ตอนที่ 1007
จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกชรา
“ตอนที่ข้าต่อสู้กับผู้ถูกเลือกเหล่านั้น ข้าได้ต่อสู้เพื่อชื่อเสียงของตระกูล! ข้าทำให้ตระกูลฟางกลายเป็นจุดสนใจของขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมด!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น จ้องมองเข้าไปในดวงตาของฟางโส่วเต้า ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่ากลิ่นอายของชายชราผู้นี้ ช่างเหมือนกับของเขาเป็นอย่างยิ่ง
“อืม นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว นับจากตอนนี้เป็นต้นไป เจ้าคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งของตระกูลฟาง ทั้งภายในตระกูลและบุคคลภายนอก ตอนนี้เจ้าคือตัวแทนของตระกูลแล้ว!” ฟางโส่วเต้าโบกสะบัดมือ ทำให้เหรียญสีทองลอยออกมากลายเป็นลำแสงไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว เหรียญนั้นมีตัวอักษร 方 (ฟาง) ถูกจารึกไว้ที่ด้านหนึ่ง และบนอีกด้านก็มีตัวอักษร 天骄 (เทียนเจียว แปลตรงตัวว่าความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ ในที่นี้คือผู้ถูกเลือก) อยู่
เมิ่งฮ่าวมองไปยังเหรียญนั้นด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็จ้องมองกลับไปยังฟางโส่วเต้า ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ากำลังถูกล้อเล่นอยู่ ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศที่เคร่งเครียดขึ้นในทันที
“ข้ารู้สึกเหน็บหนาวและผิดหวัง ต่อวิธีการจัดการกับคนในตระกูลเช่นนี้นัก!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น กัดฟันแน่น
ฟางโส่วเต้าชี้นิ้วไปยังเมิ่งฮ่าว ทำให้ความรู้สึกอันอบอุ่นกระจายออกไปทั่วทั้งหน้าอกและจิตใจ
“รู้สึกอบอุ่นขึ้นแล้วหรือไม่?” ท่านกล่าวเสียงราบเรียบ
เมิ่งฮ่าวแทบจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา เขาไม่เคยพบเจอใครที่ไร้ยางอายเท่าเหล่าเจียหั่ว (ไอ้แก่) ผู้นี้มาก่อน เขาพยายามจะอธิบายกับตัวเองอย่างใจเย็น และยังได้พูดอ้อมค้อมไปถึงสามครั้งติดต่อกันอีกด้วย จนแผดร้องขึ้นมา
“ตลอดช่วงกลียุคของตระกูล ข้าได้หยุดการกระทำของฟางเว่ยด้วยตัวเองเพียงคนเดียว! ข้าได้ช่วยเหลือกลุ่มคนในตระกูลไปมากมาย! และยังได้สังหารฟางซิ่วซานไปอีกด้วย!”
“ข้าคือคนที่เรียกผู้พิทักษ์เต๋าให้มาต่อสู้กับสามผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋า! ข้าช่วยให้แผนการของท่านดำเนินไปได้ด้วยดี!”
“ข้ายังได้สังหารฟางเฮ่อซานไปอีกด้วย!”
“อันที่จริง สิ่งที่จุดชนวนทั้งหมดนี้ขึ้นมาคือผลเนี่ยผานของข้า!”
“ข้าได้กระทำมาอย่างมากมายเพื่อตระกูล และต้องการจะได้รับสิ่งของรางวัลเป็นการตอบแทน!!”
“อืม, สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตน, ใช่หรือไม่?”
