Skip to content

A Will Eternal 811

บทที่ 811 สัตว์เลี้ยง

พื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีคือหนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามหลายแห่งของแดนทุรกันดาร และที่ถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามก็เพราะผู้ฝึกวิญญาณทั่วไปยากที่จะย่างกรายเข้าไปในพื้นที่เหล่านี้ได้ หากดึงดันบุกเข้าไปก็อาจจะต้องมีการตายเกิดขึ้น

ดังนั้นการเข้ามาในพื้นที่เช่นนี้จึงจำเป็นต้องถือครองป้ายคำสั่งพิเศษถึงจะปลอดภัยไร้อันตราย อย่างพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีนี้ก็คือพื้นที่แห่งหนึ่งที่มีร่องแม่น้ำอยู่หนึ่งสาย

ทว่าร่องแม่น้ำนี้ยามกลางวันกลับแห้งขอด มองดูแล้วเหมือนร่องแม่น้ำปกติทั่วไป แต่เมื่อยามเที่ยงคืนผ่านพ้น ในร่องแม่น้ำก็จะจำแลงมาเป็น…แม่น้ำอเวจี ซึ่งแม่น้ำอเวจีจะไหลผ่านที่แห่งนี้แล้วทอดยาวไปสู่ความว่างเปล่าที่ห่างออกไปไกล

และก็ด้วยเหตุนี้ ที่แห่งนี้ถึงได้ถูกปิดผนึกเป็นพื้นที่ต้องห้าม เพราะอย่างไรซะแม่น้ำอเวจีก็ดำรงอยู่ในความว่างเปล่า เว้นเสียแต่ว่าจะมีวิธีการที่พิเศษบางอย่าง หาไม่แล้วก็น้อยนักที่จะปรากฏออกมาต่อหน้าผู้คนบนโลกใบนี้

ทว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ทุกวันเมื่อเที่ยงคืนผ่านพ้น ในร่องน้ำสายนี้จะมีแม่น้ำอเวจีปรากฏขึ้นมา!

นอกจากนี้แล้ว ทุกพื้นที่ในแดนทุรกันดารที่ถูกเรียกว่าพื้นที่ต้องห้ามจะต้องมีวัตถุที่พิเศษบางอย่างปรากฏขึ้น สำหรับราชสำนักขุยแล้ว วัตถุพิเศษเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเอามาใช้ในการฝึกตนหรือใช้ซ่อมแซมนครจักรพรรดิขุยที่เป็นอาวุธยิ่งใหญ่ก็ล้วนมีประโยชน์มากล้น

อย่างพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีแห่งนี้จะมีของมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งที่ถูกเรียกว่าสายรุ้งอเวจี หลังจากที่แม่น้ำอเวจีปรากฏขึ้นในกลางดึก มันก็จะเผยตัวขึ้นบนแม่น้ำอเวจีด้วยเวลาที่ไม่แน่นอน และจะดำรงอยู่ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา ทว่าหากมีวิธีการที่พิเศษก็ยังสามารถเก็บเอามันมาครอบครองได้

ดังนั้นในบรรดาพื้นที่ต้องห้ามเหล่านี้จึงมีกองกำลังของนครจักรพรรดิขุยเฝ้าพิทักษ์ และพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีก็มีกองทัพใหญ่พลทหารสามพันนายตั้งค่ายอยู่กองหนึ่ง

ในบรรดานั้นผู้ที่มีตบะสูงสุดก็คือผู้ฝึกวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง คนผู้นี้ไม่ใช่พระยาสวรรค์ แต่เป็นองค์รักษ์ส่วนตัวของต้าเทียนซือ ส่วนผู้ฝึกวิญญาณคนอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นรวมโอสถ

คนสามพันคนนี้มองดูแล้วเหมือนจะมิอาจปกป้องป๋ายเสี่ยวฉุนได้ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาคือคนของต้าเทียนซือ ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักอาจมีคนกล้าลงมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างลับๆ ทว่าต่อให้เป็นสี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่มีใครกล้าทะเล่อทะล่ามาแหยมกับ…ต้าเทียนซือ

