ตอนที่ 1074
ปากที่คมกริบราวกับกระบี่
“เสี่ยวเป้ย เจ้ากล้า!?”
“หว่านเป้ย ไม่กล้า!”
คำพูดตอบโต้ที่แปลกๆ นี้ ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง…
สูงขึ้นไปในกลางอากาศเป็นชายชราผู้หนึ่งในชุดยาวสีแดงเข้ม เส้นผมก็เป็นสีแดงเหมือนกับเสื้อผ้าของมัน ไม่มีเกล็ดหรือเขาอยู่บนหน้าผาก แต่จากกลิ่นอายของมันก็เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลัง เป็นคนที่สามารถมาแทนที่เจตจำนงแห่งสวรรค์และปฐพี และเห็นได้ชัดว่ากำลังระเบิดกลิ่นอายของผู้ฝึกตนอสูรออกมา
นี่คือ…ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าแห่งกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร
การมาถึงของมันทำให้ผู้ฝึกตนอสูรที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมดต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ ราวกับว่าในที่สุดพวกมันก็มีใครบางคนให้พึ่งพาได้แล้ว ราวกับว่าพวกมันเป็นเด็ก ที่หลังจากถูกกลั่นแกล้ง ฉับพลันนั้นบิดามารดาก็ปรากฏตัวขึ้น อันที่จริง ในแง่ของความเป็นผู้อาวุโสแล้ว ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าก็เหมือนกับเป็นบิดามารดาของพวกมันอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม…ทั้งพวกมัน และปรมาจารย์อาณาจักรเต๋า ที่กำลังพุ่งมาด้วยโทสะ และเตรียมตัวที่จะฟาดลงไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเต็มแรง ต่างก็ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะตอบกลับมาเช่นนี้ได้
จากมุมมองของผู้ฝึกตนอสูร มันน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่าที่เมิ่งฮ่าวจะกล่าวตอบด้วยความไม่ยินยอม แล้วพวกมันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า เขาจะกล่าวเป็นคำพูดเช่นเมื่อครู่นี้ออกมา…?
เสียงของเมิ่งฮ่าวแผ่วเบา และยังให้ความรู้สึกที่อ่อนแออีกด้วย
ทำให้สีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมด แม้แต่ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าก็เป็นเช่นเดียวกัน
บุคคลเดียวเท่านั้นที่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไปคือ ฝานตงเอ๋อร์ ซึ่งได้หยุดต่อสู้กับไหหนี่ว์เป้ยอวี้อย่างฉับพลัน และรีบถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ในทันทีที่นางมองเห็นสีหน้าของเมิ่งฮ่าว จิตใจนางก็เริ่มเจ็บแปลบขึ้นมา และจดจำได้ถึงสีหน้าเดียวกันนี้เมื่อคนทั้งสองได้วางเดิมพันกันก่อนหน้านี้
“นี่คือเมิ่งฮ่าวที่เจ้าเล่ห์ มันต้องมีแผนการที่ชั่วร้ายบางอย่างอยู่อย่างแน่นอน” ฝานตงเอ๋อร์คิดด้วยความมั่นใจ
ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าที่พุ่งลงมา จ้องมองไปด้วยความตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็โบกสะบัดมือไปอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่ามันจะเข้าไปแทรกแซงกฎธรรมชาติ ทำให้เกิดเป็นหัตถ์ยักษ์ภาพลวงตาขึ้นมายื่นตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ทำอะไรเพื่อหลบเลี่ยง ปล่อยให้หัตถ์ยักษ์นั้นพุ่งตรงมา แต่ทันใดนั้นเสียงแค่นอย่างเย็นชาก็ดังก้องขึ้นมาจากด้านข้างของเมิ่งฮ่าว จิ่วผอปรากฏกายขึ้น ก้าวเดินตรงไป แตะมือไปที่หัตถ์ยักษ์นั้น
ไม่มีเสียงได้ยินออกมา แต่กฎธรรมชาติสองชนิดดูเหมือนว่าจะเกิดการปะทะกันขึ้น และเสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา เต็มอยู่ในจิตใจของคนทั้งหมดในบริเวณนั้น
