Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1108

ตอนที่ 1108

ผ่านเข้าไปในทุกชั้นฟ้าอีกครั้ง!

อย่างไรก็ตามที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้บรรยากาศของความเย่อหยิ่งทระนง เป็นสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่อาจจะตรวจพบได้…เล่ห์เหลี่ยม!

ยกตัวอย่างเช่น ตั๋วสัญญาของหลินชง แม้แต่หลินชงก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันตกอยู่ภายใต้เล่ห์เหลี่ยมของเมิ่งฮ่าวโดยไม่รู้ตัว ตั๋วสัญญานั้นเกิดขึ้นในช่วงของการต่อสู้ครั้งแรกของคนทั้งสอง เมื่อเมิ่งฮ่าวใช้เจ็ดก้าวเทพออกมา เมื่อหลินชงมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวิชานั้น เมิ่งฮ่าวได้แอบสร้างตั๋วสัญญาขึ้นมาอย่างลับๆ

เขาทำเช่นนั้นด้วยความจงใจ เผื่อไว้ในกรณีที่ไม่อาจจะสังหารมันได้ หรือว่ามันอาจจะหลบหนีจากไปได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะไม่จบลงด้วยมือเปล่า อย่างน้อยที่สุดเขายังมีตั๋วสัญญาอยู่หนึ่งใบ เมื่อได้พบกันอีกในครั้งต่อไป เขาก็จะป่าวประกาศร้องออกมาเป็นเสียงดังว่า หลินชงเป็นหนี้เขาอยู่!

เขาไม่เคยคาดคิดว่าด้วยนิสัยที่ชอบตั๋วสัญญาของตนเอง จะช่วยพิสูจน์ว่าหลินชงยังไม่ตายไป

สำหรับเหตุผลที่ทำไมมันถึงยังไม่ตายไป เขาจะรู้คำตอบนั้นเมื่อกลับไปยังภูเขาป๋ายเฟิงแล้ว

“ผู้ฝึกตนลำดับขั้นจะถูกสังหารไปได้สองครั้ง โดยที่วิญญาณของพวกมันจะไม่ถูกกำจัดไป!”

เมิ่งฮ่าวพึมพำ คิดย้อนกลับไปในสิ่งที่ไห่เมิ่งจื้อจุนได้บอกกับตนเองเมื่อหลายปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถที่พิเศษเฉพาะของลำดับขั้น

มีทางเดียวเท่านั้นที่ผู้ฝึกตนลำดับขั้นจะถูกกำจัดไปอย่างแท้จริง ก็คือต้องสังหารคนผู้นั้นไปสองครั้ง และจากนั้น…ก็เป็นครั้งที่สาม

การสังหารครั้งสุดท้ายจะทำให้พวกมันตกตายไปจริงๆ และใครก็ตามที่สังหารพวกมันไปก็จะก้าวเท้าเข้าไปสู่ลำดับขั้นครึ่งก้าว

ที่เหลืออีกครึ่งก้าวต้องเดินทางไปยังเศษซากเซียนในขุนเขาทะเลของพวกมัน และค้นหาไห่เมิ่งจื้อจุน จากนั้นพวกมันก็จะได้รับมอบเครื่องหมายอีกครึ่งหนึ่ง และจะกลายเป็นสมาชิกคนใหม่ของลำดับขั้นอย่างแท้จริง

ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งฝ่าอากาศไป ก็ยกมือขึ้นแตะไปที่หน้าผากของตัวเอง ซึ่งมีเครื่องหมายลำดับขั้นถูกผนึกอยู่ที่นั่น

ในช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวกลับไปยังชนเผ่าที่เก้า ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นอยู่ในชนเผ่าที่สี่ ตลอดช่วงการต่อสู้ของหลินชง มันได้พ่นโลหิตออกมา ทำให้พื้นดินบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงไป ตอนนี้จู่ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นมา และมือข้างหนึ่งก็โผล่ออกมา

มือนั้นไร้ตำหนิราวกับเป็นหยกขาว คล้ายกับเป็นมือของเด็กทารกที่เกิดขึ้นมาใหม่ สั่นสะท้านไปมา และพื้นดินก็สั่นสะเทือนอยู่ชั่วขณะ  ก่อนที่จะระเบิดออกไปขณะที่เงาร่างสายหนึ่งได้ยืนขึ้นมา

มันคือ…หลินชง!

