Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1024

ตอนที่ 1024

ผู้ยิ่งใหญ่สังหารผู้พิทักษ์เต๋า

แทบจะในทันทีที่เสียงนั้นดังก้องออกไป ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็สั่นสะท้าน ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพอันน่าตกใจก็ได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกมันทั้งหมด

มันคือภาพของสถานที่ที่เมิ่งฮ่าวกำลังอยู่ในตอนนี้ เศษซากเซียน!

เห็นได้ชัดว่าภาพนี้ได้ช่วยชี้นำ บอกให้ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋ารู้ว่า ชนเผ่านอกคอกนั้น…กำลังอยู่ในเศษซากเซียน!

ในชั่วพริบตาผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเต๋าเกือบครึ่ง ได้ก้าวเท้าเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในทันที และเริ่มพุ่งตรงไปยังทิศทางนั้น ฟางโส่วเต้าคือหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น มันและผู้แข็งแกร่งจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่เป็นคนกลุ่มแรกที่มุ่งหน้าตรงไปยังเศษซากเซียน

บนดาวเป่ยหลู เหล่าปรมาจารย์และคนอื่นๆ จากตระกูลหลี่ก็มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของตำแหน่งภาพที่พวกมันมองเห็นด้วยเช่นเดียวกัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ ทำให้พวกมันทั้งหมดตกใจขึ้นจนไปถึงแก่นกาย และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องหลอกลวงที่กุขึ้นมาโดยตระกูลจี้ เรื่องนี้…มีความร้ายแรงยิ่ง แม้แต่ตระกูลจี้ก็ยังไม่กล้าที่จะวางแผนด้วยเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้

ในช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าได้พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด มุ่งหน้าตรงไปยังเศษซากเซียน ชายชราที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับปรมาจารย์เอกะเทวะ รู้สึกว่าหนังศีรษะของมันต้องด้านชาขึ้นมา และใบหน้าก็ซีดขาวราวกระดาษ มันรู้ดีว่าอันตรายของพวกมันในตอนนี้ ก็เนื่องมาจากการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของอี้ฝ่าจือ

“ช่างปัญญาอ่อนโง่เขลานัก!” ชายชราแอบมีโทสะขึ้นอยู่ภายในใจ

“ขอให้ตระกูลเจิ้งถูกมีดพันเล่มสังหารไป! เมื่อก่อนก็เป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิมอีก ช่างโง่เขลาปัญญาอ่อนนัก!!” ในเวลาเดียวกันนั้น มันรู้สึกหวาดกลัวและกังวลใจอย่างถึงที่สุด มันรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่อี้ฝ่าจือได้เปิดเผยร่างจริงออกมา มันยังรู้อีกด้วยว่าถึงแม้จะมีเพียงเก้าขุนเขาเท่านั้น ที่ยังคงเป็นโลกแห่งเซียน และไม่ได้ยิ่งใหญ่จนสามารถจะควบคุมโลกของสิ่งมีชีวิตอีกสามพันแห่งได้อีกต่อไป…แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียนก็ยังคงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังจนทำให้หนังศีรษะของมันต้องด้านชาไป

ชายชรายังได้ตระหนักดีด้วยเช่นกัน ถึงความเกลียดชังที่ฝังลึกและซับซ้อนของผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน ที่มีต่อสองกองกำลังหลักจากสงครามโบราณในครั้งนั้น อย่างไรก็ตามที่ยิ่งสำคัญมากไปกว่านั้นคือมันรู้ว่า สิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียนเกลียดชังมากกว่าสิ่งใดๆ ไม่ใช่สองกองกำลังเหล่านั้น แต่เป็น…อาณาจักรชั้นต่ำที่ทรยศต่อโลกแห่งเซียนในสงครามครั้งนั้น!

และอาณาจักรหลิงซิง คือหนึ่งในอาณาจักรชั้นต่ำที่ทรยศเหล่านั้น!

