ตอนที่ 1021
ไล่ล่าเข้าไปในเศษซากเซียน
เมิ่งฮ่าวชี้นิ้วไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ ทำให้มันต้องหยุดชะงักนิ่งในทันที ในตอนนี้ความไม่พอใจของมันได้บรรลุถึงขั้นที่ใกล้จะระเบิดออกมา และมันก็แผดร้องคำรามอย่างน่ากลัวตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ขณะที่เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืน และมองออกไปยังที่ห่างไกล ตรงเข้าไปในเศษซากเซียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แปลกจริงๆ เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่พิเศษบางอย่าง” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นมา ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็มั่นใจได้ว่าเมื่อครู่นี้มีบางสิ่งที่คล้ายกับเป็นผ้าคลุมได้พุ่งผ่านสายตาของตัวเองไป ราวกับว่า…มีบางสิ่งที่เขาน่าจะเคยเห็นได้ถูกปกปิดเอาไว้
“เจ้าหมายถึงอะไรที่แปลก?” ปรมาจารย์เอกะเทวะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งอยู่เล็กน้อย “เมื่อครู่นี้มีเด็กหญิงผู้หนึ่งพุ่งผ่านไป ร้องเรียกชื่อเจ้าออกมา แต่เจ้าก็ไม่สนใจนาง และนางก็วิ่งเข้าไปในเศษซากเซียน ยังมีเด็กชายอีกคนกำลังไล่ล่านาง ดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามจะสังหารนางไป” ปรมาจารย์เอกะเทวะมีทีท่าทั้งหยิ่งยโสและพึงพอใจในตัวเองขณะที่มันพูดขึ้น
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! อู่เหยียก็เห็นเช่นกัน เจ้ามองไม่เห็น?” นกแก้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ
“ซานเหยียก็มองเห็นด้วยเช่นกัน! เจ้าไม่เห็นจริงๆ!? หยุดเสแสร้งได้แล้ว มันผิดศีลธรรม มันไม่ถูกต้อง!” ผีโต้งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าก็เห็นเช่นเดียวกัน…” กู๋อี่ติงซานอวี่กล่าวขึ้น ใช้มือปกปิดรอยยิ้มของนางไว้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่มองออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มองตรงไปยังเศษซากเซียน บ่นพึมพำกับตัวเอง
“ใช่แล้ว เมิ่งฮ่าวเจ้าสารเลวน้อย เมื่อครู่นี้เจ้าเด็กชายนั่นเพิ่งจะพูดบางอย่างออกมาว่า…เมื่อเจ้าไม่ต้องการจะแต่งงานกับเด็กหญิงนางนั้น มันก็จะช่วยทำหน้าที่สามีแทนเจ้า เห็นหรือไม่ว่าเด็กๆ ในทุกวันนี้ช่างมีจิตใจที่ดีงามเป็นอย่างยิ่ง ช่างเป็นคนที่มีความสุขกับการที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นจริงๆ” ปรมาจารย์เอกะเทวะหัวเราะเป็นเสียงดังขึ้น ดูเหมือนว่ามันจะมีความพึงพอใจกับตัวเองเป็นอย่างมาก
“นั่นก็ใช่แล้ว ซานเหยียก็คิดด้วยเช่นกันว่าเด็กผู้นั้นช่างมีจิตใจที่ประเสริฐจริงๆ! ช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้! คนที่สัตย์ซื่อจริงใจช่นนั้นมีไม่ค่อยมากนักในโลกแห่งนี้ ด้วยบุคลิกและศีลธรรมเช่นนั้น ช่างคู่ควรที่จะให้ลอกเลียนแบบได้จริงๆ!” ผีโต้งผงกศีรษะของมันอย่างแข็งขัน เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริงใดๆ…
นกแก้วกลอกกลิ้งดวงตามันไปมา และจากนั้นก็ไอแห้งๆ ออกมา
“เมิ่งฮ่าว ถ้าเจ้าไม่ไปช่วยนางในตอนนี้ นางก็จะต้องกลายเป็นของเล่นให้กับคนผู้นั้นอย่างแน่นอน ถ้าอู่เหยียจำไม่ผิด เด็กหญิงที่ไร้ขนนางนั้นมีนามว่าหลี่หลิงเอ๋อร์”
