บทที่ 988 ขั้นสมบูรณ์แบบ
ขณะที่สงครามด้านนอกปะทุเดือดอย่างรุนแรง เขตฝนในโลกสมบัติอาคมก็ได้สลายหายไป วินาทีที่เขตฝนจางหาย ตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนที่แม้จะไม่ได้ฝ่าทะลุขั้น ทว่าเลือดคงกระพันของเขาก็ได้เลื่อนไปถึงส่วนที่เจ็ดอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว!
ความแข็งแกร่งของเลือดคงกระพันเจ็ดส่วน ทำให้วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาขึ้น โลกทั้งใบในสายตาของเขาก็คล้ายจะต่างออกไปจากเดิม ราวกับว่าแค่ประกายแสงในดวงตาของเขาก็สามารถทำให้โลกมืดมนได้
ความรู้สึกที่ว่าทั่วทั้งเรือนกายเต็มไปด้วยพลังชีวิตไร้ที่สิ้นสุดทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดความรู้สึกลวงตา…ราวกับว่า ตนในเวลานี้ที่ต่อให้จะยังไม่ได้เป็นอมตะ แต่ก็แทบไม่ต่างกันสักเท่าไหร่แล้ว
เสียดายก็แต่อยู่ที่นี่เขาไม่มีคู่ต่อสู้ จึงไม่สามารถวัดระดับความแข็งแกร่งของตัวเองได้ว่าอยู่ในระดับไหน หลังจากที่ใบหน้าผีถูกกำราบให้อ่อนแอ ตอนนี้แค่เจอหน้าเขามันก็ตัวสั่นเทิ้มแล้ว ใจป๋ายเสี่ยวฉุนอยากจะลองทดสอบ แต่ก็รู้ดีว่าประสิทธิผลที่ได้คงไม่มากนัก
ทว่าเมื่อลองเปรียบเทียบกับสภาพของตัวเองก่อนหน้านี้ ในใจเขากลับเริ่มมีคำตอบแล้ว
“ข้าในเวลานี้ ต่อให้ใช้พลังกล้ามเนื้อและพลังตบะแค่สามส่วนก็เทียบเท่ากับในอดีตได้แล้ว…หากดูตามนี้ ก็ไม่แน่ว่าข้าอาจจะต่อสู้กับ…ครึ่งเทพได้?” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจบังเกิดความคาดหวังอย่างแรงกล้า เขาหวังจะออกไปจากโลกสมบัติอาคมใบนี้เร็วๆ พอออกไปแล้ว จะได้เห็นความตื่นตะลึงยามที่ทุกคนมองตน
“ข้ายังแข็งแกร่งได้มากกว่านี้อีก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิม พลันลุกขึ้นยืนแล้วทะยานไปยังเขตไฟซึ่งเป็นเขตสุดท้าย ขณะเดียวกันเมื่อโลกใบนี้ขาดพื้นที่เขตสายฟ้า เขตฝนและเขตลมไป โลกทั้งใบก็เปลี่ยนมาเป็นไม่เหมือนเดิม
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดที่แน่ชัดได้ แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าบางครั้งที่เข้าฌาน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงปราณของทารกหญิง
“ดูท่า นางเองก็คงใกล้จะผสานรวมเสร็จแล้ว” พอเหยียบเข้ามาในเขตไฟที่จุดลึกมีภูเขาไฟปะทุอบอวล ป๋ายเสี่ยวฉุนก็นั่งขัดสมาธิ เริ่มทำการฝึกตนและดูดซับรอบใหม่
พลังฟ้าดินเข้มข้นพุ่งมาปะทะใบหน้า เมื่อดูดซับเอาไปอย่างต่อเนื่อง เลือดคงกระพันของเขาก็ค่อยๆ แผ่ขยายไปถึงแปดส่วน ตบะของเขาเองก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้คนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้นทุกขณะ
เพียงแต่ว่าเมื่อฝึกมาถึงระดับนี้ ทุกครั้งที่มีการพัฒนาก็จำเป็นต้องดูดซับพลังฟ้าดินมาในปริมาณที่มากมหาศาลกว่าเดิม ยามนี้เพียงแค่เขาสูดลมหายใจเข้าออก ตลอดทั้งพื้นที่เขตไฟก็สั่นสะเทือนแล้ว
หลังจากสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นที่เขตไฟ ใบหน้าผีก็ยิ่งสิ้นหวังและหวาดกลัว ตอนนี้ตบะของมันเกือบจะหลุดออกไปจากคนฟ้าแล้ว มันมิอาจจินตนาการได้เลยว่าหากตัวเองลดขั้นไปอยู่ก่อกำเนิด พอเจอกับการทรมานจากป๋ายเสี่ยวฉุน ตนจะถูกเล่นงานจนตายไปเลยจริงๆ หรือไม่
“ข้าจะออกไป…” ใบหน้าผีร้องไห้ เป็นอีกครั้งที่มันรู้สึกเห็นพ้องและเข้าใจความรู้สึกของเทียนจุนอย่างลึกซึ้ง
“หากข้าออกไปได้ ข้าจะต้องแร่เนื้อเถือหนังเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนสมควรตายผู้นั้นออกเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น!!” ใบหน้าผีเข้าใจดีว่ามีเพียงตัวเองออกไปจากโลกสมบัติอาคมใบนี้และไม่ถูกสยบพลังเท่านั้น มันถึงจะฟื้นคืนตบะกลับมาแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถต่อสู้กับเทียนจุนได้ในชั่วพริบตา เมื่อถึงเวลานั้น มันสาบานว่าจะเอาความเจ็บปวดทั้งหมดระบายใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนทบทวีมากกว่าเดิมเป็นร้อยเป็นพันเท่า
และท่ามกลางความเจ็บปวดของใบหน้าผี ภายใต้การฝึกตนของป๋ายเสี่ยวฉุนเช่นนี้ เวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งปี!
