ตอนที่ 1103
วิถีแห่งเซียนที่แข็งแกร่งมากที่สุด!
“เจ้ากล้า!!” ก้อนเมฆที่อยู่ด้านบนของชนเผ่าที่แปดพลุ่งพล่านปั่นป่วน รถศึกแหวกฝ่าอากาศมาด้วยการฉุดลากของวิญญาณหนึ่งล้านดวง ทำให้ความมืดมิดยามราตรีกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ที่กำลังยืนอยู่บนรถศึกเป็นหลินชงจากขุนเขาที่สี่ มันดูคล้ายกับเป็นจักรพรรดิแห่งความตาย เต็มไปด้วยพลังแห่งนรกอเวจี เสียงของมันดังก้องออกมาราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม
เมิ่งฮ่าวมีใบหน้าที่สงบนิ่งเยือกเย็น แต่ภายในใจเขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของตนเอง ที่ว่าเขาอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรเซียน ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง ตลอดช่วงการต่อสู้กับหานชิงเหลย แต่ละคนที่เข้าสังกัดลำดับขั้นมีโชคชะตาและโชควาสนาที่แตกต่างกันออกไป พวกมันทั้งหมดคือกลุ่มคนที่ผู้ฝึกตนอื่นๆ ไม่อาจจะเทียบเปรียบได้ สามารถจะกล่าวได้ว่าผู้ฝึกตนลำดับขั้นแต่ละคนมีวิถีทางที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และดังนั้น…แต่ละคนจึงมีความแตกต่างกันไป
เมื่อมีวิถีทางที่แตกต่างกัน ก็ทำให้ผู้ฝึกตนลำดับขั้นทั้งหมดแตกต่างกันออกไป!
วิถีทางของหานชิงเหลยค่อนข้างจะไม่เหมือนใคร มันมีกระดูกสีขาวและสายฟ้าสีเขียวของตนเอง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเป็นของมันเองจริงๆ ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเดินไปบนเส้นทางของลำดับขั้น
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าว ก็เป็นเรื่องยากสำหรับมันที่จะทำอะไรได้นอกจากต้องพ่ายแพ้ไปเท่านั้น พ่ายแพ้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า
นั่นเป็นเพราะว่าเมิ่งฮ่าวมีวิถีแห่งเซียนของตนเอง ซึ่งก็คือเส้นทางโบราณ เป็นเส้นทางในตำนานที่แข็งแกร่งมากที่สุดของสวรรค์ทุกชั้นฟ้า
ตอนนี้เขาสามารถจะมองเห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากขุนเขาที่สี่ผู้นี้ อยู่ในเส้นทางเดียวกับเขาด้วยเช่นกัน
เมิ่งฮ่าวไม่มั่นใจว่านั่นคือเส้นทางอะไร และจริงๆ แล้วก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องรับรู้!
วิถีแห่งเซียนทุกชั้นฟ้าเป็นสิ่งที่เป็นตำนาน ตั้งแต่อยู่ในช่วงสมัยของอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งบรรพกาล แต่เนื่องจากเวลาผ่านไปนานหลายปี ทำให้เซียนต่างๆ ที่อยู่ในขุนเขาทะเลไม่อาจจะเดินไปบนเส้นทางนี้ได้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้คนจะเยียบย่างเข้าไปในความหวังที่จะได้ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่
“บางทีมันคงจะเกี่ยวข้องกับเวทผู้ยิ่งใหญ่บางอย่าง นอกจากนั้นก็ต้องได้รับความรู้แจ้งของเวทผู้ยิ่งใหญ่เพื่อที่จะเข้ามาอยู่ในลำดับขั้น บางที…อาจจะมีเหตุผลอื่นอีกสำหรับการอยู่ในลำดับขั้น นอกเหนือจากการทำตามแผนการที่วางไว้โดยไห่เมิ่งจื้อจุนให้สำเร็จ บางทีอาจจะเห็นได้ว่าเส้นทางนั้น…ได้นำไปสู่การเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในสวรรค์แห่งนี้!”
