Skip to content

A Will Eternal 725

บทที่ 725 ให้เขาไสหัวออกไปจากนครจักรพรรดิขุย

“ป๋ายฮ่าวไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้ ชื่อเสียงฉาวโฉ่โด่งดังไปทั่ว แถมตอนอยู่ในนครผียักษ์ยังทุจริตผิดศีลธรรม แย่งชิงเมียคนอื่น รีดทรัพย์ชาวบ้าน คนแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากกากเดน!”

“หลังจากเกิดเรื่องนั้นข้าเองก็ได้ไปสืบข่าวมาด้วย คนผู้นี้ไม่นับญาติกับผู้ใด สังหารบิดาแท้ๆ ของตัวเอง เข่นฆ่าพี่ชายร่วมสายเลือด บีบให้แม่ที่เลี้ยงมาต้องตาย นครผียักษ์ตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถก็เพราะเขา สามารถพูดได้ว่าสถานที่ที่มีเขาอยู่ ทุกสรรพชีวิตต้องมอดม้วย ตอนนี้เขามาอยู่ในนครจักรพรรดิขุยของพวกเรา ข้าสามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาต้องสร้างหายนะให้กับแปดทิศแน่นอน!”

“แต่คนประเภทนี้กลับได้รับความชื่นชอบจากราชาผียักษ์!”

“หึ ขอแค่กองทัพผียักษ์คุ้มครองเขาไม่ได้ ในนครจักรพรรดิขุยแห่งนี้ ข้าต้องแก้แค้นชำระความอัปยศที่เกิดขึ้นในกาหลอมวิญญาณให้ได้!!” ทุกคนพากันก่นด่าเจ้าคำข้าคำ แต่พอนึกถึงความแข็งแกร่งของป๋ายเสี่ยวฉุน รวมไปถึงเบื้องหลังของคนผู้นี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกอัดอั้นตันใจ

แต่ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่อยู่ในหอเรือนแห่งนี้ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ไปกาหลอมวิญญาณ และยังมีคนบางตระกูลที่ไม่ได้เข้าร่วมศึกในกาหลอมวิญญาณครั้งนั้น ทว่าพอได้ฟังก็เกิดความสงสัยใคร่รู้ในตัวของป๋ายฮ่าวที่ทุกคนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดถึงด้วยความเคียดแค้นอย่างมาก

“ทุกท่านระแวงกันเกินไปหรือเปล่า ข้ายอมรับว่าป๋ายฮ่าวผู้นี้ร้ายกาจจริง แต่ทุกท่านอย่าลืมล่ะว่าที่นี่ไม่ใช่กาหลอมวิญญาณ ที่นี่คือนครจักรพรรดิขุย คือจุดศูนย์กลางพลังอำนาจของพวกเรา!” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมยาวสีชมพูอ่อนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉย ในมือถือพัดอยู่เล่มหนึ่ง

เขาพูดจบ ทุกคนที่อยู่โดยรอบก็หันมามองเขาทันที

“หากพี่เฉินมีวิธี ข้าผู้แซ่หลี่ก็ยินดีมอบของรางวัลเพื่อแสดงคำขอบคุณ!”

หลี่เทียนเซิ่งลุกขึ้นประสานมือพูด

“ถูกต้อง ป๋ายฮ่าวผู้นั้นไม่เคยเจอกับพี่เฉินมาก่อน หากท่านสามารถจัดการกับเขาได้จริง ข้าเสี่ยวหลางเสินก็ยินดีติดค้างบุญคุณท่านหนึ่งครั้ง!”

