลงไฟของป๋ายเสี่ยวฉุนห้อทะยานไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ความเร็วของเขาไม่มากนัก ยังคงรักษาความเร็วของตบะสร้างฐานรากเอาไว้ มุ่งหน้าไปยังเมืองผียักษ์

แต่ยังไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ทันใดนั้นสีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กระตุก ฝีเท้าหยุดชะงัก หมุนกายหันไปมองด้านหลัง แล้วก็มองเห็นทันทีว่าท่ามกลางฟ้าดินที่ห่างออกไปไกลมีรุ้งยาวเส้นหนึ่งกำลังพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วถึงขีดสุด

ในรุ้งยาวเส้นนั้นมีชายวัยกลางคนสวมชุดสีดำคนหนึ่งที่บนร่างอบอวลไปด้วยปราณดุร้าย มุมปากแสยะยิ้มชั่วช้า กำลังพกพาเอาจิตสังหารพุ่งเข้ามาหาเขา อีกทั้งรอบกายเขายังมีวิญญาณพยาบาทจำนวนไม่น้อยอยู่ด้วย ดูจากคลื่นของวิญญาณเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เป็นอาจารย์หลอมวิญญาณคนหนึ่งเหมือนกัน

คนผู้นี้ก็คือคนที่อยู่ข้างกายฮูหยินไช่บนเจดีย์สูง ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งวาบ มุมปากยกยิ้มเย็นชา

“ข้ารอเจ้าอยู่นานมากแล้ว ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที”

เมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหยุดชะงักและมีท่าทีเหมือนกำลังรอตัวเอง เขาก็อึ้งงันไป อันที่จริงช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็หาโอกาสอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่กล้าลงมือในตระกูลป๋ายจริงๆ เดิมทีวันนี้เนื่องจากเจอกับไฟพิโรธและคำรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะจากฮูหยินไช่ เขาจึงวางแผนว่าจะแข็งใจลงมือในตระกูลป๋าย แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะออกมาจากตระกูลเสียเอง

นี่ทำให้เขาทั้งตะลึงและดีใจอย่างมากจึงตามมาทันที ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นแสงเย็นเยียบในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนรวมไปถึงได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเขากลับไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ตกใจ

“เจ้า…”

และวินาทีที่คำพูดของเขาดังออกมา มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันยกขึ้นชี้มาที่ชายวัยกลางคนชุดดำ การชี้ครั้งนี้ทำให้ไอความเย็นระเบิดตูมออกมารอบด้าน พริบตาเดียวก็แผ่ขยายไปแปดทิศ

ชายวัยกลางคนชุดดำยังไม่ทันตั้งตัวได้ ไอความเย็นนี้ก็ตลบอบอวลไปทั่ว เขาหน้าเปลี่ยนสี หอบหายใจถี่กระชั้น ขณะที่กำลังจะถอยหลังเรือนกายของเขากลับมีน้ำแข็งเกาะตัว

“เป็นไปไม่ได้!” ชายวัยกลางคนชุดดำร้องเสียงแหลม สีหน้าตะลึงพรึงเพริดราวกับคนเจอผี วิกฤตความเป็นความตายที่รุนแรงระลอกหนึ่งทำให้ในสมองของเขาเกิดเสียงดังอึงอล ยามนี้จึงกัดปลายลิ้นของตัวเองอย่างแรง พ่นเลือดออกมาคำใหญ่ ขณะเดียวกันวิญญาณทั้งหมดรอบกายเขาก็ระเบิดตัวเองพร้อมกัน

เขาพยายามที่จะออกไปจากพื้นที่แห่งความเย็นนี้ อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยมากพอจึงระเบิดร่างของตัวเองตามไปด้วย!

