บทที่ 96 รบกุ่ยหยา
ชายฝั่งทิศใต้ตกใจ ลูกศิษย์ทุกคนที่รู้จักป๋ายเสี่ยวฉุน พริบตานี้ราวกับไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกหน้าอย่างถึงที่สุด แตกต่างจากคนในความทรงจำที่ชอบให้ผู้อื่นเรียกว่าอาจารย์อาป๋าย กวนประสาทร้ายกาจ มักจะทำให้คนอื่นอยากฟาดเขาสักป้าบอย่างสิ้นเชิง
ชายฝั่งทิศเหนือมีเสียงสูดลมหายใจดังลอยมานับครั้งไม่ถ้วน ยามนี้พวกเขาทุกคนล้วนมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความตะลึงงัน ในใจของแต่ละคนเกิดเสียงกัมปนาทดังก้อง ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้จักป๋ายเสี่ยวฉุน ความประทับใจที่มีต่อเขาก็มีแค่ความไร้ยางอายในการประลองไม่กี่สนามก่อนหน้าเท่านั้น แต่ภาพที่เห็นในตอนนี้ทำให้ทุกคนล้วนสูดลมหายใจเฮือก
บนแท่นยก นัยน์ตาของเจิ้งหย่วนตงฉายประกายแปลกใจ ผู้นำของแต่ละยอดเขาที่อยู่รอบด้าน ทุกคนล้วนเคร่งขรึมกันขึ้นมา หลี่ชิงโหวยิ้มอยู่ในตา ในใจของเขาเจือไปด้วยความอบอุ่น รู้สึกภาคภูมิใจตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน
ผู้อาวุโสเหล่านั้นแต่ละคนเองก็สูดลมหายใจเฮือก สีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน
ซ่างกวานเทียนโย่วที่อยู่กลางอากาศกระอักเลือดสด นัยน์ตาของเขาฉายแววงงงัน เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้ อีกทั้งยังแพ้ให้กับป๋ายเสี่ยวฉุนที่เขาดูถูกอีกด้วย สำหรับเขาแล้วนี่คือความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ในใจ มากเกินกว่าบาดแผลบนร่างกายของเขา เขาไม่ยอมแพ้ ครั้นเห็นว่าตัวเองใกล้จะตกจากเวทีประลอง จึงเปล่งเสียงคำรามแหบแห้งอย่างปวดร้าวออกมาหนึ่งเสียง
“ป๋ายเสี่ยวฉุน การต่อสู้ของพวกเราครั้งนี้ยังไม่จบ!” ตอนที่เขาเอ่ยปากก็กัดปลายลิ้นตัวเองพ่นเลือดสดออกมา เส้นผมเนื้อหนังเหี่ยวแห้งอย่างเห็นได้ชัด มือทั้งสองทำมุทราอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาสั่นเทิ้มไปตลอดทั้งร่างทันที ตรงตำแหน่งเทียนหลิง[1]พลันมีแสงสีเลือดระเบิดออกมาหนึ่งเส้น!
แสงสีเลือดเส้นนี้พริบตาเดียวก็โหมซัดสาด กลายร่างเป็นกระบี่โลหิตเล่มหนึ่ง!
“สิบมหาเวทลึกลับ กระบี่ชะตาแห่งตน!” หลายคนมองออก ร้องด้วยความตกตะลึงเสียงหลง
“ค่ายอสูรพิภพ!” ซ่างกวานเทียนโย่วไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น มือทั้งสองข้างทำมุทราชี้ไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุน กระบี่โลหิตเล่มนี้ส่งเสียงดังตูมหนึ่งครั้ง กลายร่างเป็นเส้นเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนตัดสลับเข้าด้วยกันเป็นตาข่ายกระบี่ปากหนึ่ง พริบตาเดียวก็ห้อทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
ทุกที่ที่ผ่านจะต้องมีเสียงกรีดผ่าอากาศแหลมคมรุนแรง
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้า มือขวายกขึ้นชี้ไปเช่นเดิม
การชี้ครั้งนี้ ความว่างเปล่าเบื้องหน้าของเขาคล้ายบิดเบือน พลันกลายร่างเป็นกระถางสีม่วงขนาดยักษ์หนึ่งใบ กระถางใบนี้รวมตัวกันอย่างแข็งแกร่งถึงที่สุด ถึงขั้นที่ว่าสามารถมองเห็นรูปภาพบนกระถางได้อย่างชัดเจน คล้ายกระถางใหญ่ของจริง มองไม่ออกสักนิดว่าเป็นภาพมายา
“ลมปราณม่วงแปลงกระถาง สวรรค์!”
“เหมือนจริงเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่ลมปราณม่วงแปลงกระถางทั่วไป นี่ถึงระดับที่สองแล้ว!” ชายฝั่งทิศใต้พลันเปล่งเสียงฮือฮาตกใจ โดยเฉพาะคนจากภูเขาจื่อติ่งที่ยิ่งมีเสียงตกตะลึงดังมามาก
ทางชายฝั่งทิศเหนือก็พากันสูดลมหายใจเฮือก สายตาของทุกคนที่อยู่ที่นี่มองเห็นภาพกระถางม่วงและกลกระบี่สีเลือดกระแทกเข้าด้วยกัน ระเบิดเป็นเสียงดังกัมปนาทราวหูจะแตก ซ่างกวานเทียนโย่วกระอักเลือด ยิ้มสมเพชตัวเอง ถูกม้วนตลบกระเด็นออกไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าเป็นปกติ ยืนอยู่บนเวทีมองกระถางใบใหญ่ที่สลายรูปหายไปกลางท้องฟ้า ทันใดนั้นนัยน์ตาของกุ่ยหยาที่อยู่เบื้องหน้ากลุ่มคนชายฝั่งทิศเหนือพลันระเบิดประกายแปลกใจ พริบตาเดียวก็ทะยานขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีประลอง
“ซ่างเทียนกวานโย่วไม่อาจประลองได้อีกแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ลดความยุ่งยากลง เจ้ากับข้า…มาประลองกัน!” กุ่ยหยาเพิ่งปล่อยคำพูดออกไป ตลอดทั้งร่างก็มีหมอกสีดำเข้าปกคลุมและโอบล้อมไปทั่วบริเวณ หมอกดำเหล่านั้นกลายร่างมาเป็นผีร้ายหลายตัว คำรามแหบแห้งไร้เสียงใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
ผีร้ายแต่ละตัวเหล่านั้นท่าทางดุร้าย บางตัวผมเผ้ายุ่งเหยิง บางตัวผิวเนื้อเขียวช้ำไปทั่วร่าง และยังมีซากศพที่ผิวเนื้อเปื่อยยุ่ยมาแล้วไม่รู้กี่ปี เดินถือหัวของตัวเองมา น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
พริบตาเดียวตลอดทั้งเวทีประลองก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายความตาย ทำให้ลูกศิษย์ของสองชายฝั่งเหนือใต้หนาวสะท้านกันไปทั้งใจ
เวลาเดียวกันนั้นมีหลายเงาร่างทะยานออกมาจากกลุ่มคนของทั้งสองชายฝั่ง คนเหล่านั้นสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาไม่ใช่ลูกศิษย์ฝ่ายนอก แต่เป็นลูกศิษย์ฝ่ายในของชายฝั่งทั้งสอง เวลานี้ล้วนปรากฏตัวออกมาหมดก็เพื่อจับตามองการประลองครั้งสุดท้ายของศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจครั้งนี้!
หรือแม้แต่จิตสัมผัสของผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งสี่ที่อยู่บนยอดเขาจ้งเต้าก็ยังกวาดมารวมตัวกันอยู่บนเวทีประลอง
ชั่วขณะนี้ อยู่ใต้การจับจ้องของคนนับหมื่น!
ป๋ายเสี่ยวฉุนหมุนตัวมองไปยังกุ่ยหยา สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้น ศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจครั้งนี้ ทุกครั้งที่กุ่ยหยาแสดงฝีมือล้วนน่าตกตะลึงยิ่งนัก แค่ชี้ทีเดียวก็เกือบคร่าชีวิตหลู่เทียนเหล่ย อีกทั้งนั่นยังแค่พลังเจ็ดส่วนเท่านั้น
หากระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ยากที่จะจินตนาการได้
ชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองมายังกุ่ยหยานั้นเอง ลูกตากุ่ยหยาฉายแสงอึมครึม มือขวายกขึ้นชี้ไปทางป๋ายเสี่ยวฉุน เวลาเดียวกันนั้นฟ้าดินส่งเสียงครั่นครืน ข้างกายกุ่ยหยาพลันปรากฏกรงเล็บปีศาจมหึมามือหนึ่ง ยึดครองพื้นที่ไปครึ่งเวทีประลอง เกิดเสียงกรีดผ่าอากาศ มันพุ่งตรงเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยพลังอำนาจน่าตกตะลึง
ด้วยการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ ป๋ายเสี่ยวฉุนยกมือขวาขึ้น พลันกำเป็นหมัดแน่น แสงสีเงินเปล่งวาบตลอดร่าง คล้ายกลายเป็นคนร่างเงินคนหนึ่ง ต่อยตูมเข้าไปยังกรงเล็บปีศาจขนาดมหึมาที่เข้ามาใกล้
เมื่อมองไกลๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ร่างผอมแห้งเทียบกับกรงเล็บปีศาจอันน่าตื่นตะลึงไม่ติดเลยสักนิด แต่พริบตานั้นกำปั้นของเขากลับตรงเข้ากระแทกกรงเล็บปีศาจ และระเบิดออกเป็นเสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าดินราวหูจะดับ
ตูมๆๆ!
