Skip to content

A World Worth Protecting 166

บทที่ 166 ศิษย์พี่เจ้าช่างใจกว้างนัก

เจ้าไห่หลินหัวเราะเสียงเย็นก่อนจะกดบันทึกวิดีทัศน์เพื่อโพสต์ลงบนเครือข่ายวิญญาณ

บัดนี้ ผู้ที่ติดตามเรื่องนี้บนเครือข่ายวิญญาณมีจำนวนมากมาย ทุกคนต่างก็ตั้งตารอวิดีทัศน์ของเจ้าไห่หลินที่จะอธิบายถึงกลไกเบื้องหลังกระบี่เหาะเหินคลั่งเล่มนั้น วินาทีที่เขาโพสต์วิดีทัศน์ลงไปนั้นยอดผู้ชมพุ่งพรวดในทันที จากนั้น เมื่อบอกกันปากต่อปาก ยอดผู้ชมก็พุ่งสูงลิบยิ่งขึ้นไปอีก

ในวิดีทัศน์นั้น เจ้าไห่หลินไม่ได้แสดงท่าทีเหนื่อยอ่อนจากการศึกษากระบี่เหาะเหินแม้เพียงเล็กน้อย เขาดูกระปรี้กระเปร่าและยังคงมีท่าทางเย่อยิ่งเช่นเดิม เขาพูดอย่างสงบนิ่ง

“เหตุที่วิดีทัศน์นี้ล่าช้าไปบ้างเพราะข้ากำลังหลอมสมบัติเวทระดับสี่ ข้าจึงไม่มีเวลาเหลือมาดูเรื่องนี้ ข้าเพิ่งจะหลอมสมบัติเวทชิ้นนั้นเสร็จเมื่อวาน จึงได้มีเวลามาดูกระบี่เหาะเหินเล่มนี้

“ในความเห็นของข้า กระบี่เหาะเหินเล่มนี้…คือขยะ!

“มันแย่ยิ่งกว่าเล่มก่อนเสียอีก เรียกว่าเป็นขยะในหมู่ขยะเลยกระมัง!

“ข้าอยากจะฝากไปถึงผู้หลอมว่า ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะยอมแพ้หรือไม่ แต่ในฐานะองครักษ์อาวุธเวทแห่งตำหนักอาวุธเวทแล้ว ข้ามีความรับผิดชอบที่จะต้องทำให้เจ้าสำนึกว่าการเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักอาวุธเวทนั้นไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด!

“กระบี่เหาะเหินของเจ้าเล่มนี้…เพราะความด้อยทักษะของเจ้าจึงไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิที่ใช้หลอมได้ ทำให้ร้อนเกินไปและส่งผลให้เกิดการหลอมละลายของตัวอักขระตัวที่ 3,785 ซึ่งกระทบกับลำดับของตัวอักขระทั้งหมด เมื่อออกคำสั่งใช้งาน กระบี่เหาะเหินจึงไม่อาจหาเป้าหมายพบ ยิ่งไปกว่านั้น เพราะลำดับอักขระที่สะเพร่าของเจ้าเอง ทำให้กระบี่มีพลังทำลายสูงส่งที่ถูกกดทับไว้อย่างไม่มีที่ปลดปล่อย        ทำให้ไม่อาจแยกแยะมิตรหรือศัตรูได้!

“ท้ายที่สุด ข้าขอให้เจ้ายุติการใช้วัตถุเวทขยะพวกนี้หลอกลวงผู้อื่นเสีย หาไม่แล้ว ข้าจะตามตัวเจ้าจนเจอและจับเจ้ามาสอบสวนให้จงได้!”

