บทที่ 741 ขอบเขตของการผสานรวมไฟ
พอทุกคนมองเห็นภาพนี้ก็มีคนไม่น้อยที่ขมวดคิ้ว บ้างก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย
“ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากแล้ว แม้ว่าวิธีการหลอมไฟของป๋ายฮ่าวผู้นี้จะไม่เลว ทว่าในด้านประสบการณ์กลับเห็นได้ชัดว่าไม่มากพอ”
“แม้ว่าข้าจะหลอมไฟสิบหกสีออกมาไม่ได้ แต่ก็เคยได้ยินคนบอกว่า การหลอมไฟระดับนี้จำเป็นต้องมีไฟสิบห้าสีที่มากพอเพื่อให้หลอมต่อได้ จำต้องตามหาความรู้สึกลี้ลับนั้นให้เจอ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงจะรักษาระดับอัตราความสำเร็จเอาไว้ได้”
“ถูกต้อง หากทดลองไปเสียทุกครั้ง เมื่อล้มเหลวก็ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยากที่จะจับความรู้สึกลี้ลับเช่นนั้นได้เจอ” ทุกคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย มีเพียงวิญญาณของป๋ายฮ่าวซึ่งอยู่ห่างออกไปเท่านั้นที่มองนิ่งมายังอาจารย์ของตัวเอง เขาเข้าใจดีว่าอาจารย์ไม่ได้เลือกผิด ตำรับการหลอมไฟสิบหกสีที่ผ่านการปรับเปลี่ยนจากเขา ไม่จำเป็นต้องพึ่งดวงก็สามารถหาความรู้สึกลี้ลับอย่างที่ว่านั้นได้
เพราะว่าตำรับของเขาได้นำขั้นตอนการหลอมไฟสิบหกสีมาแบ่งออกเป็นแสนกว่าขั้นตอนอย่างแม่นยำ เหมือนการสร้างกลไกของเวทกลไก ขอแค่ทำไปตามขั้นตอน รับรองว่าระหว่างนั้นจะไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดเด็ดขาด และในทางทฤษฎี อัตราความสำเร็จนี้ก็สามารถทำได้เต็มสิบส่วน!
เพียงแต่ว่านี่เกี่ยวข้องกับการอนุมานที่แข็งแกร่ง บวกกับการเผาผลาญอำนาจจิต ดังนั้นมองดูเหมือนง่าย ทว่าความยากกลับมีมากกว่าวิธีการหลอมไฟแบบอื่นๆ และก็เพราะว่าป๋ายเสี่ยวฉุนก่อกำเนิดด้วยวิถีฟ้า อำนาจจิตจึงเหนือกว่าคนอื่นๆ เทียบเคียงได้กับคนฟ้าผู้หนึ่ง ดังนั้นถึงได้ใช้วิธีนี้
“อาจารย์ ต้องทำสำเร็จแน่นอน จากเริ่มต้นมาถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยทำพลาดเลยแม้แต่ขั้นตอนเดียว!” วิญญาณป๋ายฮ่าวมองสังเกตป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เงียบๆ ตลอดเวลา
ส่วนซุนอี้ฝานและซือหม่าเทานั้น สองคนมีสีหน้าผ่อนคลาย วางไฟสิบห้าสีไว้ด้านข้าง แล้วเริ่มหลอมไฟหนึ่งสีตั้งแต่ต้นอีกครั้ง เพื่อสะสมไว้สำหรับการหลอมไฟสิบหกสี
ไม่นานเวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วยาม เมื่อซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาหลอมไฟสองสีถึงไฟสิบสี่สี หน้าผากของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ค่อยๆ มีเหงื่อไหลลงมา ไฟสิบห้าสีในมือของเขาขยายไปเขมือบกลืนวิญญาณพยาบาทอยู่หลายครั้ง ตอนนี้มาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลามามัวเช็ดเหงื่อ ดวงตาพลันฉายแสงคมกริบ คำรามกร้าวหนึ่งเสียง มือขวายกขึ้นแล้วคว้าจับไปยังทะเลเพลิงที่ขยายไปรอบด้านอย่างแรง การคว้าจับครั้งนี้ ทะเลเพลิงพลันระเบิดออก อุณหภูมิร้อนสูงแผ่ออกมา ทำเอาคนรอบด้านร้องอุทานด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นกับตาตัวเองว่าทะเลเพลิงผืนนั้นหุบเข้ามาอยู่กลางฝ่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุนในชั่วพริบตาแล้วถูกเขากุมเอาไว้ในมือ
โจวหงเริ่มตึงเครียด พวกเสี่ยวหลางเสิน หลี่เทียนเซิ่ง เมี่ยวหลินเอ๋อร์ องค์ชายรองพากันหันมามองด้วยดวงตาเป็นประกาย เฉินม่านเหยาเองก็อดตื่นเต้นแทนป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้
บัดนี้แม้แต่ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาก็ยังตกตะลึง รีบเงยหน้ามามอง หอบหายใจด้วยความตื่นตระหนก ส่วนวิญญาณป๋ายฮ่าวกลับเผยประกายดีใจอย่างบ้าคลั่งออกมาทางดวงตา เขาที่มองดูอยู่ด้านข้างรู้ดีว่าครั้งนี้อาจารย์ตนไม่ได้ทำพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ภายใต้สายตาจับจ้องจากคนมากมาย ป๋ายเสี่ยวฉุนมองฝ่ามือของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ …แบออก!