หากสังหารคนของกองทัพใหญ่นี้ก็เท่ากับประกาศศึกกับต้าเทียนซือโดยตรง

ภารกิจของพวกเขาเมื่ออยู่ที่นี่ก็คือเก็บรวบรวมสายรุ้งอเวจี

เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนพาโจวอีซิงมาถึงพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีแห่งนี้ พวกเขาก็เดินทางออกมาจากนครจักรพรรดิขุยได้หลายเดือนแล้ว ตลอดเวลาหลายเดือนมานี้ เมื่อมีเรือสวรรค์อยู่ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่รีบร้อนเดินทาง แม้ว่าแดนทุรกันดารจะไม่มีภูเขาเขียวขจี แม่น้ำก็แห้งขอด แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อความสุนทรีอิสระเสรีของป๋ายเสี่ยวฉุน อีกทั้งระหว่างทางหากผ่านตระกูลของอาจารย์หลอมวิญญาณ อาจารย์หลอมวิญญาณพวกนั้นก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ด้วยความเคารพนอบน้อม ทำให้ชีวิตของป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งสุขสบายขึ้นในทุกๆ วัน

พวกเขาเดี๋ยวก็เดินทาง เดี๋ยวก็หยุดพักกันไปเช่นนี้ตลอดทาง และในที่สุดวันนี้ก็มาถึงพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจี

ตอนที่พวกเขามาถึงยังเป็นช่วงสนธยา

กองทัพใหญ่สามพันคนรู้อยู่แล้วว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมา พวกเขาจึงมาจัดทัพรออยู่นอกพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีอย่างเป็นระเบียบและเต็มไปด้วยความเคารพนอบน้อม

ห้าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดล้วนเป็นก่อกำเนิด ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงกลางก็คือหัวหน้ากองตบะก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบคนนั้น เขามีสีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ สี่คนที่อยู่ข้างหลังเขาคือก่อกำเนิดช่วงท้ายสองคน และก่อกำเนิดช่วงกลางอีกสองคน ซึ่งเวลานี้ทุกคนต่างก็ยืนรอป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เงียบๆ

สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ พวกเขารู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี รู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดิน ทั้งยังเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่เพียงแค่กระทืบเท้าก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั้งแดนทุรกันดาร

โดยเฉพาะในฐานะที่เป็นกองทัพส่วนตัวของต้าเทียนซือ ต้าเทียนซือจึงมีโองการออกมาว่าให้พวกเขาทุกคนเชื่อฟังคำสั่งจากป๋ายเสี่ยวฉุน ดังนั้นจึงไม่มีใครกังขา และก็ย่อมไม่มีใครที่แสดงท่าทีไม่เต็มใจยอมติดตาม

ไม่นานนักเรือสวรรค์ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนโดยสารก็ค่อยๆ บินมาจากท้องฟ้าที่ห่างไกล หลังจากมาหยุดอยู่กลางอากาศของพื้นที่แห่งนี้ เรือสวรรค์ก็หยุดนิ่ง โจวอีซิงกระโดดพลิ้วกายลงมาบนพื้นก่อนเป็นคนแรก เขารีบหันไปมองรอบด้านอย่างระแวงภัยด้วยท่าทางจงรักภักดี ทำเอากองทัพสามพันนายที่มองดูอยู่ถึงกับอึ้งงันกันไปพักใหญ่

ครู่หนึ่งเมื่อโจวอีซิงแน่ใจว่าที่นี่ไม่มีอันตรายอะไร เขาถึงได้ถอยหลังไปหลายก้าวแล้วหันไปคารวะเรือสวรรค์พร้อมตะโกนเสียงดัง

“ขอเชิญปรมาจารย์ป๋าย!”

