Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1109

ตอนที่ 1109

สงครามลำดับขั้นที่แท้จริงเริ่มขึ้น!

ขณะที่ผลเนี่ยผานตกลงไป เกราะป้องกันที่อยู่รอบๆ ภูเขาป๋ายเฟิงก็จางหายไป แต่แสงที่สาดประกายออกมาจากร่างของเมิ่งฮ่าวเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็ก้าวเดินออกมาจากภูเขา เหยียบย่างเข้าไปในอากาศ

สายลมโชยพัดมาที่ร่าง และถึงแม้ว่าเส้นผมของเขาจะลอยพลิ้วไปมา แต่กลิ่นอายก็ไม่ได้ลอยออกไปแม้แต่น้อย ราวกับว่าพลังที่เป็นของเมิ่งฮ่าว สายลมใดๆ ก็ไม่อาจจะมาแตะต้องสัมผัสได้ แต่พลังนั้นกลับมีอิทธิพลต่อโลกที่อยู่รอบๆ ตัวเขาทั้งหมด

“ข้าได้รับความรู้แจ้งจากสามตราประทับหมดแล้ว ถ้าต้องการจะดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไปอย่างสมบูรณ์…ข้าก็ต้องมีตราประทับเพิ่มขึ้นอีก!”

พลังเมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานขึ้นไป และความต้องการต่อสู้ของเขาก็ล้นทะลักออกมา ดวงตาแวบขึ้นคล้ายกับเป็นสายฟ้า ขณะที่พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

ขณะที่เขาออกไปจากชนเผ่าที่เก้า เป้าหมายของเขาคือสังหารไปตลอดเส้นทางจนเข้าไปสู่ชนเผ่าอื่น…เพื่อเอาชนะผู้ฝึกตนลำดับขั้นเหล่านั้น และหยิบเอาตราประทับของพวกมันมา!

เขาจะอาศัยโอกาสที่อยู่ในอาณาจักรสายลมนี้ฉกฉวยเอา…โชควาสนาอันยิ่งใหญ่มา เพื่อที่จะกลายเป็น…เซียนทุกชั้นฟ้า!

เขาจะกลายเป็นอันดับหนึ่งในลำดับขั้น!

ตูม!

เมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงพุ่งฝ่าท้องฟ้าด้วยเวลาที่น้อยกว่าธูปเผาไหม้หมดไปครึ่งดอก จากนั้นก็ไปหยุดอยู่ในกลางอากาศอย่างฉับพลัน และมองลงไปยังพื้นดิน

เขายังคงอยู่ในชนเผ่าที่เก้า และที่ด้านล่างเขาเพิ่งจะสังเกตเห็นเหมืองของหยกเซียนที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน ผู้ฝึกตนมนุษย์จากอาณาจักรขุนเขาทะเลยังคงอยู่ที่นั่น แต่มันไม่อาจจะมองเห็นเมิ่งฮ่าวได้ มีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถมองเห็นมันได้

บุรุษผู้นั้นติดหล่มอยู่ในความบ้าคลั่ง เสียสติไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นหยกเซียน ความรู้สึกที่ต้องการอย่างแรงกล้าจู่ๆ ก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ แต่เขาก็สะกดข่มมันไว้ในทันที

“ถึงข้าจะรักเงินทอง แต่ข้าก็เป็นเจ้านายของตนเอง ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งใดๆ มาควบคุมข้าได้!”

เขากล่าวเสียงราบเรียบ ขณะที่ทำการบดขยี้โซ่ตรวนที่มองไม่เห็น เสียงแตกร้าวก็ดูเหมือนว่าจะดังก้องอยู่ในจิตใจ เขาหมุนตัวไม่สนใจสิ่งทั้งหมดที่ด้านล่าง พุ่งจนหายลับตาไป

ในเจ็ดวันสุดท้ายที่เมิ่งฮ่าวได้รับความรู้แจ้งของตราประทับ ผู้ฝึกตนลำดับขั้นในส่วนอื่นๆ ของอาณาจักรสายลมต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายทั้งหมด ด้วยเหตุการณ์อันน่าตกใจที่เกิดขึ้นมานั้น