ใบหน้ามันซีดขาว แต่พื้นฐานฝึกตนของมันแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่า…มันได้ฟื้นคืนกลับมาอยู่ในขั้นสูงสุดของจุดดั้งเดิมแล้ว อย่างไรก็ตามร่างกายมันกำลังสั่นสะท้าน หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าไปเล็กน้อย ก็แผดร้องออกมา

“เมิ่งฮ่าว! ในขุนเขาทะเลที่สี่ ภายใต้สถานการณ์อันร้ายแรงทั้งหมดที่ข้าเคยพบเจอมา ข้าไม่เคยสูญเสียหนึ่งชีวิตของข้าไปเลย! ไม่เคยคิดว่าเจ้าจะต้อนข้าให้ตกอยู่ในมุมอับและสังหารข้าไปได้จริงๆ!”

ใบหน้ามันบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยโทสะและความเกลียดชังอย่างรุนแรง

“พวกเราไม่มีทางอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้!”

มันกัดฟันแน่น และคิดที่จะตอบโต้ไปยังสวี่ชิงหลังจากที่กลับไปถึงขุนเขาที่สี่ ใช้นางเพื่อแก้แค้นต่อเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อมันคิดไปว่าสวี่ชิงคือเจ้าโลกันต์ที่สี่สิบเก้า ก็ตระหนักว่าถึงแม้นางจะเป็นจุดอ่อนของเมิ่งฮ่าว แต่จริงๆ แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะสามารถทำอะไรนางได้

ความเป็นจริงในเรื่องนี้ทำให้มันเต็มไปด้วยความขมขื่น ทันใดนั้นก็ตระหนักว่า ถึงแม้ว่าตนเองจะยังคงมีชีวิตอยู่ แต่เมิ่งฮ่าวก็กลายมาเป็นจิตมารของมันแล้ว

มันกระทืบเท้าลงไปบนพื้น จากนั้นก็บินขึ้นไปในอากาศตรงไปยังภูเขากั๋วยิ่น มันไม่มีทางจะระบายความเกลียดชังที่ไหลท่วมท้นอยู่ในจิตใจออกมาได้ ถึงแม้จะรู้สึกว่าไม่อาจจะอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเมิ่งฮ่าวได้ แต่ถ้าคนทั้งสองได้พบกันอีกในวันข้างหน้า สิ่งที่มันต้องทำทั้งหมดก็คือหลบหนีจากไป มันไม่กล้าที่จะไปต่อสู้กับเขาอีกแล้ว

ในตอนนี้มันยังได้สงสัยอีกด้วยว่า เมิ่งฮ่าวจะรู้หรือไม่ว่ามันยังไม่ตกตายไป

เป็นเรื่องธรรมดาที่เมิ่งฮ่าวจะตระหนักดีถึงความเป็นจริงในข้อนี้ ตอนนี้เขากำลังร่อนลงไปบนภูเขาป๋ายเฟิง นั่งลงขัดสมาธิและโบกสะบัดมือเพื่อหยิบเอาเปลวไฟสองดวงขึ้นมา

นี่คือตราประทับจากชนเผ่าที่สี่และชนเผ่าที่แปด

เปลวไฟทั้งสองลอยขึ้นไปอยู่ในมือของรูปปั้น เรียงรายไปพร้อมกับตราประทับของชนเผ่าที่เก้า สามเปลวไฟทำให้แก่นแท้และกฎธรรมชาติยิ่งมีความโอ่อ่าเกรียงไกรมากขึ้น

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่น้อย เพ่งสมาธิไปที่การเข้าฌาน เขารู้มานานแล้วว่าหลังจากที่ได้ตราประทับของชนเผ่าที่สี่มา เขาไม่ได้มีกระแสลมปราณของอาณาจักรสายลมอยู่ที่สองในสิบส่วนอีกต่อไป แต่เป็นสามในสิบส่วน

ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าฌานเพื่อความรู้แจ้ง เวลาได้ผ่านไป โครงสร้างโดยรวมของอาณาจักรสายลมเปลี่ยนแปลงไปอันเนื่องมาจากความพ่ายแพ้ของหลินชงและหานชิงเหลย ชนเผ่าที่สี่และชนเผ่าที่แปดหายสาบสูญไป ถูกกำจัดออกไปจากสนามรบตรงจุดศูนย์กลาง

อีกหกชนเผ่ายังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่านต่อไป อย่างไรก็ตามชนเผ่าที่เก้าเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาในสงครามครั้งนี้ ทำให้ผู้ฝึกตนจากชนเผ่าอื่นๆ ต้องรวมกำลังกันเพื่อช่วยเหลือต่อต้าน

ไม่นานนัก การต่อสู้ก็เริ่มตกอยู่ในสถานการณ์ที่ปั่นป่วนวุ่นวาย

ฝานตงเอ๋อร์และเป้ยอวี้เริ่มติดอยู่กับผู้ฝึกตนอื่นๆ จากขุนเขาทะเลที่เก้า ดังนั้นจึงมีบางคนในพวกมันที่ยังคงต่อสู้อยู่ต่อไป แทบจะราวกับว่าพวกมันไม่ยินดีที่จะออกมาจากสนามรบ

ราวกับว่าพวกมันได้พบกับความสงบในการต่อสู้นี้ และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อจิตใจของพวกมัน

ครึ่งเดือนแวบผ่านไป เมิ่งฮ่าวได้รับความรู้แจ้งจากสามตราประทับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากกระแสลมปราณสามในสิบส่วนของอาณาจักรสายลม ในตอนนี้เขาได้รับความรู้แจ้งเกือบถึงห้าร้อยแก่นแท้แล้ว

และเขายังต้องกระทำต่อไป

ตลอดช่วงเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา การต่อสู้ในเขตตรงกลางได้เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ผู้ฝึกตนลำดับขั้นได้รับความรู้แจ้งจากตราประทับของพวกมันเพิ่มมากขึ้น ทำให้การต่อสู้ยิ่งมีความปั่นป่วนวุ่นวายมากขึ้น

เพื่อที่จะแย่งชิงตราประทับมาจากชนเผ่าอื่นๆ แรกสุดจำเป็นต้องทำให้พวกมันอ่อนแอลงก่อน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการได้เปรียบในการต่อสู้ที่เขตตรงกลาง

ภายใต้การควบคุมของผู้ฝึกตนลำดับขั้น กองกำลังในเขตตรงกลางยิ่งต่อสู้กันด้วยความรุนแรงมากกว่าเดิม

ชนเผ่าต่างๆ มักจะพ่ายแพ้ไปเป็นระยะ และลำแสงสีแดงที่พุ่งออกมาจากเจดีย์ของพวกมันก็จะเริ่มมืดสลัวลงไป ในตอนนั้นผู้ฝึกตนลำดับขั้นอื่นๆ ก็จะเข้าไปในชนเผ่านั้นเพื่อเริ่มต่อสู้กัน

ตลอดช่วงเวลาครึ่งเดือน การต่อสู้อย่างดุร้ายได้เกิดขึ้นบนภูเขากั๋วยิ่นของชนเผ่าต่างๆ มีทั้งชัยชนะและพ่ายแพ้ แต่ทั้งหมดนั้นมีเพียงแค่สองภูเขาเท่านั้นที่ไม่มีใครกล้าจะบุกเข้าไป!