พอเขาตะโกนเช่นนี้ หัวหน้ากองทัพผู้นั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกุมมือคารวะแล้วตะโกนออกไปด้วยประโยคเดียวกัน ไม่นานกองทัพทั้งสามพันนายก็พร้อมใจกันร้องตะโกนอย่างองอาจ

“ขอเชิญปรมาจารย์ป๋าย!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนเรือสวรรค์ มองโจวอีซิงด้วยสายตาชื่นชมอยู่ครู่หนึ่งถึงได้บินลงมาหยุดอยู่ต่อหน้ากองทัพสามพันนาย

“ข้าน้อยอู่เต้าคารวะปรมาจารย์ป๋าย หากปรมาจารย์ป๋ายมีความต้องการใด ต่อให้ร่างจะแหลกสลาย ข้าน้อยก็ยินดีอุทิศตนทำให้สำเร็จให้จงได้!” อู่เต้าหัวหน้ากองทัพผู้มีตบะก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วประสานมือคารวะป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกใจคำพูดนี้เป็นอย่างยิ่ง เขาหัวเราะฮ่าๆ พลางปรี่ขึ้นหน้าไปประคองอู่เต้าแล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะ

“สหายอู่เต้าอย่าได้ทำเช่นนี้ ข้าผู้แซ่ป๋ายตบะต่ำต้อยจึงถูกต้าเทียนซือโยนมาที่ไว้ที่นี่เพื่อทำความเข้าใจกับการหลอมวิญญาณ หลังจากนี้คงมีหลายเรื่องที่ต้องขอให้สหายอู่เต้าช่วยชี้แนะ” รอยยิ้มของป๋ายเสี่ยวฉุนจริงใจอย่างมาก นิสัยเขาเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว คนอื่นมีมารยาทต่อเขา เขาก็ย่อมต้องมีมารยาทกลับคืนไป

อู่เต้าตกตะลึงเพราะได้รับความเมตตาอย่างไม่ทันคาดคิด ท่าทีจึงยิ่งพินอบพิเทามากกว่าเดิม กระนั้นในใจก็แช่มชื่นไม่น้อย รู้สึกว่าปรมาจารย์ป๋ายที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่เลวเลยจริงๆ แม้จะเป็นชั้นดิน แต่กลับไร้ความจองหอง ขณะเดียวกันเพียงคำประโยคเดียวก็ทำให้เขามองออกว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา แรกเริ่มแสดงความอ่อนน้อม ตามมาด้วยเอ่ยอ้างถึงต้าเทียนซือ ทั้งยังพูดว่าตนไม่ได้มาอยู่ที่นี่ระยะยาว เพียงแค่มาทำความเข้าใจกับการหลอมวิญญาณเท่านั้น ความหมายที่ซ่อนแฝงไว้ก็คืออีกฝ่ายไม่มีความคิดจะมาชิงอำนาจไปจากเขา

แม้อู่เต้าเองจะรู้สึกว่ากองกำลังน้อยนิดในกำมือของตนคงไม่อยู่ในสายตาของอีกฝ่าย ทว่าพอได้ยินประโยคนี้ ในใจลึกๆ ก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างห้ามไม่ได้

เมื่อมีความประทับใจแรกเช่นนี้ การสนทนาปราศรัยในภายหลังย่อมราบรื่น ภายใต้การห้อมล้อมของคนมากมาย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มายังที่ตั้งค่ายพักแรมในพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีของกองทัพสามพันนาย

หลังจากเอ่ยปฏิเสธกันไปกันมาตามมารยาท อู่เต้าก็ยกบ้านพักที่ดีที่สุดให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน ทั้งยังอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีให้ฟังอย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ทิ้งป้ายคำสั่งไว้ให้สองแผ่นแล้วถึงได้บอกลากลับไป

รอบด้านบ้านพักหลังนี้ไม่ได้เปิดกว้าง แต่ตั้งอยู่ในลานกว้างแห่งหนึ่งซึ่งมีกำแพงสูงปิดผนึกรอบด้าน ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับการรับประกันทั้งในด้านความลึกลับและความปลอดภัยว่ายอดเยี่ยมที่สุดในค่ายพักทหารแห่งนี้

