Skip to content

Dream Gallery Chapter 9

  • by

Chapter 9

หมาป่า

นิมิตราหันไปมอง หน้างอ “มาอีกแหละ!”

ราตรียกชากับผลไม้ไปเสิร์ฟให้แขกไม่ได้รับเชิญ นัฐพลยิ้มให้ “ขอบคุณครับ”

ราตรีก็ถอยไปนั่งที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม นัฐพลนั่งลง วางกล่องขนมเค้กร้านดังไว้บนโต๊ะ ยกชาขึ้นจิบ นิมิตรามองกล่องขนมเค้กสายตานิ่งสงบ แต่ในส่วนลึกกลับมีแววสั่นไหว นัฐพลเห็นแววตาอยากกินขนมของเด็กก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา เขาเลื่อนกล่องไปข้างหน้า พูดว่า “ให้คุณ”

นิมิตรายิ้มแฉ่ง รีบโผไปคว้ากล่องขนมเค้าเอาไว้ “ขอบคุณ”

แล้วยื่นกล่องขนมไปให้ราตรี ราตรีรับไปเปิดกล่องจัดใส่จาน แล้วยกไปให้เจ้านายกับแขกไม่ได้รับเชิญคนละชิ้น ส่วนที่เหลือก็เก็บแช่ตู้เย็นเอาไว้ นิมิตรานั่งลงตักเค้กเข้าปาก สีหน้ามีความสุขเหลือประมาณ “อื้มมมม อร่อย”

“ลูกค้าคุณที่ไปเมื่อกี้นี้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นลูกสาวไฮโซที่เพิ่งถูกโจรบุกฆ่าตายคาบ้านนี่นา เป็นข่าวดังน่าดู” นัฐพลพูดขึ้น พลางหยิบจานขนมเค้กขึ้นมาตักกิน

“อืม” นิมิตราพยักหน้า

“ขายภาพอะไรให้เขาไปล่ะ?” นัฐพลถาม นิมิตราก็ตอบอย่างเต็มอกเต็มใจว่า “ไม่ได้ขายอะไรเลย”

แล้วเธอก็แกล้งบ่นว่า “ดูซิ ฉันขายภาพไม่ได้เลย คงต้องอดกินขนมอร่อยๆแน่เลยเพราะไม่มีตังซื้อ แล้วคุณก็เหมือนสวรรค์มาโปรด เอาขนมเค้กมาให้ ฮิๆ”

“เสแสร้งสุดๆ” นัฐพลพูดลอยๆ นิมิตราถลึงตาใส่ทีหนึ่ง หันไปสั่งราตรีว่า “ราตรี ส่งแขก!”

นัฐพลหน้าเหวอ “เฮ้ย! ไรกันคุณ ได้กินขนมแล้วไล่กันแบบนี้เลยเหรอ?”

“ก็ไล่แบบนี้แหละ จะทำไม?” นิมิตราพูดพลางตักเค้กกิน นัฐพลรีบยกมือทำท่ายอมแพ้ “น่าๆ อย่าเพิ่งไล่กันเลยนะคุณ”

“ฮึ!” นิมิตราค้อนทีหนึ่ง ราตรีซึ่งขยับจะส่งแขก จึงถอยกลับไปนั่งตามเดิม นัฐพลถอนหายใจโล่งอกทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “เรื่องคดีคุณวสันต์ จนป่านนี้ก็ยังไม่คืบเลย คุณคิดว่าพวกเขาพากันไปโดดน้ำตายที่ไหนรึเปล่า?”

“ฉันจะไปรู้ได้ไง ฉันไม่ใช่พวกเขานี่” นิมิตราพูดพลางตักเค้กใส่ปาก นัฐพลลอบถอนหายใจอย่างผิดหวัง อุตส่าห์เอาเค้กมาล่อคิดว่าจะได้รู้อะไรเพิ่มบ้าง แต่กลับคว้าน้ำเหลวไม่เป็นท่า แต่ถึงจะไม่ได้อะไรเพิ่มเติม เขาก็ไม่ได้ผิดหวังมากนักเพราะได้ดูเธอนั่งกินเค้กอย่างมีความสุขก็พาให้เขามีความสุขไปด้วย

เขาพยายามตะล่อมถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเพิ่มเติม จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ลูกสาวไฮโซคนนั้น ได้ข่าวว่าตาบอดนี่นา”

