Skip to content

A Will Eternal 768

บทที่ 768 หลุมหมื่นคน

ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ซ่งเชวียก็ยังมองไม่ออกว่าชนสูงศักดิ์เบื้องหน้าที่มองดูแล้วต้องเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ผู้นี้ แท้จริงแล้ว ก็คืออาเขยน้อยที่เขาพูดถึง

เกรงว่าหากมีวันหนึ่งที่เขารู้ความจริงคงต้องกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง ชิงชังกับทุกอย่างที่ตัวเองพูดออกไปในวันนี้อย่างแน่นอน

และป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เชี่ยวชาญในการปกปิด ด้วยประสิทธิภาพของหน้ากากจึงไม่มีพิรุธใดๆ เผยให้เห็น เมื่อซ่งเชวียถูกลากตัวไปแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนมองตลอดทั้งตระกูลเฉิน ความปลงอนิจจังที่บอกไม่ถูกก็ลอยขึ้นกลางใจอย่างห้ามไม่ได้

“นึกไม่ถึงว่าจะได้มาเจอเชวียเอ๋อร์ที่นี่ ชะตาชีวิตของเจ้านี่ ก็ช่างน่าเวทนายิ่งนัก ดันถูกจับมาเป็นหินวิเศษที่มีชีวิตเสียได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอามือไพล่หลัง เชิดคางขึ้น ยืนอยู่ตรงกลางลานบ้านตระกูลเฉิน ความปลดปลงในใจก็ยิ่งมีมาก

สำหรับซ่งเชวียแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าตัวเองก็คือดาวนำโชคดวงใหญ่ของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง ทุกครั้งที่ตนเจอกับเขา ตนจะต้องช่วยซ่งเชวียออกมาจากน้ำลึกกองไฟทุกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ที่นครฟ้าหรือกำแพงเมือง ตนก็ดูแลเขาอย่างทั่วถึง จนกระทั่งในที่สุดวันนี้ก็ทำให้ซ่งเชวียยอมเรียกตนว่าอาเขยได้

“หรือว่าข้ามันยอดเยี่ยมเกินไปจริงๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจอย่างรื่นรมย์ ขณะที่เขากำลังเคลิบเคลิ้มกับตัวเองอยู่นั้น การค้นบ้านยึดทรัพย์ของตระกูลเฉินก็ยังคงดำเนินต่อไป

ไม่นานทรัพย์สมบัติอันเป็นรากฐานของตระกูลเฉินก็ถูกศพหุ่นเชิดจำนวนมากย้ายออกมากองกันเป็นภูเขา ส่วนคนตระกูลเฉินที่อยู่รอบด้านก็ตัวสั่นระริก โมโหเดือดแต่ไม่มีใครกล้าปริปากตำหนิ

ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ เมื่อสมบัติตระกูลเฉินถูกขนย้ายมาจนเกลี้ยง และแน่ใจแล้วว่าตระกูลเฉินไม่มีภัยคุกคามใดๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้เดินอาดๆ เข้าไปในที่พักของตระกูลเฉินเพื่อตรวจดูด้วยตัวเองว่ามีตรงไหนถูกละเลยไปบ้างหรือไม่

ตระกูลเฉินแห่งนี้กว้างขวางโอ่อ่าอย่างถึงที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนพาชายฉกรรจ์เกราะดำตบะคนฟ้าเดินเข้าไปตรวจสอบทีละจุด บางครั้งก็คอยชี้นิ้วสั่งงาน

“ภูเขาจำลองนี้ดูไม่ปกติ ระเบิดทำลายซะ ข้าผู้ตรวจการสงสัยว่าด้านในมีห้องลับซ่อนอยู่!”

“แล้วก็ไข่มุกที่ฝังเลื่อมอยู่บนหลังคาที่พักหลังนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไข่มุกวิเศษ งัดออกมาแล้วเอากลับไปด้วย”

“พื้นดินตรงนี้ก็ผิดปกติ ทหาร จงขุดมันออกมาให้หมด ดูสิว่ายังมีสมบัติซ่อนอยู่หรือไม่ หากยังมีก็จงเอาไปให้หมด แต่หากไม่มีก็ขนก้อนอิฐพวกนี้ไปด้วย”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินไปพูดไป เมื่อคำพูดของเขาดังสะท้อน พวกศพหุ่นเชิดที่อยู่รอบด้านก็พากันลงมือ พริบตาเดียวเสียงปึงปังตูมตามจึงดังกึกก้อง