“แต่ไรไหนมาสหายนักพรตเฉินสงก็ฝีมือสูงกว่าผู้ใด ถ้าอย่างนั้นก็ขอเชิญให้สหายนักพรตออกหน้าเถอะ”

“พี่เฉิน โปรดช่วยจัดการให้หลินเอ๋อร์ด้วย” หลังจากที่บางคนเอ่ยด้วยอารมณ์ตื่นเต้น บางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น บางคนเอ่ยขอบคุณตรงๆ ชายหนุ่มชุดชมพูผู้นั้นก็สังเกตเห็นว่าแม้แต่เมี่ยวหลินเอ๋อร์ก็ยังมองตนด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา เขาจึงพลันยกคิ้วขึ้นสูง

“ขอแค่พวกเราทำตามกฎระเบียบ การสังหารเขาอาจยากอยู่บ้าง แต่จะให้ขับไล่เขาออกไปจากนครจักรพรรดิขุย นับว่าเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก” ชายหนุ่มชุดชมพูคลี่ยิ้ม เคาะด้ามพัดลงบนโต๊ะข้างกาย นัยน์ตาเผยความมาดมั่นเต็มที่

“ทุกท่าน ขอแค่พวกท่านให้ข้ายืมยาวิญญาณจำนวนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นข้าก็รับรองว่าภายในหนึ่งเดือนนี้ คนผู้นี้ต้องไสหัวออกไปจากนครจักรพรรดิแน่นอน!”

พวกเสี่ยวหลางเสินดวงตาเป็นประกาย ไม่เอ่ยคำใดอีก หนึ่งคืนผ่านพ้นไปอย่างเงียบเชียบ เช้าตรู่วันที่สอง ในเขตพื้นที่ที่แปดสิบเก้า นอกร้านหลอมพลังจิตอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็มีคนมายืนรออยู่ตรงนั้นเจ็ดแปดคน พวกเขาเตรียมว่าหากร้านเปิดเมื่อใดจะรีบเข้าไปนัดหมายการหลอมพลังจิตล่วงหน้าทันที

ไม่นานนัก ประตูใหญ่ของร้านก็ถูกป๋ายฮ่าวผลักเปิด คนเจ็ดแปดคนนี้พากันฮึกเหิม ก้าวเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ป๋ายฮ่าวคุ้นเคยกับการรับรองลูกค้าอยู่นานแล้ว จึงจัดการรับรายการหลอมพลังจิตมาอย่างคล่องแคล่ว

ในร้าน หลังโต๊ะเก็บเงิน ป๋ายเสี่ยวฉุนนอนฟุบอยู่ตรงนั้นด้วยความเกียจคร้าน บางครั้งก็เงยหน้ามองลูกค้าที่เข้ามา เวลาส่วนใหญ่เขามักจะใช้หมดไปกับการอนุมานตำรับไฟสิบเจ็ดสีอยู่ในสมอง

ไม่นานก็ล่วงเข้ายามสาย ผู้ฝึกวิญญาณที่เข้ามาในร้านมีต่อเนื่องไม่ขาดสาย

ป๋ายฮ่าวจัดการรับรองทีละคนอย่างมีระเบียบ ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ป๋ายเสี่ยวฉุนนั่งมองจนเริ่มหาวหวอด กำลังคิดว่าควรจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อยดีหรือไม่

ทว่าเวลานี้เอง นอกประตูใหญ่ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีชมพู ในมือถือพัดเล่มหนึ่ง ตบะก่อกำเนิดช่วงท้าย การปรากฏตัวของเขาจึงทำให้ทุกคนที่อยู่ในร้านใจสั่นทันที

เพราะบนร่างของคนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพลังอำนาจสูงส่ง ด้านหลังเขายังมีผู้เฒ่าติดตามมาอีกสองคน และผู้เฒ่าทั้งสองก็มีตบะไม่ธรรมดาเช่นกัน เป็นประหนึ่งผู้พิทักษ์ของเขาที่ให้การคุ้มกันขนาบซ้ายขวา เดินเข้ามาในร้านพร้อมกัน

“ร้านหลอมพลังจิตอันดับหนึ่งในใต้หล้า? ช่างโอ้อวดตนเสียจริง!” ชายหนุ่มชุดชมพูเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย เสียงนั้นดังไปรอบด้าน ลูกค้าคนอื่นๆ ที่อยู่ในร้านพอได้ยินประโยคนี้ก็เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายมาหาเรื่อง ดังนั้นจึงเริ่มหันมามองเรื่องสนุก

