Skip to content

A World Worth Protecting 265

บทที่ 265 หลบหนี

นอกจากสมาชิกของสำนักรุ่งสางจักรพิภพและตระกูลนภาห้าสมัยแล้ว ไม่มีใครทราบเลยว่าหวังเป่าเล่อต้องสูญเสียอะไรและประสบพบเจอเหตุการณ์ใดบ้างใน     เขตจันทราเวทแห่งนี้ ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้หวังเป่าเล่อนั้นน่าเวทนาถึงเพียงใด

แม้แต่คำว่า ‘เวทนา’ ยังดูเบาไปที่จะใช้อธิบายสิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องประสบพบเจอ ชายหนุ่มต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ใครหลายคนไม่เคยคาดฝันมาก่อน เป็นดัง     ฝันร้ายที่ไม่มีใครจินตนาการความเลวร้ายได้ออก

หวังเป่าเล่อเป็นผู้ฝึกตนที่ได้รับการยกย่องด้วยความสามารถอันเหนือชั้นกว่าเหล่าพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐคนอื่นๆ นอกจากเป็นพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐแล้ว      เขายังถือว่าเป็นดาวเด่นในกองทัพอีกด้วย นอกจากนี้ชายหนุ่มยังดำรงตำแหน่ง      รองเจ้าตำหนักที่ได้รับความเคารพยำเกรงจากทั้งสี่ยอดสำนักเต๋า ด้วยพรสวรรค์     อันโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ แม้จะฟังดูโม้ แต่ก็ไม่ได้เกินจริงไปมากมาย!

ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อสู้และอำนาจของหวังเป่าเล่อ แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องบนพื้นโลก ภายในเขตจันทราเวทบนดวงจันทร์กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น วงแหวนปราณทำให้ความมืดชนะแสงสว่าง กฎเกณฑ์ต่างๆ โดนปล่อยปละละเลย มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด

ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้จะทัดทานการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในได้อย่างไรกัน

หวังเป่าเล่อที่อยู่ในระดับลมหายใจเที่ยงแท้ถูกหญิงชราทำลายกระบวนการหลอมรากฐานตั้งมั่นลงกับมือ เพราะเขาดันหลอมรากฐานตั้งมั่นด้วยวัตถุเวท    สมบูรณ์แบบ แทนที่จะใช้เศษชิ้นส่วนพิเศษเหมือนคนอื่น

ความบาดหมางระหว่างสำนักรุ่งสางจักรพิภพกับหวังเป่าเล่อจึงฝังรากลึก       เข้ากระดูกดำ กระนั้นหวังเป่าเล่อก็ไม่อยากจะสาปส่งคนพวกนั้นแต่อย่างใด       เพราะสาปส่งไปก็รังแต่จะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ

หวังเป่าเล่อตระหนักแล้วว่าข้อคิดจากอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงนั้นเป็นจริงอย่างที่ว่า ชายหนุ่มหอบหายใจ เอามือกุมหน้าท้อง วิ่งทุลักทุเลหนีเข้าไปในป่า นอกเหนือจากสาปส่งคนเหล่านั้นแล้ว ก็เห็นจะไม่มีวิธีอื่นที่ช่วยจัดการกับอารมณ์ของเขาได้เลย

ข้ายังไม่อยากสาปส่งพวกมัน รอให้ข้ารอดไปได้ก่อนเถอะ…พวกสำนักรุ่งสางจักรพิภพ… หวังเป่าเล่อแสยะยิ้มชั่วร้าย ไม่มีความสุขปนอยู่ในรอยยิ้มนั้นเลยแม้แต่น้อย    ความเกลียดชังลุกโชนในดวงตาของชายหนุ่มมากกว่าครั้งไหนๆ ราวกับว่าเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นคนละคนไปแล้ว

ผู้คนต่างเปลี่ยนไปเมื่อพบเจอประสบการณ์มากมายหลายหลาก หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าเขาเองก็เช่นกัน ในเหตุการณ์ที่ป่าฝนบ่อเมฆ ชายหนุ่มได้ลิ้มรสชาติของการสังหารและการทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มี เหตุการณ์ที่แอ่งแผ่นดินเค่อหลุนสอนให้เขารู้จัก    ความสามัคคีและการร่วมมือกับผู้อื่น ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้ หวังเป่าเล่อได้เรียนรู้ว่า…การอาฆาตแค้นจนฝังลึกเข้ากระดูกดำมันเป็นเช่นไร!

