Skip to content

A World Worth Protecting 221

บทที่ 221 หนึ่งต่อร้อย

หวังเป่าเล่อเลิกคิ้วขึ้น และยังคงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง

“ช่างมันเถอะ เราควรเป็นมิตรกันไว้ ข้าเป็นคนใจเย็นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงข้าเลย”

จั่วอี้ฟานเงียบสนิทเมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าตนเป็นคนใจเย็น หลังจากนั้นไม่นานนักครูฝึกชราก็มาถึงและเริ่มสาธิตเคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดาราอีกครั้ง ก่อนมองหวังเป่าเล่ออย่างสนใจอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับมองเห็นอะไรบางอย่าง ชายชราครุ่นคิดก่อนจะคลี่ยิ้ม แล้วใช้มือขวาหยิบวัตถุชิ้นหนึ่งขึ้นมา

มันคือ…ไข่หนึ่งฟอง

“นี่เป็นไข่ของอสูรร้าย ข้าได้มันมาจากท้องทะเลแห่งอสูร ถึงจะไม่รู้สายพันธุ์ที่แน่ชัด แต่จงคิดเสียว่าข้าจะมอบให้เป็นรางวัลสำหรับวันนี้ก็แล้วกัน ในการต่อสู้ครั้งนี้      พวกเจ้าห้ามใช้สมบัติเวทหรือคาถาเวทใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากพลังกายเท่านั้น          และรางวัลของผู้ชนะก็คือไข่ใบนี้!”

มันเอามาตุ๋นได้ไหมนะ… หวังเป่าเล่อมองไข่ในมือของผู้อาวุโสอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ชายหนุ่มคาดเดาว่าหากตนได้รับมันมา ก็คงนำมาตุ๋นกินเท่านั้น

แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะไม่ได้ใส่ใจ แต่เหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐคนอื่นรอบกายเขากลับดูตื่นเต้นเมื่อเห็นไข่ใบนี้ เพราะต่างรู้ดีว่าสามารถนำอสูรร้ายมาฝึกฝนหลังจากฟักตัวออกมาได้ และหากเลี้ยงดูฝึกฝนอย่างดี มันก็จะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยในการต่อสู้นั่นเอง

บรรดานักฝึกอสูรจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญในการฝึกฝนอสูรดุร้ายเพื่อใช้งาน ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาจึงขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร     เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม อสูรเลี้ยงส่วนใหญ่ของสหพันธรัฐมักเกิดจากการผสมเทียมหรือ   เกิดจากการผสมพันธุ์ในกลุ่มอสูรเลี้ยงรุ่นปัจจุบัน ส่วนอสูรป่าโดยกำเนิดนั้นมี    จำนวนน้อยมากนัก ทำให้ลูกอสูรและไข่อสูรจากท้องทะเลแห่งอสูรนั้นถือเป็น    สมบัติหายากอย่างยิ่ง

อีกทั้งท้องทะเลแห่งอสูรยังเต็มไปด้วยภยันตราย แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นที่อยากจะมุ่งหน้าเข้าไป ยังต้องรอให้ตนเองบรรลุสู่ขั้นกำเนิดแก่นในเสียก่อน และถึงจะบรรลุสู่ระดับการฝึกตนนั้นแล้ว ก็ยังต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ปกติแล้วเหล่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจึงเลือกไปปฏิบัติภารกิจกันเป็นกลุ่มเสียมากกว่า

ดังนั้น สำหรับคนส่วนใหญ่ ไข่อสูรจึงมีมูลค่าอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันคำพูดของ      ผู้อาวุโส ที่ว่าไม่อนุญาตให้ใช้คาถาเวทและสมบัติเวทนั้น ก็เป็นดั่งบทเพลงอันไพเราะสำหรับเหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐทั้งหลายที่จงเกลียดจงชังหวังเป่าเล่ออยู่แล้ว พวกเขาพากันตื่นเต้นขณะมองชายหนุ่มด้วยความอาฆาตแค้น