เมิ่งฮ่าวคิดด้วยความไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก แต่เขาก็ยังคงคิดว่าเรื่องราวต้องเป็นเช่นนี้อย่างน้อยก็หกถึงเจ็ดในสิบส่วนอย่างแน่นอน
“แต่ไม่ว่าวิถีของผู้ฝึกตนลำดับขั้นคนอื่นๆ จะเป็นอย่างไร พวกมันทั้งหมดคงจะพบว่าถึงทางตันเมื่อต้องมาเทียบกับของข้า ถ้าพวกมันยังยืนกรานที่จะเดินต่อไปตามเส้นทางนั้น ก็จะพบว่าเซียนทุกชั้นฟ้า…คือเซียนที่แข็งแกร่งมากที่สุด!”
“ข้าจะเอาชนะพวกมันทั้งหมดทีละคน จากนั้นพวกมันก็จะเข้าใจถึงความเป็นจริงได้เอง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความเชื่อมั่นอันเจิดจ้า
ความเชื่อมั่นนั้น…คือความเชื่อมั่นในตนเอง เขามั่นใจว่าได้เดินไปไกลมากที่สุด และการเป็นเซียนทุกชั้นฟ้า…คือวิถีแห่งเซียนที่แข็งแกร่งมากที่สุด!
หลังจากที่ความคิดเหล่านี้แวบผ่านขึ้นมาในจิตใจ เมิ่งฮ่าวก็ไม่คิดมากอีกต่อไป เลื่อนสายตาจากผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาที่สี่และวิญญาณหนึ่งล้านดวงของมัน มองไปยังเปลวไฟที่เป็นตัวแทนของตราประทับแทน
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวได้เปลวไฟนั้นมา เสียงแผดร้องอย่างมีโทสะก็ดังก้องลงมาจากท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันนั้น…ลำแสงก็พุ่งขึ้นมาจากบริเวณที่อยู่ตรงวิหารกลาง
แสงอันเข้มข้นนั้นทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน มันมีความเข้มข้นมากกว่าแสงที่ปรากฏขึ้น ในตอนที่เมิ่งฮ่าวหรือหานชิงเหลยได้ทำลายสถิติในการได้รับความรู้แจ้งหนึ่งร้อยแก่นแท้จากก่อนหน้านี้ซะอีก
มันมีความกว้างถึงหนึ่งพันจ้าง ขณะที่พุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะคล้ายกับเป็นเสาขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อแผ่นฟ้าและผืนดินเข้าด้วยกัน คนทั้งหมดในอาณาจักรสายลมสามารถจะมองเห็นได้ ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ในที่แห่งใดก็ตาม!
ปฐพีสั่นสะเทือนและสวรรค์ก็สั่นสะท้าน พลังอันเข้มข้นกระจายออกมาเป็นระลอกคลื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีความแข็งแกร่งมากกว่าสองลำแสงก่อนหน้านี้ จนสามารถจะกล่าวได้ว่าไร้ที่เปรียบอย่างแท้จริง
สองลำแสงก่อนหน้านี้คล้ายกับเศษไม้ไผ่ชิ้นเล็กๆ ในขณะที่ลำแสงนี้มีความหนาเท่ากับแขน เสียงฟ้าร้องคำรามอย่างน่าตกใจดังก้องออกมา ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดในอาณาจักรสายลม ต้องสั่นสะท้านไปทั่วทุกตัวคน
เสียงและแรงสั่นสะเทือนอันเข้มข้น ทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ใกล้กับวิหารกลาง ต้องมองไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ พวกมันไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากจ้องมองไป ขณะที่เสาแห่งแสงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า และจากนั้นก็กลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ข้างรูปปั้น ถือตราประทับของชนเผ่าที่แปดไว้ในมือ มองขึ้นไปยังกระแสน้ำวนนั้น รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
“เหมือนกับที่ข้าคาดคิดไว้ บุคคลแรกที่ได้ตราประทับมา จะทำลายสถิติก่อนหน้านี้และจะได้รับการประสาทพร!”
นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมเมิ่งฮ่าวถึงได้มีความเชื่อมั่นนัก และเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงได้สงบนิ่งเยือกเย็นเช่นนี้ด้วยเช่นกัน เขาไม่สนใจว่าหานชิงเหลยจะล่อให้ใครมายังที่แห่งนี้ หรือว่ามันจะมีแผนการอะไรแอบซุกซ่อนไว้อีก เขามั่นใจว่าถ้าบุคคลแรกได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นอายแห่งเชื้อชาติได้รับการประสาทพร และบุคคลแรกแรกได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งร้อยแก่นแท้ได้รับการประสาทพรด้วยเช่นกัน นั่นก็มั่นใจได้ว่าบุคคลแรกที่ได้ตราประทับมา ก็จะได้รับการประสาทพรด้วยเช่นกัน และจะยิ่งเป็นพรที่แข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้เกิดขึ้นเป็นเวลานาน แต่ความจริงแล้วพวกมันเกิดขึ้นแทบจะในทันใด ผู้ฝึกตนลำดับขั้นหลินชงแห่งขุนเขาที่สี่บินฝ่าอากาศมา ทำให้คนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในชนเผ่าที่แปดต้องมองขึ้นไปด้วยความตกใจ
บนท้องฟ้าเหนือวิหารกลาง กระแสน้ำวนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ ก็ปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดไว้คล้ายกับเป็นแผ่นผืน ทำให้ฉับพลันนั้นคนทั้งหมดสามารถจะมองเห็นโลกแห่งอื่นได้แวบหนึ่ง
มันเป็นโลกแห่งเดียวกันกับที่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน เป็นโลกแห่งภูเขาและรูปปั้น ถ้ามองดูให้ละเอียดยังรูปปั้นและภูเขาเหล่านั้น ก็จะเห็นว่าพวกมันถูกแยกออกมาเกือบเท่าๆ กัน
ยิ่งไปกว่านั้นภายในโลกแห่งนั้นมีสี่รูปปั้น และห้าภูเขาที่ติดอยู่ในท่ามกลางรูปปั้นและภูเขาอื่นๆ ทั้งหมด รูปปั้นเหล่านั้นเป็นรูปปั้นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกแห่งนั้น ราวกับว่ารูปปั้นอื่นๆ ทั้งหมดเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ เมื่อเทียบกับพวกมัน
ห้าภูเขามีความสูงมากกว่าภูเขาอื่นๆ ทั้งหมดเช่นเดียวกัน ราวกับว่าไม่มีใครจะสามารถปราบพิชิต และเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นรูปปั้นได้ สี่รูปปั้นและห้าภูเขาเต็มไปด้วยระลอกคลื่นแห่พลังอันยากที่จะอธิบายออกมาได้ ถ้าพวกมันกระจายเข้ามาในโลกแห่งนี้ก็คงจะทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือน
ภูเขาและรูปปั้นจำนวนมากลอยไปมา แต่สี่รูปปั้นและห้าภูเขาดูโดดเด่นออกมามากที่สุด พวกมันคล้ายกับเป็นจุดศูนย์กลางของโลกแห่งนั้นทั้งหมด ราวกับว่าในตอนนี้รูปปั้นแรกเริ่มกระจายเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา และจากนั้นก็พังทลายกลายเป็นเสี่ยงๆ ไปในทันที หลังจากที่ล่วงหล่นลงไปแล้วมันก็ก่อตัวขึ้นมากลายเป็นรูปปั้นรูปใหม่
รูปปั้นนั้น…มีหน้าตาเหมือนกับเมิ่งฮ่าว!
ทันใดนั้น รูปร่างหน้าตาของเมิ่งฮ่าวก็เผยให้คนทั้งหมดที่อยู่ในอาณาจักรสายลมได้มองเห็น พวกมันสามารถจะมองเห็นด้วยเช่นกันว่า รูปปั้นนี้ดูแตกต่างไปจากรูปปั้นแรกที่ได้ปรากฏขึ้น ในตอนที่เขาทำลายสถิติและบรรลุถึงจุดสูงสุดของโลกแห่งนี้!
เขากลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทั้งหมด ทำให้ทุกคนต้องสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความตกตะลึง!
