บทที่ 665 พันอ้อมหมื่นอ้อม ประจบสอพลอไม่มีอ้อม
คำพูดของราชาผียักษ์ประหนึ่งอสนีบาตที่กึกก้องไปยันเก้าชั้นฟ้า สะท้อนไปทั่วสี่ทิศ ขนาดโลกทั้งใบยังสั่นสะเทือน แล้วนับประสาอะไรกับป๋ายเสี่ยวฉุน
พลานุภาพสยบที่แผ่ออกมาจากของราชาผียักษ์ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นดั่งเรือลำน้อยที่ลอยอยู่กลางคลื่นพิโรธ เขามีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้ากว่าหากพลาดแม้แต่นิดเดียว ครั้งนี้ตนย่อมดับสลายทั้งกายและจิตแน่นอน!
ประโยคง่ายๆ แค่ประโยคเดียวของราชาผียักษ์กลับทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนขวัญบินหนีกระเจิดกระเจิง อันที่จริงป๋ายเสี่ยวฉุนมีคำตอบดีๆ มากมายให้นำมาใช้อธิบาย ไม่ว่าจะเป็นคำสัญญาของพวกเขา ความอเนจอนาถที่พบเจอมาตลอดทางการแสดงละครของเขา ทั้งยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้เมื่อหลายวันก่อน ไม่ว่าข้อไหนก็ล้วนทำให้เขายืนหยัดได้อย่างมั่นคง
ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับมีลางสังหรณ์อย่างรุนแรงว่าเขาไม่สามารถพูดเรื่องพวกนี้ออกมาได้!
เพราะทั้งหมดนี้ราชาผียักษ์ล้วนรู้ดี และเมื่อเขารู้อยู่แก่ใจจะยังต้องถามตนทำไม ความหมายลึกล้ำที่แฝงเร้นอยู่ในประโยคนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นทั้งที่ไม่หนาว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำตอบของเขาก็คือคำตัดสินชะตาชีวิตของเขา!
ความตื่นเต้นในยามนี้สามารถพูดได้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกไม่บ่อยนักในชีวิต ยิ่งเขาที่ยังตัวสั่นเทาเงยหน้ามองเห็นสายตาเย็นเยียบทารุณไร้ปราณี รวมไปถึงแสงลึกลับบางอย่างที่อยู่ในจุดลึกของดวงตาราชาผียักษ์ด้วยแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง
“ในมือของเขาถือวิญญาณคนฟ้าธาตุทองที่เขาช่วงชิงมาต่อหน้าต่อตาข้า…นี่คือสิ่งที่เขาจงใจทำให้ข้าเห็น ราชาผียักษ์ผู้นี้คิดอะไรอยู่กันแน่…นี่เขาคิดจะสังหารข้าจริงๆ นี่นา …แถมตราผนึกก็รับประกันไม่ได้ด้วย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดไม่ตก
บัดนี้เขารู้สึกว่าอยู่กับกษัตริย์เหมือนอยู่กับเสือ ราชาผียักษ์ที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้เหมือนจะเป็นลักษณะที่แท้จริงของเขา ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด ราชาผียักษ์คนนี้ถึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมีความวู่วามอยากจะตบหัวอีกฝ่ายอีกครั้ง ทว่าความคิดนี้เพิ่งจะบังเกิดก็ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนต้องปัดทิ้งทันที
“ยังอยากตบหัวข้าผู้เป็นราชาอีกหรือ” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังสองจิตสองใจ ราชาผียักษ์กลับเอ่ยปากเนิบช้า น้ำเสียงอึมครึมดั่งลมวังเวงที่เย็นสะพรึง นัยน์ตาดำมืด พลานุภาพสยบที่แผ่ออกมาจากบนร่างก็ยิ่งแข็งแกร่ง ทำให้ตลอดทั้งโลกคล้ายถูกบีบอัด ประหนึ่งลมพายุกำลังจะระเบิดออก