เสียงนี้ดั่งฟ้าร้องที่โหมซัดไปทั่วสี่ทิศ ทำให้ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่อยู่สองฝั่งของเวทีล้วนพากันก้าวถอยหลัง สีหน้าตะลึงพรึงเพริด และยังมีคนไม่น้อยที่เวียนหัวตาลายเพราะแรงสะเทือนนี้
พละกำลังมหาศาลระลอกหนึ่งปะทุออกมาระหว่างการระเบิดของหมัดป๋ายเสี่ยวฉุนและกรงเล็บปีศาจ กรงเล็บปีศาจนั้นสั่นสะเทือน ภายใต้เสียงเปรี๊ยะๆ กลับมีรอยปริแตกปรากฏออกมา รอยร้าวนี้แผ่ขยายไปทั่วกรงเล็บในชั่วพริบตา และเวลาประมาณหนึ่งลมหายใจ เสียงปังดังขึ้นหนึ่งครั้ง กรงเล็บปีศาจขนาดมหึมานี้พลันแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
หมอกควันสีดำมากมายหมุนเป็นเกลียวลอยไปแปดทิศ ตลอดทั้งเวทีประลองคล้ายกับสั่นสะเทือนไปเล็กน้อย ดวงตากุ่ยหยาระเบิดประกายเฉียบคม ถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วกระทืบเท้าลงบนพื้นแรงๆ หนึ่งครั้ง
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าปรากฏรอยแตกเป็นวง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ตรงข้ามเขาเวลานี้สีหน้าแดงปลั่ง ถอยหลังไปหนึ่งก้าวเช่นเดียวกัน แสงสีเงินบนมือขวาเปล่งเสียงระยิบระยับ แต่เมื่อมองอย่างละเอียดก็จะเห็นว่ามือเขาสั่นน้อยๆ
ลูกศิษย์ที่มองอยู่โดยรอบเวลานี้ล้วนสูดลมหายใจเฮือก ไม่ว่าจะเป็นชายฝั่งทิศเหนือหรือว่าชายฝั่งทิศใต้ล้วนเปล่งเสียงตกตะลึงฮือฮา
“นี่…ป๋ายเสี่ยวฉุนเขา…แข็งแกร่งถึงขนาดนี้!!”
“เขาถึงขั้นสามารถตีเสมอกับศิษย์พี่กุ่ยหยาได้! ข้านึกออกแล้ว ปีนั้นตอนที่ตระกูลลั่วเฉินก่อกบฏ เขาฆ่าศัตรูตัวฉกาจ เอาชีวิตรอดมาได้ เดิมนึกว่าพูดกันเกินจริง แต่ตอนนี้…”
“นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ข้าได้เห็นว่ามีลูกศิษย์ทำลายกรงเล็บปีศาจของกุ่ยหยาได้!”