ทุกอย่างนี้ล้วนทำให้คนตระกูลเฉินอกสั่นขวัญผวา ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้โดยตรงถึงความเขี้ยวลากดินของป๋ายเสี่ยวฉุน แต่พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ พวกเขาเข้าใจดีว่า ตระกูลเฉิน จบสิ้นแล้ว

เมื่อเสียงตูมตามดังอึกทึก ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินหน้าอย่างต่อเนื่องอยู่ในจวนตระกูลเฉิน ผ่านไปพักใหญ่ เขารู้สึกว่าพอสมควรแล้วจึงเตรียมจะเดินทางกลับ ทว่าเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันนิ่วหน้า

อำนาจจิตของเขาเหนือกว่าขอบเขตก่อกำเนิดมากนักจนเทียบเคียงได้กับคนฟ้า ยามนี้เมื่อกวาดอำนาจจิตออกไปก็สัมผัสได้ทันทีว่าใต้ดินของลานหลังบ้านซึ่งห่างออกไปไม่ไกลมีหลุมลึกอยู่หลุมหนึ่ง

หลุมลึกนั้นไม่ใช่เล็กๆ น่าจะกว้างเกือบพันจั้ง รอบด้านมีการปิดผนึกป้องกันไว้อย่างแน่นหนา และเขาก็รู้สึกได้รำไรว่าด้านในนั้นเหมือนจะมีถังเก็บของขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ใบหนึ่ง ด้านในปิดผนึกไว้อย่างดีจนอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังมิอาจตรงเข้าไปตรวจสอบได้ว่าข้างในมีอะไรอยู่กันแน่

“เอ๊ะ?” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายวาบ อันที่จริงที่เขามาตรวจสอบด้วยตัวเองอีกครั้งก็เพราะอยากดูว่าจะเจอสมบัติบางอย่างที่ตัวเองฮุบเอามาเป็นของตนได้อย่างตอนอยู่ที่ตระกูลหลี่หรือไม่

“ขุดมันให้ข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจกระตุก กระโดดผลุงบินขึ้นไปอยู่กลางอากาศตรงลานด้านหลัง เมื่อเขาชี้นิ้วไป ศพหุ่นเชิดที่อยู่รอบด้านก็พากันลงมืออย่างเหี้ยมหาญ

เสียงตูมตามดังก้องไปสี่ทิศ พวกคนตระกูลเฉินที่เห็นภาพนี้ก็ยิ่งหน้าไร้สีเลือดเข้าไปใหญ่ ทว่ากลับไม่มีใครลนลาน เพราะพวกเขารู้ดีว่าถึงแม้ตรงนั้นจะมีหลุมลึก ทว่าสิ่งที่ซุกซ่อนเอาไว้กลับไม่ใช่สมบัติ แต่เป็นรากฐานในการซื้อขายพลังชีวิตของตระกูลเฉินพวกเขา!

หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่น ถ้ามีคนกล้ามาแตะต้องรากฐานของตระกูลเฉินพวกเขา พวกเขาต้องลงมือสังหารแน่นอน ทว่าตอนนี้ทุกคนได้แต่เงียบงัน มองไปยังสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่ลานด้านหลังซึ่งตอนนี้ได้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ

ยามนี้แปดทิศของตระกูลเฉินมีผู้ฝึกวิญญาณหลายหมื่นคนมารวมตัวกัน คนเหล่านี้ต่างก็เป็นคนที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง และก็เพราะเรื่องในวันนี้ใหญ่โตเกินไป พระยาสวรรค์สองคนตกต่ำ ครึกโครมกันไปทั้งนครจักรพรรดิขุย ทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนใจแกว่ง ต่างก็พากันบินออกมาจับตามองไกลๆ

พวกเขามองเห็นสมบัติของตระกูลเฉิน มองเห็นความตกต่ำของตระกูลเฉิน และบัดนี้ก็ได้เห็นการพังทลายของลานบ้านด้านหลังนั่นเช่นกัน

ตามหลังการพังทลาย สิ่งที่เผยให้เห็นก็คือพื้นดินที่อยู่ท่ามกลางเวทอภินิหารซึ่งมีรอยปริร้าวแผ่ขยายออกไปเป็นจำนวนมาก ไม่นานแม้แต่ตราผนึกก็ถูกโจมตีให้แตกออกตามไปด้วย เมื่อพื้นดินระเบิดออกก็ประหนึ่งถังเก็บของใบใหญ่ที่ถูกเปิดฝา ครั้นจึงเผยให้เห็นหลุมลึกพันจั้งที่อยู่เบื้องใต้!!