หัตถ์ยักษ์พังทลายลงไป และผู้แข็งแกร่งอสูรอาณาจักรเต๋าก็ส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจอยู่ในลำคอ ใบหน้าของจิ่วผอซีดขาวไร้สีเลือด และนางก็มองขึ้นไปด้วยประกายตาที่เย็นชา กล่าวขึ้นว่า
“พอได้แล้ว กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรของพวกท่าน ต้องสร้างความวุ่นวายไปถึงเมื่อไหร่ถึงจะยอมหยุด?” ทันใดนั้นนางก็ทำท่าคว้าจับ ทำให้ไม้เท้าศีรษะมังกรปรากฏขึ้นมาในมือ นางแตะมันลงไปบนพื้นดิน และเสียงกระหึ่มก็ได้ยินมาขณะที่พลังแห่งแก่นแท้ปะทุออกไป โดยมีจิ่วผอเป็นจุดศูนย์กลาง
ในเวลาเดียวกันนั้น หลิงอวิ๋นจื่อก็ปรากฏตัวขึ้นและเสินซือซ่างเหรินก็ก้าวออกมาจากในอากาศ ผู้แข็งแกร่งอสูรอาณาจักรเต๋าอีกคนปรากฏขึ้น เช่นเดียวกับสองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่เป็นบุรุษและสตรี
การปรากฏกายขึ้นมาของปรมาจารย์ที่ทรงพลังทั้งหมดนี้ ทำให้กลุ่มศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าในบริเวณนั้นทั้งหมด ต้องคุกเข่าลงไปกราบกรานด้วยจิตใจที่เต้นรัว
เมิ่งฮ่าวเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนพิงอยู่กับผนังศิลาของหน้าผา
“พวกเรามีข้อตกลงร่วมกันแล้ว ดังนั้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นตรงด้านนอกของสำนัก กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรของข้าเป็นฝ่ายผิด ข้าจะให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้นในภายหลัง พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเปิดอาณาจักรสายลม พวกเราจะยอมรับภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งหมดเอง!”
ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าผมสีแดงแผดร้องขึ้น จากนั้นก็หันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าว
“แต่เด็กผู้นี้สังหารศิษย์ของกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร อยู่ภายในสำนัก! มันต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมาสำหรับเรื่องนี้!”
จิ่วผอขมวดคิ้วและแอบถอนหายใจออกมา การทำงานในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ามีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ด้วยการมีฝ่ายที่แตกต่างกัน ดิ้นรนที่จะมีอำนาจเหนือผู้อื่น จึงมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถจะทำได้คือถอนหายใจออกมา ในตอนนี้สายตานางแวบแสงอันเย็นชาขึ้นมา และกำลังจะกล่าวตอบโต้กลับไป แต่เมิ่งฮ่าวที่หยิบเอาเม็ดยาออกมาหนึ่งกำมือและใส่เข้าไปในปากเสร็จสิ้นแล้วก็กล่าวตัดหน้านางขึ้นในทันที
“เฉียนเป้ย, (ผู้อาวุโส) ท่านบอกว่าคนที่สังหารผู้ฝึกตนอสูรที่ด้านนอกนั้นเป็นข้า? ทำไมถึงได้กล่าวหาอย่างผิดๆ เช่นนี้? ข้าไม่ได้สังหารพวกมัน! ข้าไม่ได้ทำจริงๆ! ใครเป็นคนเห็น?”
เมิ่งฮ่าวมีท่าทางเหมือนกับคนที่ถูกกล่าวหาเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่กลืนเม็ดยาเข้าไปอีกมาก ทำให้พื้นฐานฝึกตนค่อยๆ ฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างช้าๆ ภายในใจเขากำลังยิ้มอย่างเย็นชาออกมา เมื่อกระทำการใดๆ บางครั้งก็ต้องมีการพลิกแพลงกันบ้าง
การปฏิเสธไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าคือการพลิกแพลงที่โง่เขลา ซึ่งเมิ่งฮ่าวก็มีหลักการของตนเอง แต่หลักการเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องนำมาใช้กับศัตรู
คำพูดของเขาทำให้ผู้ฝึกตนอสูรที่นั่งคุกเข่าอยู่ต้องมีโทสะขึ้นมาในทันที
“ข้าเห็นมันด้วยสองตาของตัวเอง! เจ้าสังหารสหายร่วมสำนักของข้าไปอย่างมากมาย!!”
