Skip to content

A Will Eternal 852

บทที่ 852 ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าต้องมีคำอธิบายให้ข้า

วินาทีที่มองเห็นสตรีธุลีแดง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใจหายวาบ ใบหน้าบูดบึ้งขึ้นมาในพริบตา

แดนทุรกันดารตอนนี้ ในบรรดาคนไม่กี่คนที่เขากลัวมากที่สุด สตรีธุลีแดงผู้นี้อยู่อันดับต้นๆ เชียวล่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาซับซ้อนพัวพันกันได้ขนาดนี้ก็เพราะการยื่นมือเข้าแทรกของราชาผียักษ์แท้ๆ

แรกเริ่มป๋ายเสี่ยวฉุนยังรู้สึกฮึกเหิมอยู่บ้างเล็กน้อย แต่พอได้รู้จักใกล้ชิดกัน และยิ่งหลังจากศึกไร้เทียมทานที่กงซุนหว่านเอ๋อร์ปรากฎตัว เขาก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวกับสตรีธุลีแดง

เขาเองก็ไม่รู้ด้วยว่าควรจะเผชิญหน้าผู้หญิงคนนี้อย่างไร ต่อให้พอใคร่ครวญดีแล้วเขาจะรู้สึกว่าหากให้สู้กันจริงๆ เขาก็ไม่กลัวสตรีธุลีแดง แต่ความเป็นจริงคือเขาไม่สมควรที่จะมาสู้กับนาง…

“ข้าจะจากไปอยู่แล้วเชียว โจวจื่อโม่ผู้นี้กลับมาขวางทางเสียได้…” ป๋ายเสี่ยวฉุนชะงักฝีเท้าด้วยความกลุ้มใจ ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองคืออ้อมไปทางอื่น

พอความคิดนี้เกิดขึ้นก็มิอาจเก็บกลั้นไว้ได้อีกต่อไป

“เชวียเอ๋อร์ อีกฝ่ายไม่ได้มาดี คาดว่าคงจะมาจับตัวเจ้า พวกเราอ้อมไปทางอื่นกันจะดีกว่า” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดเร็วๆ จบก็หมุนตัวขวับ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ทะยานจากไปไกล

ซ่งเชวียดูแคลนอีกฝ่ายอยู่ในใจ เขารู้เรื่องราวบางอย่างระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนและสตรีธุลีแดง พอเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงเย็นอยู่ในใจ ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับผ่อนความเร็วให้ช้าลง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากมีเอี่ยวกับเรื่องนี้

ส่วนสตรีธุลีแดงที่อยู่บนยอดเขาก็กำลังมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นเยียบ จุดลึกในดวงตาเต็มไปด้วยความซับซ้อนอันเข้มข้น นางเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรกับป๋ายเสี่ยวฉุนกันแน่ เรื่องราวมากมายระหว่างคนทั้งสองทำให้นางคิดไม่ตก จัดการไม่ถูก

และนางเองก็รู้ด้วยว่าตนไม่ควรมาปรากฏตัวที่นี่ แต่สุดท้ายก็ยังมาจนได้ เวลานี้คนทั้งสองอยู่ห่างกันระยะหนึ่ง ช่วงเวลาที่สบตากันผ่านอากาศแล้วเห็นสีหน้าบึ้งตึงหงุดหงิดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำให้ในใจของสตรีธุลีแดงบังเกิดไฟโทสะไร้ที่มา แล้วยิ่งเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนถึงขั้นไม่กล้าขยับมาใกล้นาง แต่เลือกจะหมุนกายเผ่นหนีไป นี่จึงทำให้ความเดือดดาลของสตรีธุลีแดงระเบิดออกมาทันที

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!” สตรีธุลีแดงตะโกนเสียงแหลม เสียงนั้นดังราวฟ้าผ่ากึกก้องไปสี่ทิศ ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินก็ถึงกับตัวสั่น ยิ่งเผ่นหนีไปด้วยความเร็วมากกว่าเดิม ส่วนซ่งเชวียนั้นรีบถอยร่นออกห่าง ทว่าวินาทีที่เขาก้าวถอย เงาร่างของสตรีธุลีแดงกลับกลายมาเป็นรุ้งยาวสีชาดเส้นหนึ่งที่ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนในชั่วพริบตา