วินาทีที่เขาคลายหมัดออกนั้น รอบด้านมีแต่ความเงียบสงัด ก่อนจะตามมาด้วยการระเบิดเสียงอุทานและเสียงฮือฮาสะท้านฟ้าสะเทือนดินภายใต้แสงสาดสะท้อนของกองเพลิง
“ไฟสิบ…สิบหกสี!! สวรรค์ ป๋ายฮ่าวทำสำเร็จในครั้งเดียวเลยหรือนี่!!”
“นี่มันโชคอะไรกัน ครั้งเดียวก็ทำสำเร็จแล้ว!!”
“ร้ายกาจ คนผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนัก!!”
ขณะที่ทุกคนร้องอุทาน ร้องชื่นชม โจวหงกลับมีสีหน้าน่าเกลียดทันใด มีเพียงเฉินม่านเหยาเท่านั้นที่คลี่ยิ้มออกมา
ส่วนซุนอี้ฝานและซือหม่าเทากลับหน้าขาวซีด พวกเขาไม่ได้ยินเสียงจากรอบด้านอีกต่อไป ยามนี้ในดวงตาเห็นเพียงไฟสิบหกสีกลางฝ่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้น คนทั้งสองเงียบไปครู่ ก่อนจะกัดฟันกรอด
“คนผู้นี้โชคดีจริงๆ แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าโชคดีของเจ้าจะยังมีครั้งที่สอง!!” แม้ว่าคนทั้งสองจะปลอบใจตัวเองเช่นนี้ ทว่าความกดดันกลับเพิ่มขึ้นตามความสำเร็จของป๋ายเสี่ยวฉุน ยามนี้ขณะที่หลอมไฟก็ถึงกับใช้เวทลับหลายครั้งอย่างไม่เสียดาย
ป๋ายเสี่ยวฉุนพ่นลมออกมาเบาๆ หนึ่งครั้ง ใบหน้าแย้มยิ้ม ครั้งนี้เขาทุ่มสุดตัวแล้วจริงๆ ยังดีที่ไม่ได้ทำพลาด หลังจากปาดเหงื่อบนหน้าผากทิ้งไป เขาก็หยิบเอาวิญญาณพยาบาทออกมาอีกครั้งแล้วเริ่มหลอมตั้งแต่สีที่หนึ่ง
เวลาผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ แม้การหลอมไฟนี้จะน่าเบื่ออยู่บ้าง ทว่าทุกคนที่อยู่รอบด้านกลับจ้องมองมาตาไม่กะพริบ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มาดูความสนุกสานอย่างเดียว หรือคนที่อยากอาศัยเหตุการณ์ครั้งนี้มาเป็นบทเรียนเพื่อให้ตัวเองได้บรรลุไปด้วยก็ตาม เมื่อซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาหลอมไฟสิบห้าสีได้เป็นชุดที่สาม การหลอมไฟชุดที่สองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงไฟที่สิบห้าสีเช่นกัน!