“ในใจเขาอาฆาตข้านี่นา หากแข็งข้อไม่ยอมลงให้ ข้าต้องอันตรายแน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น ร้องคำรามอยู่ภายในใจ ดวงตามีเส้นเลือดฝอยปรากฏ ครุ่นคิดว่าลูกผู้ชายต้องยืดได้หดได้ ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้น วินาทีที่เขาผงกหัวขึ้นมา ใบหน้าของเขาก็พลันเผย…สีหน้ากระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่ง
“หวังเหย่!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าตื่นเต้น แม้แต่น้ำเสียงก็ยังสั่นสะท้านเพราะความฮึกเหิม
“หวังเหย่ ก่อนหน้านี้ป๋ายฮ่าวไม่เข้าใจ แต่ว่าตอนนี้ป๋ายฮ่าวเข้าใจแล้ว หวังเหย่ไม่เสียแรงที่เป็นหวังเหย่ ท่านช่างทรงพระปรีชาไร้เทียมทาน เวลาห้าวันก็ราวกับพลิกฟ้าพลิกดิน ดั่งท้องฟ้าสีครามที่แผ่ไพศาลสดใสจนพฤกษาหม่นมัวบุปผาจืดจาง!” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายระยับราวกับว่าตื่นเต้นอย่างที่ถึงขีดสุด แถมยังมีน้ำตาเอ่อคลอด้วยความปิติยินดี
“ตื่นเต้นจนร้องไห้เลยรึ?” ราชาผียักษ์ตะลึงงัน สีหน้าเหยเกแวบหนึ่ง ทว่ากลับยังคงเอ่ยเสียงเรียบมีอำนาจดังเดิม
“หวังเหย่ เป็นเพราะว่าภาพลักษณ์ของท่านก่อนหน้านี้ยิ่งใหญ่เกินไป ชี้ทีเดียวดับคนฟ้า ตวาดทีเดียวสะท้านฝูงชน มาดองอาจห้าวหาญเช่นนั้นป๋ายฮ่าวเพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต! จึงคิดว่าหากได้ติดตามวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ติดตามบุคคลผู้เกรียงไกรเช่นท่านย่อมถือเป็นความโชคดีไปชั่วลูกชั่วหลาน ดังนั้นจึงดีใจจนหลั่งน้ำตา!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนพูดเสียงดัง ร่างของเขาสั่นเทาไม่หยุดเพราะคำพูดนี้ ใบหน้ากระตือรือร้นเร่าร้อน น้ำตาแห่งความยินดีมากพอจะทำให้คนมองอ้าปากกว้างตาค้าง
ราชาผียักษ์ได้ยินมาถึงตรงนี้ดวงตาก็ยิ่งฉายประกายแปลกประหลาด ราวกับว่าแม้แต่เขาเองก็ยังคาดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีความสามารถเช่นนี้ได้…
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นแสงในดวงตาของราชาผียักษ์ หัวใจเขาก็พอจะคลายลงมาได้เล็กน้อย ในเมื่อวิธีนี้ได้ผลเขาจึงตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเล่นให้ใหญ่ขึ้นไปอีก ดังนั้นสีหน้าจึงยิ่งเผยความเคารพเลื่อมใส กำมือประสานโค้งตัวลงต่ำ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งอารมณ์ของเขาก็ยิ่งฮึกเหิมเร่าร้อน
“หวังเหย่ ท่านฝีมือเลิศล้ำ สติปัญญาโดดเด่นไม่ธรรมดา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ทะนงองอาจ ไม่มีสิ่งใดที่ท่านทำไม่ได้และไม่มีใครทัดเทียม ใต้หล้าแห่งนี้ล้วนอยู่ในกำมือของท่าน นับแต่นี้ไปข้าป๋ายฮ่าวยินยอมพร้อมใจติดตามท่าน ท่านย่อมไม่มีทางทำร้ายเด็กชายที่ทั้งน่าสงสารและทั้งน่ารักอย่างข้าแน่นอน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองราชาผียักษ์ตาปริบๆ เขาพูดมายาวเหยียดขนาดนี้ อันที่จริงประโยคสุดท้ายถึงจะเป็นใจความสำคัญ ถึงจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเขา…
พอกล่าวจบป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มวิงวอนวิญญาณบรรพบุรุษของตัวเอง เขาเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเลือกนั้นผิดหรือถูก ในใจจึงทั้งหวาดระแวงแล้วก็ยิ่งกลัดกลุ้ม
