Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1025

ตอนที่ 1025

ควาญวิญญาณอี้ฝ่าจือ

เสียงกู่ร้องอันแหลมเล็กของเต่าเสวียนอู่ ดังก้องออกไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า ผ่านเข้าไปในหูของแต่ละคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะได้ยินมัน ขณะที่เหล่าผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าได้ผ่านเข้าไปในเศษซากเซียน รังสีสังหารก็ยังคงพุ่งขึ้นมาอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าอย่างต่อเนื่อง

สังหารชนเผ่านอกคอก! นั่นคือเจตจำนงแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล!

ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่ได้ยินเสียงกู่ร้องของเต่าเสวียนอู่ก็ตามที แต่แผ่นหยกผนึกอสูรที่อยู่ในถุงสมบัติของเขา กำลังสั่นไหวไปมาด้วยความถี่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แผ่นหยกได้กระจายความเกลียดชังอย่างแรงกล้าออกมาจนผสานเข้าไปในจิตใจของเมิ่งฮ่าว ราวกับว่า…พันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรมีความเกลียดชังอย่างไร้จุดสิ้นสุดต่อคนทั้งหมดที่ถูกเรียกว่าชนเผ่านอกคอก เป็นความเกลียดชังที่รุนแรงจนมีแต่ต้องสังหารพวกมันไปในทันทีที่พบเห็นเท่านั้น ถึงจะทำให้แผ่นหยกนี้พึงพอใจได้!

เมิ่งฮ่าวคือผู้ผนึกอสูรรุ่นที่เก้า ดังนั้นความรู้สึกนี้จึงมีขึ้นอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตามต่อให้ไม่มีการกระตุ้นจากแผ่นหยกผนึกอสูร เมิ่งฮ่าวก็ยังคงเลือกที่จะสังหารอี้ฝ่าจือไปอยู่ดี เนื่องจากอี้ฝ่าจือได้มาท้าทายเขาและมีการกระทำที่ไร้ยางอายจนเมิ่งฮ่าวไม่มีทางจะปล่อยให้มันจากไปได้

อี้ฝ่าจือถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว โบกสะบัดมือออกไปทำให้ค้างคาวสีดำจำนวนมาก ที่ปรากฏขึ้นเต็มท้องฟ้าเมื่อครู่นี้ ได้พุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความพยายามที่จะสกัดเขาไว้

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงอย่างเย็นชา และใช้มือขวาขยับร่ายเวท ทันใดนั้นศีรษะอสูรโลหิตก็ได้ปรากฏขึ้น มีขนาดใหญ่โตจนสามารถจะปกคลุมเมิ่งฮ่าวไว้ได้ทั้งหมด

มันพุ่งตรงกระแทกเข้าไปในกลุ่มค้างคาว ทำให้เกิดเป็นเสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังก้องออกมา ในชั่วพริบตาศีรษะอสูรโลหิตก็ทำให้แสงสีแดงกระจายออกไปกลืนกินกลุ่มค้างคาวเหล่านั้น

เมิ่งฮ่าวกลายเป็นแสงสีแดงเจิดจ้า พุ่งฝ่าความว่างเปล่าของเศษซากเซียน ไล่ติดตามอี้ฝ่าจือไปอย่างไม่ลดละ

สีหน้าอี้ฝ่าจือเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกใจ มันรู้ว่าเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งนี้เกินกว่าสิ่งใดๆ เท่าที่มันจะคาดคิดได้มาก่อน

“บัดซบ! บัดซบ!!” อี้ฝ่าจือตระหนักแล้วว่าถึงแม้จะเปิดเผยร่างจริงออกมา แต่มันก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว เวลาของมันใกล้จะหมดลงแล้ว และมันก็ไม่อาจจะติดอยู่ในที่แห่งนี้ได้ ผู้พิทักษ์เต๋าของมันได้ตายไปแล้ว ทำให้ต้องสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว มันรู้ว่าถ้าไม่อาจจะสลัดหลุดจากการไล่ตามมาของเมิ่งฮ่าวได้ ก็จะมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่รอคอยมันอยู่ นั่นก็คือ…ความตาย!

มันจะถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณ!!

อี้ฝ่าจือแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา ดวงตามันกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า และถึงแม้ว่าปีกของมันจะถูกฉีกกระชากออกไป มันก็ยังคงมีเหลืออยู่อีกสามศีรษะ ขณะที่ศีรษะทั้งสามแผดร้องคำราม แสงที่เป็นรูปวงแหวนสีดำ ได้พุ่งออกมาจากหน้าผากของศีรษะทั้งสาม

จากนั้นมันก็สะบัดศีรษะ ทำให้แสงรูปวงแหวนทั้งสามเปล่งประกายอันลี้ลับออกมา กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

“แสงพลังชีวิต!” อี้ฝ่าจือแผดร้องออกมา ทำการร่ายเวทพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง

ในทันทีที่ลำแสงสีดำทั้งสามปรากฏขึ้น ประจุไฟฟ้าก็แวบขึ้นมาอยู่ในมือขวาของเมิ่งฮ่าว กระถางสายฟ้าปรากฏขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกับที่ลำแสงสีดำได้พุ่งมาที่เขา

เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังอี้ฝ่าจือและทันใดนั้น คนทั้งสองก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน ในขณะที่อี้ฝ่าจือกำลังตกอยู่ในท่ามกลางความงุนงง

ลำแสงนั้นแหวกฝ่าอากาศจนเกิดเป็นเสียงแหลมเล็ก มาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของอี้ฝ่าจือ ทำให้หนังศีรษะมันด้านชา ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากจ้องมองไปด้วยความตกใจ ขณะที่เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ทำให้ภูเขานับหมื่นปรากฏขึ้น จากนั้นก็ส่งเสียงดังกระหึ่มขณะที่พวกมันกดทับลงไปยังร่างของอี้ฝ่าจือ

“เมิ่งฮ่าว ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ข้า, อี้ฝ่าจือ จะไม่ลืมบุญคุณในครั้งนี้!!”

มันขยับสองมือร่ายเวทขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็ผลักมือทั้งสองออกไปเป็นวงกว้าง ทันใดนั้นลำแสงสีดำทั้งสามก็บิดเบี้ยวไปมา กลายเป็นลมพายุสีดำที่ต่อสู้กลับไปยังภูเขานับหมื่นลูกเหล่านั้น และอีฝ่าจือก็หมุนคว้างออกไปในเวลาเดียวกัน รีบเปลี่ยนทิศทางและพุ่งออกไปราวกับเป็นสายฟ้า

เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไรออกมา เมื่อเขามองเห็นอี้ฝ่าจือเปลี่ยนทิศทาง ดวงตาก็สาดประกายขึ้น และกระถางสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา แต่ลำแสงสีดำที่อยู่รอบๆ ตัวอี้ฝ่าจือก็ได้ต่อสู้กลับมายังพลังการเคลื่อนย้ายตำแหน่ง ช่างเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะพบเห็นนัก…กระถางสายฟ้ากลับไร้ผลใดๆ!

เมิ่งฮ่าวรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย ในขณะที่อี้ฝ่าจือระเบิดความเร็วขึ้น กลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งเข้าไปในซากปรักหักพัง และซากศพที่กำลังลอยอยู่รอบๆ ชิ้นส่วนของเศษซากเซียนนี้ในทันที เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา โบกสะบัดมือขวาและชี้ตรงไปยังอี้ฝ่าจือที่กำลังหลบหนีอยู่

“สุดยอดสะพาน!” ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ สะพานที่ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้านปฐพีต้องสั่นสะเทือนปรากฏขึ้นในทันใด ขณะที่มันส่งเสียงดังกึกก้องพุ่งเข้าไปในเศษซากเซียน ระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตได้กระจายออกไป ปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของอี้ฝ่าจือไว้