หนึ่งปีมานี้ ใบหน้าผียังไม่ตาย…แต่ก็มีหลายครั้งเหลือเกินที่มันรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ ถึงขั้นที่ว่าเมื่อย้อนนึกไป มันยังรู้สึกว่าการที่อดทนจนผ่านหนึ่งปีนี้มาได้ ตัวเองช่างโชคดียิ่งนัก
นั่นเป็นเพราะว่าหนึ่งปีมานี้แม้แต่มันเองก็ยังจำไม่ได้ว่าถูกป๋ายเสี่ยวฉุนอัดไปแล้วกี่ครั้ง ราวกับว่าหากป๋ายเสี่ยวฉุนอารมณ์ดีก็จะต่อยตีตนแค่รอบเดียว แต่หากอารมณ์ไม่ดีก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นไปอีก
มาถึงท้ายที่สุด ใบหน้าผีก็ล้มเลิกความคิดที่จะร่ายใช้เวทลับ
ทุกครั้งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมา มันจะนอนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น หลับตาลง ปล่อยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือได้ตามใจชอบ…ทว่าในใจกลับแหลกสลายด้วยความสิ้นหวังไปนานแล้ว
ที่ทำเช่นนี้เพราะมันค้นพบว่า ยิ่งตัวเองต่อต้าน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนจะยิ่งฮึกเหิม กลับกลายเป็นว่าหากตนไม่ต่อต้าน ความสนใจของอีกฝ่ายจะค่อยๆ ลดน้อยลง
หากนับรวมปีแรกสุดที่มาที่นี่เข้าไป จนถึงตอนนี้ก็เท่ากับว่ามันเจอการทรมานมาเป็นเวลาสองปีกว่าแล้ว และภายใต้ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ ก็เป็นเหตุให้เงาดำมืดตราตรึงลงไปในจิตวิญญาณของมัน ความหวาดกลัวที่มันมีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนจึงมากจนเกินจะบรรยายได้
มันรู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนคือบุคคลที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่มันเคยเจอมาในชีวิตนี้
มันรู้สึกเสียใจทีหลังหลายต่อหลายครั้ง เสียใจที่ไม่ควรเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุน ยิ่งไม่ควรเลือกอยู่ต่ออย่างคนโง่เง่าในขณะที่มารดาแห่งผีจากไปในปีนั้น…
ต้องรู้ว่าในโลกใบใหญ่นอกโลกใบนี้ ต่อให้มันจะถูกมารดาแห่งผีจับตัวไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยทรมาทรกรรมมัน เพียงแค่แขวนมันไว้สยบขวัญศัตรูเท่านั้น
มีหลายครั้งที่มันถึงขั้นรู้สึกว่าหากถูกเทียนจุนจับไปในตอนนั้นยังจะดีเสียกว่า เพราะมันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตัวเองหนีมาจากการควบคุมของมารดาแห่งผีหนีพ้นการจับกุมของเทียนจุน แต่สุดท้ายกลับต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของป๋ายเสี่ยวฉุนที่น่ากลัวผู้นี้
และมีหลายครั้งที่มันอยากตาย นั่นคือความโศกเศร้าที่ผุดจากแก่นแท้ของจิตวิญญาณ ต่อให้มันหวนนึกถึงความรุ่งโรจน์ของตัวเองในอดีตก็ยังมิอาจบรรเทาการแหลกสลายในใจได้
“นี่ก็คือบุคคลที่เป็นดั่งมารร้ายชั่วช้า…” ทุกครั้งที่ใบหน้าผีคิดถึงป๋ายเสี่ยวฉุน หัวใจของมันจะต้องสั่นรัวด้วยความรู้สึกเช่นนี้
