Skip to content

A Will Eternal 949

บทที่ 949 เขาผู้หยิ่งทระนง

“เขตต้องห้ามแห่งชีวิต!!”

“เขตต้องห้ามแห่งชีวิตที่กั้นขวางอยู่ระหว่าง…เขตทงเทียนกับแดนทุรกันดาร!”

“คุณพระช่วย พวกเรามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไง!!”

เมื่อประโยคนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุนดังสะท้อน นักพรตทั้งหมดที่อยู่รอบด้านก็ล้วนพากันหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง แต่ละคนหอบหายใจดังเฮือก สีหน้าตะลึงพรึงเพริดและหวาดผวากันสุดขีด แม้พวกเขาจะเป็นนักพรตก่อกำเนิด แต่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะเจอกับความอันตรายของพื้นที่การประลองมาหมาดๆ จากนั้นได้มาเห็นศึกของเทียนจุนกับตาของตัวเอง และตอนนี้ยังมาได้ยินประโยคนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าอีก ฉับพลันนั้นพวกเขาก็รู้สึกเหมือนจิตวิญญาณจะแหลกสลาย

นั่นเป็นเพราะระดับความอันตรายของการเดินทางครั้งนี้เหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก พอๆ กับอุปสรรคพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้นอย่างเนืองๆ

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ว่าคำว่าพื้นที่การประลอง แท้จริงแล้วก็คือเรือกระดูกลำหนึ่ง แล้วก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า คำว่ารับลูกศิษย์ของเทียนจุน แท้จริงแล้วจะเป็นเพียงแค่เรื่องจัดฉากโกหกครั้งหนึ่งเท่านั้น!

บางทีใช้คำว่าจัดฉากโกหกมาบรรยายอาจฟังดูเกินจริงไปบ้าง เพราะหลังจากจบเรื่อง เทียนจุนสามารถเลือกรับลูกศิษย์มาคนใดคนหนึ่ง ทว่าสำหรับคนอื่นๆ แล้ว เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบก็คือการหลอกใช้ ทำให้ใจของพวกเขาเย็นเยียบ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าแสดงออกมา

เมื่อได้ยินว่าสถานที่แห่งนี้คือเขตต้องห้ามแห่งชีวิตที่ในตำนานเล่าลือกันว่ามีแต่มาไม่มีกลับ แล้วมีหรือที่จิตใจของทุกคนจะไม่แหลกลาญ และขณะที่นักพรตส่วนใหญ่บนเรือจมอยู่กับความสิ้นหวัง บนท้องฟ้า ศึกระหว่างเทียนจุนกับกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่ประมือกับมารดาแห่งผีก็ได้มาถึงระดับที่น่าครั่นคร้ามมากแล้ว

เสียงตูมตามดังก้องไปรอบด้านไม่ขาดหาย แผ่นดินที่เต็มไปด้วยมหาสมุทรกระดูกของเขตต้องห้ามแห่งชีวิตกระเพื่อมรุนแรง

กระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนแตกสลาย ท้องฟ้าเหมือนถูกฉีกกระชาก นั่นคืออาคมของเทียนจุนที่ชักนำพลังแห่งมหาสมุทรทงเทียนมาสร้างแรงบีบคั้นที่น่าตกใจให้กับทุกคน

ส่วนกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ทุ่มสุดชีวิตแล้วเหมือนกัน นางในเวลานี้บ้าระห่ำและดุร้ายยิ่งกว่าตอนเผชิญหน้ากับคนเฝ้าสุสานเสียอีก ทั้งยังทำท่าจะเขมือบกลืนมารดาแห่งผีอยู่ตลอดเวลา

ป๋ายเสี่ยวฉุนเครียดมาก เงยหน้ามองศึกที่อยู่บนท้องฟ้า ที่เขาเป็นห่วงไม่ใช่เทียนจุนหรือมารดาแห่งผี เขาเป็นห่วงแค่โหวเสี่ยวเม่ยเท่านั้น เพียงแต่ว่าต่อให้ตอนนี้เขาจะเป็นถึงคนฟ้าก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมการประชันเวทคาถาระดับนี้

และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไปนั้นเอง ทันใดนั้นดวงตาของเทียนจุนก็โชนแสงคมกริบ พลันคำรามกร้าว

“อย่าลืมข้อตกลงระหว่างพวกเรา ครั้งนี้ข้าจะช่วยอย่างเต็มกำลังเพื่อให้เจ้าผสานรวมได้สำเร็จ!” เสียงของเขาราวกับอสนีบาตที่เกริกก้องไปแปดทิศ ครั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึก มือทั้งคู่ทำมุทรา ฉับพลันนั้นภาพย่อส่วนโลกทงเทียนมายาที่อยู่รอบกายเขาก็มีมหาสมุทรทงเทียนล้อมวน เหมือนกลายมาเป็นการปิดผนึกที่พุ่งตรงเข้าสยบมารดาแห่งผี