ทำให้มันต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง และต้องหยุดชะงักนิ่งในทันที แม้จะเป็นแค่ระลอกคลื่นเท่านั้น แต่ก็ยังทำให้มันต้องกระอักโลหิตออกมากองโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

“เมิ่งฮ่าว!!” มันแผดร้องตระโกนออกมาเป็นเสียงแหลมเล็ก กัดฟันแน่นขณะที่ทำการร่ายเวทขึ้นมาอีกครั้ง แสงสีดำแวบขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่างมัน และศีรษะทั้งสามของมันก็ส่งเสียงกรีดร้องจนคล้ายกับเป็นเวทสาปแช่งบางอย่าง ที่ด้านหลังของมันมีภาพลวงตาของรูปปั้นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น อย่างน่าตกใจยิ่ง รูปปั้นนั้น…มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับงูเหลือมสีดำขนาดใหญ่ ในทันทีที่มันปรากฏขึ้นก็กระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา

ดูเหมือนว่าของสิ่งนี้เป็นวิญญาณบางอย่างที่คงอยู่ในสวรรค์แห่งนี้มาตั้งแต่ช่วงสมัยบรรพกาล ความรู้สึกอันเก่าแก่โบราณได้กระจายออกมาจากมันอย่างน่าตกใจยิ่ง และทำให้เศษซากเซียนต้องสั่นสะท้านขึ้น

อย่างช้าๆ กลิ่นอายอันน่ากลัวได้พุ่งขึ้นมา และจากนั้นก็ระเบิดออกไปจากรูปปั้นนั้น

“ข้าขออัญเชิญให้ท่านบรรพบุรุษปรากฏตัวขึ้น!”

อี้ฝ่าจือแผดร้องออกไป รูปปั้นสั่นสะท้าน และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ อ้าปากของมันขึ้นและแผดร้องคำรามตรงไปยังสุดยอดสะพาน

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้น สุดยอดสะพานสั่นสะท้านไปมาและจากนั้นก็พังทลายลงไป ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพลวงตาของรูปปั้นงูเหลือมก็แตกกระจายออกไปเช่นเดียวกัน เกิดเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้ซากปรักหักพังและซากศพต่างๆ นับไม่ถ้วนถูกผลักให้กระเด็นลอยออกไป

เมิ่งฮ่าวถูกบังคับให้ต้องถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงขึ้น

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของอี้ฝ่าจือ และดวงตาของมันก็สาดประกายขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง รูปปั้นงูเหลือมถูกทำลายลงไปแล้ว แต่ตอนนี้อี้ฝ่าจือก็ถูกห้อมล้อมด้วยไข่ศิลาขนาดใหญ่ ซึ่งได้ปกคลุมร่างมันไว้โดยสิ้นเชิง ขณะที่มันรีบพุ่งออกไปยังที่ห่างไกลราวกับเป็นดาวตก

ความเร็วของมันในตอนนี้ มีความรวดเร็วกว่าก่อนหน้านี้เป็นหลายเท่า

ขณะที่ดูเหมือนว่ามันแทบจะหายลับตาไปแล้ว รังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นมา ศิลาดวงดาวที่อยู่ในดวงตาข้างซ้ายแวบขึ้น และปรากฏขึ้นใหม่อยู่ในฝ่ามือของเขา จากนั้นก็หลอมละลายกลายเป็นแสงดาว และปกคลุมไปรอบๆ ร่างของเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว จนเขาได้กลายเป็นดวงดาวไป

ในทันทีที่ดวงดาวได้ปรากฏขึ้น มันก็พุ่งผ่านความว่างเปล่าออกไปด้วยความรวดเร็วกว่าที่เมิ่งฮ่าวเคยทำได้ในก่อนหน้านี้มากนัก ดวงดาวได้บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาขวางทาง และพลังที่พุ่งขึ้นมาของมันทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง

รวดเร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ เข้าไปใกล้อี้ฝ่าจือมากขึ้นไปทุกที!

