Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1035

ตอนที่ 1035

ผีโต้งคือจักรพรรดิสายฟ้า

หญิงสาวในชุดขาวเงียบไปชั่วขณะ มองไปยังผีโต้งด้วยสีหน้าอันซับซ้อน ราวกับว่านางกำลังระลึกนึกไปถึงความหลังเมื่อครั้งในอดีต เมิ่งฮ่าวไม่ค่อยแน่ใจนักว่าทำไม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ดูคล้ายกับว่าสีหน้านั้น…ได้ซุกซ่อนความขมขื่นใจไว้

ทันใดนั้นเองหนังศีรษะของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มด้านชาขึ้นมา และเขาก็มองไปยังผีโต้งโดยไม่รู้สึกตัวในทันที จากนั้นก็มองกลับไปยังผู้ยิ่งใหญ่ในชุดขาว เขาหวังว่าคงจะดูผิดไป นั่นคงไม่ใช่สีหน้าที่ขมขื่นจริงๆ แต่เมื่อมองกลับไปยังนาง เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ต้องกระพริบตาไปมา

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ผู้ยิ่งใหญ่ชุดขาวก็ถามขึ้นอย่างช้าๆ “เจ้าจำไม่ได้ หรือว่าไม่ยินดีที่จะยอมรับมัน?”

“จำไม่ได้” ผีโต้งกล่าวตอบ ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ไร้ร่องรอยแห่งความเยิ่นเย้อเหมือนปกติที่เคยเป็น

“หลายปีก่อนโน้น ผู้ฝึกตนผู้หนึ่งมีนามว่าเหลยเต้าจื่อ มันเป็นผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนเกี่ยวกับสายฟ้า และเป็นหนึ่งในเก้าจักรพรรดิ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของจักรพรรดิสายฟ้า เจ้ารู้จักมันหรือไม่?” สีหน้าของหญิงสาวชุดขาวเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะที่มองไปยังผีโต้ง บางครั้งนางก็จดจำเรื่องราวได้อย่างชัดเจน บางครั้งก็เลือนรางไป แต่เมื่อเร็วๆ นี้ นางเริ่มที่จะจดจำถึงเรื่องราวเมื่อในอดีตได้มากขึ้น

“ไม่รู้จัก” เสียงของผีโต้งเก่าแก่โบราณเหมือนเช่นเคย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยความเจ็บปวดอยู่บ้าง

หญิงสาวชุดขาวมองไปยังผีโต้งอย่างลึกซึ้งอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ถอนหายใจและกล่าวเป็นเสียงแผ่วเบาขึ้น “ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าหายนะอันยิ่งใหญ่นั้นแล้วละก็ มันมีโอกาสที่จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่อันดับสี่มากที่สุด นอกจากนั้นมันและข้า…ก็มีสัญญาร่วมกันอยู่”

ผีโต้งรักษาความเงียบของมันไว้ ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

หญิงสาวชุดขาวหลับตาลงอยู่ชั่วขณะ เมื่อนางลืมตาขึ้นมาใหม่ สายตาทั้งคู่ก็จ้องมองไปยังนกแก้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่รังเกียจอย่างรุนแรง และนกแก้วก็รีบก้มหน้าลงมากยิ่งขึ้น มองไปรอบๆ อย่างมีเลศนัย จากความเห็นของเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนว่านกแก้วมีความกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง จนอาจจะเป็นความหวาดกลัวขึ้นก็เป็นได้

ในที่สุดหญิงสาวก็ละสายตาจากนกแก้ว มองไปยังเมิ่งฮ่าว กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “เจ้าทำได้ดีมาก เมื่อไหร่ที่เจ้าผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณ เจ้าก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของข้าอย่างแน่นอน!” ในที่สุดนางก็หันหลังและจากไป

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้มาใหม่ในโลกแห่งการฝึกตนอีกต่อไป เขาคุ้นเคยกับใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงกันไปมา และรู้ว่าไม่ควรจะเชื่อถือคำพูดทั้งหมดของใครก็ตามที ดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ว่าต้องมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่านางให้ความสนใจต่อเขาและนกแก้วพอเป็นพิธีเท่านั้น เหตุผลแท้จริงที่นางมาแสดงตัวขึ้นก็เนื่องมาจากผีโต้ง!

