Skip to content

A World Worth Protecting 167

บทที่ 167 ต้องเป็นแผนเล่นงานข้าแน่นอน

เมื่อเจ้าไห่หลินโพสต์ตอบโต้ เหตุการณ์ที่เป็นประเด็นใหญ่โตอยู่แล้วก็ยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีก ขณะนี้ทั่วทั้งเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง ไม่มีเหตุการณ์ใดจะเป็นที่สนใจไปกว่านี้อีกแล้ว

ว่างจากการหลอมฝักกระบี่ หวังเป่าเล่อก็หันมาสนใจเรื่องนี้อีกครั้ง หลังจากที่เขาได้อ่านข้อความท้าทายขององครักษ์อาวุธเวท หวังเป่าเล่อห่อริมฝีปากและดูจริงจังขึ้นมา

“ทำตัวเป็นหมาจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์กันทุกคนเลยนะ…” หวังเป่าเล่อโกรธเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเจอใครที่จริงใจตรงไปตรงมาเลยสักครั้ง ทั้งที่ตัวเขาเองเพียงอยากได้ความรู้เพิ่มเติมเท่านั้น

แม้จะเสียใจ แต่นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็ยังเปล่งประกาย เขารีบกรอกเอกสารและรับเอาสมบัติเวทของเจ้าไห่หลินมาทันที

อย่างไรเสีย ศิษย์พี่เจ้าก็ยังเป็นคนดี สมบัติเวทชิ้นนี้ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลย         จะให้ข้าทำใจทดลองเรียนรู้จากมันได้อย่างไรกัน

จิตใจของหวังเป่าเล่อลุกโชน แม้ว่าเขาจะเคยจับสมบัติเวทมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหมวกเกราะลดน้ำหนักของเฉินอวี่ถง จี้หยกที่ได้รับมอบจากเจ้าสำนัก หรือคันฉ่องที่ตระกูลหลินส่งมาขอสงบศึก สมบัติเวททุกชิ้นล้วนมีมูลค่ามหาศาล เขากลัวว่าจะทำมันพัง จึงไม่เคยกล้านำมาทดลองศึกษาจริงจังเลยสักครั้ง

แม้หวังเป่าเล่อจะมีฐานะดี แต่ชายหนุ่มก็ยังอดรู้สึกเสียดายเงินไม่ได้ หากจะต้องเอาไปจ่ายใช้หนี้ค่าสมบัติเวทเหล่านั้น แต่คราวนี้เขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว    เพราะเจ้าไห่หลินส่งสมบัติเวทของเขามาให้ใช้ทดลองศึกษาโดยเฉพาะ

เมื่อได้รับของมา หวังเป่าเล่อก้มลงมองสมบัติเวทหน้าตาเหมือนกระจกทองแดง หัวใจเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เขารีบรุดเข้าไปที่ห้องเตาหลอมเพื่อเริ่มค้นคว้าและแยกชิ้นส่วนทันที

ดูเหมือนว่าสมบัติเวทชิ้นนี้จะใช้วัตถุดิบหลายชนิดทีเดียว ในทางทฤษฎีแล้ว      ไม่ควรจะต้องใช้มากมายขนาดนี้ แถมยังไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร อีกทั้งยังมีรอยแตกและรอยขูดขีดจำนวนมาก ที่น่าจะหลงเหลือมาจากกระบวนการผสานรวม

รอยนี้มัน…เป็นไปได้รึเปล่าว่า มันปรากฏขึ้นเพราะอุณหภูมิส่งผลกับตัวอักขระ

แก่นวิญญาณนี่ก็ด้วย…บัดซบ! อักขราจารึกบนสมบัติเวทชิ้นนี้ซับซ้อนเกินไป!

ยิ่งหวังเป่าเล่อศึกษาลงลึกมากขึ้น เขาก็ยิ่งส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจหลายครั้งหลายครา ชายหนุ่มรู้สึกเบิกบานใจมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาเขาฉายแววกล้า ราวกับว่าในสายตาเขา กระจกทองแดงนี้กลายมาเป็นสมบัติที่เขาต้องทุ่มเทกายใจตรวจสอบและแยกชิ้นส่วนอย่างจริงจัง สิ่งนี้ยังนับเป็นการทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติเวทของตัวเขาเองอีกด้วย

สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว ได้มาวิเคราะห์และแยกชิ้นส่วนสมบัติเวทเช่นนี้ช่างเป็นโอกาสดีนัก เขาค่อยๆ มั่นใจว่าตัวเองรับมือกับสมบัติเวทได้ดียิ่งขึ้น ความรู้สึกนั้น    ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนไปด้วยความปิติยินดี

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังง่วนอยู่กับสมบัติเวท เจ้าไห่หลินก็ได้รับประคำระเบิดตัวเองทั้งสองมาในที่สุด หลังจากพยายามจะศึกษาพวกมัน เขาก็รู้สึกว่ามันซับซ้อนเกินไป จนต้องสบถออกมาเบาๆ ก่อนเชิญชวนมิตรสหายมาช่วยกันไขปริศนากันจ้าละหวั่น

องครักษ์อาวุธเวททั้งสี่หมดเวลาไปถึงสามวัน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ ตัวอักขระในประคำนั้นมีปัญหายุ่งยาก เกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้มาก

“ศิษย์พี่เจ้า เจ้าคนที่หลอมวัตถุเวทนี้ขึ้นมาต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ นี่เป็นแค่     วัตถุเวทระดับสองเท่านั้น แต่กลับมีอักขราจารึกอยู่นับพันๆ มีลักษณะกว่าร้อยอย่าง  ที่ถูกเปลี่ยนแปลงไป พวกเราจะเริ่มที่ตรงไหนดี”

“แม้ว่าเราจะไม่กินไม่นอนและพยายามแกะตัวอักขระให้ครบทุกตัวก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยราวๆ ครึ่งปี”

เจ้าไห่หลินถึงกับพูดไม่ออก เขาใคร่ครวญอย่างหนักว่าเขาควรจะยอมแพ้หรือไม่ ฝั่งหวังเป่าเล่อนั้น กำลังหัวร่องอหายขณะที่วิ่งออกมาจากห้องเตาหลอม

“ข้าเข้าใจแล้ว! ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิไม่ได้ขึ้นอยู่กับเตาหลอมอย่างเดียวเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ด้วย!

“วัตถุดิบต่างชนิดก็มีจุดหลอมละลายที่ต่างกัน ฉะนั้นแล้วจำเป็นต้องคำนึงถึงข้อนี้ด้วยในการหลอมสมบัติเวท!”

“การหลอมวัตถุเวทเป็นกระบวนการที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงเพราะเป็นการทำตามขั้นตอน ขั้นตอนแรกสำเร็จก็ทำขั้นตอนต่อไปตามลำดับ แต่การหลอมสมบัติเวทนั้นต่างออกไป จะต้องคำนึงถึงรายละเอียดและขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ก่อนเริ่มการหลอม ต้องคำนวณเวลาโดยประมาณเผื่อไว้สำหรับวัตถุดิบที่อ่อนไหวต่ออุณหภูมิ ไม่ต่างจากการหาคำตอบของสมการตัวเลข จะต้องทำให้เรียบร้อยก่อนแล้วจึงค่อยสลักอักขระ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถหลอมสมบัติเวทได้สำเร็จ!

“สิ่งนี้นับเป็นวิชาอักขราจารึกขั้นสุดยอด สำหรับผู้ที่บรรลุวิชาอักขราจารึกขั้นสูงแล้วเท่านั้น!”

ด้วยความลิงโลดใจ หวังเป่าเล่อใช้สูตรอักขราจารึกของเขาในการหาข้อผิดพลาดบนสมบัติเวทชิ้นนั้น เขาพบว่าความผิดพลาดนั้นอยู่ในการจัดวางของตัวอักขระ     ธาตุลมและธาตุไฟ ตัวอักขระธาตุลมนั้นมีพลังมากกว่า นอกจากจะขัดขวางการใช้พลังของตัวอักขระธาตุไฟแล้ว ยังมีฤทธิ์กดพลังเอาไว้อีกด้วย ส่งผลให้สมบัติเวทนั้นเกิดความขัดข้อง

หากเป็นผู้อื่น คงต้องค้นคว้าทดลองเป็นบ้าเป็นหลังกว่าจะค้นพบข้อผิดพลาด   แต่ทว่าหวังเป่าเล่อกลับไขคำตอบได้โดยง่าย เพราะเขามีพื้นฐานความรู้ที่ดี          รวมถึงศึกษาสูตรคำนวณที่จำเป็นอยู่แล้ว

