Skip to content

A World Worth Protecting 371

บทที่ 371 สมาชิกคนใหม่ของสมาคมคนหน้าตาดีขั้นเทพ

ปราการนิรันดร์ในเขตนครใหม่แห่งดาวอังคารจะมีขนาดใหญ่เป็นหนึ่งหมื่นเท่าของปราการต้นแบบ ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์เมื่อตอนทดสอบอีกมากมาย พวกมันทั้งหมดได้รับการติดตั้งระหว่างการก่อสร้างเขตนครใหม่!

หวังเป่าเล่อยุ่งจนหัวหมุนตลอดกระบวนการก่อสร้างเนื่องจากเป็นผู้รังสรรค์ปราการนิรันดร์ขึ้น หลังจากผ่านการประเมินกระบวนการก่อสร้างช่วงต้นก็พบปัญหาต่างๆ อยู่บ้าง แม้จะดูเป็นปัญหาใหญ่แต่ก็ไม่ได้เด่นชัดจนคนภายนอกดูออก

หวังเป่าเล่อเป็นผู้ที่คุ้นชินกับปราการนิรันดร์ที่สุดในสหพันธรัฐ

จากการคำนวณของเขา เป็นไปได้ที่จะสร้างเขตนครใหม่ที่รองรับประชากรได้หนึ่งร้อยล้านคนภายในครึ่งปี แต่ก็ต้องเผื่อเวลาไว้ทดสอบคุณภาพของเขตนครใหม่รวมถึงความสามารถในการต้านทานเหตุอสูรหลั่งไหลด้วย

ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงตั้งกำหนดการว่าจะสร้างเขตนครตัวต้นแบบให้เสร็จภายในสามเดือน โดยอีกสามเดือนที่เหลือการก่อสร้างจะดำเนินต่อพร้อมกับการทดสอบอย่างต่อเนื่องว่าเขตนครสามารถต้านทานเหตุอสูรหลั่งไหลได้หรือไม่ กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การก่อสร้างเขตนครระยะแรกจนแล้วเสร็จรวมถึงการทำการทดสอบอีกหลายครั้งจะใช้เวลาทั้งหมดรวมหกเดือน  ซึ่งเป็นการรับประกันความปลอดภัยของประชากรที่จะย้ายเข้ามาอาศัยในเขตนครใหม่แห่งนี้

การจะทำให้สำเร็จตามแผนต้องอาศัยทรัพยากรและกำลังคนที่มากพอ          ด้วยกำลังคนหนึ่งแสนคนที่มีตอนนี้ หวังเป่าเล่อประเมินแล้วคิดว่ายังขาดแคลนจากที่ต้องการอยู่

รองนายกเทศมนตรีของข้าทั้งสามคนน่าจะมาถึงในอีกสองสามวัน… ตลอดทางขามา หวังเป่าเล่อวางแผนไว้แล้วว่าจะจับรองนายกเทศมนตรีทั้งสี่คนไว้ตำแหน่งใด

ชายหนุ่มตระหนักดีถึงผลประโยชน์ที่ตนได้รับจากการชนะการทดสอบ           เขาสามารถบังคับให้คนอื่นๆ ทำตามได้ในช่วงแรก แต่เมื่อใดที่พวกเขาเริ่มลงหลัก   ปักฐานได้แล้วก็จะเป็นเรื่องยากในการบังคับให้ทำตาม

หวังเป่าเล่อไม่ปล่อยให้โอกาสช่วงต้นนี้หลุดมือไป หลังจากครุ่นคิดในหัวเขาก็ตัดสินใจ

หลี่อี้จะรับผิดชอบเรื่องการก่อสร้างปราการตามแผนการของข้า นางต้องยอมรับหน้าที่นี้แน่ แถมอาจจะดีใจด้วยซ้ำไปเพราะตำแหน่งนี้ทำให้นางมีอำนาจมาก เป็นรองเพียงข้าเท่านั้น

ทางสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวจะได้ไม่มีเรื่องข้องใจอะไร ข้าก็จะได้ทำอะไรก็ได้ตามต้องการ… หวังเป่าเล่อหรี่ตา จากความรู้ที่ได้อ่านมาจากอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูง การจะหาข้อผิดพลาดของผู้อื่นนั้น อันดับแรกต้องมอบหมายภารกิจให้เป้าหมายทำก่อน

มิเช่นนั้นก็จะเป็นเรื่องยากในการจะหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย

ส่วนกงเต๋า…ถึงเจ้าเมืองหลินจะบอกว่าไม่ต้องไปสนใจเขามาก และข้าควรลอง  ผูกมิตรกับเขาหลังจากจัดการความบาดหมางระหว่างกันได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี ทุกครั้งที่เห็นหน้าเจ้านั่น ข้าก็หงุดหงิดขึ้นมาทุกที… หลังจากครุ่นคิดสักพัก           หวังเป่าเล่อก็คิดว่าวางกงเต๋าไว้ประจำการเขตทหารคอยคุ้มกันสุสานอาวุธเทพใต้ดินน่าจะเหมาะสมที่สุด

เนื่องจากเขตอาวุธเทพนั้นเป็นพื้นที่ที่สำคัญที่สุดในเขตนครใหม่แห่งดาวอังคาร หวังเป่าเล่อประเมินสถานการณ์แล้วก็คิดว่ากงเต๋าคงไม่ปฏิเสธหน้าที่นี้ ทางกองทัพเองก็คงพอใจเพราะพวกเขาจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสุสานอาวุธเทพใต้ดินเป็นที่แรก

ทำแบบนี้ก็จะลดโอกาสที่จะได้เจอหน้ากัน เพราะน่าจะมีโอกาสน้อยที่ข้าและเจ้านั่นจะมาอยู่ในที่เดียวกันได้ ข้าก็จะได้จัดการเรื่องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น หวังเป่าเล่อนั่งอยู่ในห้องทำงานเรียบๆ ไร้การตกแต่ง หยิบขนมขึ้นมากินพลางคิดหาหน้าที่ที่จะให้      จินตั้วหมิงทำเมื่อเขามาถึง

ไหนๆ จินตั้วหมิงก็มีโอกาสขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มไตรจันทรา เขาคงมั่นใจเรื่องการบริหารจัดการเป็นธรรมดา แม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยได้เผยให้เห็นก็เถอะ    แต่ข้าก็จะมอบหน้าที่นี้ให้เขา! หลังจากกินขนมคำโตหมด หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจวางจินตั้วหมิงให้คอยดูแลเรื่องการจัดการบริหารภายในของเขตนครใหม่

ส่วนหลินเทียนหาวนั้น หวังเป่าเล่อไม่ค่อยเป็นกังวลอะไรมาก เขาอยู่ข้างตน    โดยชายหนุ่มจะให้หลินเทียนหาวดูแลฝ่ายวินัยและฝ่ายการบังคับใช้กฎหมาย

หลังจากวางตำแหน่งให้รองนายกเทศมนตรีทั้งสี่เสร็จ หวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่า       ตนเข้าใจคำสอนในอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก การนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้จริงจะทำให้เข้าใจสิ่งที่เรียนมาได้อย่างถ่องแท้ ชายหนุ่มหยิบน้ำเย็น    หล่อวิญญาณขึ้นมากระดกอย่างสุขใจ รู้สึกตื้นตันใจยิ่งนักเมื่อซดน้ำอึกใหญ่ลงคอ

ในฐานะผู้นำ ข้าต้องพยายามไม่นึกสงสัยในตัวผู้ใต้บังคับบัญชา! ต้องคิดว่านี่เป็นสถานที่ให้พวกเขาได้แสดงความสามารถ ส่วนข้านั้น แค่คุมกำลังคนและการเงินก็เพียงพอแล้ว