หนึ่งคือภูเขากั๋วยิ่นของชนเผ่าแรก ซึ่งถูกควบคุมโดยผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาแรก ไม่มีใครกล้ารุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของมัน

อีกหนึ่งคือภูเขาป๋ายเฟิงของเมิ่งฮ่าว ที่อยู่ในชนเผ่าที่เก้า ถึงแม้ผู้ฝึกตนลำดับขั้นทั้งหลายจะรู้ดีว่าเขามีตราประทับอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เขาต่อสู้กับหานชิงเหลยและจากนั้นก็เอาชนะหลินชงมาได้ ตำแหน่งของเขาก็มีความมั่นคงขึ้น ไม่มีใครในผู้ฝึกตนลำดับขั้นเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้

เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปจนกระทั่งผ่านไปอีกเจ็ดวัน ทันใดนั้นแสงอันไร้ขอบเขตก็พุ่งขึ้นมาจากภูเขาป๋ายเฟิง ภายในแสงนั้นเมิ่งฮ่าวกำลังลืมตาขึ้นมา ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืน และใช้มือขวาทำท่าคว้าจับออกไป ทำให้สามเปลวไฟลอยลงมาอยู่บนฝ่ามือของเขา และจากนั้นก็หายสาบสูญไป

สามตราประทับ, เก้าร้อยเต๋าอันยิ่งใหญ่, เก้าร้อยแก่นแท้ ข้อมูลทั้งหมดถูกเผาไหม้เข้าไปในจิตใจ ถึงแม้ว่าเขาไม่อาจจะใช้พวกมันออกมาได้จริงๆ แต่ความรู้สึกที่ทำได้สำเร็จก็ทำให้กลิ่นอายของเขาแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

เมิ่งฮ่าวมีท่าทางสง่างามมากกว่าก่อนหน้านี้ และขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่น ก็เหมือนกับว่าเขาได้เชื่อมต่ออยู่กับโลกแห่งนี้ทั้งหมด แสงเริ่มจางหายไป และเขาก็หลับตาลง

เมื่อลืมตาขึ้นมาใหม่หลังจากนั้น จู่ๆ เขาก็หยิบเอาผลเนี่ยผานลูกที่สองออกมา ดวงตาสาดประกายขึ้นขณะที่กดผลเนี่ยผานลงไปบนหน้าผาก

ในทันทีที่ผลเนี่ยผานสัมผัสโดนหน้าผากของเขา ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็กระจายเต็มอยู่ในจิตใจ เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังกึกก้องอยู่ในจิตใจ ทำให้รู้สึกราวกับว่าศีรษะของตนเองกำลังจะระเบิดออกมา เมิ่งฮ่าวเริ่มมีความสูงเพิ่มมากขึ้น ห้าจ้าง, แปดจ้าง, สิบจ้าง, สิบสามจ้าง…

ร่างกายเขาเริ่มฉีกขาดออกไป และความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็กระจายไปทั่วร่าง ไม่เหมือนกับครั้งล่าสุดที่เขาดูดซับผลเนี่ยผานลูกที่สองเข้าไปชั่วคราว ครั้งนี้ร่างกายเขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเซียน แต่อยู่ในอาณาจักรโบราณ!

กายเนื้ออาณาจักรโบราณของเขาสั่นสะท้านขณะที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้น จากตะเกียงวิญญาณทั้งเก้าดวงของเขา สองดวงถูกจุดติดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ดวงที่สามและสี่เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา และประจุไฟเล็กๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นในดวงที่ห้า

พลังกายเนื้อของเขาเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว!

จิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัวจนเกิดเป็นเสียงดังขึ้น และจากนั้นสายฟ้าก็เริ่มฟาดลงมาอยู่รอบๆ ตัวเขา ราวกับว่าสายฟ้ากำลังโห่ร้องชื่นชม!

พลังที่น่ากลัวกว่ากายเนื้ออาณาจักรโบราณของเขาเริ่มเกิดขึ้นมาอยู่ภายในร่าง

ในที่สุดเขาก็มีความสูงถึงยี่สิบจ้าง และดูคล้ายกับเป็นยักษ์ เขาเงยหน้าขึ้น พลังที่พุ่งขึ้นมาทำให้เกิดเป็นสายลมม้วนกวาดออกไปอย่างบ้าคลั่ง

กรรรรรร!

