บทที่ 222 กงเต๋าผู้เดียวดาย
กงเต๋าถือกำเนิดในท้องทะเลแห่งอสูร เขาเติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่อันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม ทำให้ชายหนุ่มมีพรสวรรค์ในการเอาตัวรอดมากมาย หาไม่แล้วต้วนมู่ฉีคงไม่รับเขาเข้าเป็นศิษย์เอกแน่นอน
อีกทั้งประสบการณ์การใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคารตามลำพังนั้น ก็บ่งบอกได้แล้วว่าชายหนุ่มไม่ธรรมดาเลยสักนิด
แม้ว่าเขาจะใช้เวลาอยู่กับพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐคนอื่นมาหลายวัน แต่ก็ยัง ไม่สนิทกับใคร นอกจากนี้ในศึกแย่งชิงโอสถปลดปล่อยพลังกายาในวันแรกและ วันที่สอง ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับสมบัติเวทของหวังเป่าเล่ออีกต่างหาก กระนั้นที่ผ่านมาเขาก็ยอมแพ้แต่โดยดี เนื่องจากไม่อยากขัดกติกาหรือกฎข้อห้ามบางประการ แต่หากจะให้ต่อสู้กับหวังเป่าเล่อแบบตัวต่อตัวแล้ว เขาก็มั่นใจว่าตนจะเป็นฝ่ายชนะ อย่างแน่นอน
กงเต๋าพุ่งไปข้างหน้าด้วยพละกำลังอันไม่น่าเชื่อ ความไม่พอใจที่ปรากฏขึ้น สลายหายไป ราวกับแสงอาทิตย์อันสดใสโชติช่วงสาดส่องมายังค่ายนักรบอีกครั้ง!
ชายหนุ่มคำรามด้วยเสียงทุ้มต่ำดังคล้ายฟ้าร้องก้องไปทั่วทุกทิศ พร้อมทั้งเร่งฝีเท้าด้วยความเร็วสุดขีดราวกับสายฟ้าฟาด ก่อนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหวังเป่าเล่อในชั่วพริบตา
กงเต๋ากำหมัดขวาแน่นก่อนซัดตรงไปเบื้องหน้า!
ชายหนุ่มงอตัวราวกับคันธนูขณะปล่อยหมัดออกไป พลังทั้งหมดในร่างกายส่งผ่านไปยังกำปั้น เกิดเป็นคลื่นคล้ายพายุหมุนทรงพลังที่พร้อมทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง ส่งมันพุ่งไปทางอีกฝ่ายในบัดดล
หวังเป่าเล่อเบี่ยงศีรษะหลบกระบวนท่าของอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน แต่ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด มิหนำซ้ำแววตายังเผยความสนใจอย่างแจ่มชัด
“เข้าท่าทีเดียว!” ชายหนุ่มหัวเราะร่าก่อนเตะสวนกลับใส่หมดที่พุ่งกระแทกเข้ามา
ทั้งคู่สั่นสะท้านไปทั่วร่างจากการปะทะกันจนเกิดเสียงดังลั่น
แม้แต่พื้นดินยังสะเทือนและมีรอยแตกปรากฏให้เห็น เสียงกระแทกก้องกังวาน กงเต๋าหัวเราะเยาะพลางถอยไปข้างหลัง หวังเป่าเล่อหมุนตัวแต่ไม่ได้ล่าถอย แม้ว่าตรงพื้นดินใต้เท้าจะปรากฏรอยแตกมากขึ้นเท่าไรก็ไม่หยุดยั้ง ครั้นเท้าขวาของเขาแตะถึงพื้น ชายหนุ่มก็ออกแรงถีบร่างออกไปอย่างรุนแรงจนพื้นดินด้านล่างแตกระแหง ก่อนพุ่งทะยานขึ้นกลางอากาศและเปิดฉากโจมตีกงเต๋า!