ความอาฆาตแค้นนี้เป็นเพราะอีกฝ่ายมาช่วงชิงโอกาสบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นไปจากเขา ทำให้เขาเกือบสิ้นลม จนหมดอนาคตย่อยยับ!

ท่ามกลางความเงียบเชียบ เลือดสดไหลออกมาจากแผลตรงท้องที่เขาเอามืออุดไว้ ชายหนุ่มหอบหายใจหนัก พยายามใช้มือค้ำยันต้นไม้ขณะก้มมองดูแผล เห็นลำไส้ของตนทะลักออกมา หากเขาเอามือออก ลำไส้อาจจะร่วงสู่พื้นทันทีก็เป็นได้

และอวัยวะภายในชิ้นอื่นๆ คงจะเลื่อนหลุดตามมาเช่นกัน

แม้ว่าชายหนุ่มจะเอามืออุดปิดแผลเอาไว้ แต่ความเสียหายที่เขาได้รับนั้นรุนแรงมากเสียจนร่างกายอ่อนระโหยโรยแรงนัก ยังดีที่เขาหลอมรากฐานตั้งมั่นสำเร็จลุล่วงไปแปดในสิบส่วนแล้ว แม้ระดับการฝึกตนของเขาจะยังไม่บรรลุขั้นก็ตาม

เขาสูญเสียรากฐานตั้งมั่นไป แต่เมล็ดดูดกลืนก็ยังอยู่ดี ทำให้สามารถปรับพลังปราณที่ปั่นป่วนเมื่อครู่ให้กลับมามั่นคงอีกครั้งขณะหลบหนี ช่วยชะลอไม่ให้พลังปราณในกายลดลงอย่างรวดเร็ว แม้เส้นปราณจะเสียหายไปถึงสามในสิบส่วน แต่ก็ไม่มีใครเคยรู้ว่ารากฐานวิญญาณของหวังเป่าเล่อนั้นไม่ได้ยาวแปดนิ้ว แต่ยาวถึงสิบนิ้ว

ถ้าหวังเป่าเล่อฟื้นคืนสภาพร่างกายได้ขณะหลบหนี เส้นปราณที่เหลืออยู่จะสามารถกระตุ้นพลังปราณในร่าง ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของชายหนุ่มกลับมาอยู่ในระดับเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นอีกครั้ง!

ถือว่าน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะสำเร็จกระบวนการบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นไปแค่แปดในสิบส่วน อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บรุนแรง เส้นปราณโดนทำลายไปถึงสามในสิบส่วน แต่พลังต่อสู้ของเขานั้นก็ยังเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นได้ อาจกล่าวได้ว่าอาการบาดเจ็บที่หวังเป่าเล่อได้รับ ทำให้ระดับการฝึกตนที่สูงเป็นพิเศษของเขาลดลงไปเทียบเท่ากับเหล่าผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นทั่วไปเท่านั้น

แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่ายิ่งเวลาผ่านไป ระดับการฝึกตนของเขาก็จะลดลงไปเรื่อยๆ อาจจะกินเวลาไม่กี่วัน หรือไม่ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง

ถึงข้าจะได้พบสหายจากสี่ยอดสำนักเต๋าก็คงจะไร้ประโยชน์อยู่ดี ข้าอาจจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายไปด้วย…สิ่งเดียวที่จะทำให้ข้ารอดชีวิตไปได้คือเวลา…       ถ้าหากข้าอดทนไหวจนกว่าผนึกวงแหวนปราณจะทลายออก เหล่าศิษย์รุ่นพี่ก็จะมาช่วยข้าได้…หวังเป่าเล่อปรับลมหายใจ ใบหน้าของเขาซีดเผือด ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มรู้สึกสิ้นหวังและขมขื่นในใจ แต่พอหลบหนีออกมาได้ ความสิ้นหวังก็ผันแปรเป็น    ความปรารถนาแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอด ยิ่งเคยสิ้นหวังมากเท่าใด ก็กลายเป็นยิ่งอยากมีชีวิตรอดมากเท่านั้น

เขายังไม่อยากตาย คงจะทนไม่ได้หากจะต้องพรากจากครอบครัวและเพื่อนๆ ไป ชายหนุ่มยังไม่ทันจะได้ขึ้นเป็นผู้นำสหพันธรัฐ หรือแม้แต่ลงมือแก้แค้นเลยด้วยซ้ำ!