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวในตอนนี้บิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ขณะที่จ้องมองเข้าไปในเศษซากเซียน และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร เขาไม่รู้ว่าทำไมหลี่หลิงเอ๋อร์ถึงไม่ได้กลับไปยังตระกูลหลี่ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่ว่าคนทั้งสองจะมีเรื่องอะไรกัน เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้นางต้องตายไป เมื่ออยู่ในฐานะที่จะช่วยเหลือนางได้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคนที่ไล่ตามนางไปได้พูดถึงบางสิ่งที่เกี่ยวกับว่า จะช่วยทำหน้าที่สามีของเมิ่งฮ่าวให้ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีบุรุษที่แท้จริงคนใดจะสามารถยอมรับได้
เรื่องการแต่งงานของเขาและหลี่หลิงเอ๋อร์ เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างคนทั้งสอง สำหรับใครก็ตามที่พูดจาเช่นนั้นออกมา ก็จะถือว่าเป็นการยั่วยุที่อุกอาจยิ่ง
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังนกแก้วและผีโต้ง แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นมากระทืบลงไปบนร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะ
“ตามเข้าไปใน…เศษซากเซียน!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว เขารู้ว่าวิชาที่ใช้ในการปิดบังสายตาของตัวเองไว้ เป็นบางสิ่งที่น่ากลัวโดยสิ้นเชิง ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า หลี่หลิงเอ๋อร์กำลังถูกไล่ล่า แต่ตระกูลหลี่ไม่ได้ส่งใครมาช่วยเหลือนางเลย อย่างไรก็ตาม…เมิ่งฮ่าวได้ชำเลืองมองไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ และครุ่นคิดไปว่า ทำไมมันถึงไม่ได้รับผลกระทบในขณะที่คนทั้งหมดบนดาวตงเซิ่งถูกโจมตีจนหมดสติไป ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ามันต้องมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อต้องตกอยู่ในการต่อสู้
ปรมาจารย์เอกะเทวะรู้สึกตื่นเต้นขึ้น ทำการเปลี่ยนทิศทางและมุ่งหน้าตรงไปยังเศษซากเซียนด้วยความรวดเร็วสูงสุด นกแก้วก็มีความตื่นเต้นขึ้นด้วยเช่นกัน มันมีความรู้สึกว่าเศษซากเซียนจะต้องเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่มีขนหลากหลายชนิดอย่างแน่นอน ทำให้เศษซากเซียนคล้ายกับเป็นดินแดนในฝันของมัน
สำหรับผีโต้งที่ปัญญาอ่อน มันมักจะถูกชักจูงโดยสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ปรมาจารย์เอกะเทวะระเบิดความเร็วออกไป ในชั่วพริบตา มันก็เข้าไปอยู่ในเศษซากเซียน ไล่ติดตามหลี่หลิงเอ๋อร์ไปอย่างรวดเร็ว
ปรมาจารย์เอกะเทวะมีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬาร ดังนั้นในทันทีที่มันผ่านเข้าไปในเศษซากเซียน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มสั่นสะเทือน ราวกับว่ากฎธรรมชาติได้ถูกรบกวนโดยการมาถึงของมัน และตอนนี้กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ร่างของกู๋อี่ติงซานอวี่สั่นสะท้านขึ้น และทันใดนั้นสีหน้านางก็กลายเป็นความว่างเปล่า ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ฉับพลันนั้นนางรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเรียกนางอยู่ กำลังร้องเรียกหานาง…ให้ไปยังสถานที่ที่อยู่ในเขตส่วนลึกของเศษซากเซียน
แทบจะราวกับว่าความทรงจำที่หายไปบางส่วนของนาง จู่ๆ ก็ได้เปิดออกในทันทีที่นางผ่านเข้ามา
ในทันทีที่กลุ่มของเมิ่งฮ่าวได้เข้าไปในเศษซากเซียน ชายชราที่นั่งอยู่ในเรือตรงด้านนอกของเศษซากเซียนก็ขมวดคิ้วขึ้น
“ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเต่านั่นต่ำเกินไป…รวมถึงเจ้านกนั่นด้วย แม้แต่สิ่งที่คล้ายกระดิ่ง และเด็กหญิงบนหลังเต่านั้น ข้าก็ยังประเมินพวกมันต่ำเกินไป” ก่อนหน้านี้มันได้ตระหนักดีว่าปรมาจารย์เอกะเทวะและนกแก้วต่างก็แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้มันต้องยอมรับว่าพวกมันมีความน่ากลัวกว่าที่มันได้คาดคิดไว้มากนัก
“พวกมันสามารถจะมองเวทแห่งเต๋าของข้าได้อย่างปรุโปร่ง…”
ชายชราพึมพำ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ช่างเหนือความคาดหมายเกินกว่าที่มันได้วางแผนไว้ เดิมทีมันได้วางแผนไว้ว่าจะไปปรากฏตัวขึ้นเพื่อตักเตือนอี้ฝ่าจือ และปกปิดมันไว้ในขณะที่ทำการเกี้ยวพาราสีหลี่หลิงเอ๋อร์
ถ้าหลี่หลิงเอ๋อร์ตายไป ตระกูลเจิ้งแห่งอาณาจักรหลิงซิงก็จะหว่านเมล็ดกรรมไว้กับเมิ่งฮ่าว ชายชราตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นผลลัพธ์ของแผนการนี้มากเป็นอย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้ สิ่งต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นตามแผนการนั้น
มันพึมพำกับตัวเอง มองตรงไปยังเศษซากเซียน และดูเหมือนว่าจะรำลึกนึกขึ้นมาได้ถึงบางสิ่ง จนทำให้มันต้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ
“ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียนเมื่อปีนั้น…” มันครุ่นคิด ความทรงจำหมุนวนไปมาอยู่ในจิตใจ และมันก็ถอนหายใจออกมา ในที่สุดมันก็กัดฟันแน่นและมุ่งหน้าตรงเข้าไปในเศษซากเซียน มันไม่มีทางเลือก มันสามารถจะหลอกลวงตระกูลเจิ้งได้ แต่ไม่อาจจะปล่อยให้อี้ฝ่าจือต้องมาตายอยู่ในเศษซากเซียนอย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่บนศีรษะของปรมาจารย์เอกะเทวะ มองไปรอบๆ ขณะที่คนทั้งหมดพุ่งฝ่าเข้าไปในเศษซากเซียน
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้มายังที่แห่งนี้ และสิ่งต่างๆ ในบริเวณนี้ก็ดูแตกต่างเป็นอย่างมาก กับตอนที่ทางเข้าของมันถูกเปิดออกโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่
ทางเข้าของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่เป็นบริเวณที่พวกมันได้สำรวจมาอย่างทะลุปรุโปร่ง และพวกมันก็ก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ไม่มีอันตรายใดๆ แต่ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังอยู่ในสถานที่ ที่น้อยคนนักจะเคยผ่านเข้ามาก่อน
ที่เบื้องหน้าขึ้นไป เศษชิ้นส่วนของก้อนศิลาจำนวนมากมายลอยอยู่ในอากาศ ยังมีรูปปั้นที่แตกหักให้มองเห็นได้อีกด้วย และท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมเต็มไปด้วยรอยแตก ซึงดูเหมือนจะสามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่งเข้าไปได้
ยังมีเสียงอสูรที่แปลกๆ ได้ดังก้องไปมาพร้อมกับกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณ กระจายอยู่ในอากาศอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นแค่ชายขอบของเศษซากเซียนเท่านั้น ขณะที่คนทั้งหมดมุ่งหน้าต่อไป สีหน้าของปรมาจารย์เอกะเทวะก็ยิ่งมีความเคร่งเครียดมากขึ้น แต่มันก็ยังคงพุ่งตรงไปด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อ สิ่งกีดขวางใดๆ ต่างก็ต้องระเบิดออก ราวกับว่าพวกมันเป็นกิ่งไม้ที่แห้งเหี่ยวผุพัง