“บอดชั่วคราว หรือบอดถาวรก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันหวังว่าเธอจะแค่บอดชั่วคราวนะ ไม่งั้นร้านฉันต้องเสียลูกค้ารายใหญ่แน่” นิมิตราพูดคล้ายแม่ค้าที่งก เห็นแก่ได้ แต่นัฐพลก็ฟังออกว่าคล้ายเธอจะห่วงลูกค้ามากกว่า

“คนร้ายก็ยังจับไม่ได้” นัฐพลพูด นิมิตราก็ไม่พูดอะไรต่อ นัฐพลจึงลุกไปยืนดูภาพวาด นิมิตรามองตาม แล้วก็หันมาสนใจเค้กต่อ

นัฐพลยืนดูภาพดอกไม้สีแดง เขาไม่รู้ว่าดอกไม้ชนิดนี้เรียกว่าดอกอะไร แต่ภาพนี้ดึงดูดสายตาเขาทุกครั้งที่มาร้านนี้ พลัน! เขาก็รู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้สีแดง ใต้โคนต้นดอกไม้เต็มไปด้วยศพ เขากะพริบตาสะบัดหัว ภาพก็หายไป เขาสูดหายใจเข้าหลายหน กว่าหัวใจที่เต้นตึกๆเมื่อกี้จะกลับมาเต้นปกติ เสียงไลน์ดังขึ้น เขาหยิบมือถือมาเปิดดู แล้วก็เก็บมือถือ หันไปพูดกับนิมิตราว่า “ผมติดงาน ต้องกลับแล้ว”

“อืม” นิมิตราพยักหน้าทีหนึ่ง นัฐพลรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรอีกไหม แต่ก็ไม่มี เขาจึงหันไปโบกมือบ๊ายบายให้ราตรี ราตรียกมือโบกตอบ สีหน้าเรียบเฉย นัฐพลได้แต่คิดในใจ เจ้านายกะลูกน้องกวนพอๆกันนั่นแหละ

เขาเดินออกจากร้าน บรรยากาศจ๊อกแจ๊กจอแจข้างนอกทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลับเข้ามาสู่โลกอันปกติ เขาหันกลับไปมองในร้าน บรรยากาศข้างในกับข้างนอกช่างแตกต่างกันจริงๆ ข้างในเงียบสงบ ข้างนอกจอแจวุ่นวาย จนทำให้เขาคิดถึงบรรยากาศของสถานที่อีกแห่งที่คล้ายๆกับที่นี่ นั่นคือวัดยังไงล่ะ แต่วัดกับร้านนี้แตกต่างกันอยู่บ้าง วัด ให้ความรู้สึกสงบเงียบ ตัดขาดจากโลกอันวุ่นวาย แต่ร้านนี้ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งมากกว่า เขาเดินไปขึ้นรถแล้วก็ขับออกไป

วิกานดากลับมาถึงบ้านก็เข้าห้องนอนไป คนรับใช้ก็ตามไปคอยรับใช้ใกล้ชิด คนรับใช้คนอื่นๆก็สุมหัวกันว่า “นี่ๆ ได้ข่าวว่าคุณผู้ชายทำพินัยกรรมไว้ด้วยล่ะ ป้าว่าคุณวัชจะได้มรดกซักเท่าไหร่เหรอ?”

“จะได้ซักเท่าไหร่ ก็คงไม่มากนักหรอก ลูกเลี้ยงยังไงก็เป็นลูกเลี้ยง คุณหนูซิลูกแท้ๆย่อมได้มากกว่าอยู่แล้ว”

“หือ? ลูกเลี้ยงลูกแท้ๆอะไรป้า? คุณวัชไม่ใช่ลูกคุณผู้ชายเหรอ?”

“เอ็งเพิ่งมาอยู่ใหม่ รู้แล้วก็เหยียบไว้ล่ะ คุณวัชนะเป็นลูกติดของคุณผู้หญิงคนแรก คุณผู้ชายก็ให้คุณวัชใช้นามสกุล เลี้ยงเหมือนลูก พอคุณผู้หญิงตาย คุณผู้ชายก็แต่งงานใหม่กับแม่ของคุณหนู แล้วก็มีคุณหนูนี่แหละ”

“อ่อ งั้นคุณวัชกับคุณหนูก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกันน่ะซิ”

“ก็เออซิวะ รู้แล้วก็เหยียบไว้ล่ะ”

“จ้าๆ”