ฟางโส่วเต้ากล่าวขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าบุคลิกส่วนตัวของเจ้าเกือบครึ่ง ที่ไปเหมือนกับปู่ของเจ้าเป็นอย่างยิ่ง” ด้วยความรู้สึกผิดขึ้นเล็กน้อย ท่านกระแอมไอออกมา โบกสะบัดมือขวาไปมา
ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง ทันใดนั้น กระดาษหนึ่งแผ่นก็ได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของฟางโส่วเต้า
เสียงขีดเขียนดังขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่ฟางโส่วเต้าได้เขียนชื่อของท่านลงไปบนกระดาษแผ่นนั้น
“ข้ารู้ว่าเจ้าชื่นชอบต่อการได้รับตั๋วสัญญา” ฟางโส่วเต้ากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมไว้หนึ่งใบสำหรับเจ้า เจ้าคิดว่าตระกูลได้เป็นหนี้เจ้ามากเท่าใด ก็ให้เขียนลงไปด้วยตนเอง”
เมิ่งฮ่าวคว้าจับไปที่กระดาษแผ่นนั้น เมื่อมองลงไปดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำ เขากำลังจะต่อสู้กลับไป แต่ทันใดนั้นสีหน้าของฟางโส่วเต้าก็กลายเป็นเคร่งเครียดขึ้น
ท่านสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเคร่งขรึม เมิ่งฮ่าวที่เพิ่งแทบไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้ได้ ทันใดนั้นก็ต้องมีโทสะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ฟางฮ่าว!” ฟางโส่วเต้ากล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำและผ่าเผยอย่างถึงที่สุด
“ข้ารู้เรื่องทุกอย่างที่เจ้าได้กระทำให้กับตระกูล และข้าก็เข้าใจดีถึงสิ่งที่เจ้าคิดว่าไม่ถูกต้อง” ท่านกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเก่าแก่โบราณ “ข้ายังรู้ถึงคุณงามความดีทั้งหมดที่เจ้าได้กระทำมาอีกด้วย โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงเรื่องราวเหล่านั้น แค่การเปิดชีพจรเซียนของเจ้าจนถึงจุดสูงสุด ก็ทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าต้องสั่นสะเทือนไปทั่ว ใครก็ตามที่กระทำได้เช่นนั้น สำนักหรือตระกูลใดๆ ก็ตาม จะต้องมอบรางวัลให้ด้วยของวิเศษอันล้ำค่าอย่างแน่นอน”
“ก็เหมือนกับในที่แห่งนี้! เจ้ามีความสำคัญกับตระกูลพวกเรามาก เทียบเท่ากับคนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าเลยทีเดียว!”
“ฟางเว่ยจะกลายเป็นเกราะป้องกันให้กับตระกูล และเจ้า…จะกลายเป็นกระบี่!”
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป มันจะกลายเป็นเงา, เป็นเงาของเจ้า! ในขณะที่เจ้ามีชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ มันยังคงต้องปิดบังตนเองไว้และไม่เป็นที่รู้จักของใครๆ นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าคือความหวังในอนาคตที่แท้จริงของตระกูล!”
“เจ้าคิดว่าตระกูลกำลังตระหนี่ต่อเจ้า? ไม่ยอมมอบรางวัลใดๆ ให้กับเจ้าจริงๆ?”
“เจ้าผิดแล้ว ให้ข้าบอกแก่เจ้าเถอะ ตระกูลจะไม่มีทางปฏิบัติต่อดวงตะวันที่เจิดจ้าเช่นเจ้าด้วยความตระหนี่แม้แต่น้อยนิด แต่…เจ้ารู้หรือไม่ว่าค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายไปในการปลุกท่านปรมาจารย์รุ่นแรกขึ้นมามากมายสักแค่ไหน?”
“ท่านปรมาจารย์รุ่นแรกได้ตายไปในช่วงของการเข้าฌานเมื่อนานมาแล้ว สิ่งที่เจ้าเห็นก่อนหน้านี้เป็นแค่ร่างจำแลงของท่านเท่านั้น หรือบางทีอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นแค่วิญญาณแห่งดาวตงเซิ่ง กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว เมื่อท่านยังคงหลับใหลอยู่ การปลุกท่านขึ้นมา ได้ทำให้ดาวตงเซิ่งต้องเหือดแห้งไปหนึ่งพันปี!”