ฮ่า แค่คุมกำลังคนและการเงินไว้ในมือ ข้าก็สามารถดูแลการทำงานทั้งหมดได้! หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าสถานะของตนเองในตอนนี้แตกต่างไปจากแต่ก่อน เขาฮัมเพลงขณะเดินออกจากห้องทำงานไร้การตกแต่ง มองดูการก่อสร้างที่กำลังเริ่มต้นและชี้ให้แก้ไขข้อผิดพลาดทุกครั้งที่พบ โดยชายหนุ่มจะเน้นย้ำพื้นที่บริเวณผนึกสุสาน       อาวุธเทพใต้ดินเป็นพิเศษ

หวังเป่าเล่อทราบเป้าหมายหลักของการก่อตั้งปราการครั้งนี้ดี หากไม่มีสุสานอาวุธเทพใต้ดิน หลายๆ ภาคส่วนในสหพันธรัฐคงไม่ให้ความสนใจเขตนครใหม่ขนาดนี้

ดังนั้น สุสานอาวุธเทพใต้ดินจึงเป็นกุญแจสำคัญ

เป้าหมายในการก่อสร้างปราการครั้งนี้ก็เพื่อจัดตั้งวงแหวนปราณค้ำจุน          และเป้าหมายในการจัดตั้งวงแหวนปราณค้ำจุนก็เพื่อทำลายเกราะป้องกันที่อยู่ภายในผนึกสุสานอาวุธเทพใต้ดิน ในขณะเดียวกัน เมื่อปราการเริ่มทำงาน ผนึกสุสาน     อาวุธเทพใต้ดินจะคลายเป็นพักๆ เพื่อปลดปล่อยแรงกดดันภายใน ปราการจะต้องมีกลไกสังหารอัตโนมัติและสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันด้วย

ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อให้เกิดเป็นวงจรหมุนวนซ้ำไปเรื่อยๆ ขึ้นมา เมื่อสร้างวงจรขึ้นมาได้จึงจะถือว่าก่อตั้งเขตนครใหม่ได้อย่างสมบูรณ์! หวังเป่าเล่อคิดขณะที่เดินมาหยุดอยู่หน้าสุสานอาวุธเทพใต้ดิน

สุสานอาวุธเทพดูเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน มีการวางพื้นสูงขึ้นหลายจุด แรงงานกว่าหมื่นคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น มีแรงงานมากมายเสียจนหลุมบริเวณนั้นแน่นเอี้ยด

เจ้าลาเองก็อยู่แถวนั้น มันทำตัวมีพิรุธราวกับโจร แอบเหลือบมองกองวัสดุเป็นพักๆ น้ำลายไหลย้อยออกมาจากปาก จากนั้นก็หันมองไปทางผนึกสุสานอาวุธเทพราวกับว่ากำลังรอคอยให้อาหารในฝันลอยออกมาจากในนั้น

เมื่อเห็นเจ้าลาทำตัวไม่ดีเข้า หวังเป่าเล่อก็เดือดปุดด้วยความโกรธ รีบพุ่งเข้าไปเตะทันที เจ้าลานั้นทนรับมือการทุบตีของหวังเป่าเล่อบ่อยเสียจนหนังเริ่มหนา ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยหลังจากโดนเตะเข้า มันมองหวังเป่าเล่ออย่างกระตือรือร้นราวกับจะบอกว่าตนอยากทำตัวดีๆ ให้อีกฝ่ายปลื้มใจ

“เจ้าลาโง่ จงรู้ไว้เสียว่าทรัพยากรพวกนี้จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง ข้าไม่สนว่าเจ้าจะกินเข้าไปหรือเปล่า แต่ถ้ามีอะไรหายไปละก็ ข้าจะซัดเจ้าให้หมอบและสั่งปิดปากเป็นการลงโทษ!” หวังเป่าเล่อจ้องตาแข็ง เจ้าลาตื่นตะลึงไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น

