Skip to content

A World Worth Protecting 165

บทที่ 165 ยั่วโมโห

“ทำไมถึงมีคนตาดีมองเห็นสมบัติมากมายขนาดนี้กันนะ”

หลังจากตรวจดูสถานการณ์ หวังเป่าเล่อถึงกับไม่เชื่อสายตา โดยเฉพาะตอนที่เห็นคนโพสต์ข้อความรับซื้อวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท

“วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อนึกออกทันทีที่ได้ยินว่าผู้คนกำลังพูดถึงวัตถุเวทที่เขานำไปวางขาย เขาไม่รีบร้อนวางขายวัตถุเวทขยะ  ที่เหลือบนเครือข่ายวิญญาณในทันที เพราะยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาวางแผนจะดูสถานการณ์ไปอีกสักหน่อย เพราะเขารู้สึกว่ามันน่าตลกที่ความนิยมของวัถตุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เฝ้าดูมาสักระยะ ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นไปตามที่หวังเป่าเล่อคาดการณ์ ในวันต่อๆ มา คำว่า ‘วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท’ ก็เป็นที่พูดถึงมากขึ้นจากสังคมผู้ใช้วัตถุเวทบนเครือข่ายวิญญาณของเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง

ในเวลาเดียวกัน จำนวนผู้ต้องการซื้อก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนมากไม่เคยรู้จัก ‘วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท’ มาก่อนแต่เพราะความสนใจใคร่รู้จึงอยากจะลองหาข้อมูลเพิ่ม พวกเขาได้รู้ถึงที่มาของวัตถุเวทเหล่านั้นอย่างรวดเร็วและอยากจะซื้อมาใช้บ้าง แต่กลับหาซื้อไม่ได้เลย…

เหตุนี้ทำให้วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทยิ่งลึกลับขึ้นไปอีก

ความโกลาหลนี้ควรจะยุติลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีอะไรมากมาย แต่ทว่าในไม่ช้า วิดีทัศน์การต่อสู้ระหว่างฉีหนันและหลี่เฟยก็แพร่ออกไปบนเครือข่ายวิญญาณโดย   ฝีมือบุคคลปริศนา วิดีทัศน์นั้นสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนจำนวนมากทันทีที่ปรากฏบนเครือข่ายวิญญาณ

“วัตถุเวทชิ้นนั้นช่างทนทานเหลือเกิน!”

“นี่มันไม่ใช่กระบี่เหาะเหินแล้ว นี่มันโล่ชัดๆ! โล่ที่แข็งแรงและทนทานมากๆ ด้วย!”

ผลพวงของวิดีทัศน์นั้นเหมือนการที่โยนก้อนกรวดลงในน้ำแล้วเกิดระลอกคลื่น เมื่อเวลาผ่านไปทุกสิ่งก็จะกลับมาสงบเช่นเดิม แต่ทว่าก่อนที่ระลอกคลื่นจะได้สงบลง ศิษย์อีกคนผู้ซึ่งซื้ออาวุธเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทไปได้โพสต์วิดีทัศน์อีกชิ้นขึ้นเสียก่อน

“ดูนี่สิทุกคน! กระบี่เหาะเหินที่ข้าเพิ่งซื้อมา! อย่าโดนรูปลักษณ์ซอมซ่อของมันหลอกเสียเล่า เพราะว่ามันเคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว!”

ในวิดีทัศน์นั้น ศิษย์คนหนึ่งจากตำหนักการยุทธ์ขว้างกระบี่เหาะเหินที่ดูราวกับว่าจะพังแหล่มิพังแหล่ออกไปอย่างรำคาญใจ ผลปรากฏว่ากระบี่เหาะเหินหายวับไป    กับตา พลางสร้างคลื่นเสียงที่รุนแรงแต่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมาเพ่งพิจารณาในวิดีทัศน์แบบชัดๆ ก็อาจเห็นได้ว่ากระบี่นั้นมีความเร็วสุดยอดตั้งแต่วินาทีที่พุ่งออกไปจากมือ!

ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ กระบี่ก็กลับมาอย่างรวดเร็ว เกิดคลื่นเสียงดังกว่าเก่า      เกิดเป็นคลื่นลมพัดบริเวณโดยรอบศิษย์คนนั้น เมื่อฝุ่นจาง ศิษย์คนนั้นยืนถือกระบี่อยู่อย่างไม่ค่อยสบายใจ

อย่างไรก็ดี วิดีทัศน์นั้นแสดงให้เห็นว่ากระบี่นั้นดูเสียหายหนักกว่าเก่า

“พวกเจ้าเห็นนั่นไหม ความเร็วของกระบี่เหาะเหินนั้นเหนือกว่าวัตถุเวทอื่นใด พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง ยิ่งกว่านั้น กระบี่เล่มนี้ยังมีราคาเพียงเจ็ดร้อย             ศิลาวิญญาณเท่านั้นเอง!” ศิษย์ผู้นั้นหัวเราะร่าอย่างเปรมปรีดิ์ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขที่เขาซื้อสมบัติล้ำค่ามาได้ในราคาถูก