ชั่วขณะที่หลุมลึกนี้เปิดเผยออกมาต่อสายตาผู้คน กลิ่นเน่าเหม็นชวนสะอิดสะเอียนไร้คำบรรยายก็พลันโชยออกมาจากหลุมลึกที่เดิมทีถูกปิดผนึกเอาไว้ กลิ่นนี้แรงมากจนคนที่ได้กลิ่นทำท่าขย้อนอาเจียนอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้วฉับ หลังจากเอามือพัดๆ ไล่กลิ่นไปแล้ว เขาก็ก้มหน้าลงมองหลุมลึกที่อยู่เบื้องล่าง เพียงมองปราดเดียวเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ลมหายใจถี่รัวอย่างมิอาจควบคุมได้

“นี่มัน…” ดูเหมือนว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก ภาพที่เห็นในหลุมลึกนั้นทำให้ในสมองของเขาเกิดเสียงอสนีบาตดังครืนครั่น แม้แต่ดวงตาก็ยังปรากฏให้เห็นเส้นเลือดฝอย

ขณะเดียวกันคนรอบด้านที่มองเห็นภาพในหลุมลึกก็พากันหน้าเปลี่ยนสี ทั้งยังมีคนไม่น้อยที่ร้องอุทานด้วยความตกตะลึง

“นั่นมัน…คุณพระช่วย”

“ความลับของตระกูลเฉินอยู่ที่นี่นี่เอง!!”

“นี่ก็คือรากฐานของการขายพลังชีวิตของตระกูลเฉิน”

นั่นคือหลุมหมื่นคนขนาดหนึ่งพันจั้ง!!

ในหลุมลึกเต็มไปด้วยน้ำเหลืองขุ่นคลั่กจากซากศพ ทั้งยังมีโครงกระดูกอีกนับไม่ถ้วน โครงกระดูกพวกนั้นลอยเบียดกันแน่นขนัด เกรงว่าที่จมอยู่ในน้ำเหลืองนั่นคงเป็นกระดูกของคนเกินหมื่นคนเสียอีก บ้างก็เน่าเละเต็มที่แล้ว บ้างก็เน่าเปื่อยไปครึ่งหนึ่ง และยังมีอีกไม่น้อยที่เป็นคนซึ่งยังมีชีวิตอยู่!!

อาภรณ์ที่คนเหล่านี้สวมใส่แตกต่างไปจากคนของแดนทุรกันดาร ป๋ายเสี่ยวฉุนมองปราดเดียวก็รู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นนักพรต!!

พวกเขาแต่ละคนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ดวงตาทั้งคู่ไร้แววแห่งชีวิตชีวาคล้ายกับไม่มีจิตวิญญาณ ทั้งยังสามารถมองเห็นเส้นใยยั้วเยี้ยสีดำที่เลื้อยขยุกขยิกอยู่ในร่างของพวกเขา คอยดึงเอาพลังชีวิตของพวกเขามาอย่างต่อเนื่อง พอจะจินตนาการได้เลยว่านักพรตทุกคนที่อยู่ในหลุมลึกแห่งนี้ต้องถูกคนจับตัวมาเป็นๆ จากนั้นก็ถูกค้นวิญญาณ!

ภายใต้การถูกฝืนบังคับค้นวิญญาณ จิตวิญญาณของพวกเขาจึงแหลกสลายไปนานแล้ว ที่เหลืออยู่จึงมีเพียงเรือนกายที่ยังเหลือลมหายใจ และพอเรือนกายนี้ถูกจัดการด้วยวิธีที่พิเศษบางอย่างก็ถูกโยนมาไว้ในหลุมลึกที่ถูกปิดผนึก ครั้นจึงดูดเอาพลังชีวิตของพวกเขาไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพวกเขากลายเป็นเพียงซากแห้ง!

และเกรงว่าต่อให้กลายเป็นซากโครงกระดูกที่แห้งเหี่ยว พวกเขาก็ยังคงหนีไม่พ้นความอเนจอนาถที่พอศพละลายอยู่ในน้ำแช่ศพนั่นแล้วก็ยังต้องกลายมาเป็นตัวยาหลักให้ตระกูลเฉินเอาไปชุบหลอมเป็นพลังชีวิต!