ในวิดีทัศน์นั้น เจ้าไห่หลินมีสุ้มเสียงเข้มงวดและยุติธรรม เมื่อเสียงของเขาดังกังวานไป ฟังดูราวกับว่าเขาเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจ ผู้คนต่างพากันเคารพยำเกรง

ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้องตามหลักเหตุผลทุกอย่าง พูดไปพลางเขาก็    แกะกระบี่เหาะเหินออกเป็นส่วนๆ และชี้ไปยังตัวอักขระที่ผิดให้ผู้ชมดู การกระทำของเขานั้นทำให้ทุกคนเชื่อเขาอย่างหมดใจ

“เป็นอย่างนี้นี่เอง! ไม่เสียแรงที่เป็นถึงองครักษ์อาวุธเวท ใช้เวลาเพียงวันเดียว     ก็สามารถจะวิเคราะห์วัตถุเวทนั่นได้ปรุโปร่งถึงเพียงนี้!”

“ยอดเยี่ยม! นี่ละคือความสามารถที่แท้จริงขององครักษ์อาวุธเวท!”

“ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่า! วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทพวกนั้นก็แค่ขยะ    จากที่เห็นมานี่ก็เป็นความจริงนะ ขยะทั้งนั้น!”

การโต้เถียงกันเกิดขึ้นบนเครือข่ายวิญญาณอีกครั้ง เสียงของเหล่าผู้ต่อต้านวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทเริ่มมีมากขึ้น เมื่อเห็นว่ากระแสเริ่มตีกลับ เจ้าไห่หลินค่อยเบาใจลงบ้าง

สำหรับเขาแล้ว แม้ว่าผู้ที่หลอมวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทอาจจะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่เรื่องก็ควรต้องจบลงแค่นี้ เขาคิดว่าเจ้าคนร้ายคงไม่ตอบโต้อะไรไปมากกว่านี้

เขายิ่งมั่นใจเมื่อผ่านไปสองวันแล้วเสียงต่อต้านวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทยิ่งรุนแรงขึ้น และผู้หลอมก็ยังคงเงียบเฉย เจ้าไห่หลินพ่นลมหายใจออกทางจมูก พลางคิดกับตนเองว่าที่เขาทำนายไว้ว่าผู้หลอมคงจะอับจนปัญญาแล้วคงเป็น      ความจริง

“เขาดูเหมือนจะหลักแหลมแต่กลับเบาปัญญาเสียเหลือเกิน!” หลังจากการโพสต์ข้อความสุดท้ายลงไปบนเครือข่ายวิญญาณ เจ้าไห่หลินก็เลิกสนใจเรื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิง

อีกวันผ่านไป เมื่อเห็นว่าผู้หลอมวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทยังคงไม่ปรากฏกาย เสียงด่าทอและคำวิพากษ์วิจารณ์กลับยิ่งดังขึ้น

เป็นเวลาเดียวกับที่หวังเป่าเล่อหลอมทรายอาวุธครบหนึ่งพันเม็ดพอดิบพอดี   ด้วยความลิงโลดใจ เขาจึงคิดถึงเรื่องวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทของตนเองขึ้นมา เลยเปิดเครือข่ายวิญญาณขึ้นดู ทันใดนั้น เมื่อเห็นเสียงก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท เขาก็โกรธจัด

“ใครมันจะไปว่างดูเครือข่ายวิญญาณทั้งวันทั้งคืนกัน” หวังเป่าเล่อกัดฟันกรอด ช่วงแรกที่เขาลงขายกระบี่เหาะเหินนั้น เขาเข้าไปดูบ้างเป็นระยะๆ แต่เพราะภารกิจช่างยืดเยื้อยาวนาน หวังเป่าเล่อจึงลืมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปเสียสนิทและง่วนอยู่กับ      การหลอมทรายอาวุธ

หลังจากที่เห็นคำด่าทอ เขาก็พบวิดีทัศน์ของเจ้าไห่หลิน ความรู้สึกเกลียดชัง    เอ่อท้นขึ้นมาในใจหลังจากดูจบ ตาของหวังเป่าเล่อเบิกโพลง ลมหายใจก็รัวเร็ว นัยน์ตาของเขาฉายแววโรจน์ด้วยโทสะ แต่หลังจากนั้นอีกไม่กี่อึดใจ หวังเป่าเล่อ       ก็ยกมือขึ้นทุบต้นขาตนเองอย่างแรง