นางพกพาเอาความโมโหที่รุนแรงผิดวิสัยทะยานมาด้วยความเร็วสูงสุดจนเกิดเสียงแหวกนภากาศแหลมดัง ทั้งยังยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ ทันใดนั้นท้องฟ้ารอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเปลี่ยนมาเป็นสีชาด กลายมาเป็นตราผนึกที่ผสานรวมเจตจำนงของสตรีธุลีแดงเอาไว้ ความว่างเปล่าจึงยุบยวบดังสนั่นหวั่นไหว

ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ร่างกลับไม่ได้หยุดชะงัก พุ่งชนตราผนึกนั้นอย่างจังจนดังตูม ความว่างเปล่ารอบด้านที่ยุบเว้าลงไปถูกเขาชนจนระเบิดทลาย พลังคนฟ้าก็ยังมิอาจสกัดกั้นเขาไว้ได้แม้แต่นิด!

หากเปลี่ยนมาเป็นเมื่อก่อน ต่อให้เขาสามารถทำได้ถึงจุดนี้ก็ยังจำเป็นต้องใช้วิชาอภินิหารบางอย่างร่วมด้วย แต่ตอนนี้พอตบะของเขาไต่มาถึงก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงสามารถประมือกับคนฟ้าขั้นต้นได้แล้ว!

ต่อให้เป็นคนฟ้าช่วงกลาง หากร่ายใช้วิชาอภินิหารอย่างเต็มกำลัง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สามารถโรมรันกับอีกฝ่ายได้!

ทว่าขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนชนปราการคนฟ้าของสตรีธุลีแดงจนแตกกระจายนั้น ดวงตาของสตรีธุลีแดงที่ตามมาข้างหลังฉายประกายเย็นเยียบ ยกมือทำมุทรา ธุลีแดงจื่อโม่ของนางระเบิดออกมาในบัดดล

นี่คือเวทลับของผียักษ์ ทั้งยังเป็นสุดยอดวิชาอภินิหารที่แม้แต่กงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ยังเคยถูกผนึกเอาไว้ ยามนี้เมื่อนางร่ายใช้ เงามายาของนครผียักษ์ก็พลันจำแลงอยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุน ปราณแห่งการปิดผนึกระเบิดตามมาอย่างบ้าคลั่ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี เขารู้ว่าเวทลับนี้ต่อให้สำหรับสตรีธุลีแดงเองก็ถือเป็นท่าไม้ตายที่ร้ายกาจที่สุด อีกทั้งเมื่อร่ายใช้ยังจำเป็นต้องเผาผลาญอายุขัยของตัวเอง นับเป็นวิชาต้องห้ามที่ใช่ว่าคนฟ้าจะมีกันทุกคน นั่นจึงทำให้เขาหยุดฝีเท้าอย่างจำยอม

“โจวจื่อโม่ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็โมโหแล้วเหมือนกัน

การหยุดครั้งนี้ของเขาทำให้ความเร็วของสตรีธุลีแดงพลันเพิ่มพรวดพราด พริบตาเดียวก็ไล่ตามมาทัน ไม่พูดอะไรมากความ มาถึงก็ทำมุทราทำให้ธุลีแดงจื่อโม่โคจรต่อเนื่อง พลังตราผนึกก็ยิ่งหนาหนัก

ท่ามเสียงเสียงตูมตามดังกึกก้อง พลังดึงดูดขุมใหญ่แผ่ออกมาจากภาพสะท้อนของนครมายาที่อยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้วเป็นปม เขาไม่อยากเสียเวลาโรมรันอยู่กับสตรีธุลีแดง ยามนี้จึงตะคอกเสียงดังลั่น

“โจวจื่อโม่ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! คิดจริงๆ รึว่าข้าป๋ายเสี่ยวฉุนกลัวเจ้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามพลังสะบัดร่างหนึ่งที ท่ามกลางแรงดึงดูดของสตรีธุลีแดง ร่างทั้งร่างของเขาพองขยายอย่างต่อเนื่อง ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนบินมาจากสี่ด้านแปดทิศ พริบตาเดียวก็ก่อตัวกันทำให้เขากลายมาเป็นมนุษย์หินร่างยักษ์

นี่ก็คือคาถาคนขุนเขา

มือใหญ่ของเขาโบกอย่างแรง ร่างก็พุ่งถลันออกไป พลังกล้ามเนื้อทั่วร่างระเบิดเต็มกำลัง พลังกล้ามเนื้อที่แกร่งกร้าวถึงขีดสุดของกระดูกคงกระพันขั้นสมบูรณ์แบบนี้เหนือเกินกว่าก่อกำเนิดมากมายนัก เทียบเคียงได้กับพลังกายของคนฟ้า ยามนี้เมื่อเขาพุ่งเข้าชน ฟ้าดินก็เกิดเสียงดังอึกทึกกึกก้อง เงามายาของสตรีธุลีแดงก็ยิ่งสั่นสะท้าน เพียงแค่ก้าวเดียว ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อาศัยพลังกล้ามเนื้อก็สามารถฝ่าออกไปจากพื้นที่ปิดผนึกอันเป็นภาพมายาของสตรีธุลีแดงได้!