ฉับพลันนั้นเสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกมา
“เมิ่งฮ่าวแห่งชนเผ่าที่เก้าได้ทำลายสถิติเดิม เอาชนะหานชิงเหลยแห่งชนเผ่าที่แปด และแย่งชิงตราประทับของชนเผ่าที่แปดไปได้ เป็นบุคคลแรกที่ได้ครอบครองตราประทับ และจะได้รับรางวัลเป็นกระแสลมปราณสองในสิบส่วนของอาณาจักรสายลม!”
เสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทั้งอาณาจักรสายลม เพื่อให้คนทั้งหมดได้ยิน ผู้คนเริ่มอ้าปากค้าง และมีสีหน้าประหลาดใจ รางวัลนี้น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าสองรางวัลก่อนหน้านี้ ครั้งนี้มันคือกระแสลมปราณสองในสิบส่วนของอาณาจักรสายลม!
ยากที่จะครุ่นคิดได้ว่า การที่คนผู้หนึ่งได้ครอบครองกระแสลมปราณของโลกแห่งนี้ทั้งหมดสองในสิบส่วนจะหมายความว่าอย่างไร ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวกำลังเป็นที่พึงพอใจของอาณาจักรสายลมทั้งหมด
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ถูกห้อมล้อมโดยสายลมอันปั่นป่วนวุ่นวาย เป็นสายลมที่ไม่มีใครสามารถจะมองเห็น มีแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่ได้ยินสิ่งที่คล้ายกับเป็นเสียงมากมายนับไม่ถ้วน เป็นเสียงที่เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงสวดมนต์และคำอธิษฐานของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนจากอาณาจักรสายลม ที่ดังมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน
ยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าพลังแห่งการปฏิเสธของอาณาจักรสายลมเริ่มหายไป ไม่พยายามจะขับไล่เขาออกไปอีก แต่ได้ยอมรับเขา ราวกับว่าในตอนนี้เขามีการเชื่อมต่ออยู่กับอาณาจักรนี้อย่างลี้ลับ
การเชื่อมต่อนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจออกมา เขาได้แต่คิดว่าการเชื่อมต่อนี้จะทำให้สามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องรองลงมา ในตอนนี้เขาสามารถจะรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเป็นเจตจำนงแห่งอาณาจักรสายลม
สิ่งที่ทำให้เขาต้องหอบหายใจออกมามากขึ้นกว่าสิ่งใดๆ ก็คือว่า เจตจำนงแห่งอาณาจักรสายลมในตอนนี้มองดูเขาด้วยความเมตตา และปรารถนาที่จะช่วยปกป้องเขา!!
กระแสลมปราณสองในสิบส่วน…เป็นการบ่งบอกว่าคู่ต่อสู้ใดๆ ก็ตามที่มาเผชิญหน้ากับเขา จะต้องตกอยู่ในอันตรายด้วยสายฟ้าโดยตรง!
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ากระแสลมปราณบรรลุถึงสิบส่วนเต็ม…
ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ที่ไม่มีวิชาเวทใดๆ ก็ตาม เขาก็ยังคงคล้ายกับเป็นราชันเซียนแห่งอาณาจักรสายลม
เขาหลับตาลงและเพ่งสมาธิไปที่การเชื่อมต่อกับเจตจำนงแห่งอาณาจักรสายลม ซึ่งอยู่ภายในสายลมอันปั่นป่วนวุ่นวายนั้นอย่างเต็มที่
เวลาเดียวกันนั้นในชนเผ่าแรก ผู้ฝึกตนลำดับขั้นที่แข็งแกร่งมากที่สุดนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ทันใดนั้นดวงตามันก็ลืมขึ้นมา และเต็มไปด้วยความสนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“กระแสลมปราณ สิ่งของรางวัลนี้ก็เป็นกระแสลมปราณด้วยเช่นกัน ซึ่งแตกต่างไปจากเมื่อในอดีตโดยสิ้นเชิง!!”
มันพูดพึมพำขึ้น ผู้ฝึกตนที่นั่งอยู่รอบๆ มันทั้งหมดมีท่าทางเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง
เหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ได้ปรากฏขึ้นในชนเผ่าที่สอง!