จากนั้นคนรับใช้ก็คุยกันเรื่องเลขเด็ดเลขดังกันต่อ

ทางด้านวิกานดาหลังจากอาบน้ำกินข้าวแล้ว เธอก็นั่งรับลมอยู่ที่ระเบียบห้อง กลิ่นดอกกุหลาบที่ปลูกไว้รอบๆระเบียงทำให้เธอผ่อนคลายมากทีเดียว “แนนจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ฉันจะนั่งเล่นอยู่ตรงนี้อีกซักพักล่ะกัน”

“ค่ะคุณวิ งั้นคุณวิอย่าลุกไปไหนนะคะ ถ้าจะไปไหนก็เรียกหนูนะคะ เดี๋ยวหนูมาช่วยพยุงค่ะ”

“ฉันแค่ตาบอดนะแนน ไม่ได้ง่อยเสียแขนเสียขา”

“จะยังไงหนูก็ห่วงนะคะ”

“จ้าๆ เดี๋ยวถ้าจะเข้าข้างในฉันจะเรียกล่ะกัน”

แนนจึงยอมลุกไปเช็ดๆถูๆในห้อง ปล่อยให้คุณวินั่งรับลมอยู่ที่ระเบียง

ในความมืดมิด วิกานดาเห็นเกรย์อยู่ข้างๆ แล้วก็ยิ้มๆอย่างสังเวชตัวเอง “สงสัยสมองคงกระทบกระเทือนหนัก ฉันถึงได้เห็นภาพหลอนไม่เลิกเสียที”

เธอยื่นมือไปลูบๆหัวเกรย์ อย่างน้อยในความมืดมิดนี้ก็ยังมีภาพหลอนเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกันนะ เกรย์ก็นั่งหมอบเอาหัวเกยตัก วิกานดาจึงลูบๆหัวไปเรื่อยๆ ครั้นเมื่อยมือก็วางมือไว้บนหัวเกรย์นิ่งอย่างนั้น

เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ จนแนนเดินมาแตะที่แขนบอกว่า “คุณวิคะ เข้าห้องเถอะค่ะ ข้างนอกค่ำแล้วยุงเยอะนะคะ”

“มืดแล้วเหรอ?” วิกานดาถาม ขยับตัวขึ้นนั่งตรงๆ เกรย์ก็เอาหัวออกจากตัก ขยับลุกขึ้นยืน 4 ขา แนนก็บอกว่า “เกือบจะทุ่มนึงแล้วค่ะ”

“อ่อ” วิกานดาพยักหน้ารับรู้ รู้สึกถึงมือที่จับแขนประคอง เธอลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเดินตามคนที่ประคองอยู่ข้างๆ แนนก็ประคองพาไปที่เตียง “ค่อยๆนะคะคุณวิ”

“ขอบใจนะ” วิกานดายิ้มให้ มือก็ควานคลำ พอเจอที่นอนก็ค่อยๆนั่งลง แนนก็ช่วยดูแลจนวิกานดานั่งดีแล้วก็ถามว่า “คุณวิจะให้หนูเปิดหนังสือเสียงให้ฟังไหมคะ?”

“เปิดซิ” วิกานดาพยักหน้ารับ แนนก็หยิบมือถือเจ้านายมาเปิดแอพ แล้วเปิดหนังสือเสียง วิกานดาก็นอนลงบนเตียง ฟังหนังสือเสียงไปเรื่อยๆ ในความมืดมิด เกรย์ก็นั่งอยู่ข้างเตียง คอยเฝ้าราวกับองครักษ์ 4 ขา แนนก็ขยับไปทำอย่างอื่น

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูห้อง แนนรีบไปเปิดประตู ก็เห็นป้าไข่ยืนอยู่หน้าห้องถือถาดใส่เหยือกน้ำส้ม “เอ้า น้ำส้มของคุณหนู”

“จ้า” แนนรับถาดมา ป้าไข่ก็เดินจากไป แนนก็ปิดประตูเอาน้ำส้มไปรินใส่แก้ว แล้วถือไปให้เจ้านายถึงที่เตียง “คุณวิคะ น้ำส้มค่ะ”

“แนนกินเถอะ วันนี้ฉันยังไม่อยากกิน เอาน้ำแร่มาแทนละกัน” วิกานดาบอก แนนจึงวางแก้วน้ำส้มไว้ข้างเตียง แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำแร่มาเปิดรินใส่แก้วแล้วเอาไปให้เจ้านาย วิกานดาก็ลุกขึ้นนั่งดื่มน้ำ แล้วก็นอนลงไปดังเดิม แนนมองน้ำส้มอย่างเสียดาย ในเมื่อเจ้านายอนุญาตแล้วจึงยกดื่มจนหมดแก้ว แล้วก็เอาแก้วไปล้างในห้องน้ำ จากนั้นก็ออกมานั่งเล่นเกมส์อยู่ตรงปลายเตียง