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่สายลมอันป่วนป่วนวุ่นวายพุ่งขึ้นมาอยู่ภายในร่าง ทำการฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆ แทบจะราวกับว่าเส้นลมปราณของเขากำลังถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง

ผลเนี่ยผานคล้ายกับเป็นกุญแจที่ปลดปล่อยพลังอันน่ากลัวที่อยู่ในสายโลหิตของเขาออกมา อีกครั้งที่ความผันผวนอันน่าตกใจเริ่มไหลผ่านเส้นโลหิตของเขาไป!

เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุด กำลังฉีกขาดออกอยู่ในตอนนี้ และจากนั้นก็ก่อตัวกลับเข้ามาใหม่จนกลายเป็นชีพจรเซียนเพียงจุดเดียว!

ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่หนึ่งชีพจรเซียนเท่านั้น แต่มันก็ก่อตัวเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นภาพวาด เป็นภาพวาดที่แสดงให้เห็นถึงเค้าโครงของวงจรที่สมบูรณ์!

พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และทุกๆ ลมหายใจของเขาก็ดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดเป็นเสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องออกมา ขณะที่เขาดูดเอาพลังของสวรรค์และปฐพีที่มีอยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมดเข้าไป

พลังเช่นนี้เป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่าอาณาจักรแห่งจักรพรรดิเซียนมากนัก

ภูเขาสั่นสะเทือน และพื้นดินก็สั่นไหวไปมา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในชนเผ่าที่เก้า จู่ๆ ก็รับรู้ได้ถึงพลังที่สะกดข่มอย่างน่าตกใจ ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้บนภูเขาป๋ายเฟิง

กลุ่มคนที่สามารถจะรับรู้ได้อย่างชัดเจนมากที่สุดคือศิษย์ของสำนักต่างๆ ในชนเผ่าที่เก้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจี้ยนเต้าจื่อ สีหน้ามันสลดลง ขณะที่ตนเองและผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมดของชนเผ่าที่เก้า มองขึ้นไปยังที่ห่างไกลด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง

ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวถูกห้อมล้อมด้วยสีฟ้า สีฟ้าเป็นตัวแทนของสวรรค์ทุกชั้นฟ้า! ทุกชั้นฟ้าหมายถึงไร้จุดสิ้นสุด!

แสงสีฟ้ากระจายออกไปจากร่างของเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ท้องฟ้าสั่นสะท้านและสายลมอันรุนแรงก็กรีดร้องระงม

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวสามารถจะอดทนได้ถึงยี่สิบลมหายใจ ก่อนที่ร่างกายจะสั่นสะท้าน และกระอักโลหิตออกมากองโต เขาถอยโซเซไปทางด้านหลังขณะที่ผลเนี่ยผานโผล่ออกมา และตกลงไปบนฝ่ามือของเขา

ถึงแม้ว่าตอนนี้เมิ่งฮ่าวจะมีท่าทางที่กระเซอะกระเซิง แต่ดวงตาก็ยังสาดประกายขึ้นมาด้วยความมั่นใจและตื่นเต้น

“การได้รับความรู้แจ้งของแก่นแท้ จะช่วยให้ข้าดูดซับผลเนี่ยผานลูกที่สองเข้าไปได้จริงๆ!”

“ตอนนี้ข้าเข้าใจเก้าร้อยแก่นแท้แล้ว ทำให้อยู่ในขั้นที่น่ากลัวได้ถึงยี่สิบลมหายใจ ซึ่งนานกว่าก่อนหน้านี้มากนัก จากการคิดคำนวณของข้า ถ้าสามารถได้รับความรู้แจ้งของสามพันแก่นแท้ ข้าก็น่าจะสามารถ…อยู่ในอาณาจักรเซียนทุกชั้นฟ้าได้ตลอดไป!”

ความหวังนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา

“นอกจากนั้น ในครั้งแรกที่ข้าพยายามจะดูดซับผลเนี่ยผานลูกที่สอง ทำให้ร่างกายต้องสูญเสียพลังไปอย่างมากมาย มากเสียจนข้าไม่อาจจะยืนอยู่ได้ แต่ตอนนี้…มันใช้พลังไปเพียงแค่สามในสิบส่วนเท่านั้น!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version