ทั้งสองคนปะทะกันในบัดดล แลกกันหมัดต่อหมัด เข่าต่อเข่า การต่อสู้ที่อาศัยเพียงพลังกายอันน่าทึ่งยังคงดำเนินต่อไปกลางจัตุรัสสาธารณะของค่ายนักรบแห่งนี้ จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
การต่อสู้ตรงหน้าประกอบกับเสียงปะทะดังก้องในโสตสัมผัส ทำเอาผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทุกคนตื่นตะลึงลาน
“สองคนนั้น…บ้าไปแล้ว!”
“พละกำลังของพวกเขาช่างแข็งแกร่งนัก…ให้ไปซัดกับอสูรร้ายก็คงไม่เกินกำลัง!”
“ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดทั้งคู่ถึงได้รับคัดเลือกเข้ามาโดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ…”
ผู้คนรอบข้างต่างพากันประหลาดใจ พวกเขาบางคนยังไม่มีโอกาสเปิดฉากโจมตีด้วยซ้ำ บางคนได้เปิดฉากโจมตีแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าฝีมือการต่อสู้ด้วยพลังกายยัง ไม่เข้าขั้น บางคนก็ช่ำชองแต่ด้านคาถาเวท พวกเขาจึงต่างตกใจและทึ่งกับเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง
การต่อสู้ระหว่างสองคนนั้นยังดำเนินต่อไปท่ามกลางสายตาของเหล่าคนดู กงเต๋าเข้าจู่โจมพร้อมเผยแววตาความชั่วร้าย รังสีของความกระหายเลือดแผ่กระจายออกจากตัวราวกับกลายร่างเป็นอสูรป่าดุเถื่อน ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเองที่ถูกอีกฝ่ายซัดเข้าตรงหน้าท้อง แล้วเงยหน้าขึ้น ก่อนเตะกลับไปทันที
หวังเป่าเล่อไม่คุ้นชินกับการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายของอีกฝ่าย กระนั้นเขาเองก็เริ่มจะเดือดดาลเช่นกัน ยิ่งเห็นว่ากงเต๋าเสียสติไปแล้ว เขาก็ยิ่งเบิกตาโพลงใส่อีกฝ่าย
“เจ้าคิดจะสู้กับข้าจนตัวตายเลยหรืออย่างไร” หวังเป่าเล่อพูดพลางก้าวไปข้างหน้า พลังกายปะทุขึ้นมาในทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะคว้ามืออีกฝ่าย แล้วใช้กระบวนท่า บิดหมุนนิ้วนั้นด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด
หากคนอื่นโดนบิดงอนิ้วเช่นนี้ คงร้องเสียงหลงอย่างเจ็บปวด แต่ทว่ากงเต๋ากลับไม่สะทกสะท้าน ก่อนบิดมือกลับอีกทางแล้วหักข้อมือจนเกิดเสียงแตกร้าว แล้วกระโจนเข้าไปจู่โจมซ้ำ!
เกิดเสียงกระแทกดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะหรี่ตาลง ขณะปล่อยหมัด มือซ้ายออกไปด้วยความเร็วแสง จนเกิดเป็นกระบวนท่าจากเคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดาราพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!
เคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดารานั้นก่อให้เกิดเสียงดังลั่นอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างกายของกงเต๋าบิดเบี้ยวรุนแรงเป็นองศาที่ชวนให้ตะลึงพรึงเพริด เล็บมือข้างซ้ายของเขายาวขึ้นจนดูคล้ายใบมีดน่ากลัว ก่อนกระหน่ำลงข่วนหวังเป่าเล่อ!