“บัดซบ! ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็เห็นว่าเป็นเจ้า!”
ผู้ฝึกตนอสูรแทบจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา ราวกับว่าพวกมันไม่เคยเห็นใครที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา และแบมือออกไปด้วยท่าทางที่บริสุทธิ์ใจ
เขาถอนหายใจกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะมองเห็นด้วยสองตาของตัวเอง มันก็ไม่มีหมายความเท่าใดนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่ข้าที่เป็นคนสังหารพวกมัน บางทีคนที่พวกเจ้าเห็นอาจจะดูคล้ายกับข้าก็เป็นได้? มักจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง พวกเจ้าควรจะหยุดกล่าวหาอย่างผิดๆ เช่นนี้ได้แล้ว!”
ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะเริ่มมีโทสะขึ้นมา ขณะที่อธิบายเรื่องราวเหล่านี้ แม้ในขณะที่เขาพูดออกมา ก็ยังคงกลืนเม็ดยาเข้าไปอย่างต่อเนื่อง จิ่วผอที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองไปยังเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ จากนั้นนางก็กระแอมไอออกมาและเตรียมตัวที่พูดอะไรออกมาบ้าง
ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งหมดที่อยู่ในกลางอากาศ
รวมทั้งหลิงอวิ๋นจื่อและเสินซือซ่างเหริน กำลังมองไปยังภาพที่เกิดขึ้นนี้ด้วยสีหน้าแปลกๆ สำหรับผู้แข็งแกร่งอสูรอาณาจักรเต๋าผมแดง มันรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง และก่อนที่จิ่วผอจะทันได้กล่าวอะไรออกมา มันก็ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
“ไม่เคยมีใครกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้กับเหล่าฟูมาก่อน! เจ้าบอกว่าไม่ได้สังหารผู้ฝึกตนอสูรของข้า? ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามเจ้า เจ้าเข้าไปในถ้ำแห่งเซียนของใครเมื่อครู่นี้? เจ้าเข้าไปได้อย่างไร? ข้าเห็นกับตาตัวเองว่าเจ้าเพิ่งจะลักพาตัวหลงเทียนไห่ไปเมื่อครู่นี้! หรือว่าข้าจะเห็นภาพหลอนไปเอง?”
ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่ต้องการจะเห็นเป็นอย่างมากว่า เมิ่งฮ่าวจะตอบโต้กับข้อกล่าวหานี้อย่างไร
ถ้าเมิ่งฮ่าวพยายามที่จะบอกว่ามันมองเห็นภาพหลอน มันก็จะพูดถึงผลที่ตามมากับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าในทันที
“เรื่องมันเป็นเช่นนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม รีบประสานมือและโค้งตัวลงให้กับปรมาจารย์ด้วยใบหน้าที่สัตย์ซื่อจริงใจอย่างถึงที่สุด
“เหลาจู่ (ปรมาจารย์) ข้าคิดว่าพวกเราคงมีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย จริงๆ แล้ว สหายเต๋าหลงและข้าได้กลายเป็นสหายกันในทันทีที่แรกพบหน้า แต่พวกเราเพิ่งจะมีการกำหนดเวลาเดิมพันกันเมื่อเร็วๆ นี้ ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อจะบอกมันว่าข้าตัดสินใจรับข้อเดิมพันนั้น!”
“แต่น่าเสียดายที่มันอยู่ในช่วงของการเข้าฌานตามลำพัง และข้าก็เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความอดทนมากนัก
ดังนั้นจึงได้เข้าไป ข้าทำลายถ้ำแห่งเซียนของมันไปในตอนนั้น เป็นความผิดของข้าเอง” เขาหันหน้ามองไปยังจิ่วผอด้วยสายตาที่ขอโทษและโค้งตัวลงต่ำ
“จิ่วผอเหลาจู่ ข้ายินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดนี้!”
จิ่วผอกระแอมไอแต่ก็ไม่กล่าวอะไรตอบกลับไป
ชายชราผมแดงจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว และรอยยิ้มของมันก็ยิ่งเย็นเยียบมากขึ้นกว่าเดิม
“ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วทำไมเจ้าถึงต้องจับตัวมันไป?!”