แทบจะดูเหมือนว่าที่นางมาปรากฏตัวขึ้นก็เพื่อจะสอบถามปัญหาบางอย่างเหล่านั้นเท่านั้น เขารู้มานานแล้วว่านกแก้วและผีโต้งมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่าพวกมันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ยิ่งใหญ่ชุดขาวนางนี้ สำหรับผีโต้ง เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวในอดีตของมันคงจะต้องตื่นเต้นเร้าใจ และเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าเศร้าใจอยู่มากมาย

ขณะที่หญิงสาวชุดขาวกำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา หยุดชะงักนิ่งหันหน้ามองไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ช่างดูคล้ายกับ…” นางพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา ชี้นิ้วออกไปทำให้หลี่หลิงเอ๋อร์ต้องลอยฝ่าอากาศมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้านางโดยไม่รู้ตัวในทันที

“เจ้ายินดีที่จะติดตามข้าไปฝึกตนหรือไม่?” หญิงสาวชุดขาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดจริงจัง

หลี่หลิงเอ๋อร์จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากการที่เมิ่งฮ่าวได้ปฏิบัติและพูดคุยกับหญิงสาวนางนี้ ทำให้หลี่หลิงเอ๋อร์รู้ว่าต้องมีบางสิ่งที่ลี้ลับจนยากจะหยั่งถึงเกี่ยวกับตัวนางอย่างแน่นอน

ขณะที่หลี่หลิงเอ๋อร์ลังเล นางได้มองออกไปและได้เห็นท่าทางที่ตกตะลึงบนใบหน้าของเมิ่งฮ่าว นางแอบแค่นเสียงอย่างเย็นชา ไร้การลังเลใดๆ อีก ประสานมือให้กับหญิงสาวชุดขาว

“ผู้เยาว์ยินดี!”

หญิงสาวชุดขาวพยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นก็หมุนตัว ขณะที่ทำเช่นนั้น ก้อนเมฆก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่ที่ใต้เท้าของหลี่หลิงเอ๋อร์ นำพานางจากไปพร้อมกับหญิงสาวชุดขาว

หลี่หลิงเอ๋อร์มีท่าทางหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อนางหันหน้ากลับมามองเห็นสีหน้าที่ประหลาดใจของเมิ่งฮ่าว จู่ๆ นางก็รู้สึกมีความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง และมองเข้าไปในดวงตาของเขา

เมิ่งฮ่าวรู้สึกตกตะลึงขึ้นอย่างแท้จริง และรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกทอดทิ้ง การที่ผีโต้งมีความเป็นมาที่ลึกลับก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขาก็ได้ฝึกตนจนถึงระดับที่กลายมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียนแล้ว เมื่อได้ดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไป ก็สามารถจะบรรลุถึงระดับจักรพรรดิเซียนอีกด้วย แต่จากสิ่งที่เขาสามารถบอกได้ ดูเหมือนว่าหลี่หลิงเอ๋อร์ได้ตกเป็นเป้าสนใจของหญิงสาวชุดขาวมากกว่าเขาซะอีก

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลี่หลิงเอ๋อร์ได้เกิดเป็นความรู้สึกขึ้นว่า ความฝันของนางได้กลายมาเป็นความจริงแล้ว จึงได้จ้องมองไปที่เขาด้วยความเกลียดชัง ราวกับนางกำลังบ่งบอกว่าเมื่อคนทั้งสองได้พบกันอีกครั้งในวันข้างหน้า ศักดิ์ฐานะของทั้งคู่ก็อาจจะแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง

เมิ่งฮ่าวกลอกตาไปมา ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับหลี่หลิงเอ๋อร์ ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ราวกับว่าเขากำลังรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง

“หลิงเอ๋อร์ ต้องขอโทษด้วย ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีศักดิ์ฐานะใหม่ แต่ข้าก็ไม่อาจจะรับเจ้าเป็นภรรยาได้ ข้าแต่งงานแล้ว เจ้าและข้าไม่เหมาะสมกัน ข้าหวังว่าเจ้าจะได้พบกับความสุขของตนเองสักวันหนึ่ง” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเสียใจ

ในทันทีที่หลี่หลิงเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของเขา นางก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ร้องตวาดว่า “เมิ่งฮ่าว หุบปาก!!”