อีกทั้งยังไม่ได้มีแค่บ้านหลังเดียวเดี่ยวๆ แต่กลับแบ่งออกเป็นสองส่วนสามห้อง

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองดูแล้วก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย เห็นว่าอู่เต้าจากไปแล้ว โจวอีซิงจึงจัดวางค่ายกลไว้รอบด้านทันที เพื่อให้การป้องกันมั่นคงแข็งแกร่งมากขึ้น ทำทุกอย่างนี้เสร็จเขาถึงได้เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนและเอ่ยอย่างนอบน้อม

“นายท่าน เมื่อครู่นี้ที่อู่เต้าพูดล้วนเป็นเรื่องจริง เขาไม่ได้โกหกพวกเรา ทุกเที่ยงคืน พื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้จะมีแม่น้ำอเวจีจำแลงออกมา ถึงเวลานั้นหากคิดจะเข้าไปใกล้แม่น้ำอเวจีก็ต้องครอบครองป้ายคำสั่งถึงจะได้”

“และในตำนานก็เล่ากันว่าถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ต้นกำเนิดของแม่น้ำอเวจี แต่กลับเป็นจุดตัดระหว่างความเป็นและความตาย ดังนั้นแม่น้ำอเวจีถึงได้เผยตัวที่นี่ และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นพื้นที่หนึ่งเดียวของแดนทุรกันดารที่มีแม่น้ำอเวจีปรากฏ”

“เพราะความพิเศษของมัน ดังนั้นสำหรับอาจารย์หลอมวิญญาณแล้ว การมาทำความเข้าใจที่นี่จึงได้ผลลัพธ์ดียิ่งกว่าที่อื่น อีกทั้งหากแม่น้ำอเวจีปรากฏขึ้นมาก็จะมีวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ภายใน

หากมีวิธีการที่แน่นอนยังสามารถเก็บวิญญาณมาจากในแม่น้ำอเวจีได้ด้วย เพียงแต่ว่าทำอย่างนั้นอาจจะเสี่ยงอันตรายอยู่บ้าง” โจวอีซิงเอ่ยเบาๆ เรื่องพวกนี้ก่อนหน้านั้นอู่เต้าก็ได้เล่าให้ฟังแล้ว ส่วนโจวอีซิงนั้นไปสืบข่าวมาด้วยวิธีการของตัวเองแล้วเอาข้อมูลรวมกันจนได้ข้อสรุปที่เป็นความจริง

ป๋ายเสี่ยวฉุนพยักหน้า ออกห่างจากน้ำวนของนครจักรพรรดิขุยมาอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามแม่น้ำอเวจีที่เงียบสงบแห่งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ผ่อนคลายกว่าเดิมเยอะมาก วันๆ ไม่ต้องเอาแต่ครุ่นคิดว่าควรจะรับมือกับพวกชนชั้นสูงเช่นไร หรือควรป้องกันตัวเองอย่างไร แม้ว่าในมือของเขาจะมีกองทัพศพหุ่นเชิด ทว่านั่นกลับไม่ได้ทำให้เขาเกิดความมั่นใจใดๆ

“นายท่าน แล้วซ่งเชวีย…” โจวอีซิงลังเลอยู่ครู่ก็ถามออกมาเบาๆ

ป๋ายเสี่ยวฉุนตบหน้าผากตัวเอง เขาค้นพบว่าตัวเองมักจะหลงลืมซ่งเชวียอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่ก่อนจะจากมาเขาได้บอกให้โจวอีซิงเอาซ่งเชวียใส่ไว้ในถุงเก็บของแล้วพามาด้วยกัน ทว่าหลายเดือนมานี้กลับลืมปล่อยอีกฝ่ายออกมาเสียได้