“เหลาจู่ ข้ากังวลว่ามันจะเปลี่ยนใจไม่ยอมเดิมพัน! แต่เมื่อท่านมาอยู่ที่นี่แล้วในตอนนี้ ข้าก็พอจะวางใจได้แล้ว มันอาจจะเปลี่ยนใจได้ แต่กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดไม่มีทางจะเปลี่ยนใจ ใช่หรือไม่?!”
ภายในใจเมิ่งฮ่าวกำลังหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา เมื่อครู่นี้ปรมาจารย์อสูรมาถึงด้วยความรวดเร็วมากเกินไป ทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะดึงเอาหัวใจมังกรออกมา จึงต้องจับตัวหลงเทียนไห่ไว้อย่างไร้ทางเลือก เขากระแอมไอออกมาอีกครั้ง หยิบเอาขวดเม็ดยาออกมา และเทเข้าไปในปาก คนทั้งหมดมองมาด้วยสีหน้าแปลกๆ ที่แตกต่างกันออกไป
“เหล่าจู่ ถ้าท่านไม่เชื่อ ก็สามารถสอบถามใครก็ได้ในที่แห่งนี้ เกี่ยวกับการเดิมพันระหว่างข้าและหลงเทียนไห่ เดิมพันนั้นได้พนันกันว่าข้าจะเข้าไปอยู่ในหนึ่งร้อยรายชื่อแรกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองได้หรือไม่ ถ้าข้าทำได้ มันก็จะเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร มอบหยกเซียนหนึ่งพันสามร้อยล้านชิ้นและอาวุธเต๋าทั้งสามให้กับข้า!”
แทบจะในทันใดนั้น ผู้ฝึกตนอสูรบางคนในบริเวณนั้น ที่เพิ่งจะดูดซับคำพูดเหล่านั้นเข้าไปอย่างช้าๆ ก็เริ่มร้องตะโกนออกมาด้วยโทสะ
“มันพูดจาเหลวไหล การเดิมพันระหว่างมันและพี่ใหญ่หลงคือ ต้องเข้าไปอยู่ในสิบรายชื่อแรกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง! และของเดิมพันก็คือหยกเซียนสามร้อยล้านชิ้น ไม่ใช่หนึ่งพันสามร้อยล้านชิ้น และไม่มีอาวุธเต๋าอะไรมาเกี่ยวข้องด้วย! และถ้ามันพ่ายแพ้ ก็ต้องส่งมอบตำแหน่งในลำดับขั้นออกมา!!”
ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าของชายชราผมแดงก็หมองคล้ำลง มันรู้ดีถึงเรื่องการเดิมพัน แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
เพราะว่าเมิ่งฮ่าวได้นั่งเข้าฌานตามลำพังมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม และไม่ได้ให้คำตอบกับเก้าไห่เจี้ยเยาใดๆ พวกมันจึงได้เผยแพร่กระจายข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปทั่วทั้งสำนัก
ชายชราผมแดงจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา มันรู้สึกเดือดดาลต่อลิ้นที่พลิกไปมาของเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าในแง่ข้อได้เปรียบของสถานการณ์โดยรวมแล้ว มันไม่เคยเห็นใครจะทำได้ดีเช่นเมิ่งฮ่าวมาก่อน
มันสามารถทำให้เมิ่งฮ่าวต้องหลั่งโลหิตได้ทุกเมื่อ แต่ก็ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะมีพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อ ในการใช้สถานการณ์ที่ซับซ้อนทั้งหมดนี้ มาผูกมัดคนอื่นๆ ไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่คนที่มีความแข็งแกร่งมากไปกว่าเขาก็ตามที นั่นหมายความว่า
เขาสามารถที่จะตรึงคนเหล่านั้นไว้ได้ โดยที่พวกมันไม่อาจจะโจมตีกลับไปได้
ชายชรารู้สึกว่ามันมีพลังอย่างไร้จุดสิ้นสุด แต่ก็ไม่อาจจะปลดปล่อยออกไปได้
แน่นอนว่ามันไม่เคยรู้มาก่อนว่า เมื่อเมิ่งฮ่าวเข้ามาในโลกแห่งการฝึกตนนี้ เขาได้เข้าสังกัดสำนักเอกะเทวะเป็นครั้งแรก ซึ่งหลักการของสำนักเป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวได้ประทับแน่นอยู่ในจิตใจมานานแล้ว
ผู้คนควรจะทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยพลังของตัวเอง เพื่อค้นหาใครบางคนหรือบางสิ่งที่พอจะพึ่งพาได้ ถึงแม้ว่านั่นอาจจะไม่ถูกต้องมากนัก แต่…เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้พลังเพียงพอ มันก็สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง!