วิดีทัศน์นั้นทำให้เกิดกระแสวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผู้คนที่ต้องการซื้อวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทอยู่แล้วยิ่งอยากได้ขึ้นไปอีก แม้กระทั่งคนที่ตอนแรกไม่ได้ใส่ใจก็เริ่มสงสัยและอยากรู้หลังจากได้ดูวิดีทัศน์ ในวันถัดๆ มา วิดีทัศน์คล้ายกันนี้ก็ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด!

วัตถุเวททุกชิ้นที่ปรากฏบนวิดีทัศน์เหล่านี้มีคุณลักษณะที่น่าตื่นตะลึง            การจะนำไปประยุกต์ใช้อย่างไรขึ้นอยู่กับผู้ใช้เอง สิ่งที่เป็นที่น่าจดจำคือ วัตถุเวท   ชนิดนี้ทุกชิ้นต่างมีเครื่องหมายกากบาทสลักอยู่!

วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายเพียงชั่วข้ามคืน ผู้ต่างก็ควานหากันจ้าละหวั่น

อย่างไรก็ดี หวังเป่าเล่อก็ยังไม่นำวัตถุเวทออกขายเพิ่มอยู่เช่นเดิม ทำให้วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทชุดแรกนั้นเป็นกลายเป็นของหายาก ไม่ว่าใครจะอยากได้เพียงใดก็ไม่อาจหาซื้อได้

สุภาษิตที่ว่า ‘สิ่งที่หายากย่อมน่าครอบครอง’ ยิ่งเพิ่มพูนความสนใจที่ผู้คนมีต่อวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทขึ้นไปอีก ในเวลาเดียวกันนั้น มีการนำวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทมาขายต่อ ราคาที่เสนอกันในท้องตลาดนั้นแพงลิบ

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตกตะลึง เมื่อเขามองเห็นโพสต์หาซื้อวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท เขาค่อยๆ ก้มลงมองถุงใส่วัตถุเวทขยะของเขา นัยน์ตาเขา   ลุกโชนขึ้น

หรือว่าทั้งหมดนี่…อาจจะไม่ใช่ขยะก็ได้

หวังเป่าเล่อคิดทบทวนและโพสต์ขายวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทชุดที่สอง หวังจะเกาะกระแสความนิยมไปทำกำไร แต่ในขณะที่เขาโพสต์นั่นเอง ก็มีอีกโพสต์หนึ่งปรากฏขึ้นแทบจะพร้อมๆ กันบนเครือข่ายวิญญาณ!

โพสต์นั้นเป็นวิดีทัศน์ของศิษย์ท่าทางหยิ่งยโสผู้หนึ่งจากตำหนักอาวุธเวท       ฉายภาพเขากำลังแกะกระบี่เหาะเหินเปิดออกราวกับกำลังทำการผ่าตัด

“ศิษย์ร่วมสำนักศึกษาทุกท่าน ข้าได้ยินเรื่องวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทจากคนอื่นๆ มีคนจำนวนมากถามความเห็นที่ข้ามีต่อเรื่องนี้ ฉะนั้น ข้าจึงซื้อมาหนึ่งชิ้นในราคาแพงด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในตอนแรก ข้ารู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้ตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว หึ…” องครักษ์อาวุธเวทผู้นั้นหัวเราะ      อย่างดูถูก ขณะที่ยังคงแกะชิ้นส่วนกระบี่เหาะเหินต่อไป

จากนั้นไม่นาน กระบี่เหาะเหินทั้งเล่มก็เหลือเพียงแก่นวิญญาณเท่านั้น           เมื่อมองเห็นตัวอักขระบนนั้น องครักษ์อาวุธเวทผู้นั้นก็ส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง

“จากการวิเคราะห์ของข้า วัตถุเวทชิ้นนี้คือขยะดีๆ นี่เอง! คุณประโยชน์ของมันแทบทั้งหมดถูกทำลายไปเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับลักษณะบางประการเท่านั้น     มีประโยชน์อะไรกัน นี่เป็นผลิตผลของความฉ้อฉลที่ออกมาเพื่อหลอกลวงเอาเงินผู้บริโภค

“ไม่มีใครอยากจะหลอมวัตถุเวทแบบนี้หรอก เป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงได้สนใจวัตถุเวทพวกนี้นัก ในความเป็นจริงแล้ว หากข้าตั้งใจ ข้าสามารถหลอมวัตถุเวทแบบนี้ได้วันละนับสิบชิ้น ขยะพวกนี้ช่างเปล่าประโยชน์!”