ผู้ฝึกตนลำดับขั้นของชนเผ่าแรกโจมตีไปยังชนเผ่าที่สอง เอาชนะผู้ฝึกตนลำดับขั้นในที่แห่งนั้นไปโดยสิ้นเชิง จนต้องยอมสละหนึ่งชีวิตของมันไปเพื่อให้หลบหนีจากไปได้ แน่นอนว่าตราประทับของชนเผ่าที่สองก็ไร้ผู้ปกป้องไปโดยสิ้นเชิง และถูกผู้ฝึกตนลำดับขั้นของชนเผ่าแรกนำไป โดยการทำลายเกราะป้องกันของภูเขากั๋วยิ่นไปทั้งหมดก่อนที่จะนำตราประทับนั้นไปได้

หลังจากนั้นผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากชนเผ่าที่ห้าและหกก็ต่อสู้กัน เป็นการต่อสู้ที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือนอย่างน่าตกใจ และผลลัพธ์ก็คือทั้งคู่ต่างได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ในช่วงวิกฤตนั้นเอง

ที่ผู้ฝึกตนลำดับขั้นของชนเผ่าแรกได้ปรากฏขึ้น มันไม่สนใจภูเขาของชนเผ่าที่สาม พุ่งผ่านตรงไปยังการต่อสู้ของผู้ฝึกตนลำดับขั้นทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันอยู่

การต่อสู้นั้นช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง และในที่สุด ชนเผ่าที่ห้าก็ถูกทำลายไปทั้งหมด ภูเขากั๋วยิ่นของพวกมันพังทลายลงมา และสุดท้ายผู้ฝึกตนลำดับขั้นทั้งสองจากชนเผ่าที่ห้าและหกก็พ่ายแพ้ไป และตราประทับของชนเผ่าที่ห้าก็ถูกนำไป

ไม่มีใครรู้ว่าผู้ฝึกตนลำดับขั้นของชนเผ่าที่ห้าถูกสังหารไปหรือไม่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นมันอีกหลังจากการต่อสู้นั้น ผู้ฝึกตนลำดับขั้นของชนเผ่าที่หกได้กลับไปยังภูเขากั๋วยิ่นของมันด้วยอาการบาดเจ็บอย่างสาหัส

หลังจากที่เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น ก็ดูเหมือนว่าผู้ฝึกตนลำดับขั้นของชนเผ่าแรกจะเป็นผู้ที่ไร้พ่าย สามารถจะกวาดล้างไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี ทำให้คนทั้งหมดต้องประหลาดใจไปตามๆ กัน

จากตราประทับทั้งเก้าของอาณาจักรสายลม ผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาแรกและเมิ่งฮ่าวต่างก็มีอยู่สามชิ้น ตราประทับที่เหลืออยู่ในชนเผ่าที่สาม, หกและเจ็ด

สงครามที่กระจายออกมาจากเขตตรงกลางไปยังสมาชิกลำดับขั้นต่างๆ เป็นช่วงเวลาที่เมิ่งฮ่าวเดินทางไปถึงชนเผ่าที่แปด

เขาไม่ได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย เร่งความเร็วพุ่งฝ่าอากาศไปราวกับเป็นดาวตก พุ่งผ่านชนเผ่าที่แปดขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังชนเผ่าที่เจ็ด กลิ่นอายของเขาพุ่งขึ้นไปด้วยความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

ไม่นานนักเขาก็บรรลุถึงชนเผ่าที่เจ็ด และเมื่อพุ่งผ่านเข้าไป แรงกดดันอันเข้มข้นก็ม้วนตัวออกมาจากภูเขากั๋วยิ่นของพวกมัน

แหล่งที่มาก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นผู้ฝึกตนลำดับขั้นของชนเผ่าที่เจ็ด อวี่เหวินเจียน บุรุษหนุ่มที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่ากลัวอย่างน่าเหลือเชื่อ

ตอนนี้มันกำลังยืนอยู่บนยอดเขา กำมือไปที่ด้ามจับของหอกยาว มองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยแสงแห่งความมุ่งหวัง ที่สาดประกายออกมาจากดวงตา

“เหวินโหม่วไม่ใช่คนที่จะนั่งรอคอยให้มีใครมาต่อสู้ด้วย”

มันกล่าวเสียงราบเรียบ เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยกเลิกการปกป้องภูเขากั๋วยิ่น ขณะที่บินตรงไปยังทิศทางของเมิ่งฮ่าว

ทั่วทั้งชนเผ่าที่เจ็ดสั่นสะท้านขึ้นมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวและอวี่เหวินเจียนพุ่งผ่านท้องฟ้าเข้าหากัน!