นางกัดฟันแน่นจ้องมองไปที่เขา และกระทืบเท้าลงไป ไม่สนใจเมิ่งฮ่าวอีก ติดตามหญิงสาวชุดขาวจากไปจนหายลับตาไปในที่ห่างไกล

หลังจากที่คนทั้งสองหายตัวไป เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก็ได้ยินออกมาจากปากของนกแก้วและผีโต้ง

“อู่เหยียหวาดกลัวแทบตาย คาดไม่ถึงว่าเหล่าเยาผอ (ยายอสูรเฒ่า) ผู้นี้ จะมีความทรงจำกลับคืนมาบ้างแล้ว!!” นกแก้วร้องอุทานออกมา ตบไปที่หน้าอกด้วยปีกของมัน ราวกับว่ามันเพิ่งจะมีชีวิตรอดมาได้จากเหตุการณ์อันน่ากลัว

“โชคดีที่ดูเหมือนว่าความทรงจำของนางจะกลับคืนมาแค่บางส่วนเท่านั้น มิเช่นนั้นนางคงไม่เพียงแต่จะมีท่าทางหงุดหงิดเท่านั้นที่มองเห็นอู่เหยีย นางคงจะต้องจับข้าไปถอนขนย่างไฟกลืนกินลงไปอย่างแน่นอน” นกแก้วพึมพำ ดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงมีชีวิตอยู่

ผีโต้งถอนหายใจยาวออกมา หลังจากนั้นใบหน้าก็สาดประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้นและกล่าวว่า “ข้าแสดงได้ดีหรือไม่!? ฮา ฮา ฮา! เมิ่งฮ่าว, จ๋าเหนี่ยว (เจ้านกโสโครก) พวกเจ้าบอกซานเหยียมาว่าเมื่อครู่นี้ข้าแสดงได้ดีหรือไม่? ดีหรือไม่ดี!?”

“ฮา ฮา ฮา! ข้าแทบจะลืมไปว่าพวกเราได้พนันกันไว้! ซานเหยียชนะแล้ว! ซานเหยียนมีความสามารถที่น่าเหลือเชื่อนัก! แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้องและไร้ศีลธรรมอยู่เล็กน้อย จ๋าเหนียวอู่ (เจ้านกโสโครกอันดับห้า) เจ้าว่าใช่หรือไม่?” ตอนนี้เมื่อผีโต้งพูดออกมา มันก็พูดจาอย่างไม่รู้จบเช่นเคย เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้มันได้อดทนไว้เป็นเวลานาน และตอนนี้ก็กำลังพูดจาชดเชยอยู่

“ไร้สาระ! เจ้าแทบจะทำพลาดไป! เมื่อครู่นี้เจ้าพูดมากเกินไป จำไว้ว่าครั้งหน้าถ้าไปพบกับเหล่าเยาผอผู้นี้อีก ให้พูดแค่คำเดียวเท่านั้น!” นกแก้วตบไปที่ผีโต้งหนึ่งที พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังผีโต้งด้วยความตกตะลึง ตอนนี้มันได้กลับไปทำตัวเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา และจากการพูดคุยของพวกมันเมื่อครู่นี้ ก็ดูเหมือนว่าผีโต้งและนกแก้วเคยพนันบางอย่างกันไว้

เมิ่งฮ่าวรู้สึกปวดศีรษะกับตัวตลกทั้งสองนี้ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ลืมคำว่า ‘จักรพรรดิสายฟ้า’ ที่หญิงสาวชุดขาวได้พูดไว้ เขามองไปยังผีโต้งด้วยความครุ่นคิด แต่ก็ไม่สอบถามอะไรออกไป มีอยู่หลายครั้งเมื่อในอดีต เขาพยายามจะล้วงข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาของพวกมัน แต่ก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ทำให้รู้สึกคุ้นเคยไปแล้ว ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกไป ทำให้กลุ่มด้วงสีดำพุ่งตรงไป

ไม่กี่ชั่วยามต่อมา เมิ่งฮ่าวพร้อมกับกลุ่มด้วงดำห้าร้อยตัว นกแก้วและผีโต้งที่ทะเลาะวิวาทกันอย่างไม่หยุดหย่อน ได้โผล่ออกมาจากเศษซากเซียน

ทั้งหมดลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และที่ห่างออกไปตรงด้านหน้าของทั้งหมดคือทะเลที่เก้า

เมื่อครุ่นคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้แล้ว เมิ่งฮ่าวก็หันหลังกลับ มองผ่านเศษซากเซียนไปยังทิศทางของดาวตงเซิ่ง จากนั้นดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่หมุนตัวและมุ่งหน้าตรงไปยังทะเลที่เก้าพร้อมกับกลุ่มด้วงสีดำ

“อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า จะต้องมอบของรางวัลที่ข้าได้มาในช่วงการแข่งขันจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน” แววตาครุ่นคิดปรากฏขึ้นขณะที่เขารำพึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดได้ยอมรับเขาเป็นศิษย์ อันเนื่องมาจากการที่เขาได้อยู่ในลำดับขั้น และยังได้แสดงออกถึงความตั้งใจที่จะมอบโชควาสนาให้กับเขาอีกด้วย

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าคงไม่อาจจะใช้เวลาอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าได้นานนัก หลังจากที่รับของรางวัลมา เขาก็จะทำการฝึกตนสักเล็กน้อย จากนั้นก็จะมุ่งหน้าไปยังสองกลุ่มเต๋าอีกต่อไป

“โชควาสนาที่พวกมันจะมอบให้ข้า น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ข้าเข้าไปอยู่ในอาณาจักรโบราณได้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น อันเนื่องมาจากสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่ชุดขาวได้กล่าวไว้ ถ้าเขายังไม่อยู่ในอาณาจักรโบราณ ด้วยฐานะที่เป็นสมาชิกของลำดับขั้น แผนการของนางก็คงไม่อาจจะเริ่มขึ้นได้

สำหรับอาณาจักรโบราณ เขามีเส้นทางของตนเองที่จะก้าวเดินไป

“ดูดซับผลเนี่ยผาน!” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว หลังจากที่ออกมาจากดาวตงเซิ่ง เขาได้ลองพยายามดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจจะหลอมรวมกับพวกมันได้อย่างถาวร แม้แต่จะเป็นผลเนี่ยผานของตนเองก็ตามที

จริงๆ แล้ว แม้แต่ฟางเว่ยก็ไม่อาจจะหลอมรวมกับผลเนี่ยผานของเขาได้นานไป นั่นเป็นสิ่งที่เขาสามารถจะรับรู้ได้ในช่วงการต่อสู้ของคนทั้งสอง

เมิ่งฮ่าวรักษาความเงียบไว้ขณะที่เข้าไปใกล้ทะเลที่เก้ามากขึ้น เขาได้ผ่านผู้ฝึกตนที่กำลังเดินทางไปมาอยู่เป็นระยะ แต่เมื่อพวกมันมองเห็นเขาและกลุ่มด้วงสีดำทั้งห้าร้อยตัว พวกมันก็จะหลีกเลี่ยงเขาไปด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้

เมิ่งฮ่าวไม่ต้องการให้ใครมาจดจำได้ว่าเขาคือใคร ดังนั้นเขาจึงใช้ขนนกสีดำเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา จึงไม่มีใครที่มองเห็นเขาแล้วจะมีความคิดที่ว่า จริงๆ แล้วเขาคือเมิ่งฮ่าวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งขุนเขาทะเลที่เก้า

ขณะที่เข้าไปใกล้ทะเลที่เก้า เมิ่งฮ่าวก็เริ่มได้ยินเสียงที่คล้ายกับเป็นเสียงคลื่นขึ้นอย่างช้าๆ ที่เบื้องหน้าขึ้นไป ทะเลแห่งกลุ่มหมอกได้ม้วนตัวไปมาอย่างไม่รู้จบ และพลังอันไร้ขอบเขตอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ทำให้ทุกสรรพสิ่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือนไปมา

เมิ่งฮ่าวไม่ยอมเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ มักจะลองดูดซับผลเนี่ยผานอยู่เป็นระยะ และมักจะนำซูเยียนออกมาจากถุงสมบัติอยู่เป็นครั้งคราว เขามักจะพยายามพูดจาอย่างเป็นมิตรและกันเองกับนาง ด้วยความหวังว่าจะเกลี้ยกล่อมให้นางใช้เวทแห่งเต๋าบางอย่างของนางมาแลกเปลี่ยนกับอิสระของตนเอง

อย่างไรก็ตาม ซูเยียนได้แต่มองมายังเขาด้วยแววตาที่คมกริบ สีหน้าที่เยาะเย้ย และยืนกรานอย่างแน่วแน่เท่านั้น