ข้าต้องอดทน รักษาบาดแผล และตามหาหมอกเวทเคลื่อนย้ายให้พบ…หวังเป่าเล่อ  ก้มลงมองแผลของตนเอง ก่อนจะหัวเราะด้วยความขมขื่นขึ้นอีกครั้ง แผลของเขากว้างมาก ความเสียหายที่ได้รับก็รุนแรงเสียจนไม่สามารถใช้โอสถรักษาได้

ถือเป็นปาฏิหาริย์ที่เขายังมีชีวิตอยู่แม้จะได้รับบาดเจ็บรุนแรงระดับนี้ เขารู้ดีว่าตอนนี้ได้เมล็ดดูดกลืนช่วยลดทอนความเสียหายที่ตนเองได้รับอยู่

โอสถที่เขาเหลือติดตัวอยู่ไม่ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย       หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายเขาคงจะแบกรับความเสียหายไว้ไม่ไหว ดับสิ้นไปก่อนที่ระดับการฝึกตนจะสูญหายจนกลายเป็นเพียงแค่คนธรรมดาด้วยซ้ำ เพราะชายหนุ่มคงจะสูญเสียเลือดหรือติดเชื้อต่างๆ จนวายปราณไปเสียก่อน

หากบังเอิญพบศัตรูเข้าอีก คราวนี้แม้จะยกมือขึ้นสู้ หวังเป่าเล่อยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะลำไส้จะไหลหลุดออกมา…จะใช้เมล็ดดูดกลืนสูบคืนกลับต่อไปก็ได้แค่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น

ท่ามกลางความเงียบงัน หวังเป่าเล่อตระหนักได้ว่าคงจะเหลือทางรอดอีกแค่เพียงทางเดียว

แต่ฉับพลันที่ความคิดนั้นผุดขึ้นในหัว หวังเป่าเล่อก็ยกมืออีกข้างขึ้นมาเสียก่อน ทันใดนั้นกระบี่อาวุธเวทก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ก่อนจะฟาดออกไปทางต้นไม้ด้านขวา เล็งใส่บางสิ่งที่มองไม่เห็น!

มวลพลังระดับทัดเทียมกับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นพวยพุ่งเข้าสู่อาวุธเวท     ระดับปราณของหวังเป่าเล่อนั้นมากล้นกว่าแต่ก่อน ทำให้เขาคุมอาวุธเวทได้คล่องขึ้นกว่าเดิม

เกิดเสียงดังขึ้นทันทีที่กระบี่ฟาดลงตามแนวยาวประมาณความสูงของคนหนึ่งคน จระเข้สีดำร้องคำรามยามปรากฏตัวขึ้นกลางป่า เตรียมโจมตีศิษย์ระดับลมหายใจเที่ยงแท้จากสำนักรุ่งสางจักรพิภพคนหนึ่ง ผู้มีนัยน์ตาเต็มไปด้วยความหิวกระหาย

เสียงฟาดกระบี่นั้นดังสนั่นหวั่นไหว ดวงตาของศิษย์ผู้นั้นยังคงเต็มไปด้วยความหิวกระหายไม่เปลี่ยน ก่อนจะเกิดรอยแยกบริเวณหน้าผาก ร่างของศิษย์ผู้นั้นโดนฟันขาดเป็นสองซีก เลือดสดพุ่งกระจายจากร่างทั้งสองซีกที่กำลังร่วงหล่นลงพื้น

ตั้งแต่แรกเริ่มจนจบกระบวนท่า หวังเป่าเล่อไม่ได้เหลียวมองศิษย์ผู้นั้นแม้แต่นิดเดียว หลังจากนั้นเขาก็ยังไม่ได้เก็บอาวุธเวทกลับเข้าไป แต่กลับปักมันลงกับพื้น แล้วปรับ   ลมหายใจตัวเองด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ชายหนุ่มปล่อยหุ่นเชิดออกมาทันใด

ทางรอดเดียวในตอนนี้คือแยกส่วนหุ่นเชิดพวกนี้ และหลอมพวกมันเข้าเป็น     ชุดเกราะกำบังทั้งร่างกายข้าเพื่อปิดบาดแผลไว้ก่อน! หวังเป่าเล่อไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าไม่ควรหยุดนิ่งอยู่กับที่ และต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง กระนั้นอาการบาดเจ็บของเขาก็อาจทำให้เป็นอันตรายมากกว่าเดิม ชายหนุ่มจึงเริ่มแยกส่วนหุ่นเชิดด้วยมือข้างที่ยังว่างอยู่ทันที