ท่ามกลางเสียงตูมตามที่ดังกึกก้อง ร่างครึ่งหนึ่งของชายวัยกลางคนชุดดำก็ระเบิดกระจาย เขาร้องโหยหวนพร้อมร่างท่อนบนที่ถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาซีดเผือด ความหวาดกลัวในดวงตามีมากถึงขีดสุด

“เจ้าไม่ใช่ป๋ายฮ่าว!!” ชายวัยกลางคนชุดดำตัวสั่น ขณะที่กำลังจะถอยหนีไป ป๋ายเสี่ยวฉุนได้เดินออกมาแล้วหนึ่งก้าว และมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาโดยตรง ก่อนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะยกมือขวาขึ้นกดลงไปบนศีรษะของชายวัยกลางคนชุดดำที่กำลังร้องโหยไห้

“สหายนักพรตโปรดไว้…” ชายวัยกลางคนชุดดำกรีดร้อง จิตวิญญาณสั่นสะท้าน ทว่ายังไม่ทันกล่าวจบร่างทั้งร่างของเขาก็พลันแข็งทื่อ ดวงตาทั้งคู่ที่เหลือกถลนเต็มไปด้วยสีเลือด ขณะที่สมองดังอึงอล เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินคือคำสองคำที่ดังออกมาจากปากของป๋ายเสี่ยวฉุน

“ค้นวิญญาณ!”

วิชาการค้นวิญญาณ นักพรตส่วนใหญ่ล้วนเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี อีกทั้งนี่ก็ไม่ใช่วิชาอภินิหารอะไร แต่เป็นการบังคับให้พลังจิตของตัวเองกระแทกเข้าไปยังจิตสำนึกของอีกฝ่าย ใช้วิธีการที่เผด็จการมาค้นหาความทรงจำของอีกคน แม้ว่าจะต้องใช้เคล็ดลับบางอย่าง แต่เคล็ดลับทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้ไม่ทำลายจิตวิญญาณของอีกฝ่ายหลังจากที่ทำการค้นวิญญาณเสร็จแล้ว

ทว่าสำหรับชายวัยกลางคนชุดดำผู้นี้ ถึงแม้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่ถนัดการค้นวิญญาณ และไม่มีเคล็ดลับอะไรให้พูดถึง แต่เขาก็ยังคงทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อป๋ายฮ่าว

ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทำการค้นวิญญาณ ชายวัยกลางคนชุดดำตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด ภาพความทรงจำทั้งหมดในสมองล้วนประจักษ์แจ้งต่อสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะเดียวกันร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในตระกูลป๋ายก็พลันลืมตาโพลง

“ชื่อว่าสวีไห่…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…”

“เป็นคนของฮูหยินไช่จริงๆ ด้วย…เพราะป๋ายฮ่าวเผยตบะสร้างฐานรากออกมาจึงจัดให้คนหลายสิบคนไล่ฆ่าป๋ายฮ่าว ทว่าถึงแม้ป๋ายฮ่าวจะเป็นเพียงสร้างฐานรากช่วงต้น แต่กลับอาศัยกลยุทธิ์ของตัวเองโดยการซุกซ่อนตัวด้วยวิธีการต่างๆ อีกทั้งยังร่ายใช้ไฟหลายสี…ทำให้หลายสิบคนนั้นล้มเหลว อีกทั้งยังถูกเขาสังหารกลับไปไม่น้อย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนประทับใจ เขามองผ่านความทรงจำของชายวัยกลางคนชุดดำทำให้มองเห็นภาพเหตุการณ์ในวันที่ป๋ายฮ่าวถูกไล่ฆ่า ในภาพเหตุการณ์เหล่านั้นไฟหลายสีที่อยู่ในมือของป๋ายฮ่าวถูกนำมาใช้ได้ตามใจชอบตลอดเวลา!

ภาพนี้แม้ว่าวันนั้นจะทำให้สวีไห่ชายวัยกลางคนชุดดำตกใจ แต่อย่างไรซะเขาก็เป็นเพียงอาจารย์หลอมวิญญาณระดับสามจึงมองไม่ออกถึงความลึกซึ้งเท่าใดนัก ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับมองเห็นอย่างชัดเจน

“วิธีการเช่นนี้…” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ยิ่งรู้สึกว่าป๋ายฮ่าวไม่ธรรมดา ขณะเดียวกันความเสียดายก็ยิ่งทวีคูณ

“น่าเสียดายที่สุดท้ายก็เป็นเพราะตบะอ่อนด้อยเกินไป ถูกตราสลายวิญญาณ…นำส่งหนีไปได้ แต่เส้นชีพจรหัวใจขาดอย่างนั้นหรือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนใคร่ครวญ ในที่สุดตอนนี้เขาก็แน่ใจในการคาดเดาของตัวเองแล้ว

การตายของป๋ายฮ่าวไม่เกี่ยวข้องกับการที่เขาเป็นสร้างฐานรากช่วงต้น แต่ต้องเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ในด้านการหลอมไฟของเขาอย่างแน่นอน