หวังเป่าเล่อโพสต์ลงไปบนเครือข่ายวิญญาณด้วยความรวดเร็ว หลังจากอธิบายสิ่งที่เขาค้นพบเกี่ยวกับสมบัติเวทไปหมดแล้ว เขาก็ลงท้ายโพสต์นั้นอย่างซาบซึ้ง

“เป็นปัญหาเล็กน้อยจริงๆ ด้วย ศิษย์พี่ ท่านช่างเป็นบุรุษผู้รักษาคำพูดจริงๆ”

ผู้คนจำนวนมากที่ติดตามสถานการณ์อยู่บนเครือข่ายวิญญาณ ต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันทันทีที่เห็นคำตอบนั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าหวังเป่าเล่อจะใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้นในการหาคำตอบ ต่างพากันตกตะลึงไปทุกราย

ฝ่ายเจ้าไห่หลิน ผู้ซึ่งตอนแรกยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะยอมแพ้หรือไปต่อ ถึงกับผงะเมื่อได้ยินข่าวนั้น ก่อนแค่นเสียงหัวเราะอย่างเยียบเย็น

“ก่อนหน้านี้ ข้าต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนเพื่อพูดคุยและทดลองอย่างหนัก       กว่าจะพบต้นตอปัญหา เจ้านี่ใช้เวลาไปเพียงสามวันอย่างนั้นรึ…ไม่มีทางหรอก!”     เจ้าไห่หลินถอนหายใจเบาๆ ขณะที่เปิดเครือข่ายวิญญาณขึ้นดู เขาค้นหาโพสต์ของหวังเป่าเล่อและเขม้นตาอ่าน เมื่อเขาอ่านจบนัยน์ตาของเขาก็เบิกโพลง เขาถึงกับ    ส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง

“เป็นไปไม่ได้!”

สีหน้าของเจ้าไห่หลินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาอ่านโพสต์อีกครั้งพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ยิ่งได้อ่านข้อความตอบท้ายของหวังเป่าเล่อ เส้นเลือดสีน้ำเงินเข้มก็    ผุดขึ้นบนหน้าผาก สำหรับเขาแล้ว ข้อความลงท้ายสุดซาบซึ้งนั้นเป็นการหยามเกียรติกันอย่างที่สุด!

“หากมันผู้นี้ไม่ใช่องครักษ์อาวุธเวท เห็นทีจะต้องมีผู้ยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่เป็นแน่!

“ทั้งหมดเป็นแผนเล่นงานข้าชัดๆ!”

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจ้าไห่หลินตัวสั่นเทิ้ม เขาเริ่มคิดหาความเชื่อมโยง ไม่ช้ารายชื่อศัตรูที่เขาเคยสร้างไว้ในช่วงไม่กี่ปีหลังก็เริ่มผุดขึ้นมาในหัว มีมากมายนับไม่ถ้วนจน    ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าเป็นใคร

เจ้าไห่หลินไพล่คิดไปถึงตอนที่เขาโพสต์วิดีทัศน์ลงไปครั้งแรก ที่เขาสนใจเรื่องนี้ก็เพราะได้ยินมาจากญาติผู้หนึ่งอีกที

“หมอนั่นเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร!” แววตาเยือกเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้า    เจ้าไห่หลิน ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าใด ก็ยิ่งแน่ใจว่าทั้งหมดนี้ต้องเป็นแผนการเล่นงานเขาแน่ๆ

“ไม่ว่าหมอนั่นจะเจ้าเล่ห์เพียงใด ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ให้การต่อสู้ครั้งนี้เป็นอันขาด หากข้าไขปริศนาประคำระเบิดตัวเองได้ แผนการชั่วร้ายของคนพวกนั้นก็จะทำอะไรข้าไม่ได้อีกต่อไป!” เจ้าไห่หลินดูเกรี้ยวกราดและมุ่งมั่น เขากัดกรามแน่นพลางส่งข้อความติดต่อเครือข่ายของเขา

หลายวันต่อมา เจ้าไห่หลินจึงเรียกระดมพลองครักษ์อาวุธเวทนับสิบคนจากตำหนักอาวุธเวทมาเป็นลูกมือ ทั้งหมดรวมแล้วกว่ายี่สิบชีวิตที่มาช่วยกันศึกษา   ประคำนั้นอย่างหนักหน่วง