วิญญาณป๋ายฮ่าวเองก็ถอนหายใจอยู่ในใจ รีบเดินไปรับหน้าทันที

ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนที่นั่งฟุบอยู่หลังโต๊ะก็เงยหน้าขึ้นกวาดตามองบนร่างของชายหนุ่มชุดชมพูคราหนึ่งด้วยความรู้สึกคุ้นเคยไม่น้อย

“ความรู้สึกเช่นนี้ ทำไมคล้ายคลึงกับที่ข้ารู้สึกต่อศิษย์แห่งความภาคภูมิใจในกาหลอมวิญญาณนักนะ” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังคิดอยู่ในใจ ก็ไม่รู้ว่าวิญญาณป๋ายฮ่าวพูดอะไร นัยน์ตาของชายหนุ่มชุดชมพูผู้นั้นถึงได้เผยความดุดัน สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้งก็พลันมีพายุบ้าคลั่งพัดออกมาหอบร่างของวิญญาณป๋ายฮ่าวเอาไว้

ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าดำคล้ำขึ้นมาทันใด ขยับร่างหนึ่งครั้งก็หายวับไปจากหลังโต๊ะ มาปรากฏอยู่ข้างกายวิญญาณป๋ายฮ่าว ก่อนจะยกมือขวาขึ้นกดหนึ่งที พายุรอบกายป๋ายฮ่าวถึงได้สลายไป วิญญาณป๋ายฮ่าวหน้าซีดขาวเล็กน้อย ร่างของเขาพร่าเลือนไปจากเดิม เห็นได้ชัดว่าพลังการสะบัดแขนเสื้อของชายหนุ่มชุดชมพูไม่ใช่เบาๆ

เมื่อเห็นความอ่อนระโหยโรยแรงของวิญญาณป๋ายฮ่าว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดือดดาลขึ้นมาทันที ตอนที่มองไปยังชายหนุ่มชุดชมพู นัยน์ตาของเขาจึงเผยประกายเย็นเยียบ

“พูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง ต้องให้ลงไม้ลงมือใช่ไหม?”

สายตานี้ทำให้ชายหนุ่มชุดชมพูใจสั่นขึ้นมาทันที หลังจากไพล่นึกไปถึงข่าวลือมากมายที่เกี่ยวกับคนเบื้องหน้าผู้นี้ หัวใจของเขาก็เต้นกระหน่ำเล็กน้อย พลังอำนาจลดทอนลงไปจากเดิมนิดหน่อย

“ข้าผู้แซ่เฉินไม่เคยใช้อำนาจรังแกผู้อื่น ในเมื่อร้านของเจ้าเปิดร้านรับลูกค้า ทั้งยังตั้งชื่อว่าร้านหลอมพลังจิตอันดับหนึ่งในใต้หล้า ข้ามาหลอมพลังจิต เหตุใดถึงพูดว่าเต็มจำนวนที่รับหลอมแล้ว?! นี่ไม่เท่ากับดูถูกข้าอย่างนั้นรึ?” ชายหนุ่มชุดชมพูรีบพูดออกมาทันที เสียงนั้นดังกังวาน ไม่เพียงแต่ดึงดูดสายตาจากคนในร้าน นอกร้านก็มีคนไม่น้อยที่พากันเมียงมองเข้ามารอชมเรื่องสนุก

ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะเสียงหยัน กำลังจะอ้าปากพูด ทว่าวิญญาณป๋ายฮ่าวที่อยู่ด้านข้างรีบจับแขนของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ ชัดเจนว่าเขาเองก็มองออกว่าคนผู้นี้แตกต่างจากพวกคนที่มาหาเรื่องก่อนหน้านี้

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก นึกถึงคำเกลี้ยกล่อมที่อีกฝ่ายเคยพูดกับตน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่นครผียักษ์ ดังนั้นจึงข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้