พลังอำนาจของเขาในเวลานี้ทะยานขึ้นฟ้าอย่างเกรียงไกร นี่คือการร่ายใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ที่เทียนจุนลงมือมา นั่นเป็นเพราะศึกครั้งที่ปะทะกับคนเฝ้าสุสาน อาการบาดเจ็บของเขาก็สาหัสไม่น้อย แม้ว่าจะถูกเขาระงับเอาไว้ แต่พลังการต่อสู้ของเขาก็ยังได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย

และตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเขาลงมือเต็มกำลังโดยไม่เสียดายค่าตอบแทนแล้ว

ฟ้าดินพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง ลมกระโชกพัดให้เมฆม้วนตลบ เขตต้องห้ามแห่งชีวิตที่น่าพิศวงแห่งนี้ถึงกับสั่นสะเทือนขึ้นมา พลานุภาพสยบที่มาจากภาพย่อส่วนของโลกทงเทียน รวมไปถึงการรวมตัวกันของน้ำมหาสมุทรทงเทียนทำให้ร่างของมารดาแห่งผีชะงักกึกเหมือนถูกพันธนาการ ใบหน้าที่ไม่มีเครื่องหน้าใดๆ บิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด

เวลาเดียวกันนั้น เทียนจุนก็ยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังมารดาแห่งผี

“อยู่ในโลกของข้า เจ้าย่อมต้องอ่อนแอ!”

เมื่อประโยคนี้ดังจบ ภาพย่อส่วนของโลกก็พลันส่องประกายแสงสว่างวาบ แสงนั้นปกคลุมไปสี่ทิศทำให้มารดาแห่งผีที่อยู่ด้านในถูกกักกัน ปราณของนางถูกสยบจนพละกำลังลดทอนไปเกินครึ่ง

“มารดาแห่งผี เจ้าเป็นของข้า!”

กงซุนหว่านเอ๋อร์กรีดร้องเสียงแหลม ฉวยโอกาสนี้กลายร่างเป็นภาพติดตาที่ทะลวงความว่างเปล่ามาปรากฏตรงหน้าของมารดาแห่งผีแล้วอ้าปากกว้าง ทันใดนั้นควันดำจำนวนมากก็พวยพุ่งออกมาจากรูทวารทั้งเจ็ดของนาง ก่อนจะก่อตัวกันขึ้นมาเป็นใบหน้าของเด็กหญิงที่ดวงตามีประกายแห่งความตื่นเต้นและละโมบ ปากของนางที่อ้ากว้างหุบฉับกัดกินมารดาแห่งผีอย่างแรง

“นักพรตทงเทียน ประโยคนั้นของเจ้า พูดกับข้า หรือว่าพูดกับนางกันแน่เล่า”

ในช่วงวิกฤตคับขัน จู่ๆ มารดาแห่งผีกลับเปล่งเสียงเบาหวิวแปร่งหู พร้อมกับถอยกรูดไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว มือทั้งคู่ก็รีบทำมุทรา ควันดำจำนวนนับไม่ถ้วนจึงระเบิดออกมาจากร่างของนางแล้วกลายมาเป็นผีร้ายตนแล้วตนเล่าที่ร้องคำราม ครั้นจึงพากันพุ่งมาโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศ คล้ายพยายามจะทำลายการกักกันของโลกย่อส่วนของเทียนจุนให้แตกออก

วินาทีที่เสียงของนางดังออกมา ดวงตาของกงซุนหว่านเอ๋อร์พลันเปล่งแสงวาบ เทียนจุนเองก็แค่นเสียงเย็นชาอยู่ในลำคอ

“ลูกไม้ตื้นๆ” ระหว่างที่พูด เทียนจุนก็เดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เมื่อยกมือขวาขึ้น นภากาศก็พลันซัดหลุนๆ และบนท้องฟ้าก็มีฝ่ามือขนาดมหึมาปรากฏขึ้น มือนี้พกพาเอาพลังไร้ทัดเทียมวูบดิ่งลงมาจากท้องฟ้า ตรงเข้าหามารดาแห่งผี

ภาพย่อส่วนของโลกที่อยู่รอบด้านพลันบีบอัดเข้าหากัน เมื่อนภากาศมีฝ่ามือพิฆาตของเทียนจุนพุ่งวูบลงมา อีกทั้งปราณของมารดาแห่งผีเองยังถูกลดทอน ท่ามกลางวิกฤตคับขัน ร่างของนางพลันแข็งค้าง ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนที่ระเบิดออกมาจากด้านใน