นั่งไปนั่งมาก็หาวแล้วหาวอีก จนทนไม่ไหวต้องนอนลงไปตรงพื้นด้านปลายเตียงนั่นแหละ วิกานดาก็นอนฟังหนังสือเสียงจนหลับไป

จนกระทั่งเสียงประตูดังกริ๊ก เกรย์ก็แยกเขี้ยวขู่เบาๆ ทำให้วิกานดาสะดุ้งตื่น ในความมืดมิดเธอเห็นเงาดำมืดนั่นอีกแล้ว เงาดำนั่นค่อยๆก้าวเข้ามา วิกานดารีบลุกขึ้นอย่างหวาดกลัว “อย่าเข้ามานะ!”

เงาดำนั่นสถบในลำคอ “เวรเอ้ย! เสือกตื่นได้ไงวะ!”

เงาดำหันไปมองคนใช้ เห็นนอนหลับไม่หือไม่อือก็พอจะเดาได้ อีแนนกินน้ำส้ม แต่อีวิไม่ได้กินซินะ

ในความมืดมิด วิกานดาเห็นเกรย์ขยับขวางระหว่างตัวเธอกับเงาดำมืด แยกเขี้ยวขู่ใส่เงาดำนั่น เงาดำขยับก้าวไปหาวิกานดา เกรย์ก็โจนเข้าไปกัด พร้อมๆกับที่วิกานดาตะกุยใส่เงาดำ เล็บยาวจึงข่วนแขนเงาดำมืดเป็นรอยเลือดซิบๆ 4 รอย “โอ๊ย! อีวิ!”

วิกานดารีบฉวยโอกาสที่เงาดำชะงักไป วิ่งหนีออกจากห้องไปทันที ถึงตาจะไม่เห็นแต่บ้านหลังนี้เธออยู่มาตั้งแต่เกิด หลับตาเดินยังพอเดินได้ถูกเลย ทำให้เธอหนีออกมาจากห้องได้อย่างไม่ยากเย็น เงาดำมืดรีบก้าวตามไป ต้องรีบฆ่ามันให้ได้ สมบัติทุกอย่างจะได้ตกเป็นของกูคนเดียว! คืนนี้อุตส่าห์แอบวางยาไอ้อีพวกคนใช้หมดแล้ว ต่อให้อีวิร้องยังไงก็ไม่มีใครมาช่วยมันได้หรอก หึๆๆๆ

เกรย์ก็กระโจนตามวิกานดาไปติดๆ วิกานดาวิ่งไปพลางคลำทางไปด้วย ปากก็ร้องว่า “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

เธอวิ่งลงบันไดไป มือจับราวบันไดไปด้วย จนกระทั่งวิ่งออกไปพ้นตัวบ้าน พลัน! เธอก็สะดุดล้มลงบนพื้นหญ้าตรงทางเดิน “โอ๊ะ!”

เงาดำมืดเดินไปถือมีดปลายแหลมแน่น สายลมพัดจากเงาดำไปหาวิกานดา วิกานดาได้กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยก็ตกใจจนตกตะลึง “พี่วัช!”

วัชระสถบ “เหี้**เอ้ย! พอตาบอดแล้วเสือกจมูกดีขึ้นมาเชียว!”

เสียงพูดทำให้วิกานดายิ่งตกตะลึงมากขึ้น “นี่พี่วัชฆ่าคุณพ่อเหรอ?”

พลัน! ภาพความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมา จังหวะที่เธอรู้สึกเจ็บหัว หันไปมองคนที่อยู่ข้างหลัง ท่ามกลางภาพพร่ามัวใต้ม่านเลือด เธอก็ได้เห็นใบหน้าคนที่ตีเธอ ซึ่งก็คือใบหน้าของวัชระนั่นเอง “วิจำได้แล้ว! พี่วัชเป็นคนตีหัววิ!”

