Skip to content

Dream Gallery Chapter 10

  • by

Chapter 10

หมาป่า

“นี่ๆ นังแนนเงียบๆหน่อย ที่นี่โรงพยาบาลนะเอ็ง!” ป้าไข่ดุ แนนจึงหยุดกระโดดทันควัน หันไปยิ้มแหยๆ “จ้าป้า”

วิกานดามองป้าไข่แล้วถามว่า “นี่ฉันมาอยู่โรงบาลได้ไง?”

ป้าไข่อึกอักขึ้นมาทันที “คือว่า…คือว่า…”

“คือว่าคุณวัชตายแล้ว แล้วคุณวิก็เป็นลมอยู่ใกล้ๆ พวกหนูเลยโทรแจ้งตำรวจ หลังจากนั้นตำรวจก็ส่งคุณวิมาโรงบาลนี่แหละค่ะ” แนนพูดแทรกขึ้นมา ป้าไข่ก็ดุว่า “นังแนน!”

“หู๊ยป้า ถึงไม่บอกตอนนี้ อีกหน่อยคุณวิก็ต้องรู้อยู่ดีนั้นแหละป้า ข่าวดังออกขนาดนี้” แนนพูด ป้าไข่จึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ แล้วพูดว่า “ป้าว่าจะขอคุณหนูให้พระมาทำบุญบ้านสักครั้งเถอะค่ะ คนตายคาบ้านตั้งสองคนแล้ว คนอื่นๆมันกลัวจนลาออกไปหลายคนแล้วค่ะ”

“แต่ก็แปลกนะป้า ศพคุณวัชเละขนาดนั้นทั้งๆที่ที่บ้านก็ไม่ได้เลี้ยงหมาซะหน่อย” แนนพูดขึ้นอย่างสงสัยไม่เลิก แล้วก็หันไปถามเจ้านายว่า “คุณวิเห็นหมาที่มันกัดคุณวัชไหมคะ?”

“นังแนนนี่ถามไม่เลิกนะเอ็ง!” ป้าไข่ดุ “คุณหนูไม่โดนหมากัดไปด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว โถ แม่คุณทูนหัว ออกมาเห็นศพคุณวัชแบบนั้นคงจะช็อคแย่เลยซินะคะ”

วิกานดาได้แต่ฟังคนรับใช้คุยกันไปอย่างงุนๆงงๆ เธอจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้แต่ความฝันน่ากลัวที่ฝันว่าวัชระกลายเป็นฆาตกรไล่ฆ่าเธอ จนเธอหนีหัวซุกหัวซุน พลัน! เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แนนรีบชะโงกหน้าไปมองที่ประตูห้อง ตำรวจก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

“สวัสดีครับ ขอสอบปากคำหน่อยนะครับ” ตำรวจพูด พร้อมกับเดินมาถึงปลายเตียงคนไข้ วิกานดามองตำรวจอย่างงงๆ “สวัสดีค่ะ”

ตำรวจก็ซักถามไปตามหน้าที่ วิกานดาก็ตอบตามความจริง ซึ่งเธอก็ตอบไปว่าเธอนอนอยู่ในห้อง มีเด็กแนนคอยเฝ้าอยู่ ส่วนที่ว่าเธอไปอยู่ใกล้ๆศพวัชระซึ่งถูกสัตว์รุมกัดจนตายได้ยังไงนั้นเธอไม่รู้จริงๆ

ตำรวจก็ถามๆๆๆ วิกานดาก็ตอบไปตามความจริง ตำรวจก็บันทึกคำพูดของวิกานดาเอาไว้ จากนั้นก็ลากลับไป

คดีนี้กลายเป็นข่าวใหญ่อีกข่าวว่า ลูกชายนักธุรกิจดังถูกหมารุมกัดตายในบ้านตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นหมาอะไร แต่จากรอยเลือดในที่เกิดเหตุคาดว่าเป็นหมาตัวใหญ่ไม่ต่ำกว่าสิบตัว รุมกัดวัชระจนตาย สภาพศพเละเทะอเนจอนาถจนทุกคนที่ได้เห็นล้วนแต่พากันอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ซึ่งทางตำรวจคาดว่าอาจจะเกิดจากการเผลอเปิดประตูรั้วเอาไว้ทำให้ฝูงหมาจรจัดเข้าไปในบ้านได้ ประจวบกับผู้ตายออกมาเดินเล่นอยู่หน้าบ้านพอดี ส่วนกล้องวงจรปิดในบ้านเครื่องคอมที่บันทึกภาพก็เกิดเสียขึ้นมา จึงไม่มีภาพบันทึกเอาไว้