สำหรับความสิ้นหวังรวมไปถึงท่าทีที่ไม่ต่อต้านของใบหน้าผี ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่จะลงมือต่อ ทว่าเป็นเพราะการอัดอีกฝ่ายทำให้เขาสบายอารมณ์อย่างยิ่งยวด นั่นคือความรู้สึกที่ว่าตนได้พลิกกลับมาเป็นเจ้านาย จึงทำให้หลายครั้งที่เดิมทีเขาไม่อยากเล่นงานอีกฝ่าย แต่พอคิดว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายคือผู้แข็งแกร่งว่าที่บุพกาล แถมยังเคยไล่ฆ่าตนไม่แล้วไม่เลิกจนชีวิตน้อยๆ ของตนเกือบจะปลิวหายไป เขาก็อดลงมืออีกครั้งไม่ไหว
“จะว่าไปแล้ว ชีวิตนี้ของข้าก็นับว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เคยตบหัวครึ่งเทพ ตบหัวเทียนจุน แม้แต่ว่าที่บุพกาลก็ยังถูกข้าซ้อมจนไม่กล้าต่อต้าน” ป๋ายเสี่ยวฉุนทอดถอนใจพลางรับสัมผัสกับตบะของตัวเองที่หนึ่งปีมานี้ยิ่งเปลี่ยนมาเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เขตไฟที่เดิมทีมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วง ตอนนี้ทะเลเพลิงได้หายไปเกือบเก้าส่วนแล้ว และตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใกล้จะฝ่าทะลุไปอีกครั้ง เลือดคงกระพันเองก็รวบรวมได้เกือบแปดส่วน
เขามีลางสังหรณ์ว่าเมื่อตนดูดซับทะเลเพลิงของเขตไฟนี้มาจนหมด ตบะของเขาจะต้องฝ่าทะลุขั้นกลายมาเป็นคนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบได้แน่นอน!
ขณะเดียวกันหนึ่งปีมานี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็สัมผัสได้ว่าปราณของทารกหญิงเริ่มแกร่งกร้าวขึ้นทุกขณะ เขาพอจะวิเคราะห์ได้ว่าการที่ตนดึงเอาพลังฟ้าดินของสี่เขตใหญ่เข้าไปในร่าง เป็นการช่วยเพิ่มความเร็วในการผสานรวมกับโลกสมบัติอาคมใบนี้ของทารกหญิงทางอ้อม
“เมื่อตบะของข้าฝ่าทะลุ เมื่อเขตไฟนี้หายไป ก็คือช่วงเวลาที่ทารกหญิงจะผสานรวมกับสมบัติอาคมได้สำเร็จ!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายวาววาม หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก มือทั้งคู่ของเขาก็ทำมุทราแล้วโบกไปรอบด้านอย่างแรง
ทันใดนั้นทะเลเพลิงที่เหลืออยู่ก็ซัดตลบหลุนๆ จากสี่ด้านแปดทิศพุ่งบ่ามาหาป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วกลบทับร่างของเขาเอาไว้ภายในชั่วพริบตา
ทะเลเพลิงนี้ไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ต่อเขาได้
เมื่อมันกลบทับร่างของเขาเอาไว้ก็แปลงมาเป็นพลังฟ้าดินที่เข้มข้นซึ่งไหลหายเข้าไปตามรูขุมขนทั่วร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างต่อเนื่อง ครั้นจึงไปรวมตัวกันอยู่ในเส้นชีพจรแล้วไหลเวียนไปทั่วร่าง เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนทำการควบคุมมันก็พลันพุ่งจู่โจมเข้าสู่คาถาบรรพจารย์อวิ๋นเหลยสิบเอ็ดแปรเปลี่ยน
หากฝึกเก้ากระบวนท่าแรกของบรรพจารย์อวิ๋นเหลยได้สำเร็จก็จะเท่ากับคนฟ้าช่วงท้าย แต่หากเป็นกระบวนท่าที่สิบและสิบเอ็ดก็คือขอบเขตที่เล่าลือกันว่าฝึกได้ยากที่สุด ทว่าสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว เมื่อมีคาถาสุริยันจันทราฟ้าไพศาลมาร่วมประสาน คาถาบรรพจารย์อวิ๋นเหลยสิบแปรเปลี่ยนจึงสามารถฝึกได้สำเร็จอย่างเป็นธรรมชาติ
หากตอนนี้ตบะของเขาฝ่าทะลุ
ก็จะฝึกกระบวนท่าสุดท้ายของคาถาบรรพจารย์อวิ๋นเหลยได้สำเร็จ!