การเคลื่อนไหวของทั้งคู่ตั้งแต่ต่อสู้กันในช่วงแรกจนถึงตอนนี้ช่างว่องไวนัก จนทุกคนรอบข้างต่างสับสนงุนงง
เมื่อเสียงปะทะดังขึ้น กงเต๋ากระอักเลือดสดออกจากปาก ขณะถอยกลับไป ตั้งหลักสองสามเมตร ด้วยไม่อาจทนทานต่อแรงกระแทกได้ เขาย่อตัวลงและพยุงร่างกายด้วยมือข้างหนึ่ง
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น เลือดไหลออกมุมปาก ความร้ายกาจเผยให้เห็นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน แม้จะมีผมปรกหน้าอยู่ก็ตาม
หวังเป่าเล่อรู้สึกแค้นเคืองจากการถูกโจมตี อีกทั้งยังตกใจตอนกงเต๋าพยายาม จับตัวก่อนหน้านี้แต่หลบทัน ถึงกระนั้น ฝีมือของอีกฝ่ายก็ทำให้ตรงอกกว้างของเขา มีเลือดซึมจากรอยข่วนห้าเส้น รวมถึงอาภรณ์ก็ฉีกขาดตามไปด้วย
ก่อนหน้านี้หวังเป่าเล่อทะนงตนนัก ด้วยสภาพร่างกายของตัวเองเพิ่งเปลี่ยนแปลงไป แถมพลังกายก็ยังพัฒนามากล้น แต่บัดนี้ความมั่นใจนั้นกลับถดถอยลงไป ครั้นเห็นว่าแม้กงเต๋าจะไม่ได้มีพลังกายแข็งแกร่งเท่าตน แต่เขาก็ทรงพลังไม่น้อยไปกว่ากันเลยสักนิด!
โดยเฉพาะบุคลิกโหดเหี้ยมของอีกฝ่ายที่ยอมทำร้ายตัวเองอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็มั่นใจว่าหากการต่อสู้ครั้งนี้ถึงขั้นตัดสินความเป็นความตายขึ้นมาจริงๆ ก็คงต้องสังหารอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้!
ถ้าต้องแลกมันก็ต้องแลก
เหล่าผู้ชมต่างจับจ้องการต่อสู้อย่างตื่นตระหนกและผวากับท่วงท่าการโจมตีของทั้งสองฝ่าย
ก่อนหน้านี้ กงเต๋าดูเหมือนคนเงียบๆ สุขุม แต่พอเริ่มต่อสู้นั้นกลับกลายเป็นคนน่าเกรงขามอย่างมาก ส่วนหวังเป่าเล่อนั้น แม้ว่าจะดูไร้ยางอายและสมบัติเวทของเขาจะพิลึกพิลั่น แต่พละกำลังก็น่าทึ่งมากทีเดียว
เหล่าพันธุ์กล้าแหล่งสหพันธรัฐคนอื่นซึ่งเคยภาคภูมิใจกับความสามารถของตนเองนั้นถึงกับเงียบซึม
ในขณะนั้น กงเต๋าก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยแววตาดุดันบ่งบอกถึงความปรารถนาที่ยังอยากจะสู้ต่อ หวังเป่าเล่อหรี่ตามองและเตรียมจู่โจมเช่นกัน ทว่าทันใดนั้น…
“พอได้แล้ว!” ดวงตาของครูฝึกชราฉายแววยอมรับในตัวทั้งคู่ เขาห้ามศึกก่อนเผยให้เห็นไข่อสูรสองใบอยู่ในมือ
“ไข่อสูรทั้งสองนี้มาจากรังเดียวกัน พวกเจ้าเอาไปคนละใบก็แล้วกัน!” ผู้อาวุโสเอ่ยพร้อมส่งไข่ให้ชายหนุ่มทั้งคู่
หวังเป่าเล่อก้มลงมองดูไข่ขนาดเท่ากำมือที่ถืออยู่ และรู้สึกได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในนั้น
เช่นเดียวกันกับกงเต๋า แต่เขาพินิจดูมันไม่นานนัก เพราะกำลังจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งด้วยความอาฆาตแค้นอยู่
สายตาอย่างนี้…อยากจะโดนต่อยอีกสักทีหรืออย่างไร หวังเป่าเล่อจ้องกลับด้วยความสงสัยและเย้ยหยัน หลังจากครูฝึกชราตัดสินผลแพ้ชนะเพื่อยุติศึกระหว่าง พวกเขาสองคนแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่ใยดีต่อกงเต๋าอีกเลย
ครูฝึกชรามองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะปลีกตัวจากไปพร้อมบ่นพึมพำจนแทบไม่มีใครได้ยิน
“ทั้งสองคนอยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นกายเนื้อหรือนี่ น่าสนใจจริงเชียว!”
เหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐซึ่งยืนรายล้อมอยู่นั้นไม่คัดค้านต่อผลการตัดสินของผู้อาวุโส เนื่องจากทั้งหวังเป่าเล่อและกงเต๋าต่างพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถทาง พลังกายของตนแล้วว่าแข็งแกร่งเกินขีดจำกัดจริงๆ
วันคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้การฝึกฝนหนึ่งสัปดาห์นั้น เหลือเวลาน้อยกว่าสองวันแล้ว ผู้คนต่างเงียบงันด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน และแล้วการประเมินผล ก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่เจ็ดจบสิ้นลง
พิธีการประเมินผลจัดขึ้นในค่ายนักรบ เหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐทุกคน รวมถึงหวังเป่าเล่อ ต่างบรรลุเคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดารากันถ้วนหน้า ผู้นำสหพันธรัฐต้วนมู่ฉีถึงกับเดินทางมาเข้าร่วมพิธีด้วยตัวเอง พร้อมกับเจ้าพนักงานจากสหพันธรัฐจำนวนมาก หลังจากพวกเขากล่าวคำชื่นชมและให้กำลังใจเสร็จเรียบร้อย ผู้เข้าร่วมการทดสอบแต่ละคนก็จะเดินไปยังศิลาสีเขียวขนาดใหญ่ สำหรับวัดระดับพลัง พวกเขาปรับระดับพลังกาย แล้วปลดปล่อยเคล็ดเวท ระเบิดกำเนิดดวงดาราออกมา!
เหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐสำแดงพลังของแต่ละคนจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนต่างสรรเสริญและชื่นชม ต้วนมู่ฉียิ้มพลางพูดคุยกับคนอื่นๆ รอบข้าง
“ฝีมือของเจ้าเยี่ยเหมิงนั้นไม่เลวเลย!”
“เจ้าหนุ่มนั่นน่าทึ่งไม่เบา”
เสียงหัวเราะและคำวิจารณ์นั้นเป็นทั้งแรงผลักดันและความตื่นเต้นให้แก่เหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐ คณะกรรมการทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขาทีละคน เมื่อแต่ละคนขึ้นไปปล่อยเคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดาวบนศิลาก้อนนั้น ก็จะพลันเกิดรอยแตกร้าวมากน้อยแตกต่างกันออกไป รอยแตกนั้นประสานกันสนิทอย่างรวดเร็ว พร้อมให้ผู้เข้าร่วมทดสอบคนถัดไปโจมตีต่อทันที
เมื่อถึงคราวของกงเต๋า ชายหนุ่มซัดหมัดอย่างแรงจนทำให้ศิลาสีเขียวสั่นสะเทือน เกิดเป็นรอยปริแตกมากมายกว่าของทุกคนก่อนหน้า เขาประสานมือคารวะต้วนมู่ฉีและเหล่าคณะ แล้วหมุนตัวกลับไปมองหวังเป่าเล่ออย่างท้าทาย
ต้วนมู่ฉียิ้มเบาๆ แต่ไม่เอ่ยคำใด ผู้คนรอบข้างต่างพากันอึ้งยิ่งกว่าเก่า
ไม่นานนักก็ถึงคราวของหวังเป่าเล่อ
ชายหนุ่มกลอกตาให้กับท่าทีท้าทายของกงเต๋า เขารู้ดีว่าตนเองแข็งแกร่งเพียงใด อีกทั้งยังมั่นใจในความมานะพยายามของตนเสียยิ่งกว่า เพราะเขาต้องทุ่มเท อย่างหนักและผ่านประสบการณ์โชกโชนเกินกว่าใครจะคาดเดา กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
ระหว่างที่คิดเช่นนั้น สายตาของชายหนุ่มก็เปล่งประกายพร้อมกระโจนไปยืนตรงหน้าศิลาสีเขียวทันที หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจลึกแล้วเขวี้ยงหมัดออกไป!
เสียงคำรามดังลั่นไปทั่วทุกทิศทาง ศิลาสีเขียวสะเทือนสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอยปริแตกแผ่ขยายไปทั่วทั้งก้อนศิลาอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดมันก็ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!