ชายชรากัดฟันแน่น และไม่สนใจอี้ฝ่าจือโดยสิ้นเชิง มันพุ่งถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว โบกสะบัดมือไปทำให้เรือปรากฎขึ้น ในทันทีที่มันก้าวเท้าเข้าไปในลำเรือ มันก็บังคับให้เรือหมุนตัวไปรอบๆ และเริ่มหลบหนีจากไป

มันตั้งใจจะจากไปให้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหลบหนีไปจากโลกแห่งนี้ ก่อนที่ผู้ฝึกตนอื่นๆ จากขุนเขาทะเลที่เก้าจะรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของมันในที่แห่งนี้ จากระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน ทำให้สามารถจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากมาย กำลังมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางนี้

สำหรับกลุ่มคนเหล่านั้น มันอาจจะไม่สนใจได้ แต่มันก็รับรู้ได้ถึงที่ไหนสักแห่งตรงด้านนอกนั้นด้วยเช่นกันว่า ยังมีสิ่งที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นคงอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าแห่งนี้

“ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เก้า…จี้เทียน! เจ้าปัญญาอ่อนอี้ฝ่าจือนั่นได้สร้างปัญหาขึ้นมาแล้วจริงๆ ในตอนนี้!”

สีหน้าของชายชราเคร่งเครียดขึ้น และมันก็กัดฟันแน่นขณะที่บังคับให้เรือพุ่งตรงไป จากนั้นมันได้กัดปลายลิ้นเล็กน้อย และพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ มันยังได้เผาไหม้อายุขัยที่ยืนยาวของมันไปอีกด้วย เพื่อระเบิดเป็นความเร็วขึ้นชั่วคราว มันพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ พุ่งทะลุออกไปในความว่างเปล่า เพียงชั่วพริบตามันก็แทบจะไปโผล่ขึ้นในความว่างเปล่านั้น

ในตอนนี้เองที่ตรงส่วนลึกซึ่งอยู่ภายในเศษซากเซียน ในสถานที่ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ถ้ำแห่งเซียนธรรมดาทั่วไป หญิงสาวชุดขาวผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่ นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และดวงตาคู่นั้นก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นเยียบราวน้ำแข็ง

เป็นความเย็นเยียบที่ปกคลุมไปด้วยความเกลียดชัง, โทสะ และความต้องการสังหาร นางค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาอย่างช้าๆ และชี้นิ้วตรงไปยังความว่างเปล่านั้น

นิ้วนั้นทำให้เกิดเป็นเส้นใยภาพลวงตาขึ้น พุ่งเป็นเกลียวออกไปยังที่ห่างไกล ในชั่วพริบตา เส้นใยนั้นก็พุ่งผ่านเศษซากเซียนทั้งหมดไป กรีดเฉือนผ่านความว่างเปล่าตรงไปยังชายชราและเรือของมัน

ชายชราไม่ได้สังเกตเห็นถึงสิ่งแปลกประหลาดใดๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ และกำลังจะหายตัวจากไปแล้ว แต่ทันใดนั้นเองสีหน้ามันก็ต้องสลดลง มันกำลังจะหันกลับไปมองที่ด้านหลัง แต่…ศีรษะของมันได้ลอยออกมาจากร่าง และโลหิตก็พุ่งกระจายขึ้นไปราวกับเป็นน้ำพุ

เส้นใยนั้นคล้ายกับเป็นเส้นผมที่ยาวเหยียด แวบผ่านไปและจากนั้นก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย

ดวงตาของชายชราเบิกกว้างขึ้น และศีรษะของมันก็สั่นสะท้านพุ่งผ่านความว่างเปล่าออกไป ทำให้ภาพที่มันเห็นอยู่รอบๆ บริเวณนั้นกำลังหมุนคว้างไปมา มันกำลังงุนงงต่อสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ จวบจนกระทั่งในช่วงที่มันได้ตกตายไป มันถึงได้ตระหนักถึงความเป็นจริงขึ้นมาได้ในทันที

“ผู้ยิ่ง…ใหญ่…” ศีรษะของชายชราได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปเช่นเดียวกับร่างกายของมัน

ตอนนี้เรือลำนั้นไม่อาจจะโผล่เข้าไปในความว่างเปล่าได้อีกต่อไป และค่อยๆ เริ่มมองเห็นได้อีกครั้ง ปรมาจารย์เอกะเทวะมองไปยังเรือลำนั้นและจากนั้นก็กลืนมันลงไป หลังจากที่มันกลืนเรือลำนั้นเข้าไป แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง มันมองไปยังเส้นผมที่กำลังหายไป จากนั้นก็หันไปมองยังส่วนลึกของเศษซากเซียน ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะงุนงง

ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะนึกขึ้นได้ถึงบางสิ่งที่สำคัญยิ่งจากเมื่อในอดีตอันยาวนาน แต่ไม่ว่ามันจะพยายามขบคิดอย่างไร สิ่งทั้งหมดที่มันเห็นคือภาพอันคลุมเครือและเลือนลาง

เมิ่งฮ่าวมองเห็นการตกตายไปของชายชราด้วยเช่นเดียวกัน และต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ จากนั้นก็มองเข้าไปในส่วนลึกของเศษซากเซียน และนึกขึ้นได้ถึงหญิงสาวที่อยู่ในชุดยาวสีขาว

เมื่ออี้ฝ่าจือมองเห็นผู้พิทักษ์เต๋าของมันตกตายไป หนังศีรษะของมันก็ด้านชา จิตใจเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวใดๆ ต่อเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้…มันกำลังหวาดกลัวขึ้นอย่างแท้จริง

“นั่น…นั่นคือพลังอะไรกัน? กลับสังหารผู้พิทักษ์เต๋าของข้าไปแค่อึดใจเดียวเท่านั้น!!” อี้ฝ่าจือกำลังหอบหายใจออกมา และดวงตามันก็เบิกกว้างขึ้น ขณะที่จิตใจกำลังเต้นรัวจนเป็นเสียงดังออกมา

ทันใดนั้น ตำนานมากมายที่เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้ ก็เริ่มพุ่งขึ้นมาในจิตใจ มันเริ่มสั่นไปทั้งร่าง และค่อยๆ หลบหนีไปทางด้านหลังอย่างช้าๆ จิตใจมันในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือหลบหนีจากไป พลังที่พุ่งขึ้นมาทั้งหมดของมันจากก่อนหน้านี้ ได้พังทลายและจางหายไปแล้วในตอนนี้

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ในตอนนี้เขาไม่ได้คิดไปถึงหลี่หลิงเอ๋อร์แม้แต่น้อย กำลังครุ่นคิดไปถึงร่างที่แท้จริงของอี้ฝ่าจือ รวมทั้งคำพูดที่มันเพิ่งจะกล่าวออกมา พร้อมกับรังสีสังหารอันเข้มข้นจากแผ่นหยกผนึกอสูร จึงไม่มีทางที่เมิ่งฮ่าวจะยอมปล่อยให้มันหลบหนีจากไปได้ มีเรื่องราวมากมายที่เขาต้องการจะรู้ ซึ่งคำตอบเหล่านั้น…มีแต่อี้ฝ่าจือเท่านั้นที่จะช่วยตอบให้ได้!

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ไปสนใจว่าในตอนนี้ ปรมาจารย์เอกะเทวะอาจจะฉวยโอกาสหลบหนีจากไป เขาแวบผ่านอากาศเพื่อไล่ติดตามอี้ฝ่าจือไปในทันที

ตอนนี้เมื่ออี้ฝ่าจือได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปแล้ว ทั้งพื้นฐานฝึกตนและความรวดเร็วของมันได้เพิ่มขึ้นไป ในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็อยู่ห่างออกไปไกล เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่มันพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วสูงสุดเช่นเดียวกัน

มันรู้สึกหวาดกลัว และเรื่องหลักที่มันคิดอยู่ในตอนนี้ก็คือ หลบหนีไปจากเมิ่งฮ่าว จากนั้นมันจะค้นหาสถานที่สักแห่งเพื่อเข้าฌาน เพื่อคิดหาวิธีกลับบ้านของมันไป ในตอนนี้มันไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร ถึงแม้ว่าผู้พิทักษ์เต๋าของมันจะตายไปแล้ว แต่มันก็ไม่ต้องการจะจบลงไปเช่นนั้น ร่างกายมันสั่นสะท้านแผดร้องอยู่ภายในใจว่า

“เตียต้องรับรู้ได้ว่าผู้พิทักษ์เต๋าของข้าได้ตายไปแล้ว! ท่านจะต้องมาช่วยข้าอย่างแน่นอน! สิ่งที่ข้าต้องทำก็คือค้นหาสถานที่สำหรับหลบซ่อนตัว และเตียก็จะหาข้าพบได้ในที่สุด!”

