บทที่ 195 จะพูดอะไรก็พูดมา
หวังเป่าเล่อสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นขณะมองวานรเพชรบินกลับตำหนักอาวุธเวทไป เขาหันเดินกลับถ้ำที่พักของตนบ้าง สมองทำงานเต็มสูบ ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว
ขว้างลูกปัดระเบิดใส่เจ้าลิงโง่นั้นเลยดีหรือไม่ ไม่ดีกว่า ดูออกง่ายเกิน
หรือจะปล่อยยุงไปกัด ดีเหมือนกัน แต่ถ้าเจ้าลิงดันโวยวายจนตำหนักฝึกอสูรทำการตรวจสอบหาที่มา พวกเขาคงรู้ว่าเป็นฝีมือของข้าได้อย่างง่ายดาย…
หรือจะให้คนอื่นจัดการให้ดี อย่างเช่น สร้างความขัดแย้งระหว่างวานรเพชรกับเจ้าตำหนักฝึกอสูร แต่ก็ดูเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อน…คนฉลาดอย่างข้าไม่ควรใช้วิธีการเช่นนี้
ข้าควรทำอย่างไรดี… หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว เขานึกถึงกลเม็ดเด็ดพรายที่เคยพบเจอมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย แต่ก็ใช้ไม่ได้การสักวิธี ชายหนุ่มยืนนิ่งเมื่อกลับเข้ามาในถ้ำที่พัก
วานรเพชรมันเป็นตัวผู้หรือตัวเมียนะ หวังเป่าเล่อสงสัย พยายามนึกรายละเอียดต่างๆ จากความทรงจำ เริ่มหงุดหงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง เขามั่นใจว่าวานรเพชรเป็นตัวผู้
เป็นอสูรขั้นรากฐานตั้งมั่นแท้ๆ แต่กลับไร้ยางอาย ไม่ยอมใส่เสื้อผ้า โชว์ของลับต่อหน้าธารกำนัล เจ้าโรคจิตชอบอวดของนี่ชักจะไปกันใหญ่แล้ว! หวังเป่าเล่อ แค่นเสียงทางจมูก เขาตัดสินแล้วว่าความผิดของเจ้าลิงนั้นหนักหนายิ่งนัก
หวังเป่าเล่อผู้นี้เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา ไม่เคยคิดแก้แค้นใคร แต่เจ้าลิงช่างหน้าไม่อาย ชอบอวดของลับ หญิงสาวทั่วสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จะทำหน้าเยี่ยงไรเมื่อได้เห็นพฤติกรรมวิปริตเช่นนี้ ช่างเป็นภัยต่อสังคม ข้าจะจัดการสั่งสอนมันเพื่อสำนักเอง!
คิดได้ดังนั้นหวังเป่าเล่อก็เอาจริงเอาจังขึ้นมา เขารู้สึกราวกับว่าได้รับภารกิจใหม่ แผนการต่างๆ เริ่มผุดขึ้นในหัว
ถ้าเป็นลิงตัวผู้ ก็มีเพียงทางเดียวที่จะใช้จัดการ ข้าจะหลอมหุ่นเชิดลิงตัวเมียมาให้มัน…หวังเป่าเล่อเริ่มวางแผนในหัว ในใจรู้สึกแน่ชัดว่าจะต้องสำเร็จ เขาหัวเราะเริงร่า เมื่อคิดภาพเจ้าลิงติดกับแผนของเขา ชายหนุ่มตื่นเต้น ตั้งตาคอยเวลานั้นแทบไม่ไหว นัยน์ตาส่องแสงเป็นประกาย หวังเป่าเล่อวิ่งไปยังเตาหลอม หยิบเอาวัสดุต่างๆ ออกมา ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการหลอม
ระหว่างนั้นก็คอยเข้าไปอ่านข้อมูลต่างๆ ในเครือข่ายวิญญาณไปด้วย
สามวันผ่านไป หวังเป่าเล่อก็ออกมาจากห้องเตาหลอมพร้อมกับวานรเพชรตัวจ้อย
วานรเพชรตัวนี้มีสีชมพู ดวงตากลมโต ปากเล็กน่ารัก ดูมีทรวดทรงองค์เอว ปราณวิญญาณรอบตัววานรสีชมพูมีพลังล้นเหลือ สมบัติเวทหุ่นเชิดตัวนี้เป็นสมบัติเวทระดับสามขั้นสมบูรณ์