ตำรวจกลับไปเขียนสรุปคดีตามรูปคดีและสภาพที่เกิดเหตุ ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นหวาดกลัวหมาจรจัดกันไปพักใหญ่ทีเดียว ผู้ว่าฯก็สั่งการให้จับหมาจรจัดไป ทำให้กลุ่มคนที่รักสัตว์รวมตัวกันต่อต้าน เกิดเป็นกระแสข่าวตามมาอีกพักใหญ่

หลังจากป้าไข่กลับไปแล้ว แนนก็คอยอยู่ดูแลเจ้านาย พอเห็นเจ้านายหลับ แนนก็เดินออกไปหาซื้อของกินข้างล่าง นิมิตราก็เปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง วางกระเช้าไว้บนโต๊ะ เกรย์ซึ่งนอนหมอบอยู่ข้างเตียงก็ลุกขึ้นยืนกระดิกหางให้ พุ่งเข้าไปคลอเคลียออดอ้อน นิมิตราลูบๆหัว เห็นแผลที่ไหล่ก็แกะเข็มกลัดบนอกเสื้อมาแทงปลายนิ้วให้เลือดไหลออกมา แล้วหยดเลือดไปที่บาดแผลของเกรย์ พลัน! แผลก็ค่อยๆสมานตัว นิมิตราก็ยกนิ้วดูดแผลตัวเองเหมือนเด็กๆ ยิ้มให้เกรย์แล้วบอกว่า “ไป กลับกันเถอะ”

เกรย์ถอยหลังส่ายหัวร้องงึดๆ นิมิตรามองเกรย์เขม็ง ถามว่า “ตกลงเลือกเจ้านายแล้วเหรอ?”

เกรย์ก็กระดิกหางส่ายไหว นิมิตราจึงพยักหน้า “ตามใจ”

เกรย์ก็ทำท่าดีใจ เดินไปถูไถออดอ้อน ครางหงิงๆ นิมิตราลูบหัวสองสามทีแล้วหันไปมองคนบนเตียง คลี่ยิ้มให้แล้วก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป เกรย์ก็ถอยไปนอนหมอบอยู่ข้างเตียงดังเดิม แนนเดินเข้ามาในห้อง ได้กลิ่นหอมๆก็สูดจมูกมองหาที่มา “เอ๊? กลิ่นอะไรห๊อม…หอม?”

แต่สูดหาที่มาของกลิ่นไม่ได้ จึงคิดว่าพยาบาลคงเข้ามาฉีดสเปรย์ปรับอากาศล่ะมั้ง คิดแล้วก็เดินไปนั่งเฝ้าที่โซฟาต่อ

เมื่อวิกานดาตื่นขึ้นมา เห็นกระเช้าของเยี่ยม ก็เรียกให้แนนหยิบการ์ดที่เสียบมาในกระเช้าเอามาดู พอเห็นว่าเป็นนามบัตรร้านดรีมแกลลอรี่ก็โทรไปขอบคุณด้วยตัวเอง ราตรีรับสายก็รับคำขอบคุณแทนเจ้านาย พร้อมกับอวยพรว่า “หายไวๆนะคะคุณวิกานดา”

“ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ” วิกานดาพูดจบก็ตัดสาย จากนั้นก็ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แนนก็คอยดูแลไม่ห่าง

วิกานดารู้สึกว่าหลับตาลงทีไร เธอจะต้องเห็นเกรย์อยู่ข้างๆทุกที เธอลืมตา ยกมือขึ้นจับสร้อยที่คอมาพิศดู เห็นจี้เล็กๆเป็นรูปหมาป่าสีเทาๆ ทั้งสีสันทั้งรูปร่างเหมือนกับเกรย์ไม่มีผิด เธอจ้องมองจี้พลางครุ่นคิด กะว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอจะไปหาคุณนิมิตราทันที มีบางเรื่องที่เธอสงสัย แต่ก็ไม่อาจพูดกับใครได้