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นอวี่เหวินเจียน เขาไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย แต่กลับเร่งความเร็วขึ้นและเตรียมตัวโจมตีไป

เมื่ออวี่เหวินเจียนมองเห็นเมิ่งฮ่าว มันก็แค่นเสียงเย็นชา กลิ่นอายอันน่ากลัวของมันระเบิดออกไปในท้องฟ้า และเหมือนกับเมิ่งฮ่าว มันไม่ได้ออมมือไว้แม้แต่น้อย กลับเร่งความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

ในชั่วพริบตาคนทั้งสองก็ปะทะกันกลางอากาศเหนือชนเผ่าที่เจ็ด

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป และทุกสรรพสิ่งก็สั่นสะเทือน รอยแตกร้าวขนาดใหญ่กระจายออกไปในท้องฟ้าระหว่างคนทั้งสอง และระลอกคลื่นขนาดใหญ่ก็ระเบิดออกมา

“เมิ่งฮ่าว!” อวี่เหวินเจียนแผดร้องขึ้น ลอยกลับไปทางด้านหลัง กระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา ทั่วทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยความต้องการต่อสู้ มันยกหอกยาวขึ้นมา จนเกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ขณะที่วิญญาณนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาอย่างฉับพลัน มีท่าทางดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ

“บิดาคืออวี่เหวินเจียน เป็นผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาที่เจ็ด! เมิ่งฮ่าว, เจ้ากล้าที่จะวางเดิมพันกับข้าหรือไม่? ถ้าเจ้าชนะ ข้าไม่เพียงแต่จะส่งมอบตราประทับของชนเผ่าที่เจ็ดให้เท่านั้น แต่ข้าจะช่วยเหลือเจ้าด้วย! แต่มีเงื่อนไขว่าเมื่อเจ้าต่อสู้กับข้า

ถ้าเจ้าพ่ายแพ้ ก็ต้องส่งมอบหนึ่งในสามตราประทับของเจ้าให้กับข้า!” เสียงของอวี่เหวินเจียนดังก้องไปมา และมันก็ก้าวเท้าตรงไป บรรยากาศสะกดข่มที่อยู่รอบๆ ตัวมันกระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมิ่งฮ่าวก็เริ่มเดินตรงไปด้วยเช่นกัน ดวงตาสาดประกายขึ้น จากการปะทะกันในครั้งแรกเมื่อครู่นี้ เมิ่งฮ่าวสามารถบอกได้ในทันทีว่ากายเนื้อของอวี่เหวินเจียนน่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับของเขา

“ผู้ฝึกตนกายเนื้อ!” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้าขึ้น เขามีกายเนื้ออาณาจักรโบราณ แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนกายเนื้อที่แท้จริง จริงๆ แล้วผู้ฝึกตนกายเนื้อที่แท้จริงซึ่งเขาเคยพบเห็นมาก็มีเพียงผู้ฝึกตนอสูรร่างกำยำเท่านั้น อย่างไรก็ตามบุรุษผู้นั้นก็เป็นแค่มือสมัครเล่น และไม่อาจจะถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงในแง่ของการฝึกฝนร่างกาย

แต่ตอนนี้…เมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้ได้ว่าอวี่เหวินเจียนคือผู้ฝึกตนกายเนื้อที่แท้จริง!