“นี่สินะคือเหตุผล! ทรายอาวุธส่งผลกับอุณหภูมินั่นเอง!” หวังเป่าเล่อกระโดด  ขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น ด้วยความงุ่นง่าน เขาหยิบเอาขวดน้ำเย็นหล่อวิญญาณขึ้น   ยกซดทีเดียวหมดก่อนจะเขวี้ยงขวดออกไปพ้นทาง จากนั้นจึงเริ่มเดินวนอยู่ในถ้ำที่พัก พยายามคิดอยู่วนไปวนมาในหัว

ถ้าอย่างนั้น หากส่วนนั้นของตัวอักขระถูกแก้ไข ส่วนอื่นก็จะเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน จากนั้นกระบี่ก็จะได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่มันจะแยกแยะมิตรและศัตรูได้เท่านั้น พลังของมันก็จะกล้าแกร่งขึ้นอีกมากด้วย!

หัวใจของการเปลี่ยนวัตถุเวทเป็นสมบัติเวทนั้นอยู่ที่อุณหภูมิและการใช้ตัวอักขระ…ข…ข้าเข้าใจแล้ว!

หวังเป่าเล่อกระวนกระวายยิ่ง ก่อนจะวางขายเจ้ากระบี่เหาะเหินคลั่ง             เขาได้จดจำตัวอักขระในแก่นวิญญาณของมันเอาไว้หมดแล้ว ที่ผ่านมาเขาขาด     ความเข้าใจและต้องคอยตั้งสมาธิกับการหลอมทรายอาวุธ จึงไม่อาจบอกได้ว่า   ปัญหาอยู่ที่ใด และไม่ได้แก้มันให้เหมาะสม แต่บัดนี้ เขาหยุดเดินอย่างกะทันหันหลังจากเดินวนไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระบี่เหาะเหินเล่มใหม่   พุ่งตัวเข้าไปยังห้องเตาหลอมในทันที

ในห้องเตาหลอมนั้น หวังเป่าเล่อทดลองครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อจะพิสูจน์ทฤษฎีที่เขาได้มา หลังจากที่พิสูจน์ได้ว่าคำตอบที่ได้มาจากองครักษ์อาวุธเวทนั้นถูกต้อง เขาก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก เขานึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิและตัวอักขระแล้วก็รู้สึกราวกับว่าวิดีทัศน์นั้นเหมือนกับสายฟ้าฟาดที่ทำให้เรื่องเป็นไปไม่ได้เกิดเป็นไปได้ขึ้นมา

อย่างนี้นี่เอง…หวังเป่าเล่อกลั้นลมหายใจและลองทำตามดูในทันที หลายวันผ่านไป เขาก้าวออกมาจากห้องเตาหลอมอย่างเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ แต่นัยน์ตากลับ    ฉายแววตื่นเต้น เขากำแก่นวิญญาณแท่งหนึ่งไว้แน่นในมือ ก่อนจะหัวเราะอย่างสุขใจ

แก่นวิญญาณชิ้นนั้นเป็นผลลัพธ์จากความรู้ใหม่เกี่ยวกับอักขระวิญญาณที่เขาเพิ่งหลอมขึ้นมา โดยการใช้กระบวนการคิดของเขาเองประกอบกับข้อมูลที่ได้จากวิดีทัศน์ของเจ้าไห่หลิน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ทรายอาวุธในการหลอม ทว่าพลังของมันนั้นรุนแรงแทบจะเทียบเท่าสมบัติเวทเลยทีเดียว!