บทที่ 5

ไข่พญานาค

ณ ร้านดรีมแกลลอรี่ เมื่อราตรีวางมือถือ นัฐพลก็เดินเข้ามาในร้าน ทักทายว่า “สวัสดีครับ”

ราตรียิ้มตอบทีหนึ่ง แต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนขยับปากอย่างจำใจยังไงอย่างงั้น แล้วพูดว่า “ท่านไม่อยู่”

“อ้าว ไปไหนล่ะ?” นัฐพลถาม เดินไปนั่งที่โซฟา วางกล่องขนมไทยจำพวกทองหยิบทองหยอดจากร้านขนมชื่อดังบนโต๊ะ ราตรีเหลือบมองกล่องขนม ตอบว่า “ท่านไปโรงพยาบาล”

“หือ? คุณนิมิตราไม่สบายเหรอ?” นัฐพลลุกพรวดไปจนติดเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม ราตรีก็ยังนั่งนิ่งไม่มีท่าทีตกใจแม้แต่น้อย มองหน้าคนตรงข้าม ตอบว่า “ไปเยี่ยมคุณวิกานดา”

“อ่อ” นัฐพลพยักหน้ารับรู้ ราตรีก็เหลือบมองกล่องขนม แล้วบอกว่า “จะไลน์บอกท่านให้ล่ะกันว่าคุณซื้อขนมมาให้”

“ครับๆ ขอบคุณครับ” นัฐพลพยักหน้า แล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา ราตรีก็ชงชากับหยิบผลไม้ไปเสิร์ฟ

“ขอบคุณครับ” นัฐพลพูดพร้อมกับยิ้มให้ ราตรีมองเฉย เดินกลับไปนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์เครื่องดื่มตามเดิม นัฐพลมองแล้วก็พูดว่า “อันที่จริงถ้าคุณเปิดเป็นคาเฟ่ขายกาแฟด้วย ผมว่าคงมีลูกค้าเพิ่มขึ้นนะ ได้ขายเครื่องดื่มด้วย แล้วเผลอๆอาจจะมีลูกค้าถูกใจภาพแล้วก็ซื้อกลับไปด้วยก็ได้ ยิงปืนทีเดียวได้นกสองตัวเชียวนะ”

“วุ่นวาย” ราตรีพูดน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าเฉยชา จนนัฐพลไม่รู้ว่า คำว่า ‘วุ่นวาย’ นั้น หมายถึงเขาวุ่นวาย หรือว่าขายเครื่องดื่มแล้ววุ่นวายกันแน่ ยัยคนนี้ถ้าเป็นลูกค้าจะพูดดีด้วยหน่อย แต่พอไม่ใช่ลูกค้าแบบเขา ‘มะนาวแล้งน้ำ’ ชัดๆ นี่ซินะ เจ้านายเป็นยังไง ลูกน้องเป็นอย่างงั้น

ขณะกำลังขับรถกลับ นิมิตราเห็นไลน์จากราตรีก็จิ้มหน้าจอเปิดอ่าน พอรู้ว่ามีขนมมาให้กินฟรีๆถึงร้าน เธอก็ตรงดิ่งกลับร้านทันที จอดรถไว้หน้าร้านแล้วรีบเข้าไป โยนกุญแจรถให้ราตรีสั่งว่า “ขับไปเก็บที”

“ค่ะท่าน” ราตรีรับกุญแจหมับแล้วก็เดินไปขับรถไปเก็บหลังร้าน นัฐพลหันไปมองรถแล้วก็ตาโต อุทานว่า “เฟอร์รารี่ เอฟ 8 ทริบูโต้!”

(Ferrari F8 Tributo ราคา 23,850,000 บาท ณ วันที่ 21 พ.ย. 2564)

เขาหันไปมองนิมิตราอย่างอึ้งๆ คิดในใจว่า เด็กคนนี้รวยขนาดไหนฟร่ะ?