“เพื่อที่จะมั่นใจว่าดาวตงเซิ่งจะยังคงโคจรหมุนเวียนไปตามปกติต่อไปอีกนับพันปีต่อจากนี้ไป ตระกูลต้องจ่ายทรัพยากรเป็นจำนวนมากมายอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายได้ออกมา ในตอนนี้ตระกูล…จึงไม่มีของรางวัลที่จะมอบให้กับเจ้าได้จริงๆ!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ก็ไม่มีรางวัลใดๆ ที่จะมีค่ามากพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเจ้าในตระกูลได้ ดังนั้นข้าจึงได้ตัดสินใจเป็นครั้งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไว้แล้ว” ฟางโส่วเต้าลุกขึ้นมายืนและมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างสงบนิ่ง
“ข้าได้พูดคุยเรื่องนี้กับบิดาของเจ้า เช่นเดียวกับฟางเหยียนซวีและผู้เฒ่าโอสถ และการตัดสินใจนั้นก็ได้ข้อสรุปแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้า…จะเป็นนายน้อยแห่งตระกูลฟาง!” ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของฟางโส่วเต้า จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เริ่มหมุนคว้าง
“นายน้อย?” เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างอยู่ชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าสำหรับกลุ่มคนของตระกูลฟางใดๆ ก็ตาม ตำแหน่งเช่นนี้คือตัวแทนของชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วมันคือตัวแทนของจำนวนหินลมปราณและหยกเซียนที่มีจำนวนมากมายอย่างไม่รู้จบในอนาคต
“ใช่แล้ว” ฟางโส่วเต้ากล่าวต่อไป ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะทุกข์ใจ “ในตอนนี้ พื้นฐานฝึกตนของเจ้ายังอ่อนแออยู่มาก แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าบรรลุถึงอาณาจักรเต๋า เจ้าก็จะกลายเป็นผู้นำของตระกูลฟาง ดังเช่นที่เจ้ารู้มา เป็นเวลานานหลายปีมาแล้ว…ที่ตระกูลฟางไม่มีผู้นำที่แท้จริงถือกำเนิดขึ้นมา”
ฟางโส่วเต้ามองไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยสีหน้าที่คาดหวังและความรักใคร่เอ็นดู ขณะที่ท่านยื่นมือออกมา ก็ทำให้เหรียญคำสั่งปรากฏขึ้น
มันเป็นเหรียญสีม่วงและสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่เหรียญคำสั่ง แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นของวิเศษแห่งอาณาจักรโบราณที่หาได้ยากเย็นยิ่ง!
“ของสิ่งนี้คือสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ ในฐานะที่เจ้าเป็นนายน้อยของตระกูล เมื่อไหร่ที่เจ้าบรรลุถึงอาณาจักรโบราณ เจ้าก็สามารถจะกลั่นสกัดให้มันกลายเป็นของวิเศษอันล้ำค่าได้อย่างแท้จริง” ฟางโส่วเต้าโบกสะบัดมือ ทำให้เหรียญคำสั่งลอยตรงมายังเมิ่งฮ่าว ตกลงไปบนฝ่ามือของเขา เหรียญคำสั่งเล็กๆ นี้ กลับให้ความรู้สึกที่หนักอึ้งราวกับเป็นภูเขาทั้งลูก
ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่มีกายเนื้อเซียนแท้แล้วละก็ เขาคงไม่อาจจะถือมันไว้ได้อย่างแน่นอน
“นี่คือบ้านของเจ้า และเจ้าก็คือนายน้อยของที่นี่ ในวันข้างหน้า เจ้าจะอยู่ในตำแหน่งของผู้นำ และดังนั้น ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของที่แห่งนี้ ก็จะกลายเป็นของเจ้าในที่สุด ถ้าตระกูลต้องพบเจอกับความยากลำบาก เช่นสถานการณ์ในตอนนี้ แล้วมันจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ที่เจ้าจะนำทรัพยากรของตระกูลไป? ในฐานะที่เป็นนายน้อยของตระกูล เจ้าน่าจะขบคิดหาวิธีที่จะทำให้ตระกูลร่ำรวยขึ้น!” ฟางโส่วเต้าถอนหายใจอย่างยาวนานออกมา และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะนำเจ้าไปดูด้วยตาของตัวเอง” ฟางโส่วเต้าโบกสะบัดมือทำให้เมิ่งฮ่าวและตัวท่านเองหายไป เมื่อคนทั้งสองปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ที่ด้านในของหอคอยขนาดใหญ่
“ในที่แห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งพวกเราใช้เก็บรวบรวมหยกเซียนที่กองสูงราวกับเป็นภูเขา แต่ในตอนนี้…”
“ที่นี่เคยเต็มไปด้วยหินลมปราณนับไม่ถ้วน แต่ในตอนนี้…”
“สถานที่แห่งนี้เคยแน่นหนาไปด้วยของวิเศษนานาชนิด”