“การเดิมพันนั้นเป็นเรื่องราวส่วนตัวระหว่างเจ้าและหลงเทียนไห่ ถ้าเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าก็ต้องส่งมอบคุณสมบัติในลำดับขั้นของเจ้าออกมาแต่ให้ปล่อยหลงเทียนไห่ออกมาก่อน!”
ดูเหมือนว่าชายชราผมแดงกำลังจะหมดความอดทน ในตอนนี้ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา ขณะที่จ้องมองกลับไปยังชายชรา
“ลืมหลงเทียนไห่ไปก่อนเถอะ เหลาจู่, เฉียนเป้ย, ข้าขอถามกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดว่า พวกท่านเป็นผู้ฝึกตนหรือไม่? พวกท่านรู้หรือไม่ว่าข้อห้ามที่ร้ายแรงมากที่สุดในท่ามกลางเหล่าผู้ฝึกตนคืออะไร?!”
“ความสัมพันธ์ของพวกท่านกับพวกเราเหล่าผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่เก้าคืออะไร? พวกท่านคิดว่าตราบเท่าที่มีใครบางคนไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร พวกท่านก็สามารถจะสังหารพวกมันไปโดยที่ไม่ต้องได้รับโทษใดๆ?!”
“พวกท่านเกลียดข้าก็ไม่เป็นไร พวกท่านสามารถที่จะมาหาเรื่องข้าได้ และถ้าข้าตายไปในการต่อสู้ ก็จะไม่มีใครให้ความสนใจ แต่ข้าขอถามท่าน เหลาจู่ และกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรที่เหลือทั้งหมด นี่มันหมายความว่าอะไร!?”
เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้ฉู่อวี้เยียนปรากฏขึ้นในวงแขนของเขา
ใบหน้านางเป็นสีขาวซีด และเห็นได้ชัดว่านางสลบไปและอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารอย่างแท้จริง
“นี่คือสหายสนิทจากบ้านเกิดของข้า นางเข้าสังกัดเต๋าคุนหลุน และยังคงเป็นศิษย์อยู่ที่นั่น แต่เพื่อที่จะจัดการกับข้า กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรของท่านได้ลักพาตัวนางมายังที่แห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้แพร่พิษไปบนตัวนางอีกด้วย!”
“สหายเต๋าอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ถ้าสหายหรือครอบครัวของพวกท่านต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ต่อหน้าสายตาของพวกท่าน ถูกใช้เป็นเครื่องมือมาข่มขู่คุกคาม พวกท่านสามารถจะทนได้หรือไม่!?”
“อะไรคือข้อห้ามอันร้ายแรงสำหรับผู้ฝึกตน? สิ่งที่ถูกห้ามมากที่สุดในโลกแห่งการฝึกตนคืออะไร? ก็คือนี่!”
“ถ้าทุกคนกระทำเรื่องเช่นนี้ โลกแห่งการฝึกตนก็จะตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย! ข้ามีเรื่องกับผู้ฝึกตนอสูร แต่พวกมันกลับลักพาตัวและพยายามที่จะสังหารสหายสนิทของข้า! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกท่านคนใดคนหนึ่งไปมีเรื่องกับพวกมัน?
พวกมันก็จะทำเรื่องเช่นเดียวกันนี้ ใช่หรือไม่!? มันเป็นวัฏจักรอันโหดร้าย! สหายผู้ฝึกตนทั้งหลาย พวกท่านสามารถจะอดทนต่อเรื่องเช่นนี้ได้หรือไม่!?”
คำพูดของเมิ่งฮ่าวดังก้องเข้าไปในหูของผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกทำให้รู้สึกสะเทือนใจอย่างลึกล้ำ