นิมิตราเดินไปนั่งที่โซฟา ตามองขนมบนโต๊ะเขม็ง ราวกับสิงโตเห็นเหยื่ออันโอชะยังไงอย่างงั้น แต่พอหันไปมองเจ้าของขนมเห็นเขาเอาแต่มองรถเธอตาเป็นมัน ก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ถามน้ำเสียงห้วนว่า “จะมองอีกนานไหม?”

นัฐพลหันขวับไป ถามว่า “ผมขอลองนั่งรถคุณบ้างได้ไหม?”

นิมิตราเห็นสายตาอ้อนวอนราวกับเด็กชายเจอของเล่นถูกใจก็หัวเราะ เดินไปเปิดประตูกระจก พูดกับราตรีว่า “ยังไม่ต้องเอาไปเก็บ”

“ค่ะท่าน” ราตรีหันกลับมา แล้วเดินมาประคองกุญแจรถส่งให้ จากนั้นก็เดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มดังเดิม นิมิตราถือกุญแจรถยื่นให้นัฐพล “อยากลองก็เชิญ ว่าแต่ขนมนั่นซื้อมาให้ฉันใช่ไหม?”

“ก็ต้องซื้อมาให้คุณซิ” นัฐพลตอบ พลางรับกุญแจไปถือ นิมิตราก็บอกว่า “จะลองขับก็ได้ เชิญตามสบายเลย”

นัฐพลส่ายหน้า “อย่าเลย ผมกลัวขับไปเฉี่ยวกับใคร ทำรถคุณเป็นรอยขึ้นมา ได้มานั่งผ่อนค่าซ่อมให้คุณหัวโตแหงๆ”

“ตามใจ” นิมิตรายักไหล่ แล้วก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ส่วนราตรี พอนัฐพลบอกว่า ‘ก็ต้องซื้อมาให้คุณซิ’ จึงเดินไปหยิบขนมมาใส่จานให้เจ้านาย ไม่ว่าของอะไรก็ตาม ถ้าเจ้าของยังไม่เอ่ยปากยกให้ เธอจะไม่แตะต้องเป็นอันขาด นิมิตราก็นั่งจิ้มขนมใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย นัฐพลก็เดินไปเปิดรถ เข้าไปนั่งพักหนึ่ง แล้วเปิดฝากระโปรงดูเครื่องยนต์ ราวกับเด็กที่เจอของเล่นถูกใจ ดูจนสมใจแล้วจึงได้เดินกลับเข้าไปในร้าน นั่งลงที่โซฟา วางกุญแจไว้บนโต๊ะ พูดว่า “ขอบคุณครับ”

นิมิตราหยิบกุญแจ ยื่นไปทางราตรี ราตรีก็เดินมารับกุญแจไป แล้วเอารถไปเก็บหลังร้าน เมื่อเก็บรถแล้วราตรีก็เดินกลับไปนั่งที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม

เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้น พร้อมกับชายคนหนึ่งเปิดประตูเดินเข้ามาภายในร้าน ราตรีก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับลูกค้า “สวัสดีค่ะคุณพีท”

“สวัสดีครับ” พีททักทายตอบ แล้วหันไปยิ้มให้นิมิตรา “สวัสดีครับคุณนิมิตรา”

“สวัสดีค่ะคุณพีท” นิมิตราลุกขึ้นยืนต้อนรับแขก แล้วผายมือไปทางโซฟาอีกชุด “เชิญนั่งค่ะ”

“ครับๆ ถ้าคุณติดลูกค้าอยู่ก็ตามสบายครับ ผมรอได้ครับ” พีทบอกพลางมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อน นิมิตราไม่อธิบายอะไร เดินนำไปแล้วผายมือ “เชิญค่ะ”

พีทจึงเดินไปนั่งที่โซฟา นิมิตราก็นั่งลงตรงข้าม ราตรีก็ชงชา ยกผลไม้ไปเสิร์ฟลูกค้า นัฐพลเหลือบมองลูกค้าแล้วก็ทำท่าทางไม่สนใจ แต่กลับกดมือถือแอบถ่ายคลิปลูกค้ากับนิมิตราเอาไว้