“ผีฟ้าพิฆาตโลกา!” เมื่อนางกล่าวจบ เสียงตูมก็ดังออกมาจากในร่างของนาง แล้วร่างของนางก็พังทลายลงไปเอง จากนั้นจึงกลายมาเป็นควันดำหนึ่งวง ควันนั้นกลิ้งแผ่ลุกลามทับซ้อนกันเป็นวงที่สอง วงที่สาม สุดท้ายเมื่อรอบด้านมีวงกลมซ้อนกันทั้งหมดเก้าวง ควันดำพวกนี้ก็เลื้อยขยุกขยิก ก่อนที่จะมีผีร้ายมากมายมุดลอดออกมาจากควันดำพวกนั้น

ผีร้ายเหล่านี้มีจำนวนมากจนน่าตกใจ แต่ละตัวร้องคำรามพลางห้อตะบึงไปอย่างรวดเร็วกลางวงที่ตัวเองอยู่ ความเร็วนั้นทำให้ควันดำแต่ละวงหมุนคว้างเร็วจี๋ในชั่วพริบตา สุดท้ายก็กลายมาเป็นพายุหมุนบ้าระห่ำลูกหนึ่ง!

พายุหมุนที่มีทั้งหมดเก้าชั้นทับซ้อนเข้าด้วยกันแล้วแผ่ปราณน่าสยดสยองที่ทำให้จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าปราณนี้สามารถกำราบกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินเอาไว้ได้ มันผุดพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภายใต้การจับตามองของทุกคน พวกเขาก็เห็นว่าสุดปลายของพายุบ้าระห่ำได้เชื่อมโยงเข้ากับนภากาศ อีกทั้งยังแผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่องเหมือนจะค้ำยันภาพย่อส่วนของโลกที่เทียนจุนร่ายออกมา

และเวลานี้เอง มือและโลกย่อส่วนของเทียนจุนก็พลันร่วงลงมาปะทะกับพายุระห่ำ

โลกใบนั้นพลันสั่นสะเทือน พายุกระโชกที่เกิดจากวิชาอภินิหารของมารดาแห่งผีมิอาจต้านทานการโจมตีสุดกำลังของเทียนจุนได้จึงพังทลายลงทันควัน เมื่อพังทลาย ควันสีดำพวกนั้นก็ซัดกระจายไปสี่ทิศ ก่อนจะฝืนมารวมตัวกันกลายเป็นร่างของมารดาแห่งผี

แต่เห็นได้ชัดว่าร่างของมารดาแห่งผีพร่าเลือนไปจากเดิมไม่น้อย และเวลานี้ก็กำลังถอยหนีอย่างรวดเร็ว

“ถึงขนาดรวบรวมพลังแห่งโลกมาปลุกเสก นักพรตทงเทียน ข้าดูถูกเจ้าเกินไปแล้ว!”

มารดาแห่งผีส่งเสียงแหลมบาดหู กำลังถอยร่นออกห่าง ทว่าความเร็วของกงซุนหว่านเอ๋อร์กลับมากเกินไป พริบตาเดียวก็ดิ่งมาถึงมารดาแห่งผี หัวกะโหลกที่แปรเปลี่ยนมาจากควันดำพลันอ้าปากกว้างแล้วเขมือบกลืนร่างของมารดาแห่งผีเข้าไป

ชั่วขณะนั้น มารดาแห่งผีที่ถูกเทียนจุนลดทอนกำลังก็ต่อสู้โรมรันกับกงซุนหว่านเอ๋อร์อีกครั้ง ภาพนี้ทำให้ลมหายใจของทุกคนรวมถึงป๋ายเสี่ยวฉุนติดค้างอยู่ในลำคอ นัยน์ตาฉายแววตะลึงลานสุดขีด

ป๋ายเสี่ยวฉุนยังถือว่าดีหน่อย แต่สำหรับคนอื่นๆ แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเทียนจุนลงมือ พลังของโลกย่อส่วนนั้นทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความกร้าวแกร่งเหี้ยมหาญอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

และเห็นได้ชัดว่าภายใต้การลงมือกำราบของเทียนจุน กงซุนหว่านเอ๋อร์จึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ ท่ามกลางการโรมรันนี้นางจึงคอยกลืนกินร่างของมารดาแห่งผีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปราณของนางแข็งแกร่งขึ้นทุกขณะ!

เดิมทีนางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมารดาแห่งผีแม้แต่น้อย หากจะบอกว่าร่างแยกวิญญาณมีทั้งหมดสิบส่วน ถ้าเช่นนั้นร่างของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็เป็นเพียงแค่สองส่วนเท่านั้น อีกแปดส่วนล้วนอยู่ที่มารดาแห่งผี

ทว่าตอนนี้…เมื่อนางได้กลืนกินอีกฝ่าย วิญญาณของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็เปลี่ยนจากแต่เดิมสองส่วน มาเป็นสามส่วน สี่ส่วน…จนกระทั่งไต่ไปถึงห้าส่วน!