เมื่อหวังเป่าเล่อสังเกตเห็นว่าทุกคนจับจ้องมาอย่างฉุนเฉียว ก็พยายามหยอกล้อติดตลกเบาๆ ก่อนกระแอมไอ ด้วยความคิดว่าอยากจะรักษาความเป็นมิตรไมตรีไว้    จึงยิ้มสดใสและชูมือขึ้นทั้งสองข้าง

“สหายหนุ่มหล่อสาวสวยทั้งหลาย ณ ที่แห่งนี้ ข้าขอไม่ร่วมแข่งขันเพื่อแย่งชิง  เจ้าไข่ใบนี้ พวกเจ้าทุกคน…”

ยังไม่ทันพูดจบ ใครบางคนในฝูงชนก็ตะโกนออกมาสุดเสียง

“ทุกคนลุย! จัดการเจ้าอ้วนนั่นก่อนเลย! มันต้องโดนสั่งสอนเสียให้หลาบจำ”   ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนลั่นพร้อมพุ่งออกมาจากฝูงชนตรงเข้าใส่หวังเป่าเล่อ

การจู่โจมแบบกะทันหันนั้น ทำให้คนอื่นๆ เริ่มเคลื่อนไหวบ้าง พวกเขามีศัตรู    คนเดียวกัน จึงพร้อมใจล้อมวงชายหนุ่มผู้เป็นอริเพื่อรุมโจมตี หลังจากทนกล้ำกลืนความเคียดแค้นมาหลายวันเต็มที

“ซัดหน้ามัน จัดการมันเสีย!”

“เจ้านี่คงไม่เคยได้รับบทเรียนมาก่อน ข้าอยากจะลองต่อยหน้ามันมานานแล้ว!”

“หากไม่มีสมบัติเวท มันก็เป็นแค่คนไร้น้ำยาดีๆ นี่เอง!”

เสียงร้องอย่างโกรธแค้นปะทุขึ้น โดยมีครูฝึกชรายืนยิ้มขณะคอยดูแลเหตุการณ์ทั้งหมด เหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐดาหน้าเข้าโจมตีชายอ้วนโดยไม่ใช้คาถาเวทหรือสมบัติเวทแต่อย่างใด ทุกคนอาศัยเพียงพละกำลังจากร่างกายเต็มขีดจำกัดหมายจะ   สั่งสอนหวังเป่าเล่อ

โดยเฉพาะเมื่อทุกคนได้ศึกษาเคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดารามาห้าวันเต็มๆ    จนหลายคนเกิดความเข้าใจขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย บางคนเข้าใจลึกซึ้งแล้ว หากแต่ยังขาดการฝึกฝนจนช่ำชองเท่านั้น แรงจู่โจมของพวกเขาจึงส่งเสียงดังกัมปนาทไปทั่ว   ทั้งบริเวณ

เคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดาราหลากหลายรูปแบบพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่ออย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก

ชายหนุ่มตกใจอย่างยิ่ง ต่อให้มั่นอกมั่นใจเพียงใด แต่การรวมพลังโจมตีพร้อมกันเช่นนี้ก็ถือว่าอันตรายนัก เขาจึงรีบถอยหลังอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงแรงปะทะ   ก่อนพบว่าจุดที่เคยยืนอยู่เมื่อครู่นั้นถูกแรงระเบิดจากเคล็ดเวทกำเนิดดวงดาราอัดเข้าไปเต็มๆ หวังเป่าเล่อเห็นดังนั้นก็ฉุนกึก

“พวกเจ้าช่างไร้เหตุผลสิ้นดี! ข้าเพิ่งพูดไปเองไม่ใช่หรือว่าจะไม่สู้กับพวกเจ้า!” ชายหนุ่มจ้องทุกคนเขม็ง และตัดสินใจว่าจะไม่ยอมให้พวกนั้นรุมทำร้ายตนเอง        อีกต่อไป ขณะที่คนเหล่านั้นกรูเข้ามาอีกครั้ง เขาจึงเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงราวกับตัวเองเป็นสายฟ้าฟาดทะลุเมฆา ไม่ต่างจากอสูรดุร้ายพุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ!