องครักษ์อาวุธเวทผู้นั้นพูดอย่างใจเย็น เพราะว่าตัวอักขระบนแก่นวิญญาณมี  ม่านป้องกันครอบอยู่ทำให้เขาไม่อาจลบมันออกได้ เขาไม่ได้ใส่ใจนักและเพียงโยนแก่นวิญญาณทิ้งไป

“ท้ายที่สุด ข้าอยากจะให้ทุกคนจับจ่ายอย่างมีสติ และข้าอยากจะใช้โอกาสนี้เตือนเจ้าแกะดำที่กำลังหลอมวัตถุเวทขยะเหล่านี้ให้หยุดทำลายชื่อเสียงของ      ตำหนักอาวุธเวทเสียที!”

เมื่อวิดีทัศน์นี้ถูกโพสต์ เครือข่ายวิญญาณก็เกิดโกลาหลขึ้นใหญ่หลวงอีกครั้งหนึ่ง เพราะองครักษ์อาวุธเวทในวิดีทัศน์ดังกล่าวเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงมาก เขาเป็นถึงผู้นำของฝ่ายตรวจสอบประจำสำนักอาวุธเวท ฝ่ายนี้มีหน้าที่ตรวจสอบดูแลกิจการทั้งหลายในตำหนักอาวุธเวท ไม่มีใครกล้าท้าทายพวกเขาหากไม่จำเป็น

วิดีทัศน์ของเขาได้รับความสนใจอย่างมาก เมื่อจำนวนคนดูเยอะขึ้น การโต้เถียงก็เกิดขึ้นในบรรดาผู้ชม

“เข้าใจละ…นี่ไม่ถือเป็นการฉ้อโกงหรือ เอาขยะมาขายให้เราอย่างนี้”

“ใครกันนะ กล้าของห่วยๆ พรรค์นี้ ข้าหลงนึกว่าเป็นสมบัติที่ไหนได้ ขยะดีๆ นี่เอง!”

คนที่โพสต์ข้อความเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่หาซื้อวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทไม่ได้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้ที่ซื้อจะออกมาปกป้องวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทโดย    ยกประสิทธิภาพขึ้นมาโต้แย้ง ก็ไม่อาจต้านทานกระแสถกเถียงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ได้

หวังเป่าเล่อพลันเดือดปุดทันทีที่รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด วิดีทัศน์นั้นทำให้ผู้คนล้มเลิกความตั้งใจจะซื้อวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท ส่งผลกระทบต่อแผนการขายของเขาเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าวัตถุเวทเหล่านี้อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่เท่ากับที่โดน      ดูถูกแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดโอ้อวดที่ว่าองครักษ์อาวุธเวทสามารถหลอมได้      วันละสิบชิ้นนั้นเป็นไปไม่ได้เลยในสายตาหวังเป่าเล่อ หรือแม้ว่าเขาจะทำได้จริงๆ      ก็ไม่อาจเทียบความแข็งแกร่งของกระบี่เหาะเหินของหวังเป่าเล่อได้แน่นอน

เพราะเหตุนั้น หวังเป่าเล่อจึงหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางหยิบเอากระบี่เหาะเหินอีกเล่มออกมาจากถุงเก็บของ เขาวางขายมันโดยไม่เปิดเผยชื่อพร้อมโพสต์ข้อความถึงองครักษ์อาวุธเวทผู้นั้นด้วยว่า

“ท่านองครักษ์อาวุธเวทจากฝ่ายตรวจสอบประจำตำหนักอาวุธเวท หากท่าน    ทำความเข้าใจกระบี่เหาะเหินเล่มนี้ได้ ข้าจะยอมแพ้ท่าน!”

แม้กระทั่งตัวหวังเป่าเล่อเองก็ยังงุนงงกับพฤติกรรมของกระบี่เหาะเหินเล่มที่เขาเพิ่งวางขายไป เหตุที่เขาไม่ได้ลงขายกระบี่เล่มนี้ก่อนหน้านี้ เพราะว่ากระบี่เล่มนี้       มีพฤติกรรมบ้าคลั่ง หลังจากที่สั่งใช้งาน กระบี่เหาะเหินจะขัดข้องและไม่สามารถ  แยกมิตรหรือศัตรูได้ และความเป็นไปได้ที่จะพุ่งเข้าใส่ศัตรูนั้นเท่าๆ กับที่จะพุ่งใส่     ตัวผู้ใช้เองหรือผู้คนทั่วไป

เพราะฉะนั้น หวังเป่าเล่อไม่ได้ตั้งใจจะขายกระบี่เหาะเหินเล่มนี้ แต่มาตอนนี้    หวังเป่าเล่อโกรธมากจึงตัดสินใจนำไปวางขาย