ราชาผียักษ์ยิ่งมีสีหน้าสนใจ เขามองป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทว่าก่อนหน้านี้เขาแทบไม่เคยได้ยินคำพูดอะไรแบบนี้มาก่อน เพราะอย่างไรซะคนที่อยู่ข้างกายของเขาก็ไม่เคยมีใครที่เป็นเหมือนป๋ายเสี่ยวฉุน ด้วยภาพลักษณ์บารมีมากล้นน่าเกรงขามของเขาจึงไม่มีใครกล้ามาพูดจาแบบนี้ต่อหน้า
ยามนี้พอได้ยินก็ชื่นชอบอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
สายตาประหลาดใจที่มองป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเริ่มมีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้นมาอีกนิด
อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็คิดจะสังหารอีกฝ่ายจริงๆ เพราะหากไม่ใช่ฝีมือของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาเองก็ไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายขนาดนี้ เพียงแต่ภาพเหตุการณ์ตลอดทั้งห้าวันที่ผ่านมา ต่อให้เขาจะใจไม้ไส้ระกำแค่ไหน แต่ความซาบซึ้งใจที่เกิดขึ้นหลายครั้งติดต่อกันก็ได้ตราตรึงลงไปในใจของเขาแล้ว
เพียงแต่การปรากฏตัวของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้อยู่ในแผนการของเขา หากเอาตัวป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไปยังนครผียักษ์ ด้วยชื่อเสียงของอีกฝ่ายในช่วงตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาก็พอจะจินตนาการได้ว่าวันหน้าในนครผียักษ์แห่งนี้ ฐานะของป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมสูงส่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสูงถึงขั้นที่อยู่ใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่นแน่นอน
เรื่องแบบนี้หากอยู่ในแผนการก็ยังพอว่า แต่นี่อีกฝ่ายกลับเป็นตัวแปรที่แทรกเข้ามากะหันทันอย่างที่เขาคาดไม่ถึง นี่จึงทำให้ลึกๆ ในใจของราชาผียักษ์ไม่สบายใจอย่างมาก
ดังนั้นเขาจึงมอบอำนาจในการเลือกให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน
หากคำตอบของป๋ายเสี่ยวฉุนคือคำสัญญาของทั้งสองคน ถ้าเช่นนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่ได้วิญญาณคนฟ้า อีกทั้งราชาผียักษ์ยังจะลงตราผนึกไว้ในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อผนึกถูกคลายออก
ป๋ายเสี่ยวฉุนก็จะถูกส่งตัวออกไปจากนครผียักษ์อย่างลับๆ นับแต่นี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่ที่โชคชะตาเหมือนอย่างตอนแรกที่พวกเขายังไม่รู้จักกัน!
และหากป๋ายเสี่ยวฉุนตอบถึงเรื่องความโหดร้ายทารุณที่ได้รับมาตลอดทาง ถ้าเช่นนั้นราชาผียักษ์ก็จะมอบวิญญาณคนฟ้าให้แก่เขา แต่ก็ยังคง…ปล่อยอีกฝ่ายไปตามยถากรรม การแลกเปลี่ยนของคนทั้งสองก็จะสิ้นสุดลงตรงนี้
ทางเลือกทั้งสองไม่ว่าทางไหน ราชาผียักษ์ก็ไม่มีทางปล่อยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินอาดๆ ตามตนกลับไปยังนครผียักษ์แน่นอน
ทว่าหากป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รู้จักที่ตายกล้าตบหัวตนอีกครั้ง พูดถึงบุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ถ้าเช่นนั้นการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการข่มขู่ ด้วยนิสัยของราชาผียักษ์ เขาย่อมต้องลงมืออย่างแน่นอน!