ความแข็งแกร่งของกายเนื้อมัน ได้บรรลุถึงระดับที่น่ากลัว ทำให้คนทั้งหมดพุ่งผ่านเขตด้านนอกของเศษซากเซียนเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าที่ดูน่ากลัว ขณะที่ทำการโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตนไปมา ชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดระเบิดเป็นพลังขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้กระจายไหลซึมออกไปจากร่าง สวรรค์สามสิบสามชั้นที่ดูเลือนรางได้ตกลงมา และแสงระยิบระยับของดวงดาวก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตา ขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น พลังของเขาได้พุ่งขึ้นไป จนดูเหมือนว่าได้กระจายเจตจำนงแห่งผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียนออกมาอย่างแท้จริง
“ข้าไม่ต้องการให้สิ่งที่เคยเกิดขึ้น ต้องเกิดขึ้นมาอีก เมื่อคนอื่นสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น แต่ข้าไม่อาจจะมองเห็นได้!” ทันใดนั้นเขาก็ร้องประกาศเป็นเสียงเย็นชาขึ้น ยกมือขึ้นไปและรอยแตกของเวทรุ่นห้าก็ปรากฏขึ้น
ปรมาจารย์เอกะเทวะพึมพำบางอย่างกับตัวเอง และทันใดนั้นก็อ้าปากขึ้นและส่งเสียงคำรามออกมา เสียงคำรามนั้นไม่ได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง แต่ถูกบังคับให้ตรงไปยังสถานที่เล็กๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวมัน
“เปิดออก!”
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้น ขณะที่ทุกสรรพสิ่งรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว จู่ๆ ก็เปลี่ยนไป เขามองเห็นหยดโลหิตที่กำลังลอยอยู่ และร่องรอยที่ใครบางคนกำลังถูกไล่ล่าอย่างชั่วร้าย!
ในตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก เป็นหลี่หลิงเอ๋อร์ที่มีใบหน้าซีดขาว และโลหิตได้พ่นกระจายออกมาจากปาก นางดูเหมือนกับเป็นตะเกียงน้ำมันที่แทบจะดับลงไปได้ทุกเมื่อ พลังชีวิตของนางมาถึงขีดจำกัดของตนเองแล้ว นางไม่พบเห็นความหวังใดๆ ในเศษซากเซียนนี้ มีเพียงแต่ความสิ้นหวังเท่านั้น ทำให้ต้องหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
อี้ฝ่าจือและงูเหลือมสามหัวที่อยู่ด้านหลังของมัน กำลังไล่ติดตามนางไป ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะท้านขณะที่กลิ่นอายอันโหดเหี้ยมได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นพุ่งออกมา และผลักดันให้เศษชิ้นส่วนที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นต้องลอยห่างออกไป
“รู้สึกสิ้นหวังแล้ว…?” อี้ฝ่าจือถามขึ้น หัวเราะออกมา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันชั่วร้าย ขณะที่มันยกมือขวาขึ้นมา
ด้วยการชี้นิ้วไป ก็ทำให้เกิดเป็นลำแสงสีดำพุ่งออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลำแสงนั้นพุ่งผ่านไป ทั้งหุบเขาและก้อนศิลาต่างก็แตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ!
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากหลี่หลิงเอ๋อร์ ขณะที่นางกระแทกลงไปยังพื้นผิวของก้อนศิลาที่แตกกระจายไป นางมองกลับไปทางด้านหลัง จ้องไปยังอี้ฝ่าจือด้วยแววตาที่ไม่ยอมแพ้หรือโอนอ่อนผ่อนตามแม้แต่น้อยนิด
นางอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ความหวังใดๆ และนางอาจจะต้องตายไป แต่นางก็จะตกตายไปพร้อมกับศักดิ์ศรีของตนเอง
“ข้าชื่นชอบสีหน้าเช่นนี้นัก ที่บ้านของข้า ศีรษะเซียนที่ถูกสังหารไปโดยเหล่าท่านปรมาจารย์ทั้งหมดในประวัติศาสตร์ ต่างก็มีสีหน้าเช่นเดียวกันนี้!”