“ถ้าคุณสะดวก งั้นผมขอรับของไปเลยล่ะกัน” พีทพูดขึ้น นิมิตรายิ้มให้ “ค่ะคุณพีท รอสักครู่นะคะ”

แล้วเธอก็หันไปสั่งราตรีว่า “ราตรีช่วยไปหยิบของที กล่องสีแดงวางอยู่ข้างโต๊ะกระจกวารี”

“ค่ะท่าน” ราตรีรับคำแล้วก็เดินเข้าไปด้านใน ระหว่างที่รอของ พีทก็พูดว่า “มากี่ทีคุณนิมิตราก็ยังดูสวยเหมือนเดิม อ่ะๆ ไม่ซิต้องบอกว่าสวยยิ่งกว่าเดิมถึงจะถูก”

นัฐพลฟังแล้วก็แอบว่าในใจ มุกจีบสาวเฉิ่มม๊ากกกก

“แหมคุณพีทก็พูดไป” นิมิตรายิ้มแย้มหัวเราะคิกคัก พีทก็บอกว่า “ผมพูดจริงๆนะคุณนิมิตรา ดูผมซิแก่จนมีหลาน 3 คนแล้วนะครับ”

พีทอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เห็นว่ามีลูกค้าคนอื่นอยู่ด้วยจึงไม่พูดอะไรมากนัก อันที่จริงเขาอยากจะถามเธอว่าไปทำศัลยกรรมดึงหน้าที่ไหน เขาจะได้ให้ภรรยาไปทำบ้าง จะได้เหมือนมีภรรยาคนสวยคนเดิมกลับมาอีกครั้ง แต่ถึงแม้ภรรยาจะไม่ดึงหน้า เขาก็ยังรักเธอไม่เปลี่ยนนะ

ราตรีเดินมา ประคองกล่องส่งให้ด้วยมือทั้งสองข้างอย่างนอบน้อม นิมิตราก็หยิบกล่องส่งให้ลูกค้า พีทก็รับไปโดยไม่คิดจะเปิดกล่องดู เขาส่งเช็คเงินสดให้นิมิตราทันที “ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณค่ะ” นิมิตรายิ้มให้แล้วก็ส่งเช็คให้ราตรี ราตรีก็รับเช็คแล้วถือไปเก็บ นัฐพลเห็นตัวเลขบนเช็คแวบๆก็เบิกตาโต คิดในใจว่า ของอะไรว่ะ? ราคาเป็น 10 ล้านเลยเหรอ? หรือว่าจะเป็นยา?

พอได้ของแล้ว พีทก็ลุกขึ้นร่ำลาทันที “ขอบคุณครับ คงต้องขอตัวก่อน เดี๋ยวจะไม่ทันประชุมครับ”

“ค่ะๆ เชิญค่ะ ถ้าได้ของมาอีกจะรีบโทรไปค่ะ” นิมิตรายิ้มแย้มให้

“ขอบคุณครับ” พีทก็คว้ากล่องสีแดงเดินออกไปทันที นิมิตราเดินไปส่งลูกค้าถึงหน้าประตูร้าน พีทเดินไปขึ้นรถ จากนั้นรถเบนซ์สีดำเงาวับก็ขับออกไป นัฐพลมองอย่างจับผิด นิมิตราก็เดินไปนั่งกินขนมต่อ นัฐพลมองจ้องๆ ถามว่า “ขายอะไรไปเหรอคุณ?”

“ไข่อีทเตอร์น่ะ” นิมิตราตอบอย่างอารมณ์ดี นัฐพลขมวดคิ้ว เขาก็พอจะรู้จักไข่อีทเตอร์บ้าง แต่ไข่อีทเตอร์อะไร ทำไมถึงได้แพงเป็น 10 ล้านแบบนั้นล่ะ? หรือว่าเป็นไข่อีทเตอร์สอดใส้ยาไอซ์?