หลังจากที่เขาหลอมไฟสิบห้าสีสำเร็จ ทุกคนก็พากันมีสีหน้าฮึกเหิม ทุกสายตาล้วนย้ายจากร่างของซุนอี้ฝานและซือหม่าเทามาตกอยู่บนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนแทน ทุกคนต่างก็กำลังคาดเดาว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะทำอย่างก่อนหน้านี้ นั่นคือหลอมไฟสิบหกสีต่อไป หรือว่าย้อนกลับไปเริ่มหลอมไฟหนึ่งสีใหม่อีกครั้ง
ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาก็หันมามองด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างกัน ทว่าที่ตามมาติดๆ คือคนรอบด้านต่างก็ร้องอุทานด้วยความตะลึงงัน ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาก็ยิ่งเบิกตากว้าง
พวกเขาเห็นว่า ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเลือกที่จะหลอม…ไฟสิบหกสีต่อไปอีกครั้ง!
“ไอ้หมอนี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง!!”
“สมควรตายนัก คนผู้นี้ทำไมถึงหลอมไฟอย่างนี้ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่!”
ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทามิอาจไม่ตึงเครียด เพราะก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนทำสำเร็จไปแล้วหนึ่งรอบ แค่นั้นก็ทำเอาพวกเขาตกตะลึงกันไม่คลาย ตอนนี้แม้พวกเขาจะมีความมั่นใจถึงเก้าส่วนว่าป๋ายเสี่ยวฉุนต้องล้มเหลว ทว่าก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เพราะอย่างไรซะอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้เสมอ
โจวหงเองก็ใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง เขามองป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องล่างด้วยอาการปวดหัวตุบๆ มีความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเหมือนตอนที่อยู่ในกาหลอมวิญญาณอีกครั้ง พวกเสี่ยวหลางเสินเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขาพากันยิ้มขื่น ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ไม่เดินตามทางปกติ ทำให้พวกเขาเริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
ถ้าหาก…เขาทำสำเร็จอีกครั้งล่ะ…
“เขาไม่มีทางทำสำเร็จสองครั้งติดต่อกัน!!” ซุนอี้ฝานดวงตาเริ่มแดงฉาน ขณะที่ร้องคำรามอยู่ในใจก็เก็บเอาไฟสิบห้าสีในมือลงไป แล้วเริ่มหลอมไฟหนึ่งสีเป็นชุดที่สี่!
ลมหายใจของซือหม่าเทายุ่งเหยิงเล็กน้อย พักใหญ่ถึงได้กัดฟันหลอมไฟหนึ่งสี สายตาของคนทั้งสองคอยเหลือบมองมาทางป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เป็นพักๆ จับจ้องการหลอมไฟของเขา ในใจก็สาปแช่งให้อีกฝ่ายล้มเหลวไม่หยุด
เพียงแต่ว่าคำสาปแช่งของพวกเขาเหมือนจะไม่เป็นผล ความเร็วในการหลอมไฟของป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งเพิ่มมากขึ้นโดยที่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้สึกตัว เพราะว่าความกดดันครั้งนี้ทำให้เขายิ่งสำแดงศักยภาพออกมาได้ดียิ่งขึ้น ขั้นตอนที่ยุ่งยากเหล่านั้นเขากลับอนุมานมันได้อย่างชัดเจน ราบรื่น ดังนั้นจึงทำได้ดียิ่งกว่าครั้งก่อนๆ ทำเอาวิญญาณป๋ายฮ่าวที่มองดูอยู่ถึงกับปากอ้าตาค้าง
“ดูเหมือนท่านอาจารย์จะ…หลอมไฟสิบหกสีได้เชี่ยวชาญมากขึ้นแล้ว”
คนที่อยู่ตรงนี้ซึ่งเข้าใจวิธีการหลอมไฟของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ดีที่สุดก็คือป๋ายฮ่าว การวิเคราะห์ของเขาจึงถูกต้องแม่นยำ ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้เชี่ยวชาญมากขึ้นจริงๆ บางทีอาจเป็นเพราะแรงกดดันครั้งนี้ หรือเพราะความเข้าใจในยามที่เขาศึกษาตำรับไฟสิบเจ็ดสี พอได้อนุมานแบบย้อนกลับ การควบคุมไฟสิบหกสีของเขาจึงยิ่งครอบคลุมมากขึ้น
เวลานี้ขณะที่เขากำลังหลอมรอบที่สอง เขาก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังแข่งอยู่กับคนอื่น เขาจมจ่อมอยู่กับการหลอมไฟทั้งกายและใจ ภายใต้แรงบันดาลใจและความคิดในสมองที่ระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งร่างของเขาจึงเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งการหลอมไฟ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตาทั้งคู่ก็เริ่มมีเส้นเลือดฝอยปรากฎ
มองดูแล้วเหมือนคนสติวิปลาส สภาพการณ์เช่นนี้ของเขาจะปรากฏขึ้นบ้างเป็นบางคราเวลาหลอมยาในเขตแม่น้ำทงเทียน ทว่าตั้งแต่ที่มาอยู่แดนทุรกันดารกลับมีน้อยครั้งที่จะเป็นเช่นนี้ กระนั้นเมื่อสาเหตุหลากหลายประการทับซ้อนเข้าด้วยกัน ก็ได้ทำให้ความบ้าคลั่งของเขาปรากฏออกมาอีกครั้ง
ไฟสิบห้าสีที่อยู่ในมือของเขาคล้ายมีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง เหมือนวิญญาณแห่งเปลวเพลิงที่พอกระจายไปรอบกายเขาก็เริงระบำอย่างลิงโลด มันกลืนกินวิญญาณพยาบาทพร้อมๆ กับล้อมวนไปรอบด้าน
และพอจะเห็นได้รำไรว่ามันโอบล้อมร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนให้อยู่ข้างใน ทำให้บนร่างของเขาแผ่พลานุภาพที่ไร้คำบรรยาย พลังอำนาจนี้ทำให้เขาเหมือนจำแลงกายมาเป็นราชันย์แห่งเปลวเพลิง!