“หึ จำได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วอีวิ มึงรีบตามพ่อไปอยู่ในนรกเถอะ สมบัติทุกอย่างจะได้เป็นของกูคนเดียว!” วัชระพูดอย่างเหี้ยมโหด

“ไอ้เลว!” วิกานดาด่า ไม่คิดเลยว่าคนที่เป็นเหมือนพี่ชายจะฆ่าพ่อได้ลงคอเพียงเพราะคำว่า ‘สมบัติ’ สองคำเท่านี้เอง

วัชระแสยะยิ้ม พูดว่า “ถ้าจะด่าก็ไปด่าพ่อมึงในนรกเถอะอีวิ ทั้งๆที่กูทุ่มเททำงานทุกอย่างให้มัน แต่มันกลับให้กูแค่ตึกแถวไม่กี่ห้อง กับเงินอีกไม่กี่ล้าน ส่วนมึง วันๆไม่ต้องทำห่าอะไร มันยกทุกอย่างให้มึง งั้นทั้งมันทั้งมึงก็ลงนรกไปด้วยกันเถอะ”

พลัน! ประกายแสงเล็กๆราวละอองฝุ่นก็รวมตัวกันตรงหน้าวิกานดา กลายเป็นหมาป่าสีเทาตัวหนึ่ง วัชระผงะ “เฮ้ย!”

เกรย์ยืนจังก้า 4 ขา แยกเขี้ยวขาววับขู่ “แฮ่!—–”

วัชระขยี้ตา ก็ยังเห็นหมาสีเทาขวางอยู่ตรงหน้า “หมาใครวะ!?”

พอได้ยินคำว่า ‘หมา’ วิกานดาก็ยื่นมือไปข้างหน้า มือสัมผัสกับขนนุ่มลื่น เธอก็ขยับไปวางมือทั้งสองบนสะโพกเกรย์ “เกรย์ๆ หนีไป หนีไปซะ”

เธอพูดอย่างเป็นห่วง ในความมืดมิดเธอเห็นเกรย์อยู่ตรงหน้า กำลังแยกเขี้ยวขู่เงาดำมืดนั่น วัชระหรี่ตาลง “อ่อ หมามึงรึอีวิ งั้นเดี๋ยวกูจะส่งมันลงนรกไปก่อนมึงละกัน”

พูดจบ เขาก็ง้างเท้าเตะ เกรย์ขยับหลบพร้อมกับอ้าปากกัด วัชระก็ว่องไวพอตัว เกรย์จึงกัดได้แต่ชายกางเกง จึงทั้งกัดทั้งสะบัด วัชระก็จ้วงมีดในมือแทงลงไปอย่างโหดเหี้ยม ฉึก!

“เอ๊ง! เอ๊ง!—–” เกรย์ร้องลั่นอย่างเจ็บปวด ถูกมีดปักไหล่ วัชระกระชากมีดออก เลือดก็สาดกระเซ็นออกมา

วิกานดาเห็นเกรย์ร้องลั่นก็รีบโผเข้าไปกอด อุ้มเกรย์ไปไว้ข้างหลังอย่างทุลักทุเล เอาตัวบังเอาไว้ “อย่านะ! เกรย์หนีไปซิ”

เธอผลักมันให้หนีไป น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างสงสารสัตว์ที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่อะไรด้วยต้องมาเจ็บตัวไปด้วย เกรย์หันมาเลียหน้า เลียน้ำตา แล้วก็แหงนหน้าขึ้นหอน “โบร๋วววววว—–”

“หอนหาเหี้**อะไรวะไอ้หมาเวร!” วัชระด่า ขยับเข้าไปเงื้อมีดขึ้น แล้วจ้วงแทงวิกานดา คมมีดกำลังจะถูกตัววิกานดาแล้ว พลัน! มือของวัชระก็เฉไป ร้อง “โอ๊ย!”

มือข้างนั้นถูกหมากัดจมเขี้ยว วัชระสะบัดแขน ด่าลั่น “หมาจากไหนอีกวะ!”

แต่พอมองไปรอบๆ ก็เห็นหมาล้อมรอบเต็มไปหมด แต่ละตัวใหญ่พอๆกับไอ้ตัวแรก หน้ายาวๆแหลมๆเหมือนกัน ดูแล้วเป็นพันธุ์เดียวกัน สีแตกต่างกัน มีทั้งสีดำขมุกขมัว สีน้ำตาล สีขาวนวลๆ ปะปนกันไป

เกรย์หยุดหอนแล้ว ส่งเสียงขู่ “แฮ่—–”

หมาทั้งฝูงหันไปมองวัชระเป็นตาเดียว วัชระรู้สึกขนหัวลุกชัน ท่ามกลางหมาทั้งหมด เขาเห็นหมาตัวหนึ่งขนสีเงินแปลกตากว่าตัวอื่นๆ พลัน! เขาก็นึกถึงภาพวาดหมาป่าในห้องทำงานของชวิน ภาพนั้นกับไอ้หมาสีเงินนั้นเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!