สำหรับอี้ฝ่าจือ มันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่กดทับลงมาบนร่าง ทำให้ความเร็วของมันลดลงไป ในช่วงเวลาเพียงแค่สิบลมหายใจเข้าออกเท่านั้น เมิ่งฮ่าวที่อยู่ในรูปแบบของดวงดาวก็ไล่ตามมันไปจนทัน ในชั่วพริบตาดวงดาวก็กระแทกเข้าไปในไข่ศิลาซึ่งทำการปกป้องอี้ฝ่าจือไว้

ตูมมมมมมม!

เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นไปในท้องฟ้า ทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือน ไข่ศิลาแตกกระจายไป และอี้ฝ่าจือก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของมัน และหนึ่งในสามศีรษะที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ของมัน ได้ระเบิดขึ้นในทันที

อี้ฝ่าจือสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก้าวโซเซถอยไปทางด้านหลัง ร้องตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง “เตีย ช่วยข้าด้วย!!”

ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป มันก็ใช้เปลวไฟแห่งพลังชีวิตของมันสร้างเป็นวิชาเวทที่แปลกๆ ขึ้นมา เพื่อทำให้เสียงของมันพุ่งผ่านความว่างเปล่าและออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล เข้าไปสู่อาณาจักรที่มันจากมา

ในช่วงเวลาต่อมา พลังและแรงกดดันอันน่ากลัวก็เริ่มกดทับลงมายังเศษซากเซียน!

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวซึ่งอยู่ในรูปแบบของดวงดาวได้หดเล็กลงไป กลายเป็นรูปร่างหน้าตาตามปกติของเขา และจากนั้นก็ก้าวเดินตรงไป ความเย็นชากระจายออกมาจากร่าง ขณะที่ชี้นิ้วออกไป

“เวทผนึกอสูร, เวทรุ่นเจ็ด, ผนึกกรรม!”

คลื่นจากนิ้วของเมิ่งฮ่าวทำให้มองเห็นเส้นใยกรรมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวอี้ฝ่าจือ เส้นใยกรรมเหล่านั้นไม่มีใครสามารถจะมองเห็นได้ นอกจากเมิ่งฮ่าวเท่านั้น พวกมันกระจายออกไปจากร่างของอี้ฝ่าจือและหลอมรวมเข้าไปในความว่างเปล่า ขณะที่ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะไปสัมผัสโดนแรงกดดันอันน่ากลัวที่กำลังกดทับลงมานั้น

ก่อนที่เส้นใยกรรมเหล่านั้นจะสัมผัสกับแรงกดดันนั้น ปลายนิ้วของเมิ่งฮ่าวก็ลดต่ำลง และเส้นใยกรรมก็สั่นสะท้านไปมา ในชั่วพริบตา พวกมันก็ถอยหลังกลับไป แทบจะราวกับว่าพวกมันถูกตรึงไว้ และในตอนนี้ก็ไม่อาจจะกระจายออกไปจากร่างของอี้ฝ่าจือได้

“ไม่!!” อี้ฝ่าจือแผดร้องออกมา สีหน้ามันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง และถอยไปทางด้านหลังอีกหลายก้าว ในเวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็เข้าไปใกล้ ดวงตาแวบขึ้นด้วยความต้องการสังหาร ขณะที่ชี้นิ้วออกไปอีกครั้ง

“เวทผนึกอสูร, เวทรุ่นห้า!”