“จะหลอมอะไร?” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนตั้งใจจะประนีประนอม ชายหนุ่มชุดชมพูก็พลันดวงตาเป็นประกาย มุมปากยกยิ้มหยัน มือขวาตบลงไปบนถุงเก็บของ หยิบเอาหยกประดับสีม่วงชิ้นหนึ่งออกมา หยกประดับนี้เพิ่งจะปรากฏก็มีหมอกควันอบอวลไปทั่วด้านทันที พอจะมองเห็นได้ว่าข้างในคล้ายมีเงาร่างของมังกรคะนองน้ำอยู่ตัวหนึ่งที่กำลังร้องคำราม พอชายหนุ่มโบกมือหนึ่งครั้งมันก็กลายเป็นแสงสีม่วงเส้นหนึ่งที่มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

ที่น่าตะลึงยิ่งกว่านั้นก็คือบนหยกประดับชิ้นนี้มีลายเส้นสีเงินสิบเส้น น่าครั่นคร้ามอย่างมาก พอทุกคนมองเห็นต่างก็ใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง

“หยกประดับชิ้นนี้ปิดผนึกวิญญาณของมังกรคะนองน้ำเอาไว้หนึ่งตัว วัตถุที่มีวิญญาณอยู่ภายในเช่นนี้หลอมพลังจิตได้ยากที่สุด!!”

“หลอมพลังจิตมาสิบครั้งแล้ว นี่คือครั้งที่สิบเอ็ด นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวของอาวุธวิเศษเอง และก็เป็นร่องลึกที่ยากจะก้าวข้ามไปได้เช่นเดียวกัน!”

“กลัวก็แต่ว่าต่อให้เป็นขั้นสีเหลืองก็ยังไม่กล้าทดลองทำง่ายๆ เพราะอัตราส่วนที่จะล้มเหลวมีมากเกินไป” ขณะที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาแสร้งทำท่าเป็นเดือดเป็นแค้น เงยหน้ามองชายหนุ่มชุดชมพูตาเขม็ง

ชายหนุ่มชุดชมพูยิ้มน้อยๆ เสียงฮือฮาของคนรอบด้าน เขาคาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งสีหน้าน่าเกลียดของเจ้าคนที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งเคยทำให้พวกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจเสียเปรียบมาก่อนก็ยิ่งทำให้เขาลำพองใจ นัยน์ตาของเขาจึงฉายแววเย้ยหยัน

“หลอมหยกประดับชิ้นนี้ก็แล้วกัน ของชิ้นนี้มีมูลค่าสูงมาก เจ้าห้ามหลอมพังเด็ดขาด!” ชายหนุ่มชุดชมพูพูดเสียงเรื่อยเฉื่อย ทว่าในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงให้เห็นถึงความอวดดี

“ข้าผู้แซ่ป๋ายหลอมพลังจิต ตามกฎแล้วราคาที่ต้องจ่ายจะคิดทบเท่าไปจากจำนวนครั้งของการหลอมพลังจิตดั้งเดิม!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง กัดฟันพูด ในใจกำลังใคร่ครวญว่าจะวางแผนล่อลวงอีกฝ่ายอย่างไร

ชายหนุ่มชุดชมพูได้ยินอย่างนั้นก็คลี่ยิ้ม ครั้นจึงโยนสถูปวิญญาณหลังหนึ่งออกมาทันที

“ยาวิญญาณในนี้มากพอแล้ว เจ้าหลอมเถอะ ทำตามกฎของเจ้า แต่หากเจ้าหลอมของของข้าพัง เจ้าก็ต้องชดใช้! แต่หากเจ้าหลอมได้ในระดับที่ข้าพึงพอใจ ข้ายังสามารถจ่ายยาวิญญาณให้เจ้าอีกสิบเท่า!”