“โลกแห่งเซียนอันบัดซบ! สถานที่ที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ทำไมถึงไม่ถูกทำลายไปทั้งหมดเมื่อปีก่อนโน้น!?!?”

“ยังมีเจ้าสารเลวเมิ่งฮ่าวนั่นอีก ข้าไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรนัก ทำไมมันถึงต้องทำเกินไปด้วย!?” อี้ฝ่าจือก่นด่าสาปแช่งอยู่ภายในใจ เร่งความเร็วมากขึ้น เมิ่งฮ่าวไล่ล่าติดตามมันไป และคนทั้งสองก็ลึกเข้าไปในเศษซากเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ

ปรมาจารย์เอกะเทวะกระพริบตาสองสามครั้ง มีท่าทางกราดเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง มันไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวไป แต่จริงๆ แล้วก็บินช้าลงไปเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงของมันก็เริ่มดังมากขึ้นไปเรื่อยๆ

“หยุดนะ! เหลาจู่ต้องจับเจ้าให้จงได้!”

“ยังไม่หยุดอีก!? เหลาจู่เริ่มมีโทสะแล้ว! ข้าจะไล่ตามเจ้าไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี!”

“เหลาจู่มีโทสะขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ!” ขณะที่มันแผดร้องออกมา ดวงตาที่แวววาวของปรมาจารย์เอกะเทวะก็กลอกกลิ้งไปมา ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็หายลับตาไปในที่ห่างไกล ขณะที่ปรมาจารย์เอกะเทวะพุ่งหลบหนีจากไปในทิศทางที่ตรงข้ามกัน

นกแก้วและผีโต้งยังคงอยู่บนหลังของมัน เช่นเดียวกับหลี่หลิงเอ๋อร์ ทั้งหมดมองไปด้วยความตกใจขณะที่ปรมาจารย์เอกะเทวะบินจากไป

หลังจากที่ผ่านไปสองสามอึดใจ ปรมาจารย์เอกะเทวะก็ใช้วิธีการบางอย่าง ไปปรากฏตัวขึ้นอยู่ในตำแหน่งแห่งอื่นของเศษซากเซียน จากนั้นมันก็สั่นพื้นดินที่อยู่บนหลังของมัน ทำให้นกแก้วและผีโต้ง รวมทั้งหลี่หลิงเอ๋อร์ถูกเหวี่ยงออกไปจากร่างมัน

“ไสหัวไป!!! นับจากนี้ไป เหลาจู่สามารถท่องไปได้อย่างมีอิสระแล้ว! ฮา ฮา ฮา! อีกครั้งที่เหลาจู่เป็นผู้ที่ฉลาดมากที่สุด ช่างรู้จักฉวยโอกาสได้ดีจริงๆ!”

“เมิ่งฮ่าวเจ้าสารเลวน้อย รอก่อนเถอะ! หนี้บัญชีของพวกเรายังไม่จบลงเพียงเท่านี้!!”

“ท่านย่ามันเถอะ! เหลาจู่ขอสาบานว่าครั้งนี้ เจ้าไม่มีทางหาข้าพบอย่างแน่นอน!!” ปรมาจารย์เอกะเทวะมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง มันแหงนหน้าขึ้นไปในท้องฟ้าและแผดร้องคำรามออกมา เมื่อเหวี่ยงหลี่หลิงเอ๋อร์, นกแก้วและผีโต้งออกไปที่ด้านข้างแล้ว มันก็พุ่งออกไปยังที่ห่างไกลจนหายลับตาไป

ในเวลาเดียวกันนั้น ตรงตำแหน่งอื่นในเศษซากเซียน รังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ พื้นฐานฝึกตนของเขาระเบิดเป็นพลังออกไป และสวรรค์ทั้งสามสิบสามชั้นก็ตกลงมาอยู่รอบๆ ตัวเขา อย่างไรก็ตามอี้ฝ่าจือได้เคลื่อนที่ออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะไม่ได้ต่อสู้กันเลยแม้แต่น้อย แต่อี้ฝาจือก็ไม่เคยจะเชื่องช้าลงไปเลย แต่ถึงกระนั้นภายใต้การไล่ล่าอย่างไม่ลดละของเมิ่งฮ่าว ทำให้อาการบาดเจ็บของมันเริ่มเพิ่มพูนมากขึ้น