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา หวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐคนหนึ่ง ชายผู้นั้นกำลังคำรามลั่น กำหมัดแน่นหมายจะเข้าโรมรัน     แต่กลับผงะไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวในระยะประชิดแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

หวังเป่าเล่อระเบิดเสียงคำราม ก่อนพุ่งกระแทกตัวชายผู้นั้นที่ถอยหนีไม่ทัน

เกิดเสียงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหว ชายหนุ่มกระอักเลือดสดไหลออกมาเต็มปาก ร่างลอยละลิ่วตามแรงปะทะราวกับว่าวสายขาด หัวสมองงุนงง ภาพที่เห็นตรงหน้า  ดับมืดไป ชายหนุ่มรู้สึกราวกับถูกอสูรดุร้ายพุ่งเข้าชนก็ไม่ปาน

หวังเป่าเล่อพุ่งปราดไปข้างหน้าต่อทันที โดยไม่หยุดสนใจผู้ฝึกตนที่เขาเพิ่ง       ซัดกระเด็นเลยแม้แต่น้อย หลังจากลัดการผู้ฝึกตนอีกหลายคนที่ดาหน้าเข้ามาอย่าง  ไม่หยุดยั้ง ชายหนุ่มก็ชูสองมือขึ้นฟ้า กำหมัดแน่นแล้วชกออกไปทั้งสองทิศทาง

ทันใดนั้น ก็บังเกิดคลื่นพลังก่อตัวเป็นพายุหมุน พัดกระหน่ำเอาบรรดาผู้ฝึกตนที่พุ่งเข้ามาจากทั้งสองฝั่งล้มกลิ้ง

หวังเป่าเล่อรู้สึกสังหรณ์ใจว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับตัวเอง จึงรีบหมุนตัวแล้วยกมือขวาขึ้นมาจับนิ้วของผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่ซุ่มโจมตีมาจากด้านหลัง

“ลอบทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มบิดนิ้วมือของอีกฝ่ายอย่างแรง เนื่องจากเกลียดชังการซุ่มโจมตีเป็นที่สุด ขณะที่ผู้ฝึกตนคนนั้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เขาก็เตะอัดหน้าท้องอีกฝ่ายกระเด็น ก่อนหมุนตัวกลับเพื่อใช้แผ่นหลังกระแทกเข้าตรงกลางอกของผู้ฝึกตนอีกคนใกล้ๆ

นุ่มนิ่มพิลึก หวังเป่าเล่องุนงง ก่อนได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหลี่อี้      ผู้กำลังกอดหน้าอกของตนเองไว้ แล้วถอยกรูดกลับไปอย่างรวดเร็ว นางมองชายหนุ่มตาขวางตั้งท่าจะด่า ทว่าชายหนุ่มกลับร้องสวนขึ้นมาก่อน

“น่าไม่อาย เจ้ากล้าดีอย่างไรมาฉวยโอกาสข้า!” สีหน้าขัดเขินอันยียวนของชายหนุ่ม ยิ่งทำให้หญิงสาวเดือดดาลถึงขีดสุด ก่อนจะกรีดร้องเสียงแหลมออกมา

“หนวกหูชะมัดยาด” หวังเป่าเล่อคิ้วขมวด และพุ่งเข้าหาหลี่อี้ในทันที ก่อนจะฟาดแขนจนเกิดเสียงดังลั่น ทำให้อีกฝ่ายปลิวไปกลางอากาศ หญิงสาวไม่อาจหลบหนีได้ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ตาม

จากนั้นหวังเป่าเล่อจึงหมุนตัว ก่อนพุ่งทะยานผ่านฝูงชนอีกครั้ง แม้ว่าชายหนุ่มจะมีพละกำลังอันแข็งแกร่งแต่กลับมิได้ลงมือฆ่าใครเลยซึ่งนับว่าน่าประทับใจอย่างยิ่ง เขาต่อสู้โดยไม่ใช้คาถาเวทใดๆ และอาศัยเพียงพลังกายเท่านั้น ซึ่งเท่านี้ก็นับว่าไร้ที่ติอย่างมากแล้ว ชายหนุ่มราวกับเป็นพายุหมุนโหมกระหน่ำ พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ความเร็วของหวังเป่าเล่อนั้นน่าเหลือเชื่อ ชายหนุ่มหลบหลีกพลังจากเคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดาราจากคนรอบข้างที่พุ่งเข้ามาพร้อมกันได้ แสดงให้เห็นว่าตนเองนั้นคล่องแคล่วเพียงใด ในสายตาของโจวอี้ฟานและคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้ารุมสกรัม        หวังเป่าเล่อด้วย ต่างมองชายหนุ่มเป็นเหมือนกับก้อนเนื้อกลมๆ กลิ้งไปมาท่ามกลางผู้คน และพุ่งชนใครก็ตามที่ขวางทางอยู่

เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดอย่างกลั้นไม่อยู่ คำสาปแช่ง รวมถึงคำก่นด่าอย่าง    โกรธแค้นต่างดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ ลานจัตุรัสสาธารณะแห่งนี้ หวังเป่าเล่อต่อสู้โดยใช้วิทยายุทธของตนเองได้อย่างชำนาญมากขึ้น ชายหนุ่มกระแทกพื้นอย่างแรงส่ง   ร่างตัวเองกระโจนขึ้นกลางอากาศ เขากำหมัดและตัวสั่นสะท้าน เรือนร่างโค้งงอเป็นรูปคันธนูก่อนจะชกพื้นดินจนเกิดเสียงดังลั่น!

เคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดารา!

เสียงดังราวกับฟ้าสะเทือนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทันที ลมโหมกระหน่ำพัดเข้ามาจากทุกทิศทาง กระแสวิญญาณล้นทะลัก พายุหมุนขนาดสามเมตรปรากฏขึ้นทันที ก่อนจะกระแทกเข้ากับพื้นพสุธาดังสนั่น

เหล่าพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐทุกคนต่างตื่นตกใจและเริ่มเคลื่อนตัวหนีเมื่อเกิดเสียงดังเช่นนั้น ทำให้ทุกอย่างรอบข้างโดนพลังของมันกระแทก ฝุ่นลอยฟุ้งกระจายในอากาศ ผู้คนหวีดร้องอย่างเจ็บปวด ขณะที่เลือดกบปาก ร่างกระเด็นหวือไปหลายสิบเมตร พวกเขาต่างตกตะลึงหลังจากเห็นหวังเป่าเล่อพุ่งตัวลงจากท้องนภาสู่พื้นดิน!

ในรัศมีสามสิบเมตรนี้ไม่มีใครเลย นอกจากเขา!

ร่างตุ้ยนุ้ยนั้นคงต้องหลอมมาจากเหล็กโลหะเป็นแน่ หวังเป่าเล่อยืนผงาดอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นภูเขาแห่งเนื้อหนังมังสาขนาดมโหฬาร แผ่มวลพลังดุร้ายชนิดที่ไม่อาจมีใครโค่นล้มได้

“ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไรกัน”

“อาจเป็นเพราะโอสถปลดปล่อยกำลังกายา…เขากินโอสถนั่นไปตั้งสองเม็ด!”

“ข้าเหม็นขี้หน้าเขานัก ถ้าหากข้ากินโอสถนั่นสองเม็ดเหมือนกัน ข้าก็คงมีพละกำลังแข็งแกร่งเท่ากับเขาเป็นแน่!”

ทุกคนต่างตื่นตะลึง ท่านหวังเป่าเล่อตรงหน้าพวกเขาได้ฝากความประทับใจฝังรากลึกไว้ให้กับพวกเขา ที่ยังคงแน่นิ่งด้วยความประหลาดใจจนไม่กล้าจะทำอะไรต่อ

แม้แต่ผู้ที่อยากได้ไข่อสูรเป็นรางวัล แต่ไม่ยอมเข้าร่วมการต่อสู้ อย่างโจวอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงเองก็ต่างรู้สึกแปลกใจ กงเต๋าเองก็ยังไม่ได้ลงสนาม แต่คอยเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา และแล้วดวงตาของชายหนุ่มก็เผยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะต่อสู้ เมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ เขาจึงปะทุพละกำลังราวกับสายฟ้าฟาด ก่อนจะพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อด้วยมวลพลังอันน่าทึ่ง!

“หวังเป่าเล่อ!” ในขณะที่กงเต๋าพุ่งตัวไปข้างหน้า มวลพลังที่ก่อตัวขึ้นนั้นก็เข้มข้นจนระเบิดออกมาในที่สุด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version