บทที่ 168 หึ่ง หึ่ง…
การถอนตัวของเจ้าไห่หลินนั้นนอกจากจะสร้างเสียงฮือฮาไปทั่วแล้ว ยังเรียกความนิยมของวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทให้กลับมาได้อีกด้วย ยิ่งตอนนี้พวกมันมีจำนวนจำกัดด้วยแล้ว วัตถุเวทเหล่านั้นจึงกลายเป็นของหายากขึ้นมาในทันที
แม้ว่าการต่อสู้อันสมน้ำสมเนื้อจะดำเนินมาถึงจุดจบและไม่ใช่ประเด็นร้อนอีกต่อไป แต่ว่าคำว่า ‘วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท’ ก็ตราตรึงอยู่ในใจของผู้คน ไม่รู้คลาย อาจกล่าวได้ว่าทุกๆ คนรู้จักมัน ผู้คนต่างก็เริ่มคาดเดาถึงตัวตนของ ผู้หลอมวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทกันสนุกสนาน
อย่างไรก็ดี หวังเป่าเล่อกลับเสียใจเป็นอย่างยิ่ง การถอนตัวของเจ้าไห่หลินทำให้เขาผิดหวังมาก ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรมากมายจากการแลกเปลี่ยนความคิดฉันท์มิตรกับเจ้าไห่หลิน
หวังเป่าเล่อไม่เพียงเข้าใจสมบัติเวทลึกซึ้งขึ้นเท่านั้น เขายังมั่นใจในความสามารถที่จะหลอมสมบัติเวทขึ้นมาได้มากขึ้นอีกด้วย ก่อนหน้านี้เขาไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถหลอมสมบัติเวทได้ มาบัดนี้ เขาพร้อมที่จะเริ่มหลอมแล้ว
ส่วนจะเปิดเผยว่าตัวเองคือ ผู้หลอมวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทหรือไม่นั้น หวังเป่าเล่อครุ่นคิดมาสักพักและคิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะ เหตุหนึ่งเพราะวัตถุเวท ที่มีเครื่องหมายกากบาทมีปัญหาจริง อีกเหตุหนึ่งเพราะหวังเป่าเล่อชอบที่ตัวเองได้ ทั้งวางขายผลงานในที่แจ้ง และจำหน่ายวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทในเงามืด การมีสินค้าวางขายในทั้งสองด้านทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกมีพลัง
อัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานระดับสูงกล่าวไว้ว่า ในชีวิตอันแสนโชติช่วงหนึ่งครั้ง บุรุษควรจะมีนามให้ผู้คนเรียกขานหลากหลาย ขณะนี้…ดูเหมือนข้าจะผ่านมาตรฐานนี้แล้ว
แม้ว่าจะตีความถ้อยคำนั้นผิดไป แต่หวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ว่าตัวเขาเองช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกินในขณะนั้น
ด้วยรอยยิ้มสุดแสนภูมิใจ หวังเป่าเล่อเริ่มค้นคว้าและหลอมสมบัติเวทระดับสามทันที หลายวันต่อมา เขาใช้ความรู้ของตนเองผนวกกับความเข้าใจที่ได้จากการศึกษาวิดีทัศน์ของเจ้าไห่หลิน และพอพักจากการหลอมทรายอาวุธเมื่อใด เขาก็จะหมดเวลาไปกับการฝึกหลอมสมบัติเวทระดับสามเสมอ
ณ ขณะนั้น รายนามรางวัลที่เขาได้รับจากหมู่บ้านลมปราณวิญญาณก็มาถึง หวังเป่าเล่อชำเลืองมองก่อนจะตกตะลึงตัวแข็ง
13,600 กว่าชิ้น…
หวังเป่าเล่อไม่เคยตั้งใจนับว่าตัวเองลักลอบนำข้าวของกลับออกมาจากหมู่บ้านลมปราณวิญญาณได้มากเพียงไร แต่มาบัดนี้เมื่อเห็นจำนวนข้าวของเหล่านั้น เขาจึงเข้าใจได้ว่าเหตุใดสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จึงใช้เวลาจดรายชื่อสิ่งของให้เขานานนัก
จำนวนดังกล่าวมากมายเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อของทั้งหมดจำต้องถูก จดลงในบันทึกของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหตุให้กว่ารายชื่อนี้จะมาถึง หวังเป่าเล่อก็กินเวลาไปนาน
อันที่จริงแล้ว มีวัตถุกว่าสามพันรายการที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ว่าทำอะไรได้ ชื่อวัตถุเหล่านี้ถูกเน้นเอาไว้บนรายชื่อด้วย
หลังจากตรวจสอบดูแล้ว หวังเป่าเล่อก็พบว่าเขาสามารถเลือกของได้กว่าพันชิ้นจากรายชื่อทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สำหรับของเช่นซากศพหรือโอสถ เขาไม่สามารถรับทุกชิ้นไปได้ จะต้องเลือกแค่ชิ้นเดียวจากแต่ละกลุ่มเท่านั้น
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน หวังเป่าเล่อเลือกที่จะเก็บของไว้ครึ่งหนึ่งของสิทธิ์ที่เขามี และขอแลกอีกครึ่งหนึ่งเป็นศิลาวิญญาณมูลค่าเท่ากัน ทำให้ตอนนั้นจำนวน ศิลาวิญญาณที่เขาครอบครองอยู่พลันพุ่งสูงขึ้นจนน่ากลัว
เมื่อเห็นปริมาณศิลาวิญญาณในบัญชี หวังเป่าเล่อก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาสูดลมใจเข้าลึกและยาวนาน
ข้ารวยแล้ว!