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ยังสามารถจะใช้เวทลับบางอย่างออกมาได้ จนในที่สุดก็ทำให้ความเร็วของมันระเบิดออกไป จนถึงจุดที่เมิ่งฮ่าวต้องถูกทิ้งห่างออกไปยังด้านหลังจนไกล อย่างไรก็ตามแต่ละครั้งที่ถูกทิ้งห่างนั้น เมิ่งฮ่าวสามารถใช้เวทผนึกอสูรรุ่นแปด เพื่อทำลายความต่อเนื่องของมันไปด้วยเช่นกัน ทำให้เขาไม่ถูกทิ้งห่างออกไปจนไกลมากนัก

การไล่ล่าดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองสามวัน ในที่สุดก็บรรลุถึงอาณาเขตที่มีศีรษะขนาดใหญ่ยักษ์ลอยอยู่ที่เบื้องหน้าของคนทั้งสอง

ศีรษะนั้นมีดวงตาที่ดูคล้ายกับเป็นหลุมดำ ราวกับว่ามีใครบางคนได้ควักเอาลูกตาของมันออกไปเมื่อในอดีตหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ามันจะมีศีรษะที่สมบูรณ์ แต่จริงๆ แล้วก็มีรอยแยกขนาดใหญ่กระจายลงมาจากขม่อมจนไปถึงด้านล่างของศีรษะ

และยังมีเจตจำนงอันเก่าแก่โบราณและน่าสังเวช ได้ไหลซึมออกมาจากภายในศีรษะนั้นอีกด้วย

ขณะที่ศีรษะนั้นใกล้เข้ามา แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อก็กดทับลงมา บังคับให้อี้ฝ่าจือต้องเชื่องช้าลงไป เมื่อเป็นเช่นนั้นสีหน้ามันก็สลดลง

ในทันใดนั้นเองเมิ่งฮ่าวก็เข้าไปใกล้มันจากทางด้านหลัง ยกมือขึ้นปลดปล่อยเวทผนึกอสูรรุ่นแปดออกไป

ในทันทีที่เขาชี้นิ้วตรงไป ร่างของอี้ฝ่าจือก็สั่นสะท้าน

“แย่แล้ว!” ในเวลาเดียวกันนั้น รังสีสังหารก็ได้ปะทุขึ้นมาจากดวงตาเมิ่งฮ่าว เขายกมือขวาขึ้นไป ใช้เวทปลิดดาวไปคว้าจับอี้ฝ่าจือไว้

อี้ฝ่าจือแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ลำแสงสีดำมากมายเริ่มกระจายออกมาจากร่างมัน กลายเป็นค้างคาวสีดำนับไม่ถ้วน ซึ่งจากนั้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างบ้าคลั่ง

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่อี้ฝ่าจือหยิบยืมพลังจากการปะทะกันนั้น พุ่งตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง มันแทบจะหลบหนีออกไปจากเวทปลิดดาวได้แล้ว แต่มือของเมิ่งฮ่าวก็คว้าจับไปยังปีกของมันได้ เขากระชากมาอย่างรุนแรง และอี้ฝ่าจือก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา ขณะที่ปีกของมันถูกฉีกจนขาดไป โลหิตพุ่งกระจายออกมาจากบาดแผลนั้น และใบหน้าของอี้ฝ่าจือก็ซีดขาว มันถอยโซเซไปทางด้านหลัง กัดฟันแน่นและพุ่งตัวออกไปอีกครั้ง

รังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวไม่ได้ลดน้อยลงไปแม้แต่น้อยนิด แผ่นหยกผนึกอสูรกำลังสั่นไปมาอย่างบ้าคลั่งมากกว่าเดิม ขณะที่เขานำปีกที่ฉีกขาดออกมานั้นใส่เข้าไปในถุงสมบัติ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นเยียบราวคมมีด พุ่งไล่ล่าติดตามไปอีกครั้ง

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ที่ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเต๋าเริ่มผ่านเข้ามาในเศษซากเซียน และทำการค้นหาชนเผ่านอกคอก เสียงกู่ร้องแหลมเล็กของเต่าเสวียนอู่ยังคงดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่องถ้าชนเผ่านอกคอกไม่ตายไปทั้งหมด มันก็ไม่มีทางจะหลับต่อไปได้ตราบชั่วนิรันดร์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version