“เซียน…” มันแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา ด้วยสีหน้าที่เย่อหยิ่งอย่างถึงที่สุด
“เซียนทั้งหมดต้องตายไป และอาณาจักรเซียนทั้งหมดต้องถูกทำลายลง ใครจะไปสนใจผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน และเซียนเช่นเจ้า!” รังสีสังหารของอี้ฝ่าจือแวบขึ้นมา และมันก็ก้าวเดินตรงไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์
มันโบกสะบัดมือขวางอนิ้วเป็นกรงเล็บ ทำให้พลังอันมหาศาลระเบิดออกไป หลี่หลิงเอ๋อร์ไม่อาจจะต่อสู้กลับไปหรือดิ้นรนหลบหนีจากไปได้ แต่ดวงตาของนางก็ยังคงสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่กลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง ฉับพลันนั้นก็พุ่งขึ้นมาอยู่ภายในร่างของนาง
นางเลือกที่จะทำการระเบิดตนเองไป!
“ระเบิดตัวเอง?” อี้ฝ่าจือกล่าวขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ออกมา มันใช้มือขวาขยับร่ายเวทขึ้นอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยเวทแห่งเต๋าบางอย่างออกไป ทำให้หลี่หลิงเอ๋อร์ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ทันใดนั้นกลิ่นอายทำลายล้างที่อยู่ภายในร่างนางก็กระจัดกระจายหายไป นางต้องตกใจยิ่งเมื่อพบว่า…ไม่อาจจะทำการระเบิดตนเองได้!
“ข้าได้เรียนรู้เวทลับนี้มานานแล้ว เพื่อจัดการกับเซียนที่พยายามจะระเบิดตนเอง” ในขณะที่มันพูด อี้ฝ่าจือก็ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของหลี่หลิงเอ๋อร์ มันยกมือขวาขึ้นมาและคว้าจับไปที่ลำคอของนาง จากนั้นก็กดร่างนางให้นอนลงไปบนพื้น ด้วยสีหน้าที่เลวทรามต่ำช้า ยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ตอนนี้จงเป็นเด็กดี ปล่อยให้ข้าแต่งงานกับเจ้าโดยสมบูรณ์ หลังจากนั้น…ข้าก็จะใช้โลหิตของเจ้าเป็นบททดสอบครั้งแรกของข้า”
หลี่หลิงเอ๋อร์สั่นสะท้านไปทั้งร่าง กัดริมฝีปากขณะที่จ้องมองกลับไปยังอี้ฝ่าจือ ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นนางก็อ้าปากขึ้น ทำให้แสงอันเจิดจ้าพุ่งออกไป
อี้ฝ่าจือตกใจขึ้นมา ในเวลาเดียวกันนั้น แสงระยิบระยับก็ได้พุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่างมันในทันที ลำแสงได้แวบผ่านลำคอมันไป ซึ่งก็คือใบหลิวอันแหลมคม ที่เกือบจะกรีดเฉือนลำคอมันไปอย่างน่ากลัว
“เจี้ยนเหริน!” อี้ฝ่าจือร้องตวาดขึ้น ภายในใจมันรู้สึกตกตะลึง ถ้าไม่มีเกราะป้องกันช่วยชีวิตที่ได้รับมอบมาจากตระกูลของมันแล้ว ใบหลิวนั้นก็คงจะตัดศีรษะมันขาดออกไปแล้ว
ด้วยเพลิงโทสะ มันกำลังจะยื่นมือออกไป และดึงลิ้นของหลี่หลิงเอ๋อร์ออกมา แต่ทันใดนั้นเอง ความเย็นเยียบจนทำให้มันต้องมองขึ้นไปยังที่ห่างไกลได้กระจายออกมา สิ่งที่มันมองเห็นก็คือรูปร่างที่มีขนาดใหญ่โตของปรมาจารย์เอกะเทวะ กำลังพุ่งตรงมาที่มันด้วยความรวดเร็ว ที่ด้านบนศีรษะยืนไว้ด้วยเมิ่งฮ่าว กำลังจ้องมองมายังทิศทางของมันด้วยความเย็นเยียบ