เมื่อมองไปยังมัน เขาสามารถจะมองเห็นแสงสีแดงจางๆ กระจายออกมาจากร่างของอวี่เหวินเจียน “มันต้องอาบไล้อยู่ในโลหิตแห่งเทพมาก่อน!” เมิ่งฮ่าวคิด

“เจ้ากล้าหรือไม่?” อวี่เหวินเจียนถาม ด้วยเสียงที่ดังก้องออกไป ยกหอกตวัดขึ้นมาที่เบื้องหน้า ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น อากาศสั่นสะเทือน และดูเหมือนว่าแทบจะแตกกระจายออกไปได้ทุกเมื่อ ขณะที่พลังอันมหาศาลพุ่งขึ้นมาจากร่างของอวี่เหวินเจียน

มันยืนอยู่ที่นั่นคล้ายกับเป็นนักรบเทพ กระจายความต้องการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งออกมา

“ข้ามีข้อเสนอที่ดีกว่าเดิมพันของเจ้า สำหรับคำท้าประลองนั้น…ข้าจะไม่รับได้อย่างไร!?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ กำมือขวาเป็นหมัดจนแน่นและจากนั้นก็ต่อยออกไป

หมัดของเขาและหอกของอวี่เหวินเจียนแทบจะกระแทกเข้าหากันในทันที และเสียงระเบิดที่เสียดแทงแก้วหูก็ดังก้องออกมา หอกได้รับแรงสะท้อนและเบี่ยงเบนออกไปด้านข้าง อวี่เหวินเจียนถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก เมื่อมันเงยหน้ามองขึ้นไป ก็ยิ่งมีสีหน้าที่บ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม มันโยนหอกไปทางด้านข้าง เลียโลหิตออกไปจากริมฝีปาก และจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเจ้าเด็กน้อยหานชิงเหลยถึงไม่ใช่คู่มือเจ้า และเจ้าก็ยังทำให้หลินชงที่บอบบางต้องพ่ายแพ้ไปอีกด้วย เจ้าแข็งแกร่ง เมิ่งฮ่าว แต่…ข้าแข็งแกร่งกว่า!”

“เจ้าคิดว่าหลินชงคือผู้แข็งแกร่งอันดับสอง รองจากผู้ฝึกตนลำดับขั้นเต้าเทียน (เต๋าสวรรค์) แห่งขุนเขาแรกจริงๆ?”

“อันดับนั้นถูกทำขึ้นมาเมื่อสามสิบปีก่อน และนอกจากนี้ การอยู่ในลำดับขั้นจำเป็นต้องค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องของตนเองให้พบ ความแตกต่างในพลังระหว่างพวกเราเหล่าสมาชิกช่างกว้างใหญ่นัก ในครั้งนั้นข้าอาจจะสู้กับหลินชงไม่ได้ แต่ตอนนี้…ข้าสามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย!”

“แม้แต่ตำแหน่งเต้าเทียน (เต๋าสวรรค์) ของผู้ฝึกตนลำดับขั้นอันดับหนึ่งที่แข็งแกร่งมากที่สุด…ก็เป็นแค่ตำแหน่งเท่านั้น! มันไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งมากที่สุด!”

อวี่เหวินเจียนหัวเราะออกมา และความต้องการต่อสู้ของมันก็พุ่งขึ้นไป จากนั้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับภาพอันเลือนราง ฟาดฝ่ามือออกมาอย่างดุร้าย

ขณะที่ฝ่ามือแหวกฝ่าอากาศมา เสียงระเบิดก็ดังก้องออกไป อากาศรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวบิดเบี้ยวไปมา ราวกับว่าพลังจากทั่วทุกทิศทางกำลังถูกดูดเข้าไปในฝ่ามือที่ฟาดมาของอวี่เหวินเจียน

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ผงะถอยไปทางด้านหลัง เขาเดินตรงไป ปลดปล่อยเจ็ดก้าวเทพออกมา แต่ในตอนนั้นเองที่อวี่เหวินเจียนยิ้มอย่างดุร้ายออกมา แหงนหน้าขึ้นและร้องตวาดว่า

“ผนึกเวท!” เสียงแผดร้องของมันทำให้ท้องฟ้าสั่นสะท้าน พลังของเครื่องหมายผนึกตกลงมา ไม่ได้ตรงไปยังเมิ่งฮ่าว แต่เป็นพื้นที่รอบๆ ตัวเขา