“ฮูหยินไช่อย่างนั้นหรือ บันทึกของป๋ายฮ่าวก็อยู่ที่นาง” ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเงาทับซ้อนวูบขึ้นมา ร่างจำแลงน้ำของเขาก็เดินพรวดออกไปโดยไม่มีการหยุดชะงัก หลังจากที่ออกจากห้องไปแล้วเขาก็ซุกซ่อนคลื่นตบะของตัวเอง ตรงดิ่งไปยังเจดีย์สูงเขตตะวันออกที่ฮูหยินไช่ปรากฏตัวในวันนั้น

ด้วยอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนในตอนนี้หากเขาจงใจอำพรางปราณของตัวเอง คนตลอดทั้งตระกูลป๋าย หรือแม้แต่นักพรตก่อกำเนิดก็ยังยากจะสัมผัสได้ มีเพียงบุรพาจารย์คนฟ้าเท่านั้น ทว่าบุรพาจารย์คนฟ้าย่อมไม่แผ่อำนาจจิตออกมาตลอดเวลา นั่นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายจะมาใส่ใจตัวเขาเลย

ไม่นานร่างจำแลงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาถึงจุดที่ตั้งของเจดีย์สูง สะบัดร่างหนึ่งครั้งปราณก็ถูกซ่อนแฝง และเขาก็เจอฮูหยินไช่ในหอเรือนหลังหนึ่งกลางที่พักขนาดใหญ่เบื้องใต้เจดีย์สูง!

ขณะที่กำลังจะไปหาบันทึก ทันใดนั้นสีหน้าของร่างจำแลงน้ำป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันกระตุก หยุดฝีเท้าอยู่นอกหอเรือนของฮูหยินไช่ สายตาโชนแสงมองไปในห้อง แล้วก็เห็นว่ายามนี้นอกจากฮูหยินไช่แล้วยังมีป๋ายฉีอยู่ด้วย!

“ฉีเอ๋อร์ บันทึกของเจ้าสวะป๋ายฮ่าวเจ้าควรจะศึกษาดูให้มากหน่อย ทำความเข้าใจให้ทะลุปรุโปร่งโดยเร็วที่สุด หลังจากนั้นจะได้หลอมไฟสิบเอ็ดสีออกมา เพื่อที่บุรพาจารย์จะได้ให้ความสำคัญกับเจ้ามากยิ่งขึ้น” ในหอเรือน ฮูหยินไช่กำลังเอ่ยกำชับด้วยอารมณ์ที่เหมือนจะไม่เป็นสุขนัก

“เมื่อเป็นเช่นนี้บุรพาจารย์ถึงจะได้ยืนกรานในความคิดที่จะยินยอมให้เจ้าเปิดพื้นที่บรรพชนไงล่ะ”

“ในพื้นที่บรรพชนนั่นมีวิญญาณคนฟ้าดวงเดียวของตระกูลป๋ายอยู่ หากพื้นที่บรรพชนถูกเปิดออก คนในตระกูลทุกคนล้วนสามารถเข้าไปได้ แม้จะพูดว่าใครที่ได้วิญญาณคนฟ้าไปครองก็เป็นของคนนั้น…ทว่าหากบุรพาจารย์กำหนดเป็นการภายในแล้วว่าจะมอบให้เจ้า ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็แค่เข้าไปพอเป็นพิธี เพื่อไม่ให้ลูกหลานสายต่างๆ ว่าเอาได้เท่านั้น สุดท้ายก็ต้องเป็นเจ้าที่ได้ไปครอง”

“หากเจ้าได้วิญญาณคนฟ้ามาก็สามารถนำมาแลกวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุจากในตระกูลและรวมตัวอ่อนได้! เพราะอย่างไรซะตระกูลก็ใหญ่ขนาดนี้ แม้จะมีวิญญาณสัตว์ฟ้าห้าธาตุอยู่ก็จริง ทว่าคนที่จับจ้องก็มีมากยิ่งนัก ต่อให้เป็นบิดาของเจ้าเองก็ยังไม่สามารถเอามามอบให้เจ้าได้โดยตรง” ฮูหยินไช่มองป๋ายฉีที่อยู่เบื้องหน้าแล้วเอ่ยกำชับอีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version