ในความมืดมิด วิกานดาเห็นหมาป่าฝูงหนึ่ง อยู่รอบๆตัว ท่ามกลางหมาป่าเหล่านั้นเธอเห็นหมาป่าสีเงินยวงที่เหมือนกับภาพวาดในห้องคุณพ่อ เกรย์ที่อยู่ในอ้อมกอดเธอส่งเสียงขู่อีกครั้ง “แฮ่—–”

พลัน! ฝูงหมาป่าทั้งฝูงก็พุ่งกระโจนใส่วัชระ วัชระร้องลั่น “เฮ้ย! โอ๊ย! โอ๊ย! อ๊ากกกกก—–”

วิกานดาเบิกตากว้าง มองดูฝูงหมาป่ารุมกัดทึ้งเงาดำมืด ครู่เดียวเงาดำมืดนั่นก็ล้มลงไป จากนั้นเธอก็ไม่เห็นเงาดำนั่นอีก เห็นแต่ฝูงหมาป่านับสิบๆตัวรุมล้อมฉีกกระชากกัดทึ้งเหมือนสารคดีสัตว์โลกที่เคยเห็นหมาป่าเวลารุมเหยื่อ

เสียงร้องของวัชระขาดหายไปแล้ว วิกานดาเห็นแต่ฝูงหมาป่ากำลังรุมล้อมเท่านั้น เกรย์หันมาเลียหน้าเธอ วิกานดารู้สึกว่าภาพเบื้องหน้ามืดดับไป

วิกานดารู้สึกถึงบางสิ่งรัดบีบที่ต้นแขน พร้อมกับเสียงพูดว่า “ความดัน………”

เธอกะพริบตา ลืมตาขึ้น แสงจ้าทำให้เธอต้องปิดตาลง แล้วลืมตาขึ้นใหม่ ภาพแรกที่เห็นคือเพดานสีขาว

“คนไข้ฟื้นแล้ว” เสียงผู้หญิงพูดอยู่ใกล้ๆ วิกานดาหันไปมองก็เห็นพยาบาลชุดสีขาวสะอาดยืนอยู่ข้างๆ ถามว่า “รู้สึกยังไงบ้างคะ?”

วิกานดากะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง “ฉันอยู่ที่ไหนคะ?”

“คุณอยู่โรงพยาบาลค่ะ” พยาบาลตอบ วิกานดามองไปรอบๆตัวอย่างงงๆ พักใหญ่เธอจึงนึกได้ว่า “ฉันมองเห็นแล้ว!”

เธอก้มลงดูมือตัวเอง แล้วหยิกแขนตัวเองทีหนึ่ง “อูย เจ็บ”

เมื่อตั้งสติได้เธอก็ดีใจร้องลั่น “ฉันมองเห็นแล้ว! ฉันมองเห็นแล้ว!”

“ค่ะๆ ใจเย็นก่อนนะคะคุณวิกานดา เดี๋ยวดิฉันจะตามหมอให้ค่ะ” พยาบาลบอกแล้วก็กดปุ่มเรียกหมอ

ขณะที่กำลังรอหมอ พยาบาลก็วัดไข้แล้วจดบันทึกเอาไว้ เมื่อหมอมาถึงก็ตรวจๆ ซักถามอาการพักใหญ่ ครั้นตรวจเสร็จก็จดบันทึกการรักษาลงแฟ้ม ขณะที่หมอกำลังตรวจ แนนกับป้าไข่ก็เดินเข้ามาในห้อง รอจนหมอตรวจเสร็จแล้ว พากันออกไปคนรับใช้ทั้งสองจึงปรี่เข้าไปหาเจ้านายทันที แนนพุ่งไปถึงก่อนก็ถามว่า “คุณวิฟื้นแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ?”

“แนนๆ ฉันมองเห็นแล้ว” วิกานดาบอกอย่างดีใจ น้ำตาไหล ป้าไข่ก็ขยับเข้าไปจับมือเจ้านาย “สาธุ สวรรค์คุ้มครอง”

“คุณวิมองเห็นแล้ว?” แนนตกตะลึง แล้วก็กระโดดร้องอย่างดีอกดีใจ “เย้ๆ คุณวิมองเห็นแล้ว คุณวิตาไม่บอดแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version