หลังจากหนึ่งเดือนเต็มที่พวกเขาเก็บตัวศึกษาประคำของหวังเป่าเล่อ ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของบรรดาหัวกะทิแห่งตำหนักอาวุธเวท ในที่สุดพวกเขาก็พบปัญหาของประคำระเบิดตัวเองนี้จนได้ สำหรับพวกเขาแล้ว การหลอมสมบัติเวทจำนวนมากยังง่ายกว่าการศึกษาประคำลูกนี้เสียอีก

ขนาดเจ้าไห่หลินเองก็ยังรู้สึกเหนื่อยหน่ายไม่อยากต่อปากต่อคำกับนักหลอมประคำปริศนาอีกต่อไปแล้ว เขาคิดไม่ออกเลยว่าหมอนั่นหลอมประคำระเบิดตนเองขึ้นมาได้อย่างไร

ไม่แปลที่เขาคิดไม่ออก เพราะแม้แต่หวังเป่าเล่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองหลอมมันขึ้นมาได้อย่างไร

วัตถุเวทบ้านี่หลอมยากชะมัด แถมยังไม่มีคุณภาพสักเท่าไร ไม่มีคนสติดีที่ไหนทุ่มเทกายใจหลอมมันขึ้นมาหรอก หมายความว่าทั้งหมดนี้จะต้องเป็นแผนการสุด   แยบยลของศัตรูเพื่อจะเล่นงานข้าอย่างแน่นอน!

หลังจากที่ส่งบรรดามิตรสหายกลับไป เจ้าไห่หลินก็นั่งนิ่งอยู่ในถ้ำที่พักแล้วหัวเราะกับตัวเองเสียงเย็นเยียบ

ในที่สุดข้าก็ไขปริศนาได้ การตอกกลับศัตรูเป็นนิสัยของข้าอยู่แล้ว!

เจ้าไห่หลินสูดลมหายใจเข้าลึกและเสยเรือนผมยุ่งเหยิงให้เข้าที่ ก่อนจะกลืนโอสถเม็ดหนึ่งเพื่อคลายอาการเลือดคั่งในตา แล้วอัดวิดีทัศน์โพสต์ลงเครือข่ายวิญญาณไป!

“วัตถุเวทชิ้นนี้ท้าทายอยู่ไม่น้อย ทว่าก็ยังคงเป็นเรื่องเล็กนัก ปราณวิญญาณ   ข้างในนั้นอัดแน่นเกินไปและไม่ได้ถูกเก็บกักเอาไว้อย่างเรียบร้อย ส่งผลให้         ปราณวิญญาณไม่อาจจะเคลื่อนที่ตามเส้นทางที่ถูกต้อง หลังจากผสานรวมแล้ว        จึงไม่สามารถโคจรปราณวิญญาณนั้นไปตามอักขราจารึกได้ทั่วถึง ปราณวิญญาณที่  บีบอัดอุดตันกันอยู่นี้ส่งผลให้เกิดการระเบิดได้จากการสัมผัสแม้เพียงเล็กน้อย!”

วิดีทัศน์นี้อธิบายละเอียดเป็นอย่างยิ่ง เขาบอกแม้กระทั่งตำแหน่งของตัวอักขระที่ผิดพลาด เจ้าไห่หลินมีน้ำเสียงและสีหน้าที่หยิ่งยโสเช่นเคย ในตอนท้ายเขาโพสต์สมบัติเวทอีกชิ้นหนึ่ง

“คงเป็นการเสียมารยาทหากข้าจะไม่ตอบแทน เจ้าจะช่วยข้าแก้ปัญหาของ   สมบัติเวทชิ้นนี้ด้วยได้หรือไม่”

หวังเป่าเล่อไม่สนใจเสียงฮือฮาที่ระเบิดขึ้นบนเครือข่ายวิญญาณแม้แต่น้อย ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขามุ่งไปที่คำตอบของเจ้าไห่หลินเพียงอย่างเดียว       ลมหายใจของเขารัวเร็วทันทีได้รับรู้ ราวกับมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงกลางศีรษะ

ปัญหาอีกอย่างในกระบวนการหลอมสมบัติเวท!

ไม่เพียงแต่จะต้องกะประมาณอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับวัสดุที่ใช้เท่านั้น         แต่ยังต้องโคจรปราณวิญญาณให้ทั่วถึงเพื่อให้วัตถุเวทใช้การได้อีกด้วย!

ใบหน้าของหวังเป่าเล่อฉายแววกระจ่าง ความคิดเดียวในหัวเขาคือการแลกหมัดกับศิษย์พี่องครักษ์อาวุธเวทครั้งนี้มีประโยชน์กับเขามากมายเหลือเกิน

ศิษย์พี่เจ้านี่ช่างเก่งกาจเสียจริง!