ลูกศิษย์ฝ่ายในเหล่านั้นก็ตกใจไปเช่นเดียวกัน ตอนที่พวกเขามองป๋ายเสี่ยวฉุน ทุกคนล้วนใจร่วงหล่นดังโครม ที่มากกว่านั้นคือความขมปร่า ลูกศิษย์ฝ่ายนอกเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกตะลึงพรึงเพริด ในสายตาของพวกเขานี่ไม่ใช่ฝ่ายนอกแล้ว นี่คือมารผจญ ผ่านไปนานหลายปีกว่าจะปรากฎมารผจญมาสักคน แต่ตอนนี้…ดันมีถึงสองคน
บนแท่นยก นัยน์ตาของเจ้าสำนักตกตะลึงระคนดีใจ ผู้อาวุโสสำนักธาราเทพที่อยู่รอบด้านก็พากันหันมามอง
ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้ว เมื่อครู่นี้มือขวาของเขารู้สึกเสียวปลาบ แม้ว่าจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่กุ่ยหยาที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับเขา
“สามารถทำลายพลังรวมห้าส่วนจากการชี้นิ้วครั้งแรกของข้าได้ เจ้าแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นเยอะมาก ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็วางใจที่จะใช้พลังแปดส่วนได้แล้ว” กุ่ยหยามองป๋ายเสี่ยวฉุน นัยน์ตาเผยแววฮึกเหิมดุเดือดราวกับว่าปลื้มปิติอย่างมาก มือขวาทำมุทราชี้ไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง
เพิ่งจะเปล่งคำพูดออกไป กลางอากาศบนศีรษะของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันมีเมฆหมอกลอยวนเวียน ไอสีดำรวมตัวกัน พริบตานั้นก็เหมือนมีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นแหวกเมฆกลุ่มเมฆออกเป็นช่องโหว่ กรงเล็บปีศาจขนาดมหึมาปรากฏออกมาอีกครั้ง
กรงเล็บนี้ทั้งใหญ่กว่า และน่าตะลึงยิ่งกว่าตอนที่เกือบจะคร่าชีวิตของหลู่เทียนเหล่ยก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ เสียงตูมดังหนึ่งทีก็พุ่งเข้ามาใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุน คล้ายเทือกเขาที่ทอดตัวเป็นพืดกดทับไล่ลงมาดังตูมๆๆ
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นพรวด มือขวากำหมัด พริบตาที่กรงเล็บปีศาจนั้นย่างกรายมาถึง เขาก็กระโดดขึ้น กลายร่างเป็นรุ้งยาวหนึ่งเส้นจู่โจมออกไป กระแทกตูมเข้าที่กรงเล็บปีศาจ
หมัดนี้แฝงไว้ด้วยพลังบางอย่าง แสงสีเงินปกคลุมไปทั่วร่างของเขา สะเทือนไปยังท้องฟ้า ผิวหนังคงกระพันทั้งร่างระเบิดออกมาอย่างรุนแรงในชั่วขณะนี้ ทำให้เมื่อหมัดนี้ตกกระทบลงไป กรงเล็บปีศาจนั่นถึงได้สั่นสะเทือน และปรากฏรอยร้าว!
กุ่ยหยาหน้าเปลี่ยนสี ทำมุทราชี้นิ้วที่สาม นิ้วที่สี่ นิ้วที่ห้าในเวลาเดียวกัน
พริบตาเดียวรอบด้านของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีกรงเล็บปีศาจใหญ่โตมโหฬารสามมือปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน พุ่งเข้าหาเขาอย่างรุนแรง
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ฟังดูแล้วเหมือนเชื่องช้า แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตาเดียว มองเห็นว่ากรงเล็บปีศาจทั้งสี่พุ่งเข้ามาหาป๋ายเสี่ยวฉุน ลูกศิษย์ฝ่ายนอกแต่ละคนที่มองอยู่ล้วนเปล่งเสียงร้องตกใจ ลูกศิษย์ฝ่ายในเหล่านั้นเองก็จิตใจสั่นไหว
บนแท่นยก พวกเจ้าสำนักพากันลุกขึ้นยืน นัยน์ตาหลี่ชิงโหวเปล่งแสงวาบ แต่ไม่นานก็เก็บความคิดที่อยากจะไปช่วยกลับมาโดยเร็ว
เวลาแค่ชั่วฟ้าแลบ เสียงกัมปนาทโหมซัดสาดดังสะเทือน กรงเล็บปีศาจนั้นพุ่งเข้าหาร่างป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลาเดียวกัน ก่อให้เกิดไอโจมตีแผ่ไปทั่วสี่ทิศ บนเวทีประลองก็เริ่มปริร้าว เศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนถูกพัดพาขึ้น และยังมีฝุ่นดินฟุ้งตลบอบอวล ทำให้จุดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่เลือนรางมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