บัดนี้เสียงสูดลมดังเฮือกๆ เริ่มหายไป ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรอีกแล้ว ราวกับกลัวว่าหากตนแค่อ้าปากหรือแค่สูดลมหายใจครั้งเดียวก็จะไปขัดจังหวะภาพเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตนี้
ซุนอี้ฝานและซือหม่าเทาก็ยิ่งตัวสั่นเทิ้ม พวกเขามองสภาพป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ก็ให้รู้สึกเหมือนถูกค้อนหนักๆ ทุบลงมาจนเสียงอึงอลดังขึ้นในสมองไม่หยุด นัยน์ตาก็ยิ่งเผยความเหลือเชื่อคล้ายคนเห็นผี
“ขอบเขตแห่งการผสานรวมไฟ…”
เสียงที่เหมือนลอดออกมาจากไรฟันของซุนอี้ฝานแสดงได้เห็นถึงความตื่นตะลึงและหวาดผวาของเขาได้เป็นอย่างดี
ในแดนทุรกันดารแห่งนี้ การหลอมไฟก็มีขอบเขตเหมือนกัน เขตการผสานรวมไฟคือหนึ่งในนั้น นั่นคือการผสานรวมระหว่างจิตใจและไฟ เหมือนการที่คนกับฟ้าผสานรวมเป็นหนึ่ง อีกทั้งคำว่าเวทลับทั้งหมดก็ล้วนเกิดขึ้นมาได้เพราะการเลียนแบบขอบเขตเหล่านี้
ทว่าพวกเขาสองคนกลับไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำสามารถเลื่อนสู่เขตการผสานรวมไฟได้ นี่นับว่าเป็นขอบเขตที่สูงกว่าซึ่งมีเพียงชั้นดินเท่านั้นถึงจะคลำทางได้เจอ!
บัดนี้ฟ้าดินเหมือนจะเปลี่ยนสี ราวกับว่าแสงสว่างทั้งหมดเปลี่ยนมาเป็นมืดมน มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนที่เป็นจุดรวมสายตาหนึ่งเดียวของฟ้าดิน ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้น มือทั้งคู่ของเขาร่ายระบำ เปลวไฟล้อมวนเป็นเกลียวอย่างลิงโลด
ขณะเดียวกันก็ตรงเข้ามาเกาะกุมกัน พริบตาเดียวก็มีไฟอีกสีหนึ่งปรากฏขึ้นมา กลายมาเป็น…ไฟสิบหกสี!
ไฟสิบหกสีนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้เก็บเอาไป แต่ปล่อยให้มันล้อมวนอยู่รอบด้านและลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ทว่าดวงตาของเขากลับเผยการอนุมานอย่างบ้าคลั่ง ในสมองของเขามีตำรับไฟสิบเจ็ดสีลอยขึ้นมา นั่นเป็นสิ่งที่เขาเคยปรึกษากับลูกศิษย์ตัวเองมาก่อนหน้านี้ และลูกศิษย์ของเขาเคยพูดถึง…ข้อสมมติฐานสองทิศทางในการสร้างตำรับไฟสิบแปดสี!