เหมือนกับว่ามันพัฒนาการรับรู้ขึ้นจนสามารถเข้าใจสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูด          มันจะต้องรับผิดไม่ว่าจะกินทรัพยากรตรงหน้าเข้าไปเองหรือมีใครมาขโมยไป

มันรีบไถหัวตรงต้นขาของหวังเป่าเล่อเพื่ออ้อนขอให้ยกโทษให้ แต่ก็โดนเตะ     เข้าอีกครั้งจึงรู้ว่าหมดหวังเสียแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้าลาพ่นลมทางจมูกออกมาเสียงดัง ดวงตาของมันแดงก่ำ จ้องเขม็งไปยังเหล่าแรงงานก่อสร้างราวกับว่าเป็นผู้ควบคุมดูแล…

หลายวันผ่านไป หวังเป่าเล่อปลื้มใจเมื่อได้รู้ว่ามีตาเพิ่มมาอีกคู่คอยช่วยสอดส่อง การช่วยเหลือนั้นมาจากเจ้าลา มันทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน คอยตรวจตราดูว่ามีทรัพยากรใดขาดไปหรือไม่ เมื่อพบว่าจุดไหนมีจำนวนไม่ถูกต้อง มันจะร้องลั่นอย่าง   บ้าคลั่งเพื่อเตือนให้หวังเป่าเล่อและหลินเทียนหาวเข้ามาตรวจสอบ

ตอนแรกหลินเทียนหาวก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่พอเกิดขึ้นบ่อยครั้งเข้า เขาก็ได้แต่มองเจ้าลาด้วยความตื่นตะลึงเมื่อพบว่ามันสามารถนับเลขได้ ถือว่าสวรรค์ได้ประทานพรมาให้แก่มัน

หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอเมื่อหลินเทียนหาวมารายงานสิ่งที่พบให้ทราบ เขาคิดว่าตนเองช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนักที่สามารถนำสิ่งไร้ค่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้       พอเห็นหลินเทียนหาว ชายหนุ่มก็นึกได้ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ หลินเทียนหาวต้องแบกภาระงานหลายอย่างมากกว่าตนเสียอีก จึงตบบ่าอีกฝ่ายด้วยความพึงพอใจ ตัดสินใจที่จะเอ่ยเชื้อเชิญคนตรงหน้า

“เทียนหาว เจ้าเคยได้ยินชื่อสมาคมคนหน้าตาดีขั้นเทพใช่หรือไม่ ตอนนี้สมาชิกในสมาคมมีจั่วอี้ฟาน เจ้าเยี่ยเหมิง และตัวข้า เนื่องจากพวกเราทั้งสามนั้นมีรูปร่างหน้าตาดีผ่านเกณฑ์ของสมาคม

“แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้มีรูปร่างดี หน้าตาไม่หล่อเหลาเช่นข้า แต่เราก็เป็นพี่น้องกัน ดังนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าเป็นเทพผู้เลอโฉม      คนที่สี่แห่งสมาคมคนหน้าตาดีขั้นเทพ!”

หลินเทียนหาวไม่รู้ว่าจะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาคิดว่าหวังเป่าเล่อคงมีเกณฑ์การตัดสินเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกต่างไปจากตน แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าตนเองมี           สายสัมพันธ์กับหวังเป่าเล่อ และต้องตามติดชายผู้นี้ไปชั่วชีวิต!

อีกทั้งตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับหวังเป่าเล่อบนดาวอังคาร เขาก็ได้รับอิทธิพลจากอีกฝ่ายจนเริ่มแปรเปลี่ยนไป เมื่อได้ยินที่หวังเป่าเล่อพูด หลินเทียนหาวที่นั่งยองๆ        อยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายก็เหยียดตัวตรงก่อนจะประกาศเสียงดังด้วยความตื่นเต้น

“ขอแสดงความเคารพท่านประธาน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version