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าต้องมีคำอธิบายให้กับข้า!” โจวจื่อโม่พูดด้วยเสียงอันดัง ทว่าร่างกลับไม่ได้หยุดนิ่งเฉย ขณะที่ทำมุทราก็พ่นเลือดออกมาหนึ่งคำ เลือดสดของนางพลันจำแลงมาเป็นทวนยาวสีแดงสิบเล่มที่ดูคล้ายเส้นเลือดสิบเส้นซึ่งห้อทะยานพลางตัดสลับรุกไล่ประชิดสังหารป๋ายเสี่ยวฉุน!

เมื่อเห็นวิกฤตอยู่ตรงหน้า ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ยกมือทั้งคู่ขึ้นทำมุทราแล้วโบกไปรอบด้าน ทำให้ก้อนหินทั้งหมดที่อยู่รอบกายเขาระเบิดตัวเองออกแล้วซัดตะลุยไปทั่ว พุ่งปะทะเข้ากับทวนยาวสีเลือดสิบเล่มที่เข้ามาใกล้ เสียงกัมปนาทกึกก้องชั้นฟ้า ทวนยาวทั้งสิบถูกม้วนตลบซัดกลับคืนมา

ก้อนหินบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็แตกกระจายออกจากกัน ร่างของเขากลายเป็นสายฟ้าเส้นหนึ่ง ไม่ได้หนีไป แต่ตรงเข้าหาสตรีธุลีแดง พอขยับเข้าไปใกล้ก็ยกมือขวาขึ้นกำมือเป็นหมัดแล้วต่อยออกไป!

“เลิกสร้างความวุ่นวายสักที!”

หมัดนี้เหวี่ยงออกมาพร้อมกับเสียงตวาดของป๋ายเสี่ยวฉุน

เสียงตูมดังก้อง สตรีธุลีแดงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ถอยร่นไปหลายก้าว เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางก็ยิ่งเผยความซับซ้อน การเติบโตของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้จิตใจของนางสั่นสะท้าน ต้องรู้ว่าแม้เมื่อครู่นี้นางจะไม่ได้ลงมืออย่างเต็มกำลัง

แต่เห็นได้ชัดว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เป็นเช่นเดียวกัน ด้วยความสับสน นางที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ดวงตานางหงส์จึงเริ่มแผ่ปราณดุร้าย หันไปเอ่ยกับป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ข้าไม่ได้สร้างความวุ่นวาย เจ้าและข้ามีการหมั้นหมายต่อกัน นี่คือสิ่งที่เสด็จพ่อของข้ากำหนดเอาไว้ เจ้าจากไปก็จบเรื่องลอยตัวพ้นจากปัญหา แต่ข้าล่ะจะทำยังไง! เสด็จพ่อของข้าต้องทำยังไง!”

“แต่เจ้านั้นดีนัก คำเอ่ยลาสักคำก็ไม่มี แม้แต่มาเจอหน้าข้าก็ยังไม่มีความกล้า ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือไม่!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่ รีบอธิบายรัวเร็ว

“จื่อโม่เจ้าฟังข้าพูดก่อน เจ้าสวยขนาดนี้ ดีเลิศขนาดนี้ ย่อมต้องหาคู่บำเพ็ญตนได้ดีกว่าข้าแน่นอน ส่วนทางฝ่ายเรื่องพี่ราชาผียักษ์นั้นเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ท่านผู้อาวุโสต้องเข้าใจข้าแน่…และก็หาใช่ว่าข้าไม่อยากเจอเจ้า แต่ข้ารีบกลับบ้าน…อีกอย่าง ข้าเป็นลูกผู้ชายจริงๆ นะ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ้มเจื่อน ทว่าเขายังไม่ทันเอ่ยจบ สตรีธุลีแดงกลับหอบหายใจหนักหน่วงจนหน้าอกกระเพื่อมแรง