ด้านความทนทานนั้น หวังเป่าเล่อคิดคำนวณโดยใช้อักขระป้องกันทั้งหมดที่เขาศึกษามา สลักลงไปในแก่นวิญญาณ ทุ่มทุนซื้อวัสดุชั้นดีมาใช้หลอมอีกเช่นกัน ทำให้วานรเพชรตัวจ้อยนี้มีความทนทานสูงมาก
ภายในตัวหุ่นเชิดมีกลไกทำลายตัวเอง ทั้งเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงนั้นมีเพียง หวังเป่าเล่อเพียงผู้เดียวที่สามารถเปิดใช้งานกลไกนี้ได้
รูปลักษณ์ภายนอกนั้นมาจากการนำรูปลิงตัวเมียนับหมื่นรูปที่หวังเป่าเล่อค้นเจอในเครือข่ายวิญญาณมารวมกัน เขาเติมแต่งเล็กน้อยด้วยตนเองอีกเช่นกัน คิดว่าเมื่อวานรเพชรเห็นหุ่นเชิดตัวนี้คงจะไม่สามารถทานทนความน่ารักของมันได้ไหว
พอเห็นหุ่นเชิดวานรของข้าแล้ว เจ้าลิงชั้นต่ำนั้นจะต้องยอมสยบเป็นแน่แท้! หวังเป่าเล่อมั่นใจในผลงานของตนมาก เขาหัวเราะเสียงดังด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็พาหุ่นเชิดวานรออกไปข้างนอกด้วยใจตั้งมั่น
หวังเป่าเล่อออกมาหน้าถ้ำที่พัก ดีดนิ้วขึ้นหนึ่งครั้ง หุ่นเชิดวานรที่ตามหลังมาติดๆ ก็ส่งเสียงร้องออกมาจากภายใน ร่างของมันดูใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าจากปกติ มองดูแล้วถึงจะไม่ใหญ่เท่าภูเขาขนาดเล็ก แต่ก็ถือว่าใหญ่มากทีเดียว หวังเป่าเล่อคิดว่า ขนาดของมันน่าจะเหมาะสมเมื่อเทียบกับวานรเพชร
“นั่น…หุ่นเชิดหรือ”
“เกิดอะไรขึ้นกัน หวังเป่าเล่อหลอมหุ่นเชิดวานรเพชรขึ้นหรือ”
“พวกเจ้าคิดเหมือนข้ารึเปล่าว่าหุ่นเชิดตัวนั้นดู…ก้อร่อก้อติกอยู่หน่อยๆ”
หวังเป่าเล่อได้ยินบทสนทนาและเห็นสีหน้าของผู้คนรอบๆ ก็รู้สึกพึงพอใจและเริ่มมั่นใจในแผนการของตนมากขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือ งานศิลป์ชั้นยอด! หวังเป่าเล่อหันกลับมามอง หุ่นเชิดวานรด้วยความพอใจยิ่ง แต่พอนึกถึงเหตุผลที่หลอมหุ่นเชิดตัวนี้ขึ้น เขาก็ถอนหายใจ รู้สึกว่าตนเองเริ่มเขวออกจากเส้นทางการหลอมหุ่นเชิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ชักจะออกนอกลู่นอกทางไปไกล…
ข้าทุ่มเทมากเกินไป เพื่อเพียงแค่จะลงโทษเจ้าลิงชั้นต่ำปัญหาสังคม แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะนี่คือชะตาของข้า ทั้งชีวิตของข้าลิขิตมาให้ทุ่มเทตนช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวัง สิ่งใดตอบแทน หวังเป่าเล่อรำพึงในใจ จากนั้นก็นำเรือบินออกมาและเหาะขึ้นฟ้าไปพร้อมกับหุ่นเชิดวานร
เขานำเรือบินขึ้นสู่ฟากฟ้า ขับวนไปรอบเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง เมื่อมาถึง ตำหนักฝึกอสูร ชายหนุ่มก็ลดความเร็วลง… เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี หุ่นเชิดสีชมพู ดูโดดเด่นเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ราวกับดอกกุหลาบท่ามกลางพงหนาม ดึงดูดสายตาผู้คนมากมาย ขณะเดียวกันก็เรียกความสนใจจากสายตาคู่หนึ่งในถ้ำบนยอดเขา สักแห่งในตำหนักฝึกอสูร
สายตาคู่นั้นจ้องมายังเรือบินของหวังเป่าเล่อ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เสียงร้องคำรามราวสายฟ้ากัมปนาท ไม่ช้าวานรเพชรก็พุ่งออกมาจากถ้ำที่พักด้วยความตื่นตัว มุ่งหน้าไปทางหวังเป่าเล่ออย่างไม่ลังเลใจ