ฟางโส่วเต้านำเมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในอาคารที่เก็บทรัพย์สมบัติของตระกูล และตลอดทางที่เดินผ่านไปนั้นกลายเป็นความว่างเปล่าไปโดยสิ้นเชิง จนดูน่าหดหู่เป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่เดินดูจนถ้วนทั่ว เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าค่อนข้างจะห่อเหี่ยว
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตระกูลฟางจะ…ยากจนข้นแค้นได้ถึงเพียงนี้
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่? นอกเหนือจากเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว ตระกูลยังได้มอบสายโลหิตมังกรให้กับเจ้าด้วย! มันได้ก่อตัวมาจากโลหิตของท่านปรมาจารย์เอง!” ฟางโส่วเต้าถอนหายใจออกมา
เมิ่งฮ่าวยืนอย่างเงียบๆ อยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเช่นเดียวกัน ในที่สุดเขาก็ยกเลิกความคิดที่จะขอรางวัลตอบแทนจากตระกูล ขณะที่ฟางโส่วเต้ายังคงยืนถอนหายใจอยู่ที่นั่นต่อไป เมิ่งฮ่าวหมุนตัวและจากไป ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาได้ใช้เวลาตรวจสอบดูบันทึกของอาคารเก็บสมบัติ จึงทำให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มองเห็นนั้นคือเรื่องจริง
เขายังได้ทำมากไปกว่านั้นอีกด้วย โดยการใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไปยังดินแดนต่างๆ และพบว่าดาวตงเซิ่งได้แห้งเหือดลงไป สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยพลังลมปราณ แต่ในตอนนี้ได้เหือดแห้งหายไป ทำให้เขาต้องหลับตาลงไปอีกด้วย จากพื้นฐานสายโลหิตของเมิ่งฮ่าว ทำให้สามารถจะรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่บุคคลภายนอกไม่อาจจะรับรู้ได้ ดาวตงเซิ่งได้อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา ขณะที่สำนักและตระกูลต่างๆ ในขุนเขาทะเลที่เก้ามาเยี่ยมดาวตงเซิ่ง และมาแสดงความยินดี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเพิ่งจะได้เห็นนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป
เมิ่งฮ่าวเฝ้ามองไปขณะที่สำนักและตระกูลทั้งหมดได้นำของขวัญมาด้วย ถ้ามีเพียงแค่สำนักเดียวหรือตระกูลเดียวมาเยี่ยมเยียน มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่สามนิกายหกสำนัก, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และแม้แต่อีกสามตระกูลใหญ่ รวมทั้งกลุ่มกองกำลังเล็กๆ อื่นๆ ต่างก็มาด้วย ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากที่ครุ่นคิดคำนวนอยู่เล็กน้อย เขาก็ตระหนักว่าถ้ารวมราคาของของขวัญเหล่านั้นทั้งหมดที่ถูกนำมาโดยสำนักและตระกูลต่างๆ เข้าด้วยกันแล้ว มันมีจำนวนที่มากมายอย่างน่าตกใจยิ่ง…ถึงแม้ว่ามันไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มอาคารทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็ตามที แต่เพียงพอที่จะเติมเข้าไปได้ถึงสามหรือสี่ในสิบส่วน
ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองดูฟางโส่วเต้ากำลังต้อนรับแขกต่างๆ ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ทำให้เขารู้สึกประทับใจในความเจ้าเล่ห์ราวกับเป็นสุนัขจิ้งจอกชราของฟางโส่วเต้าเพิ่มมากขึ้น
ชายชราผู้นี้หลอกลวงเขาได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรกับมันได้ นอกจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเคยพูดออกมาก่อนหน้านี้ก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจและตัดสินใจที่จะปิดตาลงข้างหนึ่ง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นคือหนทางเดียวที่จะทำให้เขาไม่รู้สึกหงุดหงิดใจเพิ่มมากขึ้น จากนั้นเขาก็ไม่ไปเข้าร่วมการต้อนรับแขก แต่อยู่ในที่พักเพื่อทำการฝึกตน พยายามที่จะดูดซับผลเนี่ยผานของตนเองเข้าไป