นัยน์ตาของชายหนุ่มเปล่งประกาย เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ตนเองก็เป็นเจ้าของ ศิลาวิญญาณจำนวนมาก เขาจึงเริ่มซื้อวัตถุดิบที่หลายเดือนก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าซื้อในคราวเดียว และเริ่มหลอมสมบัติเวทระดับสาม
แต่การหลอมสมบัติเวทระดับสามนั้นยังคงยากลำบากแม้หวังเป่าเล่อจะเข้าใจมากขึ้นเพียงใดก็ตาม
สองเดือนผ่านไปและหวังเป่าเล่อรวบรวมทรายอาวุธได้เจ็ดพันเม็ดหลังจาก ความพยายามอันยาวนาน ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จหลังจากล้มเหลวมา นับครั้งไม่ถ้วน
เขาหลอมสมบัติเวทชิ้นแรกสำเร็จแล้ว!
สมบัติเวทชิ้นนี้ไม่ได้พิเศษอะไร เป็นเพียงกระบี่เหาะเหินเล่มหนึ่ง นามว่า กระบี่คลื่นสวรรค์
เมื่อเหวี่ยงออกไป กระบี่จะก่อให้เกิดคลื่นพลังเวท ไม่เพียงแต่มวลพลังของมัน จะรุนแรง ทว่าพลังโจมตีก็ยังสูงไม่ใช่เล่น แม้ว่าจะไม่วิเศษวิโสอะไรในบรรดาสมบัติเวทระดับสาม และไม่ได้โดดเด่นกว่าวัตถุเวทระดับสองมากมายนัก แต่ก็สามารถทำลายวัตถุเวทระดับสองเป็นจุณได้ยามปะทะกัน
หวังเป่าเล่อตื่นเต้นสุดขีดที่ได้เห็นพลังของกระบี่คลื่นสวรรค์ แต่เขาก็เข้าใจ อีกเช่นกันว่าหากต้องการจะเป็นองครักษ์อาวุธเวท แค่หลอมกระบี่คลื่นสวรรค์ได้นั้นยังไม่เพียงพอ
การสอบเพื่อเลื่อนขั้นเป็นองครักษ์อาวุธเวทนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เขารู้กฎการสอบดีและรู้ว่าการสอบองครักษ์อาวุธเวทนั้นผู้สมัครต้องเตรียมสมบัติเวทไปชิ้นหนึ่ง
สมบัติเวทนั้นจะต้องเป็นสมบัติเวทระดับสูงสุด สมบัติเวทระดับสามถือว่า ยังธรรมดาเกินไป หากใช้สมบัติเวทพื้นฐานจริง โอกาสที่จะผ่านการทดสอบเป็นองครักษ์อาวุธเวทก็ยังมีอยู่ แค่ต้องอาศัยโชคช่วยเป็นอย่างมาก!
สำหรับบททดสอบเข้าเป็นองครักษ์อาวุธเวททั่วไป ผู้เข้าสอบต้องพยายาม หลอมสมบัติเวทที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ความสามารถของตนเองจะอำนวย เมื่อเตรียมตัวพร้อมก็ยื่นสมัครขอสอบ พอตำหนักอาวุธเวทตรวจสอบใบสมัครเสร็จเรียบร้อยก็จะกำหนดวันสอบมาให้
เมื่อถึงวันสอบ รองเจ้าตำหนักทั้งสี่และเจ้าตำหนักอาวุธเวทจะปรากฏตัวขึ้นที่ลานสอบองครักษ์อาวุธเวท ในฐานะผู้คุมสอบ พวกเขากุมอำนาจตัดสินว่าผู้เข้าสอบจะผ่านและได้เป็นองครักษ์อาวุธเวทหรือไม่ ในขณะเดียวกัน พวกเขาจะถามคำถามมากมายเกี่ยวกับการหลอมสมบัติเวท
แน่นอนว่า บางครั้งผู้สมัครจะถูกขอให้หลอมสมบัติเวทชิ้นเดิมขึ้นอีกชิ้นต่อหน้าพวกเขา และยังมีหลายครั้งที่รองเจ้าตำหนักขอให้ผู้สอบหลอมสมบัติเวทอีกชิ้นหนึ่งขึ้นตรงนั้นเลยด้วย!