มันมาแล้ว! หวังเป่าเล่อตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงคำรามคุ้นหู เขาคุมหุ่นเชิดลอยออกจากเรือบิน ตั้งใจนำไปล่อวานรเพชร
วานรเพชรร้องคำรามขึ้นเมื่อเข้ามาใกล้ ไม่ได้สนใจหุ่นเชิดวานรเลยแม้แต่น้อย มันตบหุ่นเชิดลอยขึ้นฟ้า ก่อนจะหันกลับมาทางหวังเป่าเล่อและพุ่งเข้าใส่ ราวกับว่ามันสนใจเพียงแต่หวังเป่าเล่อ
นี่มันอะไรกัน ไม่ชอบหุ่นเชิดอย่างนั้นหรือ
หวังเป่าเล่อตื่นตะลึงกับสถานการณ์ที่พลิกผัน ชายหนุ่มสั่นเทิ้มรีบบังคับเรือบินหนีไป แต่ก็สายไปเสียแล้ว วานรเพชรตามเขาได้ทัน มันแยกเขี้ยวก่อนตะปบเรือบินเข้าอย่างจัง
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หวังเป่าเล่อหวีดร้องออกมา รู้สึกราวกับว่าโลกหมุน ชายหนุ่มบังคับเรือบินด้วยความยากลำบาก พยายามหลบการโจมตีครั้งต่อไปของวานรเพชร ก่อนจะลงจอดที่พื้นจนสำเร็จ เขารีบลงจากเรือบินอย่างรวดเร็ว เงยหน้ามองฟากฟ้าอย่างขุ่นเคือง
วานรเพชรบนฟ้ายิ้มกว้างใส่ ดูโอหังยิ่งไปกว่าเดิม มันทุบอกเย้ยหยันก่อนจะกลับออกไป
หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัวขณะมองวานรเพชรจากไป เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
ไม่ใช่ข้าแน่นอนที่สร้างขึ้นมาผิดแบบ คงเป็นเพราะเจ้าลิงชั้นต่ำนั่นมีรสนิยมพิลึกต่างหาก! หวังเป่าเล่อมองหุ่นเชิดวานรข้างๆ ด้วยความเดือดดาล เขาเก็บหุ่นเชิดและกลับถ้ำที่พัก มุ่งหน้าไปยังห้องเตาหลอม ก่อนจะเริ่มปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นเชิดวานรเสียใหม่
วันต่อมา การปรับแต่งก็เสร็จสิ้น รอบนี้หวังเป่าเล่อเน้นปรับรูปร่างของหุ่นเชิดเป็นหลัก พอพิจารณาจากรูปร่างกำยำของวานรเพชร เขาก็เดาว่ามันคงจะชอบอะไรล่ำๆ ชายหนุ่มจึงปรับแต่งหุ่นเชิดวานรให้มีกล้ามเป็นมัดๆ
การปรับแต่งดูจะได้ผล วานรเพชรเหลือบมองหุ่นเชิดอยู่หลายครั้ง แต่ก็พุ่งเข้าใส่เรือบินของหวังเป่าเล่อเหมือนเดิม แรงตะปบครั้งนี้ดูจะเบาลงเล็กน้อย
ได้ผล! หวังเป่าเล่อตื่นเต้น จัดการปรับแต่งเพิ่มเติม หลังจากทดสอบอยู่หลายรอบ ก็เข้าใจชัดเจนว่าวานรเพชรมีรสนิยมแบบใด หุ่นเชิดรอบนี้ตาเล็กหรี่ ปากหนาอวบอิ่ม หุ่นล่ำกำยำ มีขนสีเหลืองปกคลุม
เมื่อหุ่นเชิดวานรปรากฎตัว ก็เห็นผลได้ในทันที วานรเพชรที่จ้องแต่จะพุ่งใส่ หวังเป่าเล่อโดนปลุกเร้าจากสิ่งตรงหน้า ร่างเริ่มสั่นเทา หายใจถี่อย่างหื่นกระหาย วานรเพชรเลิกสนใจหวังเป่าเล่อในทันที ชายหนุ่มเห็นไฟลุกโชติช่วงในตาของ วานรเพชรที่มองไปยังหุ่นเชิดวานรของเขา
ติดกับแล้ว! หวังเป่าเล่อมองวานรเพชรพุ่งไปหาหุ่นเชิดวานร เขารีบคุมหุ่นเชิดให้หนีห่างออกไป แต่หุ่นเชิดนั้นเคลื่อนไหวช้าเกินไป จึงโดนวานรเพชรจับตัวเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว มันกอดหุ่นเชิดไว้แน่นและรีบบินกลับถ้ำที่พักอย่างรวดเร็ว…