เครื่องหมายผนึกเหล่านั้นกลายเป็นกรงขังไป

โดยมีเมิ่งฮ่าวและอวี่เหวินเจียนติดอยู่ด้านใน อย่างไรก็ตามเนื่องมาจากกรงขังนั้น ทำให้  เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะใช้เจ็ดก้าวเทพ เพื่อยืมพลังจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้

“ข้าเตรียมพร้อมสำหรับเวทแห่งเต๋านั้นแล้ว!” อวี่เหวินเจียนหัวเราะ ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง

มันแผดร้องออกมา และจู่ๆ ร่างกายก็มีขนาดใหญ่มากขึ้น ในชั่วพริบตามันก็มีขนาดเป็นสองเท่าจากก่อนหน้านี้ และเท่าที่เห็นพลังจากกายเนื้อของมันครึ่งหนึ่ง ได้เข้าไปอยู่ในแขนขวาของมันแล้วในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามันมีความแตกต่างไปจากเมื่อครู่นี้ และขณะที่มันควงแขนขวาไปมา พลังอันน่าตกใจก็ปะทุขึ้น

ลมปราณและโลหิตของมันส่งเสียงดังกระหึ่ม และใครก็ตามที่มีความรู้สึกไวต่อกลิ่นอาย ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปไกล ก็สามารถจะรับรู้ได้ถึงแสงสีโลหิตที่พุ่งขึ้นมาจากร่างกายมัน คล้ายกับเป็นตะเกียงที่เจิดจ้าอยู่ในท่ามกลางยามราตรีอันมืดมิด!

“ตาย!” มันร้องตวาดขึ้นขณะที่พุ่งหมัดออกไปด้วยพลังที่ดูเหมือนว่า สามารถจะทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือนไป!

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่ง การทำให้ตนเองเป็นอิสระออกมาจากกรงขังนี้ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนกายเนื้อที่แท้จริงเช่นอวี่เหวินเจียน ทำให้ความต้องการต่อสู้ของเขาเดือดพล่านขึ้นมามากกว่าครั้งใดๆ

ขณะที่อวี่เหวินเจียนใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวก็กำมือเป็นหมัดและพุ่งทะยานตรงไป ทันใดนั้นกลิ่นอายที่ดูเหมือนว่าสามารถจะทำลายสวรรค์ และกำจัดสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไปก็กระจายออกมา

นี่คือพลังแห่งการทำลายล้างที่มารวมตัวกันอยู่ในหมัดของเมิ่งฮ่าว เพื่อสร้างเป็น…พลังแห่งการทำลายล้างชีวิตที่แท้จริง!

หมัดทำลายล้างชีวิต!

อากาศรอบๆ ตัวคนทั้งสองแตกกระจายไป ขณะที่มองเห็นสองลำแสงพุ่งฝ่าอากาศตรงเข้าหากัน จากนั้นหมัดของเมิ่งฮ่าวก็ปะทะเข้ากับพลังกายเนื้อของอวี่เหวินเจียน และเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกไป

ตูมมมมมมม!

สวรรค์แตกกระจายปฐพีพังทลายลงไป ทุกสรรพสิ่งสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านร่างเมิ่งฮ่าวไป ขณะที่เขาถอยไปทางด้านหลังสิบกว่าก้าว พลังอันน่าตกใจจากผู้ฝึกตนกายเนื้ออวี่เหวินเจียนทำให้เขาสั่นไปทั้งร่างและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกล้ำ แต่ความต้องการต่อสู้ก็ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของอวี่เหวินเจียน ขณะที่มันโซเซถอยไปทางด้านหลังหลายร้อยจ้าง เมื่อมันมองขึ้นมา เจตจำนงแห่งการต่อสู้อันไร้พ่ายก็มองเห็นได้จากในแววตา

มันแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา

“ช่างเบิกบานใจนัก! เมิ่งฮ่าว มาดูกันว่าเจ้าจะสามารถรับหมัดที่สองของเหวินโหม่วได้หรือไม่ ถ้าเจ้ายังรอดอยู่ได้ ข้าก็จะให้เจ้ายืมตราประทับของข้าเพื่อได้รับความรู้แจ้ง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version