เพียงแต่ว่าเขามอบทางเลือกให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสามทาง แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเลือกข้อที่สี่ซึ่งไม่มีอยู่ในเงื่อนไข นี่จึงทำให้ราชาผียักษ์สีหน้าเหยเกทั้งยังจนใจ แล้วก็ด่ากราดความกะล่อนของอีกฝ่ายอยู่ในใจ แต่ว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดประจบเอาใจของอีกฝ่าย ความคิดที่จะฆ่าอีกฝ่ายของเขาจึงไม่มีแล้ว ยิ่งได้เห็นบาดแผลเหวอะหวะเต็มกายของป๋ายเสี่ยวฉุน ในสมองก็หวนคิดถึงภาพที่อีกฝ่ายหลบหนีมาโดยไม่คิดจะทอดทิ้งตน
และยังมีภาพความจริงใจที่อีกฝ่ายเผยออกมาในช่วงเวลาคับขันนาทีสุดท้าย ราชาผียักษ์อย่างเขาที่เจ้าเล่ห์มากอุบายล้วนมองเห็นอย่างชัดเจน เขารู้ดีว่านั่นออกมาจากใจจริงของอีกฝ่าย พอคิดมาถึงตรงนี้ใจที่เดิมทีแข็งกระด้างด้านชาจึงอ่อนยวบลงอย่างที่เห็นได้น้อยครั้ง
พอคิดถึงเรื่องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนประจบสอพลออ้อมไปเสียไกลกว่าจะพูดประโยคสุดท้ายนั่นออกมาก็ยิ่งทำให้ราชาผียักษ์รู้สึกขบขัน สายตากวาดมองบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งรอบ ก่อนที่สีหน้าของราชาผียักษ์จะเปลี่ยนมาเป็นเฉยเมยอีกครั้งแล้วโบกวิญญาณคนฟ้าธาตุทองที่อยู่ในมือให้ดิ่งไปหาอีกฝ่าย
ตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงไม่คลายกังวล เขาคอยจับสังเกตสีหน้าของราชาผียักษ์อย่างต่อเนื่อง ในใจตึงเครียดหวาดประหวั่น พอเห็นว่าวิญญาณคนฟ้าบินมาหา เขาก็อึ้งไปครู่ก่อนจะเอื้อมมือมารับแล้ว แต่แล้วก็เห็นราชาผียักษ์หมุนกายเดินขึ้นไปบนท้องฟ้าทำท่าว่าจะจากไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองความคิดของอีกฝ่ายไม่ออก ถือวิญญาณคนฟ้าไว้ในมือด้วยความลังเลใจ กำลังคิดว่านี่อีกฝ่ายจะบอกลากับตนแล้วหรือ? ไม่เอาความเรื่องก่อนหน้านี้แล้ว?
และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังคิดวุ่นวาย บนท้องฟ้าก็มีเสียงขึ้นจมูกเย็นชาของราชาผียักษ์ดังลอยมา
“มัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น ข้าผู้เป็นราชาจะกลับนครผียักษ์แล้ว หรือเจ้าคิดจะกลับไปด้วยตัวเอง!”
ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันสั่นเยือก นัยน์ตาฉายประกายสดใสทันใด รู้ว่าตนผ่านด่านเบื้องหน้านี้มาได้แล้ว ความหมายในคำพูดของราชาผียักษ์ชัดเจนว่าเขาต้องการพาตนกลับไปด้วย
พอคิดว่าเมื่อกลับไปตนก็จะได้ลืมตาอ้าปากกลับมามีชีวิตหรูรารุ่งเรืองอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คึกคักกระปรี้กระเปร่า รีบกระโดดผลุงตามไปด้วยใบหน้าเบิกบาน