เจ้าลิงหน้าไม่อาย เจ้าจะได้ลิ้มรสว่าการตกจากสวรรค์ลงสู่นรกมันเป็นเยี่ยงไร! หวังเป่าเล่อเอ่ยอย่างอาฆาตแค้น ก่อนจะกลับถ้ำที่พัก คำนวณเวลาที่ผ่านไป จากนั้นจึงเปิดใช้กลไกทำลายตัวเอง
หลังจากกลไกเปิดใช้งาน เสียงร้องโหยหวนด้วยความตื่นตกใจระคนโกรธแค้นจากการถูกพรากความสุขไปก็ดังขึ้นมาจากตำหนักฝึกอสูร สะท้านก้องไปทั่วฟากฟ้า
หวังเป่าเล่ออารมณ์ดีเมื่อได้ยินเสียงนั้น
“เจ้าลิงกระจอกหน้าโง่ กลัวเลยสิท่า ตกใจดีไหมเล่า นี่แค่เพียงเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ช้าเจ้าจะได้พบกับความทุกข์ทรมานจากการตกหลุมรักสิ่งที่ไม่สามารถครอบครองไว้ได้!” หวังเป่าเล่อรู้สึกราวกับเป็นนักปราชญ์ แต่ละคำที่ออกจากปากเขานั้นช่างลึกซึ้งกินใจ
แผนการของเขาแบ่งเป็นสามขั้น ขั้นแรกคือการดึงความสนใจแล้วล่อให้ วานรเพชรติดกับ ขั้นที่สองคือให้มันได้ครอบครองหุ่นเชิดสักพักจนเริ่มติดใจ ส่วนขั้นที่สามนั้น…
ขั้นที่สามคือ การฉกฉวยช่วงเวลาแห่งความสุขชั่วประเดี๋ยวที่วานรเพชรได้สัมผัสนั่นเอง!
แผนการ ‘ให้ไปแล้วจึงแย่งมา’ เป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อออกแบบไว้ใช้จัดการ วานรเพชรอยู่แล้ว
แม้อาจจะใช้กับผู้อื่นได้ไม่ดีนัก แต่หากใช้กับสัตว์อสูร หวังเป่าเล่อมั่นใจว่ามันจะต้องสำเร็จ
ชายหนุ่มพึงพอใจกับผลลัพธ์ยิ่งนัก เขาเข้าห้องเตาหลอมและหลอมหุ่นเชิด วานรตัวเดิมขึ้นในทันที วันต่อมา ก็นำหุ่นเชิดออกไปข้างนอก
เหตุการณ์เดิมเกิดวนซ้ำขึ้นอีกครั้ง วานรเพชรรีบลากหุ่นเชิดวานรกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหุ่นเชิดก็ระเบิดทำลายตัวเอง ส่งผลให้วานรเพชรร้องคำรามอย่างโกรธแค้น
หวังเป่าเล่อรู้ว่าตำหนักฝึกอสูรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จึงไม่ได้ทำซ้ำหลายครั้ง พอครบสามครั้ง เขาก็เลิกส่งหุ่นเชิดออกไป หันมาเฝ้าคอยอยู่ในถ้ำที่พักแทน
รุ่งเช้าหลายวันต่อมา…วานรเพชรก็มาปรากฎตัวหน้าถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อพร้อมนัยน์ตาแดงก่ำ ก่อนจะเริ่มร้องคำรามอยู่หน้าถ้ำ
วานรเพชรรู้สึกว่างเปล่าในจิตใจหลังจากพบประสบการณ์สุดหนักหนา ได้ของเล่นสุดหรรษามาครอบครอง ไม่ช้าก็โดนทำลายหายไป มันร้องโหยหวนอยู่หน้าถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อ ทุบตีผนังหินราวกับพยายามตะโกนเรียกหวังเป่าเล่อให้ออกมา…
หวังเป่าเล่อที่อยู่ในถ้ำที่พักเงยหน้าขี้นอย่างภาคภูมิใจ ชายหนุ่มจัดอาภรณ์ของตัวเอง ก่อนจะแง้มประตูมองวานรเพชรที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่ภายนอก
“หอนคร่ำครวญอะไรกัน ข้าไม่เห็นจะเข้าใจ อยากจะพูดอะไรก็พูดมา!”
“โฮก!…” วานรเพชรเห็นตาข้างหนึ่งของหวังเป่าเล่อตรงประตูที่แง้มเปิดออกก็ร้องขึ้นทันที
“ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด เจ้าอยากจะบอกอะไรกัน” หวังเป่าเล่อกระแอมไอ
“โฮก!”
“อยากร้องก็ร้องไป ถ้าไม่มีอะไรจะพูด ข้ากลับไปนอนดีกว่า!” หวังเป่าเล่อจ้องและค่อยๆ ปิดประตูลง…