เจ้าไห่หลิน หรือองครักษ์อาวุธเวทจากฝ่ายตรวจสอบประจำตำหนักอาวุธเวทผู้นั้น พลันหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินเรื่องกระบี่ เขาไม่ได้ใส่ใจนักในตอนแรก แต่ทว่าความโกลาหลที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายวิญญาณทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เจ้าไห่หลินไม่ใช่ผู้ซื้อกระบี่คนแรก แต่ทว่าผู้ซื้อรายแรกหลังจากได้ลองก็ถึงกับตกตะลึงจนต้องโพสต์วิดีทัศน์

ในวิดีทัศน์นั้น กระบี่เหาะเหินเหมือนกับเสียสติ พุ่งเข้าฟันทุกคนที่ขวางหน้า     ทุกคนต่างก็ตกตะลึง วิดีทัศน์เหมือนกันนี้ปรากฏขึ้นอีกเมื่อมีการนำกระบี่เหาะเหินไปขายต่อ

ในที่สุด ความวุ่นวายที่ก่อตัวขึ้นเป็นคลื่นอยู่ตอนนี้ก็มาถึงขีดสุด แปรสภาพกลายเป็นพายุใหญ่ที่พัดกระหน่ำเอาความสนใจจากทั่วทุกสารทิศมารวมกัน

เพราะประเด็นนี้ผู้คนให้ความสนใจกันมากมาย เสียงเรียกร้องให้เจ้าไห่หลิน     นำกระบี่เหาะเหินไปแยกชิ้นส่วนจึงดังขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดด้วยความหลงใหลในชื่อเสียง เจ้าไห่หลินก็ส่งคนไปซื้อกระบี่เหาะเหินเล่มนั้นมาให้และเริ่มศึกษา

เมื่อเขาพยายามจะแยกส่วนมันนั่นเอง นัยน์ตาเขาก็ต้องเบิกโพลงด้วยความ     ตกตะลึง ลมหายใจเขารัวเร็ว เพราะไม่เพียงแค่ตัวอักขระบนแก่นมีการป้องกัน     เสริมเอาไว้เท่านั้น โครงสร้างและการจัดวางของตัวอักขระก็ซับซ้อนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่กับสมบัติเวทระดับสามก็ตาม

นั่นจึงทำให้การหาสาเหตุที่กระบี่เหาะเหินเล่มนั้นขัดข้องลำบากขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ดี ข่าวเรื่องเขาซื้อกระบี่เหาะเหินไปเพื่อศึกษาหาข้อผิดพลาด              ก็แพร่กระจายไปทั่ว ดึงดูดความสนใจจากฝูงชนจำนวนมาก เจ้าไห่หลินสบถออกมาเบาๆ เพราะเขาติดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจกลับหลังหันได้

“คนบ้าประเภทใดกันที่หลอมวัตถุเวทพรรค์นี้ขึ้นมา”

เมื่อไม่เหลือทางเลือก เจ้าไห่หลินจึงต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ เขาพาองครักษ์อาวุธเวทอีกสามคนมาช่วยเขาไขปริศนาของกระบี่เหาะเหิน หลังจากที่      ทั้งสามเห็นตัวอักขระบนแก่นวิญญาณของกระบี่เหาะเหิน พวกเขาถึงกับตกตะลึง พวกเขาใช้เวลาเหนื่อยยากไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็มๆ เพื่อไขปริศนาการทำงานของกระบี่เหาะเหิน

“ขอบใจทุกคนมากๆ!” หลังจากที่ส่งเพื่อนทั้งสามไปด้วยความขอบคุณ เจ้าไห่หลินกลับไปที่ถ้ำที่พักด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เขาเริ่มรู้สึกระแวงผู้ที่หลอมวัตถุเวทนี้ขึ้นมา เขาคิดอย่างมั่นใจว่าผู้ที่มีความสามารถในการหลอมวัตถุเวทที่ซับซ้อนเช่นนี้จะต้องเป็นองครักษ์อาวุธเวทเช่นเขาเป็นอย่างน้อย

อย่างไรก็ดี เขาไม่อยากสร้างศัตรูโดยใช่เหตุ จึงใช้เส้นสายในการติดต่อกับ     สำนักควบคุมเครือข่ายวิญญาณเพื่อตามหาว่าใครเป็นผู้หลอมมันขึ้นมา

แม้ว่าสำนักควบคุมเครือข่ายวิญญาณจะไม่อาจบอกข้อมูลทั้งหมดกับเขาได้       แต่พวกเขาก็บอกว่าผู้ที่หลอมวัตถุเวทนี้เป็นศิษย์ตำหนักอาวุธเวทคนหนึ่ง เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าไห่หลินถอนใจด้วยความโล่งอก แววตาเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนในหน้าของเขาแทน

“เป็นแค่ศิษย์ตำหนักอาวุธเวทสามัญทั่วไป กล้ามาลองดีกับข้าอย่างนั้นหรือ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version