หากมีความผิดพลาด ผู้เข้าสอบก็จะตกทันที หากถูกจับได้ว่าโกง บทลงโทษนั้นหนักหนาอยู่พอสมควร ศิษย์จะถูกไล่ออกจากเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงและ เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงจะริบคืนความรู้ทั้งหมดที่ได้ร่ำเรียนไป
ส่งผลให้แม้จะมีผู้ที่กล้าโกงการสอบองครักษ์อาวุธเวท แต่ก็มีจำนวนน้อยมากและพวกเขาทุกคนก็ถูกลงโทษสถานหนักกันทั้งสิ้น
เมื่อรู้เช่นนี้หวังเป่าเล่อเข้าใจดีว่ามาตรฐานของตนตอนนี้ยังต่ำเกินไป เขาเองยังไม่มีสมบัติเวทที่ดีพอจะใช้ยื่นขอสมัครสอบ
เป้าหมายของข้าคือ การหลอมสมบัติเวทระดับสามแบบชั้นเยี่ยมให้สำเร็จได้ โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เช่นเดียวกับที่ข้าหลอมวัตถุเวทระดับสองได้ หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้กรรมการจะมอบโจทย์ที่ท้าทายเพียงใด ก็จะไม่มีใครหยุดข้าไม่ให้ ก้าวขึ้นไปเป็นองครักษ์อาวุธเวทได้!
นี่คือ ความตั้งใจที่หวังเป่าเล่อวางไว้ให้ตนเอง แววตาของชายหนุ่มมุ่งมั่น เขาหายกลับเข้าไปเก็บตัวเงียบหลอมสมบัติเวทระดับสามอีกครั้งด้วยความทุ่มเท
เวลาผ่านไป เมื่อหวังเป่าเล่อหลอมสมบัติเวทชิ้นที่เจ็ดสำเร็จ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองหลอมสมบัติเวทได้ชำนาญขึ้นทุกวัน ตอนนั้นเองเขาก็หลอมทรายอาวุธเม็ดที่หนึ่งหมื่นสำเร็จพอดี
เมื่อมองเห็นกองทรายอาวุธตรงหน้า หวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ถึงฝักกระบี่ในอกเสื้อ ชายหนุ่มเริ่มครุ่นคิดว่าตัวเองควรจะยึดติดกับแผนเดิมคือ หลอมสมบัติเวทระดับสามให้ชำนาญก่อน หรือหลอมฝักกระบี่ก่อนดี
แผนแรกใช้เวลานานมากและหวังเป่าเล่อคิดว่าเขาควรจะทดลองต่อไป ส่วนแผนหลัง แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมั่นใจแต่อย่างน้อยวัตถุดิบหลักก็ครบแล้ว และวัตถุดิบที่เหลือ เขาก็สามารถหาซื้อได้ในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงไม่ยากเย็นอะไร
ไม่กี่อึดใจต่อมา หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจได้ ทรายอาวุธและฝักกระบี่มีค่ามากเกินกว่าจะหลอมโดยไม่มีความชำนาญพอ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจหลอมสมบัติเวทระดับสามต่อไปก่อน
เวลาล่วงเลยไป ขณะที่หวังเป่าเล่อกักตัวฝึกฝนอยู่นั้น เขาก็แข็งใจกินขนมน้อยลงตามไปด้วย ทำให้น้ำหนักลดไปบ้างและดูหล่อเหลาขึ้นมาก
ในที่สุดก็ผ่านไปสามเดือน แม้จะใช้ศิลาวิญญาณไปปริมาณมากโข และผ่านความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน แต่หวังเป่าเล่อหลอมสมบัติเวทระดับสามได้ชำนาญยิ่งขึ้น เขาสามารถหลอมสมบัติเวทระดับสามแบบชั้นเยี่ยมได้แล้ว แม้ว่าจะเป็นประเภท ที่หลอมง่ายหน่อย แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มมีกำลังใจในการฝึกฝนมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้หลอมเลื่อนขั้นวัตถุเวทระดับสองแบบชั้นเยี่ยมทั้งหมดของเขา รวมถึงวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทบางชิ้นด้วย ด้วยทรัพยากรที่มีเพียงพอของเขา ทำให้วัตถุเวทเหล่านั้นพัฒนาขึ้นเป็นระดับสามได้สำเร็จ