และทางฝ่ายของมารดาแห่งผีก็ร้อนใจอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้ ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันจากโลกย่อส่วนก็เหมือนนางจะอับจนหนทาง เพราะไม่ว่านางพยายามจะดิ้นรนอย่างไรก็ยากที่จะพ้นภัยครั้งนี้ไปได้

เทียนจุนยืนอยู่กลางอากาศมองภาพนี้ด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ เพียงควบคุมการบีบอัดของภาพโลกย่อส่วนอย่างเต็มกำลัง เขากำราบคนเฝ้าสุสานไม่ได้ เพราะว่าเขาและคนเฝ้าสุสานต่างก็เป็นคนของโลกใบนี้ ทว่าสำหรับคนของนอกโลกแล้ว อาศัยพลังการสยบจากโลกย่อส่วนของเขาก็ทำให้เขากลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างยิ่ง

สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนแปรเปลี่ยนไปมา ลมหายใจถี่รัวแสดงให้เห็นถึงความเคร่งเครียดและกระวนกระวาย เขาเองก็ไม่รู้ว่าศึกนี้ควรจะหันไปสนับสนุนข้างไหน เขาแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของโหวเสี่ยวเม่ยเท่านั้น

ไม่นานวิญญาณของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ทะลุส่วนไปเป็นหกส่วน อีกทั้งยังแผ่ขยายไปสู่ส่วนที่เจ็ดอย่างไม่หยุดยั้ง กลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างสมบูรณ์แบบ ทว่าวินาทีนี้เอง มุมปากของเทียนจุนพลันยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ดูท่า มารดาแห่งผีจะอ่อนแอจริงๆ หากเป็นกับดัก แต่ถ้าได้เดิมพัน ต่อให้ข้าแพ้ ข้าก็ยอม” ขณะที่พึมพำเบาๆ ดวงตาของเทียนจุนก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว เขารออีกพักหนึ่งจนกระทั่งวิญญาณของกงซุนหว่านเอ๋อร์กลืนกินมารดาแห่งผีได้เจ็ดส่วน จู่ๆ เขาก็ยกมือทั้งคู่ขึ้น ปากก็เปล่งเสียงกัมปนาทที่เป็นดั่งเสียงหนึ่งเดียวของโลก!

“ตราแห่งทาส ผนึก!” ขาดคำพูดของเขา โลกย่อส่วนที่อยู่รอบด้านพลันเกิดการบิดเบือน และเพียงแค่พริบตาเดียวก็กลายมาเป็นตราผนึกขนาดใหญ่ยักษ์ที่พุ่งเข้าหากงซุนหว่านเอ๋อร์!

พลังของตราผนึกนี้สูงเทียมฟ้า และมีกลิ่นอายของการบังคับควบคุมเด่นชัด อีกทั้งพลังแห่งกาลเวลาที่แฝงเร้นอยู่ด้านในยังแสดงให้เห็นว่าตราผนึกนี้ไม่ได้ร่ายขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ได้ก่อตัวมานานมากแล้ว และเวลานี้ก็ระเบิดออกมาอย่างเต็มที่!

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกได้ว่าบัดนี้หัวใจของตัวเองสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะมองความเป็นมาของตราผนึกนี้ไม่ออก แต่กลับมองออกว่าหากตราผนึกนั้นร่วงลงไป ถ้าเช่นนั้นคนที่แข็งแกร่งเช่นกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ยังต้องกลายมาเป็นทาสของเทียนจุนในทันที!

นี่ก็คือแผนการของเทียนจุน เขาผู้หยิ่งทระนง เป็นถึงนายของโลกใบนี้ มีหรือจะยอมเดิมพันกับอนาคตที่ไม่แน่นอน แทนที่จะเสี่ยงเดิมพันว่ากงซุนหว่านเอ๋อร์จะทำตามสัญญา พาเขาออกไปจากที่นี่ ไม่สู้…ผนึกอีกฝ่ายมาเป็นทาสของตัวเอง ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะทำสำเร็จไม่ดีกว่าหรือ ทำเช่นนี้ถึงจะสอดคล้องกับวิธีการจัดการเรื่องราวและเงื่อนไขข้อสุดท้ายของเขา!

และเนื่องจากตราผนึกนี้มีอานุภาพสูงมาก ดังนั้นเขาเองก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการเตรียมการ อันที่จริง…นับตั้งแต่ปีนั้นที่ได้พบกับกงซุนหว่านเอ๋อร์เป็นครั้งแรก ก่อนหน้าที่คนทั้งสองจะร่วมมือกันไปเปิดศึกไร้เทียมทานที่แดนทุรกันดาร เทียนจุนก็มีการตัดสินใจเช่นนี้และเริ่มเตรียมการเอาไว้แล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version