ข้าสามารถจัดการกับตัวอักขระด้วยวิธีการนี้ก็ได้ด้วย แปลว่าในความเป็นจริงแล้ววัตถุเวทจำนวนมากที่ข้าหลอมขึ้นก่อนหน้านี้ไม่จำเป็นต้องมีตัวอักขระมากมายนักก็ได้ ระหว่างการหลอม ตัวอักขระย่อมเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเพราะอุณภูมิอยู่แล้ว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงล้มเหลวกับการหลอมสมบัติเวทก่อนหน้านี้! หากข้าคิดถึง     ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในช่วงการหลอมด้วย      ข้าก็จะสามารถสลักตัวอักขระให้สมบูรณ์ได้ทันที และความสมบูรณ์แบบก็ไม่เกินเอื้อมอีกต่อไป!

ข้ารู้แล้ว! นี่เองคือความแตกต่างระหว่างวัตถุเวทและสมบัติเวท! เป็นอย่างที่เขาว่ากันมาจริงๆ…ความสัมพันธ์และความเปลี่ยนแปลงระหว่างอุณหภูมิและตัวอักขระ!

เมื่อก้มลงมองแก่นวิญญาณในมือ หวังเป่าเล่อหัวเราะขึ้นมาดังกว่าเดิม      องครักษ์อาวุธเวทไม่เพียงแก้ปริศนาที่เขาแก้ไม่ได้ให้เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือความเข้าใจพื้นฐานในเรื่องความแตกต่างระหว่างวัตถุเวทกับสมบัติเวทที่หวังเป่าเล่อได้เรียนรู้จากวิดีทัศน์ขององครักษ์อาวุธเวทนั่นเอง ทำให้ตอนนี้หวังเป่าเล่อสามารถพัฒนาอาวุธเวทได้สำเร็จแล้ว!

สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว ทั้งหมดนี่ดูราวกับจะเป็นชะตาฟ้าลิขิต จากความงุนงงและโง่เขลาตอนแรก มาบัดนี้เขาเข้าใจดีขึ้นมาก ราวกับว่าถนนสู่ทางออกนั้นได้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าตัวเขาผู้หลงทางอยู่ในเขาวงกตกระนั้น!

ไม่เพียงแต่ศิษย์พี่เจ้าจะปราดเปรื่อง เขายังเป็นคนดีอีกต่างหาก!

นอกจากความรู้สึกเบิกบานใจแล้ว หวังเป่าเล่อยังรู้สึกถ่อมตัวอีกด้วย โทสะที่เขาเคยมีมลายหายไปสิ้น เขาคิดอย่างจริงจังว่าเจ้าไห่หลินนั้นช่างเก่งกาจและตัวเขาเองไม่ควรถือโกรธอีกต่อไป เพราะอย่างไรเสีย เจ้าไห่หลินก็เป็นคนช่วยให้เขาแก้ปัญหา   ได้สำเร็จ

สิ่งที่เจ้าไห่หลินทำเท่ากับเป็นการช่วยเร่งให้หวังเป่าเล่อได้เป็นองครักษ์อาวุธเวท     เร็วขึ้นอีก!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ตื่นเต้นเป็นอันมาก ขณะนี้ เขากำลังคิดถึงปัญหาอื่นๆ ที่ยังคิดหาทางแก้ไขไม่ออก หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็ลุกโชนขึ้น เขาเอื้อมมือไปหยิบเอาประคำระเบิดตัวเองสองลูกออกมาจากสร้อยข้อมือเก็บของ

เขาใส่ประคำทั้งสองลูกลงในกล่องกันกระแทกเพื่อลดโอกาสการระเบิดขึ้นมา    โดยใช่เหตุ

เขาศึกษาประคำเหล่านี้มาก่อนหน้านี้และไม่อาจบอกได้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด      สำหรับเขาแล้ว มันยากเย็นกว่าปัญหากระบี่เหาะเหินเสียอีก ขณะนี้เมื่อเขามีโอกาส หวังเป่าเล่อไม่ยอมเสียเวลาและรีบวางขายประคำบนเครือข่ายวิญญาณทันที

“ศิษย์พี่เจ้าช่างปราดเปรื่องจริงๆ! ถ้าเช่นนี้ข้าเองก็ควรจะตั้งใจมากขึ้นด้วย ประคำทั้งสองลูกนี้เป็นประคำระเบิดตัวเองที่จะระเบิดขึ้นหากถูกกระทบแม้เพียงเล็กน้อย!