จากการทดลองอย่างกล้าหาญ บวกกับพรสวรรค์และโชคชะตาเล็กน้อย หวังเป่าเล่อก็หลอมเลื่อนขั้นฝักกระบี่สำเร็จในครั้งเดียวเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ใช่แบบ ชั้นเยี่ยม แต่ฝักกระบี่ก็พัฒนาขึ้นเป็นสมบัติเวทระดับสามได้เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หวังเป่าเล่อโบกฝักกระบี่ไปมาอย่างตื่นเต้น พลางคาดหวังจะเห็นเข็มปักวิญญาณปรากฏขึ้นด้านใน อะไรบางอย่างกลับเกิดขึ้นแทน ทำเอา ชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง
เสียงครืดๆ ดังออกมาจากด้านในฝักกระบี่ หวังเป่าเล่อตกตะลึง เขาจ้องมองอย่างงุนงงเมื่อเห็นยุงเก้าตัวบินออกมาจากฝักกระบี่ สายตาเขาพร่าเลือนไปชั่วขณะ ศีรษะรู้สึกว่างโหวง
“นี่มันบ้าอะไรกัน”
หวังเป่าเล่อขยี้ตาอย่างไม่เชื่อและรู้สึกว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นเหลือเชื่อเกินไป หลังจากที่ได้สติ เขาเริ่มกังวลและรีบตรวจสอบตัวอักขราจารึกบนฝักกระบี่ทันที
เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดแล้วจึงพบสาเหตุ เพราะความไม่ชำนาญของเขา จึงมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการหลอมพัฒนาฝักกระบี่ให้เป็นระดับสาม ขณะที่กำลังผสานรวมทรายอาวุธเข้ากับฝักกระบี่นั้น ทรายอาวุธดันไปเปลี่ยนตัวอักขระทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงผิดปกติโดยที่ไม่รู้ตัว ผลลัพธ์ของมันก็ประจักษ์อยู่ตรงหน้านี้แล้ว
สำหรับเขา ฝักกระบี่นี้…ทั้งสำเร็จและล้มเหลวในคราวเดียวกัน!
ทว่ามันแตกต่างออกไปจากวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาททั่วไป ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทเกิดขึ้นจากทรายอาวุธเพียงเม็ดเดียว แต่ว่าฝักกระบี่ด้ามนี้…มีทรายอาวุธกว่าหนึ่งหมื่นเม็ดที่ถูกผสานรวมเข้ากับมัน!
“ไม่นะ…” หวังเป่าเล่อรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก เขานึกเสียใจ ความร้อนวิชาที่ทำให้หลอมฝักกระบี่เร็วเกินไป ราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นเยียบ ความหวังและความตื่นเต้นที่หวังเป่าเล่อมีก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นยุงเก้าตัวบินวนอยู่ตรงหน้า เขาเกือบจะพาลยกมือขึ้นตบทิ้ง เสียตัวหนึ่ง แต่เมื่อคิดได้ว่าตัวเองใช้ทรายอาวุธไปถึงหนึ่งหมื่นเม็ดและวัตถุดิบ อีกจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อหลอมมันขึ้นมา เขาก็ตบไม่ลง
“ยุง…ก็แข็งแกร่งได้นะ!” หวังเป่าเล่อร้องตะโกนออกมาและปลอบใจตนเอง เขานึกไปเจ้ายุงยักษ์สุดสะพรึงที่เขาเผชิญหน้ามาในป่าฝนบ่อเมฆ
คิดได้เช่นนั้น เขาก็รวบรวมความกล้าและเดินออกจากถ้ำที่พักด้วยสีหน้าบึ้งตึงทันที ตั้งใจว่าจะทดสอบความแข็งแกร่งของยุงเหล่านี้ให้จงได้…
“บรรพบุรุษจ้ำม่ำและปู่ย่าตาทวดทั้งหลายในอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูง โปรดอวยพรให้ยุงเหล่านี้มีประโยชน์อะไรบ้างด้วยเถิด อย่างน้อยก็ขอให้ข้าไม่เปลืองทรายอาวุธไปเปล่าๆ ก็พอ เพราะข้า…ข้าหมดทรายอาวุธไปหนึ่งหมื่นเม็ดเชียวนะ!”