แต่ชั่วพริบตาที่เกิดความพร่าเลือนนี้เอง ร่างหนึ่งพุ่งฝ่าออกมาจากเขตสลัวรางอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้กุ่ยหยา
“ตรวนสลายลำคอ!” น้ำเสียงต่ำลึกเสียงหนึ่งระเบิดออกมาทันควัน แสงสีเงินกลายเป็นจุดรวมของสายตาทุกคน นิ้วมือทั้งสองที่คล้ายกับรวมแสงเงินตลอดทั้งร่างเอาไว้มาปรากฏพรวดอยู่เบื้องหน้ากุ่ยหยาโดยตรง วิกฤตความเป็นความตายที่เขาเพิ่งเคยสัมผัสได้เป็นครั้งแรกทำให้กุ่ยหยาคำรามเสียงต่ำหนึ่งครั้ง ไอหมอกตลอดร่างพลันระเบิดออก และมีแสงคุ้มกันจำนวนมากกว่าเดิมปรากฏขึ้นมา ร่างถอยหลังกรูดอย่างรวดเร็ว
แต่ขณะเดียวกันกับที่เขาก้าวถอยหลังนั้น แรงดึงดูดสายหนึ่งส่งมาจากนิ้วทั้งสองของป๋ายเสี่ยวฉุน ทำให้ร่างกายของกุ่ยหยาไม่เพียงแต่ไม่สามารถถอยหลังได้ กลับยิ่งถูกดึงเข้ามาใกล้มากขึ้น
ส่วนแสงคุ้มกันที่เขาเรียกใช้ เมื่อสัมผัสกับนิ้วทั้งสองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็อ่อนกำลังลงไม่สามารถต่อกรด้วยได้ แล้วจึงพังทลายลงมาหมด ไม่ว่าเขาจะต่อต้านเช่นไร ถึงขนาดเอาโล่เล็กสามชิ้นออกมาใช้แล้วก็ยังไร้ประโยชน์ โล่เล็กทั้งสามชิ้นที่เปล่งแสงออกมานั้น เมื่อสัมผัสกับนิ้วมือทั้งสองของป๋ายเสี่ยวฉุน โล่อันแรกแตกยับออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที อันที่สองมีเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ แล้วก็แตกออกเป็นสองส่วน ชิ้นที่สามแม้ว่าจะยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่กลับถูกพลังมหาศาลพุ่งเข้ากระแทก จึงลอยกระเด็นออกไปอยู่ด้านข้าง
ไม่อาจสกัดกั้นได้เช่นเดิม!
เห็นว่านิ้วมือทั้งสองข้างของป๋ายเสี่ยวฉุนลอดทะลุทุกอย่าง บุกราบเป็นหน้ากลองมาปรากฏอยู่เบื้องหน้ากุ่ยหยา ชั่วขณะนี้เองกุ่ยหยาเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ผมของเขากลายเป็นสีขาวไปถึงสามส่วนในพริบตา ค่าตอบแทนเช่นนี้แลกมาด้วยร่างกายที่พลันเลือนราง นิ้วมือทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ลอดทะลุผ่านจึงคว้าจับได้เพียงอากาศ
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง จุดที่คว้าจับไปมีเสียงกร๊อบๆ ดังออกมา ราวกับได้บีบอากาศจนแตกละเอียด แต่ร่างของกุ่ยหยามาปรากฏกายอีกครั้งในจุดที่ห่างจากป๋ายเสี่ยวฉุน กระอักเลือดสดออกมาหนึ่งคำ แม้แต่ใบหน้าก็ยังปรากฏริ้วรอยขึ้นมาบางส่วน
“สามารถทำให้ข้าใช้คาถารักษาชีพครั้งหนึ่งได้ ป๋ายเสี่ยวฉุน…ข้าดูถูกเจ้าเกินไป!” กุ่ยหยาหอบหายใจ เงยหน้าจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง ดวงตาไปเพียงแต่ไม่หดรัดตัว กลับยังเผยความปรารถนาในการต่อสู้ที่ดุเดือดยิ่งกว่าเดิมออกมา แต่ในใจเขาตะลึงพรึงเพริดอยู่นานแล้ว เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายอีกฝ่ายใช้วิชาอภินิหารอะไร ถึงได้ระเบิดพลังในการสู้รบที่เหนือล้ำกว่าพลังรวมลมปราณออกมาได้ขนาดนี้
มุมปากป๋ายเสี่ยวฉุนมีเลือดสดไหลซึม เขายืนอยู่ตรงนั้น เวลานี้ร่างกายเขาเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ให้เห็น หม้อใบใหญ่ด้านหลังแตกกระจายไปแล้ว เสื้อหนังบนร่างก็ฉีกขาดไปไม่น้อย ตลอดทั้งร่างมองดูแล้วเหมือนเป็นปกติ แต่ลมหายใจของเขากลับถี่กระชั้นไม่เป็นจังหวะ
กรงเล็บปีศาจห้านิ้วของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ แม้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะรับเอาไว้ได้ แต่ก็ยากลำบากมากเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะผิวหนังคงกระพันไปถึงขั้นสีเงิน เขาก็คงพ่ายแพ้ไปแล้ว
ที่น่าเสียดายก็คือ อีกฝ่ายกลับหลบการโจมตีท่าไม้ตายของตนไปได้
———
[1] เทียนหลิง (天灵) หมายถึงกะโหลกศีรษะ