และหากฝึกสำเร็จ เนื่องจากมีคาถาสุริยันจันทราฟ้าไพศาลเป็นตัวทาบต่อ แม้ว่าจะต่างไปจากการวิเคราะห์ของอวิ๋นเหลยจื่ออยู่บ้าง แต่กระนั้นก็ยังเหนือเกินกว่าขีดจำกัดของวิชานี้ ไต่ไปถึงระดับที่แม้แต่ผู้สร้างวิชานี้ก็ยังใจสั่นสะท้าน
“บรรพจารย์…” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสงคมกริบ เมื่อปากพึมพำ ทะเลเพลิงสี่ทิศที่มาพร้อมเสียงอึกทึกและพลังฟ้าดินที่มากกว่าเดิมก็พากันไหลกรากเข้าหาเขา
“อวิ๋นเหลย…” เมื่อเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนดังจบ เสียงกัมปนาทจากในทะเลเพลิงก็ดังสะท้านสะเทือนโลกสมบัติอาคมทั้งใบ แม้แต่เรือนกายของเขาเองก็ยังสั่นเทิ้ม ลมหายใจหอบหนักแต่กลับทอดยาว ตบะในร่างของเขาก็ระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในดวงตาข้างขวาก็ยังเหมือนจะกลายมาเป็นหลุมดำ พอเข้าสูดลมหายใจเข้า เปลวเพลิงทั้งหมดที่อยู่รอบด้านก็ถูกสูดกลืนเข้าไป พริบตานั้นทะเลเพลิงทั้งผืนก็ผสานรวมเข้าไปในดวงตาข้างขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อเขตไฟแห่งนี้ไม่เหลือเปลวเพลิงแม้แต่เสี้ยวเดียว อีกทั้งวินาทีที่เขตไฟสลายไป เสียงเรียบเรื่อยของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ดังกระหึ่มขึ้นมา!
“สิบเอ็ดแปรเปลี่ยน!!”
ตูมๆๆ!!
โลกทั้งใบสั่นสะเทือน ฟ้าดินกังวานไปด้วยเสียงเกริกก้อง พริบตานั้นดวงตาข้างขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนส่องประกายแสงเจิดจ้า ครั้นจึงก่อตัวขึ้นมาเป็นดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นตบะของเขายังระเบิดออก พุ่งทะยานจากคนฟ้าช่วงท้าย ฝ่าทะลุไปสู่…คนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบ!
พลังอำนาจที่สมบูรณ์แบบขุมหนึ่งพวยพุ่งขึ้นจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างต่อเนื่องแล้วม้วนตลบไปทั่วโลกทั้งใบ ทำให้ความว่างเปล่าของพื้นที่สมบัติอาคมสั่นสะเทือน ใบหน้าผีตัวสั่นเทา ผืนแผ่นดินเองก็โยกไหว นภากาศบิดเบือน ก่อนที่บนท้องฟ้าจะค่อยๆ มีใบหน้าขนาดใหญ่ยักษ์ลอยขึ้นมา
ใบหน้านี้ไม่ใช่ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุน แต่เป็นของ…ทารกหญิง!
นางหลับตาคล้ายกำลังผสานร่างเข้าเป็นวิญญาณวัตถุ ซึ่งเป็นช่วงสำคัญสุดท้ายอย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนวิเคราะห์ไว้จริงๆ
ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อลุกขึ้นยืนเขาไม่ได้เงยหน้ามองทารกหญิงบนท้องฟ้า แต่ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นแล้วพลันกำเข้าหากัน ทันใดนั้นเสียงเปรี๊ยะๆ ก็ดังมาจากทั่วร่างของเขา หยดเลือดทั้งหมดไหลเวียนเร็วขึ้น ไม่นานก็มีแสงสีชาดแผ่ออกมาจากในร่างของเขา ก่อนจะแผ่ลามไปทั่วทั้งกาย ทำให้มองดูแล้วเขาเหมือนกลายมาเป็นเทพเจ้าแห่งเลือด!
พลานุภาพสยบที่ไร้คำบรรยายขุมหนึ่งระเบิดตูมออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ราวกับว่าจะสามารถสยบโลกทั้งใบ สยบทุกสรรพสิ่งเอาไว้ได้ หากมีลูกศิษย์ของสำนักธาราโลหิตมาเห็นเขาในเวลานี้ จิตวิญญาณจะต้องสั่นคลอน รู้สึกตาฝาดคล้ายมองเห็น…บรรพบุรุษโลหิต!
“เลือดคงกระพัน…แปดส่วน!”