ถึงแม้ว่าพวกผู้ฝึกวิญญาณของแดนทุรกันดารเห็นภาพนี้แล้วจะรู้สึกตกใจไม่น้อย แต่กลับไม่สะเทือนใจเท่าไหร่นัก ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นต่างออกไป เขาไม่ใช่ผู้ฝึกวิญญาณของแดนทุรกันดาร เขาคือนักพรตจากเขตแม่น้ำทงเทียน ตอนนี้ร่างของเขาสั่นเทิ้ม ทุกภาพเหตุการณ์ที่ฉายอยู่เบื้องหน้าทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนมาเป็นดำมืดในชั่วพริบตา จำต้องหลับตาลง

เขากลัวว่าตัวเองจะข่มอารมณ์ไม่อยู่ ทุกอย่างนี้สร้างความสะเทือนใจให้เขามากมหาศาลเกินไป

เนิ่นนาน ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขาถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจ ศึกระหว่างแดนทุรกันดารและแม่น้ำทงเทียนไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ นี่ไม่เหมือนสำนักธาราเทพและสำนักธาราโลหิตในปีนั้น นี่คือสงครามของสองราชวงศ์ที่แตกต่างกัน

ท่ามกลางความเงียบงัน เขายกมือขวาขึ้นกำเป็นหมัด ตบะในร่างโคจร พลังกล้ามเนื้อมารวมกันอยู่ที่หมัดนั้น ก่อนที่เขาจะยกมันต่อยโครมไปที่หลุมลึก

ตลอดทั้งหลุมลึกพลันสั่นสะเทือน เสียงกึกก้องดังต่อกันเป็นทอดๆ ไม่ขาดสาย กระดูกทุกชิ้น ทุกการดำรงอยู่ในหลุมลึกแห่งนั้นล้วนสลายกลายเป็นเถ้าธุลีเพราะหมัดนี้

พวกคนที่มองดูเหมือนยังมีชีวิตอยู่พวกนั้น แท้จริงก็คือคนที่ตายไปแล้ว ที่มีชีวิตอยู่มีเพียงร่างกายของพวกเขา สำหรับพวกเขาแล้ว หมัดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนถือเป็นการปลดแอกพวกเขาอย่างหนึ่ง

ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือไม่ ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงรู้สึกเหมือนว่าก่อนที่ร่างของนักพรตหลายคนในหลุมลึกจะสลายหายไป ใบหน้าของพวกเขาคล้ายจะคลี่ยิ้มส่งมาให้

“จับตัวคนตระกูลเฉินทั้งหมดไปขังไว้ในคุกใหญ่!” สีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนมืดทะมึน สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบอย่างถึงที่สุด พวกศพหุ่นเชิดเกราะดำที่อยู่รอบด้านรับคำสั่งว่องไว รีบตรงเข้าไปจับกุมตัวคนทั้งตระกูลเฉินที่เต็มไปด้วยความขมขื่นทันที

ทำทุกอย่างนี้เสร็จ อารมณ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงหนักอึ้ง หลังจากจัดการเรื่องของตระกูลหลี่และตระกูลเฉินเรียบร้อย ตอนนี้เขาไม่มีใจคิดอยากจะแก้แค้นเท่าไหร่นัก ทุกอย่างนี้เป็นเพราะการปรากฏของหลุมลึกนั่น

เขายืนเงียบงันอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ในใจอีกครั้ง พอหมุนกายกลับก็พาศพหุ่นเชิดเกราะดำที่อยู่ข้างกายบินทะยานไปบนท้องฟ้า

เขาไม่สามารถแก้ไขทุกอย่างนี้ได้ เขาเข้าใจดีว่าหากตัวตนของตัวเองถูกเปิดเผย บางทีจุดจบของเขาก็อาจเป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรซะที่นี่ก็ไม่ใช่สำนักสยบธาร แต่คือแดนทุรกันดาร คือนครจักรพรรดิขุย

และเขาที่เป็นผู้ตรวจการ หลังจากจัดการเรื่องราวของตระกูลหลี่และตระกูลเฉินเรียบร้อยแล้ว เขายังต้องไปที่พระราชวัง ไปพบต้าเทียนซือ ไป รายงานผลการปฏิบัติภารกิจ

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงันไปตลอดทาง อารมณ์เขาไม่ดีเอามากๆ ในสมองมักจะมีภาพในหลุมลึกลอยขึ้นมาไม่หยุด จนกระทั่งมาถึงวังหลวง เขาถึงได้สูดลมหายใจเข้าลึก ข่มกลั้นความขุ่นข้องในใจลงไป

“ต้องรีบหลอมไฟให้ได้โดยเร็ว เพื่อที่ตบะจะได้ฝ่าทะลุถึงขั้นที่ไปจากที่นี่ได้เสียที” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำอยู่ในใจ เขาในเวลานี้คิดถึงบ้านมากแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version