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!! เจ้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแสร้งทำไขสือ ห๊า? ราชสำนักขุยในตอนนี้ต่างก็นึกว่าลูกศิษย์ของเจ้าจักรพรรดิหมิงป๋ายฮ่าวนั่นถึงจะเป็นคู่บำเพ็ญตนของข้า คนพูดกันให้แซ่ดว่าข้าคือฮองเฮาของจักรพรรดิหมิง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของคนนับไม่ถ้วน เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร จะต้องแต่งงานกับลูกศิษย์ของเจ้างั้นหรือ!” สตรีธุลีแดงระเบิดอารมณ์เต็มกำลัง เสียงนั้นดังสนั่นสะท้อนก้องไปสี่ทิศ

ซ่งเชวียที่ห่างออกไปไกลมองเห็นการต่อสู้ระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนและสตรีธุลีแดง ในใจก็ให้สั่นสะเทือน ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาจะรู้แล้วว่าป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งแกร่งมาก แต่พอได้มาเห็นเข้ากับตาตัวเองจริงๆ เขาก็ยังอดตื่นตะลึงอย่างห้ามไม่ได้

และตอนนี้พอได้ยินคำพูดของสตรีธุลีแดง ต่อให้ซ่งเชวียจะมีสีหน้าปั้นยาก แต่ในใจกลับปิติยินดี

“ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ๋ยป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าก็มีวันนี้เหมือนกันรึ!” ซ่งเชวียที่กำลังฮึกเหิมถือโอกาสยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นรอดูเรื่องสนุกมันเสียเลย

ป๋ายเสี่ยวฉุนตอนนี้กำลังยืนตาค้าง เรื่องที่สตรีธุลีแดงพูดมา ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อนจริงๆ พอได้ยินนางพูดเช่นนี้เขาก็รู้สึกว่าสตรีธุลีแดงพูดจามีเหตุผล พลันให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“จื่อโม่ ข้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนอ้าปากหมายจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าสตรีธุลีแดงกลับสะบัดปลายแขนเสื้อ กัดฟันพูดเสียงเย็น

“วันนี้ หากเจ้าอยู่ต่อ ข้าโจวจื่อโม่สามารถแต่งงานกับเจ้าได้ แต่หากเจ้าไม่อยู่ต่อ ถ้าอย่างนั้นป๋ายเสี่ยวฉุน…เจ้าต้องมีคำอธิบายให้กับข้า!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนมีความผิดติดตัวจึงยิ่งกระอักกระอ่วน รีบพูดปลอบประโลมอีกฝ่าย

“จื่อโม่ เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม ข้าสาบานว่าข้าจะกลับมา จริงๆ นะ…เจ้าวางใจเถอะ ข้าต้องกลับมาแน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกลัวว่าโจวจื่อโม่จะไม่เชื่อ ระหว่างพูดรับประกันเป็นมั่นเป็นเหมาะจึงตบอกตัวเองดังป้าบๆ ไปพร้อมกันด้วย

ทว่าบางทีอาจเป็นเพราะคำพูดและการกระทำของเขาดูเกินจริงไปหน่อย…สตรีธุลีแดงแค่มองก็รู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนแค่ทำไปลวกๆ เพื่อหวังให้เรื่องจบลงเท่านั้น ความเดือดดาลในใจของนางจึงมิอาจระงับไว้ได้อีกต่อไป

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!” สตรีธุลีแดงกัดฟัน ก่อนจะขยับร่างตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ครั้งนี้นางลงแรงเต็มกำลัง พริบตาเดียวเสียงกัมปนาทก็ดังสนั่นไปทั้งชั้นฟ้า ปราณแห่งคนฟ้าอบอวลไปสี่ทิศ ทำเอาซ่งเชวียที่มองดูอยู่ถึงกับหอบหายใจ ถอยห่างต่อเนื่อง

ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องโหยหวน รีบถอยหนี หากเปลี่ยนมาเป็นก่อนหน้านี้ เขาต้องโจมตีกลับไปแน่นอน แต่ตอนนี้เขาเหมือนวัวสันหลังหวะจึงมิอาจตอบโต้กลับไปได้ ได้เพียงหลบเลี่ยง ปากก็พูดอธิบายไม่หยุด

“จื่อโม่เจ้าฟังข้าพูดก่อน…”

“ข้าจะกลับมา จริงๆ นะ…”

“เจ้าเชื่อข้าเถอะ…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version