ยังดีที่เขาเป็นถึงรองเจ้าตำหนักอาวุธเวท อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างหุ่นเชิดเหล่านี้ขึ้นมากับมือ ความรู้ด้านสมบัติเวทประกอบส่วนกับความคุ้นเคยในชิ้นส่วนต่างๆ ของ      หุ่นเชิดนั้น มีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์นี้ ไม่นานชายหนุ่มก็แยกส่วนหุ่นเชิด   ได้จนหมด จากนั้นก็เริ่มสลักอักขระใหม่ลงไปเพื่อแปรสภาพชิ้นส่วนเหล่านั้นด้วย    ศิลาวิญญาณ ภาพเบื้องหน้าดูงดงามราวกับเป็นงานศิลปะ ทั้งอาวุธเวทระดับเจ็ดที่  ปักอยู่ เปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่รอบๆ จากเคล็ดวิชาเพลิงปะทุ ประกอบกับผืนป่า     ด้านมืดของเขตจันทราเวท และชายหนุ่มในสภาพสะบักสะบอม หากปรมาจารย์ด้านอาวุธเวทได้มาเห็นคงจะรู้สึกตื้นตันกับภาพตรงหน้า

ไม่นาน ชุดเกราะสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหวังเป่าเล่อ ชุดเกราะดูแกร่งกล้าและน่าสะพรึงกลัว ทั่วทั้งชุดเกราะมีหนามแหลมคมเต็มไปหมด เหมือนดังว่านี่คือ     ชุดเกราะสำหรับออกศึก!

หวังเป่าเล่อใช้เวลาไปแค่เพียงหนึ่งชั่วโมง ก็หลอมชุดเกราะยักษ์สูงสามเมตรสำเร็จ เขายืนมองผลงานตนเองด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันไป

หวังเป่าเล่อไม่ค่อยพอใจในผลงานชิ้นนี้เท่าไรนัก แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน    เขาก็ทำได้ดีที่สุดแค่เพียงเท่านี้ ชายหนุ่มยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเรียกผนึกฝ่ามือขึ้นมา พลันชุดเกราะตรงหน้าก็แตกออกจากกันเป็นส่วนๆ ก่อนจะลอยเข้ามาประกบเข้ากับทั้งร่างกายของชายหนุ่ม

เมื่อประกอบเข้าเสร็จสิ้นแล้ว อาวุธเวทก็หายไป ร่างของหวังเป่าเล่อถูกห่อหุ้มไว้อย่างมิดชิด เห็นเป็นเพียงคนในชุดเกราะที่กำลังยืนตระหง่านอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่เท่านั้น!

มีเพียงนัยน์ตาที่ปรากฏให้เห็นผ่านหมวกรบสีดำ เพราะชุดเกราะนั้นบดบังทั่วทั้งร่างของชายหนุ่ม ปิดบาดแผลบริเวณหน้าท้องของหวังเป่าเล่อสนิท เสมือนเป็น       ชั้นผิวหนังที่ช่วยป้องกันไม่ให้อวัยวะภายในหลุดร่วงออกมา

หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ว่าความอ่อนล้าในร่างกายเริ่มจางหายไป ก่อนหน้านี้      ความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่ร่างกายของเขาราวกับสายน้ำปั่นป่วน แต่ตอนนี้มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นสายน้ำสงบนิ่ง

ทันใดนั้น หวังเป่าเล่อก็หยุดชะงัก ยุงเก้าตัวส่งภาพร่างเงาหนึ่งที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขา!

ใครคนนั้นยังอยู่ห่างออกไปไกล แต่กลับแผ่มวลพลังขั้นรากฐานตั้งมั่นออกมารุนแรงจนตรงนี้รู้สึกได้

หวังเป่าเล่อไม่แปลกใจหากจะมีคนล่วงรู้ตำแหน่งของเขาเข้าจนได้ ถ้าเลือกได้ชายหนุ่มคงจะไม่หยุดอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานเช่นนี้อยู่แล้ว ทว่าครั้นเห็นว่าคนที่พุ่ง   ตรงเข้ามาไม่ใช่หญิงชรา เขาก็ได้แต่นิ่งเงียบ นัยน์ตาทอประกายวาวโรจน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version