เสียงของชายหนุ่มชุดชมพูดังออกมา คนทั้งในและนอกร้านที่รอดูเรื่องสนุกต่างก็ตื่นตะลึงกันไปอีกครั้ง ต้องรู้ว่าราคาหลอมพลังจิตของร้านป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นเดิมทีก็สูงมากอยู่แล้ว แต่นี่ชายหนุ่มชุดชมพูยังยอมจ่ายให้อีกสิบเท่า ราคานี้เรียกว่าไร้คำบรรยายแล้ว ทว่าขณะเดียวกัน หากทำล้มเหลวค่าตอบแทนก็คือต้องชดใช้ให้กับอาวุธชิ้นนี้

“นี่ถือเป็นการเดิมพันครั้งหนึ่ง”

“แม้จะต้องชดใช้เมื่อล้มเหลว แต่หากทำสำเร็จขึ้นมา ผลพวงที่พวกเขาจะได้รับก็ย่อมสูงมาก!”

“การเดิมพันครั้งนี้นับว่ายุติธรรม ต้องดูว่าเจ้าของร้านจะกล้ารับคำท้าหรือไม่”

มุมปากของชายหนุ่มชุดชมพูยังคงมีรอยยิ้ม แต่ในใจนั้นหัวเราะหยัน ในเมื่อเขาพูดแล้วว่าจะทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไสหัวออกไปจากนครจักรพรรดิขุยภายในหนึ่งเดือน เขาก็ย่อมมีความมั่นใจอยู่แล้ว หยกประดับชิ้นนี้มองดูเหมือนปกติ ราคาก็เหมือนจะไม่สูงมากนัก แต่แท้จริงแล้วความเป็นมาของมันไม่ธรรมดา นี่คือของที่เชื้อพระวงศ์พระราชทานให้ หากต้องชดใช้จริงๆ จะตั้งราคามากน้อยแค่ไหนก็ย่อมได้

อีกทั้งต่อให้อีกฝ่ายจะทำสำเร็จจริง เขาก็สามารถขอให้หลอมได้ใหม่อีกครั้ง เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ สักวันอีกฝ่ายก็ต้องพลาด และหากพลาดเมื่อไหร่ เขาก็จะอาศัยโอกาสนี้สร้างความลำบากใจให้อีกฝ่าย ส่วนตนก็คือฝ่ายที่ชนะไปอย่างลอยตัว

และนิสัยของเขาก็เหี้ยมโหดมากพอ ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่คือการเดิมพันครั้งหนึ่ง แต่ไม่ยอมพูดออกมาให้ชัดเจนตั้งแต่แรก เขากะว่าพอหลอกให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินเข้ามาติดกับได้เมื่อไหร่ ค่อยเอ่ยถ้อยคำที่ฟังไม่เหมือนเดิมพันแต่แท้จริงแล้วคือการเดิมพันออกมา

ต่อให้วันนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะปฏิเสธ ทว่าวันพรุ่งนี้เขาก็จะมาอีก แถมยังสั่งความให้ลูกน้องเตรียมเอาของทำนองนี้มาทุกวัน ขอแค่อีกฝ่ายยอมรับคำท้า เขาก็เป็นฝ่ายชนะแล้ว

หากอีกฝ่ายปฏิเสธ ร้านนี้ก็ไม่สามารถหลอมพลังจิตให้คนอื่นได้อีกต่อไป สำหรับเขาแล้ว นี่ก็คือชัยชนะอย่างหนึ่ง อย่างไรซะเขาก็ไม่ได้ใช้อำนาจรังแกคนน้อย แม้จะเรียกร้องให้มีการชดใช้เมื่อล้มเหลว แต่ในโลกแห่งการหลอมพลังจิต เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเขาก็ยอมจ่ายเป็นสิบเท่า เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้แต่ราชาผียักษ์ก็ยังพูดอะไรไม่ออก

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรกของแผนการเขาเท่านั้น ยังมีขั้นที่สอง ขั้นที่สามหลังจากนี้ตามมาเรื่อยๆ เขาจึงมั่นใจมากพอ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version