เมื่อกินขนมเสร็จ นิมิตราก็ลุกขึ้นยืน พูดว่า “ขอบคุณสำหรับขนมแสนอร่อย ฉันขอตัวก่อนล่ะ จะไปดูไข่ของฉันบ้างแล้ว ไม่รู้ป่านนี้ฟักออกมารึยัง?”

“ไข่อะไรของคุณ?” นัฐพลถาม ใจก็คิดว่าคงเป็นไข่นกหรือไม่ก็ไข่เป็ดไข่ไก่ละมั้ง นิมิตราก็ยิ้มแย้มตอบว่า “ไข่พญานาค”

“ห๊ะ!” พรูด!!! นัฐพลสำลักน้ำชาพ่นพรวดออกมา แล้วเขาก็รีบยกหลังมือเช็ดปากเช็ดหน้า นิมิตราก็เขี่ยกล่องกระดาษทิสชู่เลื่อนไปตรงหน้าเขา นัฐพลรีบดึงทิสชู่ซับหน้าแล้วซับๆเช็ดโต๊ะ แล้วเขาก็ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ นิมิตรายิ้มขำๆ แล้วก็เดินเข้าไปด้านใน ราตรีถือผ้าขาวสะอาดเดินมาเช็ดโต๊ะ เช็ดเสร็จแล้วก็ถอยไปนั่งที่เคาน์เตอร์

นัฐพลนั่งมองจับผิดอยู่พักใหญ่ พลัน! นิมิตราก็ถือกล่องสีน้ำเงินเดินหน้าตื่นออกมา “ราตรี ทำไมไข่อีทเตอร์ของคุณพีทถึงมาอยู่ในกล่องนี้ล่ะ? แล้วไข่พญานาคล่ะ?”

ราตรีลุกพรวดถึงตัวเจ้านาย นิมิตราก็เปิดกล่อง ภายในกล่องมีไข่อีทเตอร์สีทองแวววาว ลวดลายโปร่งบาง ที่ขนาดมองดูแวบเดียวก็รู้เลยว่าเป็นงานศิลปะชั้นยอด ตัวไข่ประดับอัญมณีวิบวับสะท้อนแสงไฟแพรวพราว ราตรีจ้องมองไข่ในกล่องอย่างจนปัญญา ไม่อาจจะหาคำตอบให้เจ้านายได้ นิมิตรามองราตรีแล้วถามว่า “ตอนคุณหยิบกล่องสีแดงคุณได้เปิดดูข้างในไหม?”

“ไม่ค่ะท่าน” ราตรีตอบ นิมิตรากลอกตามองบนพ่นลมหายใจ “ถ้างั้นก็แสดงว่าไข่พญานาคนั่นคงชอบกล่องสีแดงมากกว่าจึงได้สับเปลี่ยนกล่องเองซินะ”

ราตรียืนนิ่งไม่มีคำตอบ นิมิตราจึงรีบหยิบมือถือมาโทรหาพีททันที แต่ปลายสายก็ปิดเครื่อง นิมิตราขมวดคิ้ว “หรือว่าขึ้นเครื่อง บินกลับอเมริกาไปแล้ว?”

นัฐพลลุกไปดูไข่อีทเตอร์ใกล้ๆ ขนาดเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะก็ยังพอดูออกว่า ไข่อีทเตอร์ใบนี้มูลค่าหลายล้านแน่

นิมิตราก็พูดขึ้นว่า “ต้องรีบเอาไข่ไปให้คุณพีทแล้วเอาไข่พญานาคกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ก่อนที่นาคน้อยจะออกจากไข่”

“ค่ะ” ราตรีพยักหน้ารับ นัฐพลก็พูดแทรกว่า “ผมไปด้วย ผมอยากจะเห็นว่าไข่พญานาคของคุณเป็นยังไง?”