“ห้ามไม่ให้มือสมัครเล่นซื้อไปเด็ดขาด เพราะข้าไม่อาจรับผิดชอบได้หากเกิด    สิ่งไม่คาดฝันขึ้น ข้าจะขอขายให้แก่ศิษย์พี่เจ้าผู้เดียวเท่านั้น! ข้าคิดว่าแม้แต่ตัวท่านเองก็ไม่อาจจะแก้ปัญหานี้ได้!”

หวังเป่าเล่อรีบโพสต์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบขนมขึ้นมากินอย่างจริงจัง

ศิษย์พี่เจ้าช่างเป็นคนดีเสียเหลือเกิน เขาจริงจังกับการช่วยข้ามากและข้าก็ไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่าโจทย์ง่ายจนเกินไปนัก เพราะฉะนั้นข้าจึงพูดไปเช่นนั้นเพื่อยั่วยุเขา…  หวังเป่าเล่อหัวเราะกับตัวเอง เขาคิดว่าเขาควรจะเลิกนิสัยเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเช่นนี้  เสียที

หลังจากกินขนมหมด เขาก็เห็นว่าหลังจากที่โพสต์ไปนั้น ก็บังเกิดความโกลาหลขึ้น  บนเครือข่ายวิญญาณอีกครั้ง ผู้คนต่างพากันให้ความสนใจ หวังเป่าเล่อต้องข่มใจไว้ ขณะที่เขาหยิบเอาฝักกระบี่ออกมาและเริ่มทำการหลอมเลื่อนขั้นต่อ

ในกระบวนการหลอมเลื่อนขั้นนั้น เขาปรับใส่ตัวอักขระที่จำมาจากวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาทลงไปในฝักกระบี่ด้วย เพื่อให้พลังของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าแต่ก่อน

ในเวลาเดียวกัน ความโกลาหลนั้นก็ลุกลามออกมาสู่โลกความเป็นจริงด้วยเช่นกัน ความคิดพิสดารของผู้หลอมวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท รวมถึงประคำที่เขา     ลงขาย กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนในทันที

และในไม่ช้า เจ้าไห่หลินก็ทราบข่าว หลังจากที่เขาอ่านโพสต์บนเครือข่ายวิญญาณ นัยน์ตาเขาก็วาวขึ้นชั่วครู่

น่าสนใจดี…นี่คือ คำท้าอย่างนั้นหรือ

ผู้คนที่อยู่บนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงไม่ใช่คนโง่ เจ้าไห่หลินเข้าใจความหมายเบื้องหลังการกระทำนี้โดยทันที

เขารู้ตัวว่าก่อนหน้านี้ตัวเองหุนหันเกินไป กลายเป็นว่าตอนนี้เลยต้องมาคอยคัดง้างเรื่องวัตถุเวทกับใครบางคนที่ไม่สถานะไม่อาจเทียบเคียงกับตัวเขาได้เลยด้วยซ้ำ

เอาเถอะ มาลองดูกันสักตั้ง ว่าเจ้ามีน้ำยาหรือไม่!

เจ้าไห่หลินหัวเราะอย่างเยือกเย็น ก่อนจะหันไปหยิบเอาสมบัติเวทของตนเองมาโพสต์ลงบนเครือข่ายวิญญาณบ้าง พร้อมข้อความที่ว่า

“ถึงผู้หลอมวัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท ข้าจะรับคำท้าของเจ้า แต่ข้าอยากให้เจ้าช่วยวิเคราะห์สมบัติเวทชิ้นนี้ด้วยเช่นกัน สมบัติเวทนี้ขัดข้องและข้าก็ยังไม่มีเวลาแก้ไข ข้าจะให้เจ้ายืมไปหนึ่งเดือนเพื่อหาจุดขัดข้องให้พบ หากเจ้าทำไม่ได้         ก็เลิกยุ่งกับข้าเสียที!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version