Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1156

ตอนที่ 1156

เหรียญหยกเปื้อนเลือด

ชายชรารู้สึกขัดแย้งอยู่ภายในใจ อีกด้านหนึ่งมันรู้สึกละโมบอยากได้อย่างลึกล้ำ แต่อีกด้าน ความเป็นมาของเมิ่งฮ่าวทำให้มันรู้สึกสองจิตสองใจ และสะกดข่มความโลภนั้นไว้ หลังจากที่คิดไปมาอยู่หลายตลบ ฉับพลันนั้นดวงตามันก็สาดประกายขึ้น และมองออกไปที่ด้านนอกอาคาร

ในตอนนี้ผู้ฝึกตนชุดแดงอยู่ที่นั่น ก้มศีรษะลงต่ำพร้อมกับประสานมือขึ้นมา

“ท่านปรมาจารย์ ตอนนี้เป้าหมายกำลังเดินทางไปยังการประมูล ดูเหมือนว่ามันคิดจะไปเข้าร่วมด้วย”

ดวงตาของชายชราสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ลุกขึ้นมายืน จากนั้นก็เดินออกไปจากอาคาร มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของการประมูล ห้อมล้อมไว้ด้วยผู้ฝึกตนชุดแดงสี่คน ซึ่งต่างก็มีสีหน้าที่ดุร้ายและกระจายรังสีสังหารออกมา

“ไม่สำคัญว่าเจ้าเป็นใครหรือว่ามาจากไหน ถ้าเจ้ามีหยกเซียนน้อยกว่าหนึ่งล้านชิ้น ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป จนกระทั่งข้ารู้ความเป็นมาของเจ้ามากกว่านี้ ข้าก็จะไม่แตะต้องเจ้า…” เมื่อตัดสินใจที่จะไปสังเกตดูเมิ่งฮ่าวให้มากกว่านี้ ดวงตาของชายชราก็แวบขึ้น

เหมือนกับที่ผู้ฝึกตนชุดแดงได้กล่าวไว้ เมิ่งฮ่าวเสร็จสิ้นการซื้อของอย่างสนุกสนานในร้านค้าและพ่อค้าหาบเร่แผงลอย และตอนนี้มาอยู่ในอาคารประมูลตรงจุดกึ่งกลางของตลาด เขายืนอยู่ที่ด้านข้าง มองตรงไปยังเวทีหลักและสิ่งของที่กำลังนำมาประมูล มีผู้คนไม่มากนักที่กำลังร้องตะโกนเสนอราคากันอยู่ มีเงาร่างในชุดสีแดงม่วงอยู่ในบริเวณนั้นไม่มากนัก กำลังติดตามดูการประมูลอยู่ และมีท่าทางข่มขู่คุกคามเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีใครมาฉ้อโกงในการประมูลนี้ได้ และใครก็ตามที่ทำการประมูลต้องสามารถซื้อตามราคาที่เสนอออกมาได้ ถ้ามีใครพยายามจะสร้างปัญหาก็จะเสี่ยงกับการโดนขับไล่ และถูกสังหารไปโดยกองกำลังของตลาดเมฆาสวรรค์

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ยืนดูอยู่ที่นั่น ผู้คนในบริเวณนั้นแทบจะสังเกตเห็นเขาได้ในทันที และเห็นได้ชัดว่ากำลังรู้สึกตื่นเต้นกัน เริ่มมีคำพูดแพร่กระจายออกไป ในที่สุดคนทั้งหมดในอาคารประมูลก็เริ่มรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของเขา

นอกจากนั้นการที่อยู่ในตลาดด้วยช่วงเวลาสั้นๆ แค่ครึ่งวันเท่านั้น แต่เขาก็ซื้อไปแล้วเกือบสามในสิบส่วนของสินค้าที่วางขายอยู่ทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าเขาร่ำรวยอย่างน่าเหลือเชื่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ โดยเฉพาะผู้ฝึกตนหญิงสาว เมื่อไหร่ที่พวกนางมองดูเขา ดวงตาก็จะเปล่งประกายขึ้น และพยายามทำตัวให้ดูน่ารักมากที่สุด เห็นได้ชัดว่าพวกนางหวังว่าจะเป็นที่สนใจของเขา และมีโอกาสที่จะกลายเป็นคนรวยขึ้นมาอย่างฉับพลัน

มีอยู่น้อยคนมากที่คิดว่าเขาดูคุ้นตา หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ดวงตาพวกมันก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อตระหนักว่าเขาคือใคร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ดำเนินประมูลอยู่นั้น มันจ้องมองมาที่เขาเป็นระยะ และให้ความสนใจต่อเขาเป็นพิเศษอย่างช่วยไม่ได้

ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่สนใจต่อความวุ่นวายเหล่านี้ ขณะที่เดินไปที่นั่นด้วยความเยือกเย็น แต่ภายในใจกลับรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

“ทำไมพวกมันยังไม่มาอีก? ช่างแปลกจริงๆ พวกมันติดตามข้ามานาน ไปมาอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่กลับไปรายงาน พวกมันน่าจะบอกรายละเอียดกับใครบางคนได้แล้ว”

“หรือว่าคนเหล่านี้ไม่เชี่ยวชาญในการปล้นชิง?” เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาไม่มีเวลามากพอที่จะนั่งรอไปเรื่อยๆ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก็ได้ข้อสรุปว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขายังไม่ได้ออกไปจากตลาด ทำให้กลุ่มคนที่แอบติดตามเขาไม่สะดวกที่จะลงมือ…

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าควรจะไปได้แล้ว เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้พวกมันบ้าง” เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขากำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นผู้ดำเนินการประมูลก็หยิบเอาถาดหยกชูสูงขึ้นมา

“สหายเต๋าทั้งหลาย ของประมูลชิ้นต่อไปมีความเป็นมาอันลี้ลับ” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ “เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดของพวกเรายังคงเป็นสถานที่อันรุ่งเรือง และด้วยเป้าหมายที่จะทำให้อาคารประมูลของพวกเรามีชื่อเสียงขึ้นมา ท่านปรมาจารย์เทียนอวิ๋นจึงตัดสินใจที่จะนำเสนอหนึ่งในมรดกที่หายากมากที่สุดของท่านขึ้นมา!”

“ซึ่งก็คือเหรียญหยก ที่ไม่ได้มาจากขุนเขาทะเลที่เก้า แต่เหรียญนี้มาจากขุนเขาทะเลที่แปด ด้านหนึ่งถูกแกะสลักเป็นภาพสายฟ้า และอีกด้านมีตัวอักษรเมิ่ง (孟) อยู่ จากการตรวจสอบของปรมาจารย์พวกเรา นี่คือ…เหรียญคำสั่งที่เป็นของสมาชิกตระกูลเมิ่งแห่งขุนเขาทะเลที่แปด ถึงแม้ไม่อาจจะบอกได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นของใคร แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันต้องมีศักดิ์ฐานะที่สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง!”

“พวกเรารู้ได้อย่างไร? เป็นเพราะว่าเหรียญนี้ แม้จะเป็นของวิเศษอาณาจักรโบราณ แต่ก็แปดเปื้อนไปด้วยโลหิต ผนึกมันไว้โดยสิ้นเชิง เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามันสามารถจะปลดปล่อยพลังของอาณาจักรเซียนออกมาได้เท่านั้น…”

“ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ของพวกเราไม่อาจจะปลดผนึกนั้นออกมาได้ แต่ก็มีผู้แข็งแกร่งอยู่มากมายในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้ ต้องมีใครบางคนสามารถจะปลดผนึกมันได้อย่างแน่นอน!”

มันถือเหรียญหยกด้วยมือขวายกชูสูงขึ้น และเหรียญนั้นก็เปล่งประกายเป็นสีเขียวออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ราวกับว่ามันอาจจะทำให้เกิดเป็นสายฟ้าสีเขียวพุ่งขึ้นมาจากแสงที่กระจายออกมาจากเหรียญหยกนั้น

ถึงแม้จะดูเหมือนว่าความรู้สึกอันน่าเหลือเชื่อที่กระจายออกมาจากเหรียญนั้น จะเป็นแค่อาณาจักรเซียนเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ถือได้ว่าเหรียญหยกนั้นเป็นของวิเศษที่ล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียนใดๆ ก็ตาม

ยังมีรอยแผลยาวลึกอยู่บนพื้นผิวของเหรียญหยกนั้นอีกด้วย ซึ่งได้กลายเป็นสีม่วงคล้ำไปแล้ว ราวกับว่ามันเต็มไปด้วยโลหิตที่แห้งเกรอะกรัง ทำให้เกิดเป็นภาพรวมที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

“ราคาประมูลเริ่มต้นสำหรับของสิ่งนี้คือ แปดล้านหินลมปราณ!” ผู้ดำเนินการประมูลร้องตะโกนออกมาเป็นเสียงดัง

เดิมทีเมิ่งฮ่าวตั้งใจจะจากไปแล้ว แต่ก็ต้องหยุดลงและมองไปยังเหรียญหยกนั้น คลื่นแห่งความตกใจขนาดใหญ่กระแทกเข้ามาในจิตใจเขาอย่างฉับพลัน

ขณะที่มองไปยังเหรียญหยก เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจออกมา เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าจะต้องมาพบเจอกับสิ่งของเช่นนี้ในตลาดแห่งนี้?!?!