“จะไปได้ไง?” นิมิตราดุ นัฐพลก็พูดว่า “ไปได้ซิ พาสปอร์ตผมก็มี วีซ่าอเมริกาก็ยังไม่หมดอายุ ผมไปได้ แค่ไลน์ลางานก็ได้แล้ว จะปล่อยให้คุณเดินทางตามลำพังกัน 2 คนทั้งๆที่หิ้วของแพงๆแบบนี้ได้ไง ถูกใครดักปล้นไปทำไงล่ะ”

นิมิตราทำหน้ายุ่งยากขึ้นมาทันที จะบ่ายเบี่ยงไม่ให้ไปด้วยเห็นทีคงจะยากแล้ว ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจ สั่งราตรีว่า “เช่าเจ็ทด่วนที่สุด”

“ค่ะท่าน” ราตรีพยักหน้ารับแล้วก็เดินไปโทรศัพท์ นิมิตราก็หันไปพูดกับนัฐพลว่า “งั้นคุณก็รีบกลับไปเอาพาสปอร์ตเลย ถ้าช้าฉันไม่รอนะ”

“ท่านคะ เครื่องจะออกอีก 4 ชั่วโมงค่ะ” ราตรีบอกพลางตัดสายโทรศัพท์ ทำให้นัฐพลยิ่งสงสัยว่า ผู้หญิงคนนี้ร่ำรวยขนาดไหนกันนะ? ถึงขนาดเช่าเครื่องเจ็ทเชียวเหรอ? ฮึ่ม! งานนี้ต้องเกาะติดเป็นเห็บหมาแล้ว

แล้วเขาก็รีบออกจากร้านขับรถกลับคอนโดไปเอาพาสปอร์ตกับแพ็กกระเป๋าเดินทางอย่างรีบด่วน จากนั้นก็หิ้วกระเป๋าขึ้นรถรีบขับกลับไปที่ร้านอีกครั้ง

เมื่อเขาไปถึงที่ร้าน ก็เห็นรถ SUV คันใหญ่จอดอยู่หน้าร้านคันหนึ่ง ประตูม้วนปิดลงมาเรียบร้อยแล้ว ราตรีกำลังยกกระเป๋าเดินทางขึ้นรถ นัฐพลจึงรีบลงจากรถ หิ้วกระเป๋าไปใส่รถ SUV คันนั้น หันไปกดรีโมทล็อครถตัวเอง เมื่อล็อคเรียบร้อยแล้ว เขาก็เห็นนิมิตรานั่งอยู่หลังพวงมาลัย เขาจึงเดินไปนั่งข้างเธอ ราตรีก็ปิดท้ายรถแล้วเดินไปนั่งข้างหลัง นิมิตราไม่พูดไม่จา พอราตรีขึ้นรถแล้วก็ขับออกไปทันที

นัฐพลผวารีบจับที่จับเหนือศีรษะตัวเอง ร้องว่า “เฮ้ๆ คุณจะรีบไปไหน? ช้าๆหน่อยก็ได้”

นิมิตราเหลือบมองแว๊บหนึ่ง พูดว่า “เดี๋ยวไม่ทัน กว่าจะผ่านตม.อีก ไรอีกเยอะแยะ”

นัฐพลจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ ระลึกถึงพระพุทธพระธรรมไป เพราะนิมิตราขับรถเร็วมาก อีกทั้งยังขับปาดซ้ายปาดขวาจนเขาใจหายใจคว่ำนั่งตัวเกร็ง ได้แต่ว่าในใจว่า โว้ๆ แม่คุณทูนหัว เบาๆหน่อยเถอะ

เขานั่งตัวเกร็งตลอดทาง ถึงจะเคยขับรถและนั่งรถไล่ล่าผู้ร้ายมาแล้ว แต่มาเจอฝีมือขับรถของนิมิตราแบบนี้ เขาแทบอยากจะกราบเธอเลยจริงๆ ฝีมือดีกว่านักแข่งรถอีกมั้ง ทำเอาสุดยอดนักขับรถประจำหน่วยกลายเป็นเด็กอนุบาลไปเลยเมื่อเทียบกับเธอ เขาหันไปมองราตรี เห็นราตรีนั่งนิ่งราวกับรูปปั้น สีหน้าเรียบเฉยไม่มีเปลี่ยนแม้เศษเสี้ยว จนเขาแอบคิดว่า ยัยคนนี้ยังเป็นคนอยู่ป่าววะ?

เขาหันกลับไปมองข้างหน้าแล้วก็ร้องลั่น “เฮ้ยๆ คุณๆ เบรก!!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version