ถ้าถูกหลอกลวงเพียงแค่เรื่องนี้ เมิ่งฮ่าวก็ไม่คิดมากนัก นอกจากนั้นตอนนี้เขาคือนายน้อยของตระกูล เป็นศักดิ์ฐานะที่เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่อีกไม่กี่วันต่อมา สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้มาถึงเช่นเดียวกัน และเขาก็ได้ยินมาว่าพวกมันได้จัดเตรียมของขวัญมาแสดงความยินดีด้วยจำนวนที่มากมายจนน่ากลัว ของขวัญแต่ละชิ้นเหล่านั้นสามารถเทียบได้กับของขวัญจากตระกูลเล็กๆ ที่นำมารวมเข้าด้วยกัน ทำให้เมิ่งฮ่าวอดคิดไม่ได้ว่าต้องมีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นอยู่
“พี่โส่วเต้า ฮ่าวเอ๋อร์เป็นทั้งนายน้อยของตระกูลฟาง และเป็นศิษย์หลักของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าด้วยเช่นกัน ได้โปรดรับมอบของขวัญเหล่านี้ ในฐานะที่เป็นการนำเสนอเพื่อให้มันมาเข้าร่วมสำนักด้วย”
เมื่อผู้ฝึกตนจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ามาถึง ฟางซีก็รีบวิ่งไปยังที่พักของเมิ่งฮ่าวซึ่งเขากำลังนั่งเข้าฌาณอยู่ในทันทีเพื่อไปแจ้งข่าว เมิ่งฮ่าวรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาในทันที และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้เขาได้เข้าใจถึงความเจ้าเล่ห์ทั้งหมดของฟางโส่วเต้าแล้ว มันต้องหลอกลวงเขา…มาครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้เป็นนายน้อย สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็จะไม่จัดเตรียมของขวัญมามากมายเช่นนั้น ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากศักดิ์ฐานะใหม่ของเขา ทำให้ตระกูลได้รับของขวัญที่มีค่าอย่างมากมาย
เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น ลุกขึ้นมายืนและบินขึ้นไปในอากาศ ตรงไปยังวิหารหลักของคฤหาสน์โบราณ ไปยังสถานที่ซึ่งใช้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอยู่ในตอนนี้
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ติดใจเรื่องที่ฟางโส่วเต้าได้แต่งตั้งให้เขาเป็นายน้อย เพื่อที่จะได้รับของขวัญมาจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้มากขึ้น สิ่งที่เขาติดใจก็คือว่าเรื่องราวที่สำคัญเช่นนี้ จิ้งจอกชราเช่นฟางโส่วเต้ากลับ…ไม่ให้เขามีส่วนร่วมใดๆ! ไม่แม้แต่จะแบ่งมาให้สักหนึ่งส่วน! เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้!
ทั้งสำนักกระบี่ไท่สิง และเซียนกู่เต้าฉ่าง ต่างก็ส่งตัวแทนมาพร้อมกับของขวัญจำนวนมากด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับของขวัญที่นำมาโดยสำนักกระบี่ไท่สิงและอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าแล้ว สิ่งของที่ถูกนำมาโดยเซียนกู่เต้าฉ่างดูเหมือนว่าจะมีมากกว่า
ในวิหารหลักของคฤหาสน์โบราณตระกูลฟาง เหล่าปรมาจารย์จากสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่รอบๆ โต๊ะเลี้ยงต้อนรับ ในขณะที่งานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ได้ถูกจัดขึ้นมา
“พี่โส่วเต้า สมาชิกจากสำนักและตระกูลต่างๆ ได้มาเข้าสังกัดสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ นั่นเป็นเพราะว่าสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่มีจิตใจที่กว้างขวางต่อบุคคลภายนอก นั่นคือวิธีการที่พวกเราได้สร้างผู้ถูกเลือกขึ้นมาหลายต่อหลายรุ่นในขุนเขาทะเลที่เก้าแห่งนี้”
“พี่โส่วเต้า สำนักกระบี่ไท่สิงได้มุ่งเน้นไปที่กระบี่ในฐานะที่เป็นเต๋าของพวกเรา ฟางซิ่วเฟิงซึ่งเป็นบิดาของฮ่าวเอ๋อร์ก็เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเต๋าแห่งกระบี่ด้วยเช่นกัน ข้าคิดว่าฮ่าวเอ๋อร์น่าจะมีความสำเร็จมากที่สุด ถ้ามันมาเข้าสังกัดสำนักกระบี่ไท่สิง!”
เหล่าปรมาจารย์พูดคุยและหัวเราะกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่เริ่มโต้เถียงกันเองว่าใครจะได้เมิ่งฮ่าวไปเป็นศิษย์
ฟางเหยียนซวีและฟางโส่วเต้านั่งอยู่ในท่ามกลางคนทั้งหมด ฟางโส่วเต้ากำลังยิ้มแย้มและพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง คนที่ไม่รู้จักมันก็จะคิดว่ามันดูใจดีมีเมตตาและอ่อนโยน แต่เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังมัน เขาก็คิดว่ามันดูเหมือนกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เท่านั้น