รอยแตกร้าวจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของนิ้วเมิ่งฮ่าว มีความยาวเพียงแค่ไม่กี่ชุ่นเท่านั้น แต่ในทันทีที่มันปรากฏขึ้น พลังอันน่ากลัวก็ระเบิดตรงไปยังอี้ฝ่าจือ กระแทกเข้าไปในศีรษะที่สองของมัน ทำให้เกิดเป็นเสียงแผดร้องที่ฟังแล้วน่าขนลุกขึ้น จากนั้นเสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา ขณะที่ศีรษะนั้นถูกความว่างเปล่ากลืนกินเข้าไป และจากนั้นก็หายไป

“อย่าได้สังหารข้า! เมิ่งฮ่าว ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าจะให้เจ้าได้รับโชควาสนาของอาณาจักรหลิงซิง! ข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณเจ้าอย่างแน่นอน!!”

“ข้าจะให้สิ่งของในการฝึกตน และพลังที่ไม่รู้จบแก่เจ้า! อะไรก็ตามที่เจ้าต้องการ ข้าจะมอบให้กับเจ้า…”

ในที่สุดศีรษะสุดท้ายที่เหลืออยู่ของอี้ฝ่าจือก็อ้อนวอนร้องขอชีวิตกับเมิ่งฮ่าวด้วยท่าทางที่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง จิตใจมันเต็มไปด้วยความเสียใจ และความสิ้นหวังของมันก็บรรลุถึงระดับสูงสุด

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคยขณะที่ก้าวเดินตรงไป ยกมือขวาขึ้นมาและฟาดตรงไปยังอี้ฝ่าจือ ร่างของมันเกิดเป็นเสียงดังก้องขึ้น ขณะที่หน้าอกยุบเป็นโพรงลงไป มือขวาของมันระเบิดออกกลายเป็นกลุ่มหมอกของโลหิต หลังจากนั้นเมิ่งฮ่าวได้กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีทอง ใช้กรงเล็บกรีดเฉือนลงไปบนร่างของอี้ฝ่าจือ ทำให้ร่างกายของมันฉีกขาดออกเป็นสองท่อนในทันที

โลหิตไหลซึมออกมาจากปากของอี้ฝ่าจือ แต่ถึงแม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเช่นนั้น มันก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ร่างกายสั่นสะท้าน ม่านตาพล่าเลือน มันกำลังจะหลบหนีจากไป แต่แสงแปลกๆ ก็สาดประกายขึ้นมาในดวงตาของเมิ่งฮ่าว

 

เขาไม่ได้ต้องการจะสังหารอี้ฝ่าจือไป ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือว่า…เขาต้องการจะรู้ถึงความเป็นมาของอี้ฝ่าจือ และความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวมัน ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ ทำให้มันอ่อนแอลงไป ไม่ได้สังหารมันไปในทันที

ขณะที่อี้ฝ่าจือถอยไปทางด้านหลัง เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าตรงไป และไปปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของมัน ยกมือขึ้นไปพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ…ฟาดฝ่ามือลงไปอย่างแรงบนศีรษะของอี้ฝ่าจือ

“ควาญวิญญาณ!” นี่คือวิชาเวทอันน่ากลัวที่เขาได้เรียนรู้มาจากสำนักเซียนอสูรโบราณ เป็นวิธีที่ใช้ในการเจาะทะลวงผ่านเข้าไปในจิตวิญญาณ และมองเห็นความทรงจำของคนผู้นั้น

อี้ฝ่าจือสั่นสะท้าน และดวงตาก็เบิกโพลง ขณะที่ส่งเสียงแผดร้องจนแทบทำให้โลหิตต้องแข็งตัวออกมา ร่างกายของมันสั่นไปมาอย่างรุนแรง ขณะที่เกิดเป็นความเจ็บปวดทรมานอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้

ในเวลาเดียวกันนั้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาทำการควาญวิญญาณของอี้ฝ่าจือ ความทรงจำของมันจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา

“นี่…” เมิ่งฮ่าวคิด จิตใจสั่นสะท้านราวกับว่ากำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วน สายฟ้าทั้งหมดกำลังระเบิดอยู่ในศีรษะของเขา ทำให้จิตใจต้องสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version