อย่างไรก็ตาม บนภูเขากั๋วยิ่นแห่งชนเผ่าที่สาม เป็นผู้ฝึกตนที่ไม่ได้มาจากขุนเขาที่สาม แต่กระนั้นก็ยังมีเครื่องหมายลำดับขั้นอยู่บนหน้าผากของมัน มันเป็นบุรุษวัยกลางคน ซึ่งในตอนนี้กำลังขมวดคิ้วอยู่
“ข้าจะนำอาณาจักรสายลมกลับไปสู่ความรุ่งเรือง ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรสายลมแต่เพียงผู้เดียวเมื่อในอดีต แล้วเจ้าจะมีเหตุผลอะไรมาต่อต้านข้า!?”
มันพูดพึมพำเป็นเสียงเย็นชาขึ้นมา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร
มีแต่ชนเผ่าที่สามเท่านั้นที่พิเศษไม่เหมือนใคร แต่สำหรับชนเผ่าที่ห้า, ชนเผ่าที่หก และชนเผ่าที่เจ็ด…
สมาชิกของลำดับขั้น และผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมด ต่างก็สั่นสะท้านใจด้วยของรางวัลที่ถูกส่งมอบให้กับเมิ่งฮ่าว ในเวลาเดียวกันนั้น นามของเมิ่งฮ่าวก็ถูกประทับไว้ในส่วนลึกจิตใจของพวกมัน
ในชนเผ่าที่หกมีหญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่ง กำลังถูกไล่ล่าอย่างดุร้าย ใบหน้านางซีดขาว และตอนนี้กลุ่มคนที่ไล่ล่านางก็มีจำนวนมากกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย
“สามสถิติถูกทำลายไป และสองในนั้นเป็นของมัน!” นางคิด
ขณะที่นางพุ่งฝ่าอากาศไป ก็มองขึ้นไปยังรูปปั้นของเมิ่งฮ่าวในท้องฟ้า และแสงแห่งความมุ่งหวังก็ปรากฏขึ้นในแววตา พึมพำขึ้นว่า
“ในที่สุด…ข้ารู้สึกว่าพวกเราจะได้พบกันในไม่ช้านี้แล้ว เมิ่งฮ่าว…ท่านคือบุคคลที่ข้ากำลังเฝ้ารอคอยอยู่หรือไม่? ถ้าใช่…ข้าก็จะช่วยให้ท่านกลายเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในลำดับขั้น นั่นคือภารกิจของข้า…”
“ถ้าไม่ใช่ ข้าคงต้องไปหาผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาแรกแล้ว”
หญิงสาวนางนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเสวี่ยเอ๋อร์ ผู้สืบทอดแห่งเซียนโบราณ
ขณะที่เหตุการณ์สะเทือนโลกเหล่านี้ปรากฏขึ้น ในเมืองของมนุษย์ธรรมดาของชนเผ่าที่แปด นักศึกษาเยาว์วัยผู้หนึ่งนั่งอยู่ในบ้าน กำลังอ่านม้วนตำราไม้ไผ่อยู่ มันแค่ทำท่าอ่านเท่านั้น จริงๆ แล้วมันกำลังสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย
มันรับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในโลกด้านนอก ซึ่งสามารถจะกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเหล่านั้นสืบเนื่องมาจากมัน!
หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก มันก็วางม้วนตำราไม้ไผ่ลง และมองผ่านหน้าต่างขึ้นไปในท้องฟ้า ใบหน้ามันหมองคล้ำ หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ ก็ถอนหายใจออกมา
“เมิ่งฮ่าว…นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเจ้าถึงได้สงบนิ่งเยือกเย็นนัก เจ้ากำลังสะสมของรางวัลจากอาณาจักรสายลมอยู่นั่นเอง!”
“บางทีทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในการต่อสู้ ก็เนื่องมาจากแผนการของเจ้า เมิ่งฮ่าว…ผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาที่เก้า ข้าจะจดจำเจ้าไว้!” ดูเหมือนว่านักศึกษาเยาว์วัยซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดาผู้นี้คือ…หานชิงเหลย!