“ข้าช่างทำหน้าที่อาเขยได้แย่จริงๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะจึงรีบบอกให้โจวอีซิงปล่อยซ่งเชวียออกมา เมื่อซ่งเชวียออกมาจากในถุงเก็บของ ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวไปหมด รีบสูดหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้ง หลายเดือนมานี้ เขาเกือบจะอัดอั้นตายอยู่ในถุงเก็บของเสียแล้ว สายตาที่มองป๋ายเสี่ยวฉุนจึงมีความขุ่นเคืองแฝงอยู่อย่างห้ามไม่ได้

สายตานี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ ด้วยความกระอักกระอ่วน อดไม่ได้จนต้องเอื้อมมือไปลูบศีรษะของซ่งเชวีย ครั้งนี้ต่อให้ซ่งเชวียจะไม่ชอบใจแค่ไหน ทว่ากลับอดกลั้นเอาไว้เพราะไม่กล้าหลบ

นั่นก็เพราะหลังจากที่ไปอยู่จวนตรวจการ เขาก็ค่อยๆ สัมผัสได้ว่าป๋ายฮ่าวที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ดีกับตนไม่น้อย ไม่เพียงแต่มอบทรัพยากรในการฝึกตนให้กับตน ยังดูแลด้านความปลอดภัยให้เขา นอกจากนี้ยังปล่อยให้เขามีอิสระอย่างเต็มที่ด้วย

อีกทั้งช่วงที่ผ่านมานี้ ร่างกายของเขาก็ได้รับการบำรุงจนพลังฟื้นคืนกลับมาไม่น้อย ตบะก็มีการพัฒนา

เขาจึงครุ่นคิดว่าบางทีตอนนี้ตนอาจจะยังแซงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ แต่ขอแค่ติดตามป๋ายฮ่าว ช่วงชิงทรัพยากรในการฝึกตนมามากกว่าเดิม ถ้าเช่นนั้นเมื่ออยู่ในแดนทุรกันดารแห่งนี้ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้เหนือกว่าป๋ายเสี่ยวฉุน

“หึ ต่อให้ตอนนี้ข้ายังเหนือกว่าเขาไม่ได้ แต่ชีวิตของข้าในตอนนี้ต้องดีกว่าเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นั้นหลายเท่าแน่นอน แม้ว่าชื่อเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนจะโด่งดัง แต่ตอนนี้เขาต้องเหมือนหนูตัวหนึ่งที่หลบซ่อนอยู่ในที่ที่ไม่สามารถบอกใครได้ ไม่กล้าเปิดเผยโฉมหน้า เพราะหากเขาเผยตัวเมื่อไหร่ก็จะต้องถูกคนทุบตีจนตายเมื่อนั้น!”

พอคิดอย่างนี้ซ่งเชวียก็พลันรู้สึกว่าการได้เจอกับป๋ายฮ่าวนับเป็นความโชคดีของตนยิ่งนัก ดังนั้นต่อให้เขาจะรู้สึกว่าตอนนี้ตนเหมือนสัตว์เลี้ยงของอีกฝ่าย แต่ก็ยังตัดสินใจที่จะเกาะขาป๋ายฮ่าวไว้แน่นไม่ยอมจากไปไหน

“สัตว์เลี้ยงก็สัตว์เลี้ยงเถอะ ที่นี่คือแดนทุรกันดาร ไม่มีใครรู้จักข้าเสียหน่อย…หึ ต่อให้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยง แต่ก็เป็นถึงสัตว์เลี้ยงของอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดิน ส่วนเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนนั่น เกรงว่าแม้แต่สิทธิ์จะเป็นสัตว์เลี้ยงก็คงยังไม่มี!”

ซ่งเชวียปลอบใจตัวเอง สูดลมหายใจเขาลึกหนึ่งครั้ง และตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงลูบหัวของเขา เขาก็ยังถึงกับเป็นฝ่ายยื่นหัวออกไปให้ป๋ายเสี่ยวฉุนลูบได้สะดวกมากกว่าเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version