หลังจากที่ลองพยายามอยู่หลายครั้ง ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้เหตุผลอะไรก็ตามที ซูเยียนก็ไม่มีทางจะยอมตกลงด้วย ในที่สุดเขาก็หมดความอดทนอีกต่อไป โบกสะบัดมือ ทำให้ร่างกายนางเต็มไปด้วยเวทผนึก ทำการผนึกนางไว้โดยสิ้นเชิง จากนั้นก็จับนางโยนเข้าไปในถุงสมบัติ

“ถ้านางได้รับความทุกข์ทรมานสักครั้ง ข้าไม่เชื่อว่านางจะยังคงไม่ยอมให้ความร่วมมืออีก!” ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เมิ่งฮ่าวไม่ต้องการจะใช้วิชาควาญวิญญาณ นั่นเป็นวิธีการที่เลวทรามต่ำช้าเป็นอย่างยิ่ง และคนทั้งสองก็ไม่ใช่ศัตรูที่ไม่ยอมอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน

ทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาก็คือ พยายามเกลี้ยกล่อมให้ซูเยียนให้ความร่วมมือ ทำการส่งมอบเวทแห่งเต๋าบางอย่างของนางออกมาด้วยตัวเอง

ไม่กี่วันต่อมา เมิ่งฮ่าวที่นั่งอยู่บนหลังของตัวด้วงสีดำ ในที่สุดก็ผ่านเข้าไปยังเขตชายขอบของทะเลที่เก้า ด้วงตัวนี้เป็นด้วงเพียงตัวเดียวที่เขาได้มันอยู่นอกถุงสมบัติ ขณะที่เขามองออกไปยังกลุ่มหมอกของทะเลที่เก้า แสงแปลกๆ ก็สาดประกายขึ้นมาในดวงตา

ทะเลที่เก้าแห่งนี้ดูเหมือนจะไร้ขอบเขต แทบจะไม่มีจุดสิ้นสุดโดยสิ้นเชิง กลุ่มหมอกยืดยาวออกไปไกลสุดสายตา ทุกสรรพสิ่งดูเหมือนจะเปียกชื้น ทำให้เมิ่งฮ่าวได้ข้อสรุปว่า ต้องมีทะเลขนาดใหญ่อยู่ที่ด้านล่างของกลุ่มหมอกทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน

“ช่างเป็นทะเลที่ใหญ่โตอะไรเช่นนี้…”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไป ตอนที่อยู่ในตระกูลฟาง เขาเคยเห็นแผนที่ของจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) มาก่อน และตระหนักดีว่าถ้าเขาเดินทางผ่านทะเลที่เก้านี้ไป ก็จะไปถึงอาณาเขตของขุนเขาที่แปด

“ขุนเขาทะเลที่เก้า ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเส้นทางของข้า!”

ขณะที่เขามองออกไปยังที่ห่างไกล จิตใจก็เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจอย่างลึกล้ำ บนเส้นทางการฝึกตนของเขา เขาต้องการความเป็นอิสระและไร้ข้อผูกมัดใดๆ เขาต้องการเสรีภาพและอิสรภาพที่แท้จริง แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจจะมาขัดขวางและปฐพีก็ไม่อาจจะมากีดกั้นเส้นทางของเขาได้!

เมิ่งฮ่าวตบไปที่ตัวด้วงสีดำ ทำให้มันแผดร้องคำรามออกมา ขณะที่กลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าไปในกลุ่มหมอกของทะเลที่เก้า

แทบจะในเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวได้ผ่านเข้าไปในทะเลที่เก้า ดวงตานับไม่ถ้วนจู่ๆ ก็ลืมขึ้นมาในทันใด ทั้งที่อยู่ภายในกลุ่มหมอกรอบๆ ตัวเขา และความมืดมิดของส่วนลึกใต้ทะเล

ดวงตาเหล่านั้นเป็นของสัตว์ทะเลและอสูรทะเลจำนวนมาก ซึ่งได้อาศัยอยู่ในทะเลที่เก้า กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว พวกมันไม่ได้มีข้อขัดแย้งใดๆ กับผู้ฝึกตน แต่ในตอนนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้พวกมันทั้งหมดต้องลืมตาขึ้นมาและส่งเสียงแผดร้อง ด้วยสีหน้าที่ดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

ราวกับว่ามีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นอายของเมิ่งฮ่าว ได้ไปกระตุ้นให้สัตว์ทะเลและอสูรทะเลทั้งหมดของทะเลที่เก้ามีโทสะขึ้นมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version