หวังเป่าเล่อรับเอาสมบัติเวทจากเครือข่ายวิญญาณมาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบศึกษาค้นคว้ามันทันที หลายวันผ่านไป แม้ชายหนุ่มจะดูเหนื่อยล้า แต่ว่าเขาก็ยังมีกำลังวังชาและยังคงร่าเริง หลังจากที่ประกาศคำตอบออกไป เขาก็โพสต์วัตถุเวทอีกชิ้น   ขึ้นบนเครือข่ายวิญญาณทันที

คราวนี้เป็นทีของร่มที่คิดว่าตนเองเป็นกระบี่เหาะเหิน…

เจ้าไห่หลินนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความโมโห เขาเชิญคนอื่นๆ มาช่วยถอดรหัส       ร่มปริศนาอีกครั้ง เกิดเป็นการโต้ตอบไปมาระหว่างคนทั้งสอง การประลองความรู้ด้านสมบัติเวทที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อนได้อุบัติขึ้นแล้ว!

หลายวันผ่านไป ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าไห่หลิน หวังเป่าเล่อก็ได้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุเวทเพิ่มขึ้นมากโข ทำให้เขาสามารถหลอมฝักกระบี่จนกระทั่งเป็นวัตถุเวท    ระดับสองแบบชั้นเยี่ยมได้สำเร็จ นานวันเข้าหวังเป่าเล่อก็ยิ่งหมกมุ่นอยู่กับวิดีทัศน์ของเจ้าไห่หลินมากขึ้น เขาถือว่าทุกๆ รายละเอียดในวิดีทัศน์ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้เรียนรู้

ศิษย์พี่เจ้าช่างน่าทึ่งอะไรเช่นนี้!

ศิษย์พี่เจ้าช่างรอบรู้ยิ่งนัก แม้แต่ร่มคันนั้นก็ยังแก้ปัญหาจนได้!

ความรู้เรื่องวัตถุเวทของศิษย์พี่เจ้าช่างลึกล้ำจริงๆ!

ยิ่งหวังเป่าเล่อดูวิดีทัศน์มากขึ้นเท่าไร จิตใจเขาก็ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นเท่านั้น       เขายังคงโพสต์วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทลงไปบนเครือข่ายวิญญาณ              ไม่หยุดหย่อน จนถึงคราวที่เขาโพสต์ผนึกยักษ์ลงไปในที่สุด เจ้าไห่หลินก็จวนจะ     เสียสติไปแล้ว องครักษ์อาวุธเวททั้งยี่สิบชีวิตต่างก็รู้สึกว่าตนเองอับโชคนัก ที่ต้องถูกลากมาผจญวิบากกรรมนี้ไปด้วย พวกเขาไม่ต้องการข้องเกี่ยวด้วยอีกแล้ว เมื่อสหายเอ่ยลากันไปทีละคนสองคน เจ้าไห่หลินก็ได้แต่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ในถ้ำที่พัก       ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้การประลองความรู้ในครั้งนี้

สำหรับเขาแล้ว การประลองเป็นเรื่องรอง เป้าประสงค์หลักคือการล้วงลึกวัตถุประสงค์ของอีกฝ่ายมากกว่า อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเขาจะพยายามประเมินสถานการณ์เพียงใด ก็ไม่อาจบอกได้ว่าอีกฝ่ายวางแผนอะไรเอาไว้กันแน่

เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์นี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นไปอีก

พวกนั้นเตรียมตัวมาดี หากเป็นแผนเล่นงานข้าจริงๆ คงจะใช้เวลาคิดมาไม่ต่ำกว่าสองปี ข้าจะทำอย่างไรต่อไปดี

เจ้าไห่หลินสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบจิตสงบใจ เขาเริ่มรู้สึกว่านี่เป็นความ       ท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาตั้งแต่มาเป็นผู้นำฝ่ายองครักษ์เลยก็ว่าได้!

วัตถุเวทที่อีกฝ่ายเตรียมมา รวมถึงความรวดเร็วที่อีกฝ่ายสามารถศึกษาวัตถุเวทของเขาจนเข้าใจ ทำให้เจ้าไห่หลินตื่นกลัวและด่วนสรุปในทันที

จะต้องมีคนมากมายคอยหนุนหลังเขาอยู่อย่างแน่นอน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version