เป็นที่แน่ใจได้ว่ามันคือเหรียญคำสั่งของตระกูลเมิ่งแห่งขุนเขาทะเลที่แปด ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่เหรียญคำสั่งของคนในตระกูลทั่วไป ทันใดนั้นเองที่เมิ่งฮ่าวต้องนึกย้อนไปถึงใบหน้าของชายชรา เป็นชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างฟางเหยียเยี่ย (ท่านปู่ฟาง) ที่ใจสลาย เมื่อเขาต้องพบเจอกับทัณฑ์ทรมานปีที่เจ็ดในครั้งแรกของตนเอง

ชายชราผู้นั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างใด ท่านคือเมิ่งไว่กง (ท่านตาเมิ่ง) ของเขาเอง!

ท่านคือผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเมิ่งแห่งขุนเขาทะเลที่แปด!

เมิ่งฮ่าวยังจำได้ถึงตอนที่ตนเองเป็นเด็กกำลังเล่นเหรียญคำสั่งของท่าน เป็นเหรียญที่ดูเหมือนกับเหรียญบนเวทีการประมูลในตอนนี้โดยสิ้นเชิง!

เมิ่งฮ่าวกำลังหอบหายใจออกมา และจิตใจก็หมุนคว้าง เขาไม่เคยลืมว่าท่านปู่ท่านตาได้จากไปเพื่อค้นหาบุคคลภายนอกมาช่วยเหลือเขา ซึ่งในที่สุดบุคคลภายนอกก็มาถึง และอธิบายกับบิดามารดาเมิ่งฮ่าวในสิ่งที่พวกท่านจำเป็นต้องทำ

แต่ฟางเหยียเยี่ยและเมิ่งไว่กง…ไม่เคยกลับมาอีกเลย

เมิ่งฮ่าวไม่มีทางจะลืมเรื่องเหล่านั้นไปได้ และมักจะหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาสามารถค้นหาพวกท่านพบ หรืออย่างน้อยก็ได้ร่องรอยบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อในอดีต

ตอนนี้เมื่อมองไปยังเหรียญหยก เขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างเข้มข้นว่า…มันคือเหรียญคำสั่งของเมิ่งไว่กงอย่างแน่นอน

ความคิดเช่นนั้นทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน เขาไม่รู้ว่าโลหิตที่เปื้อนเหรียญหยกนี้เป็นของใคร แต่ก็ทำให้เขาต้องวิตกต่อท่านตาขึ้นมาอย่างรุนแรง

“ห้าสิบล้านหินลมปราณ!” เมิ่งฮ่าวร้องตะโกนออกมา ด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวจนเพียงพอที่จะตัดตะปูเฉือนเหล็กกล้าได้ “มอบเหรียญนั้นมาให้ข้า!”

ในทันทีที่เขาพูดจบ ความเงียบกริบก็ปกคลุมไปในทั่วในอากาศ คนอื่นๆ ที่กำลังจะร้องตะโกนบอกราคาไปในตอนแรกต่างก็อ้าปากค้าง จากนั้นก็หุบปากลง และไม่ยอมเสนอราคาใดๆ ออกไปอีก แต่ละคนเริ่มหันหน้ามองมายังเมิ่งฮ่าวกันทั้งหมด

แม้แต่ผู้ดำเนินการประมูลก็ยังต้องจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง ในความคิดของมัน เหรียญหยกนี้มีค่าไม่น่าจะมากไปกว่าสามสิบล้านหินลมปราณ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเมิ่งฮ่าวจะร้องตะโกนแจ้งราคาออกมาถึงห้าสิบล้าน

“อืม…มีสหายเต๋าท่านใดต้องการจะเสนอราคาอีกหรือไม่?” มันถามโดยที่ไม่ต้องขบคิดใดๆ ไม่มีใครตอบรับ ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดต่างก็ตกใจกลัวต่อราคาที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะประกาศออกไป

ผู้ดำเนินการประมูลกลืนน้ำลายลงด้วยความยากเย็นและกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ของชิ้นนี้จะ…”

มันกำลังจากเคาะค้อนของผู้ดำเนินการประมูลลงไป แต่ทันใดนั้นเอง…

“ข้าเสนอราคาหนึ่งร้อยล้านหินลมปราณ” เสียงเก่าแก่โบราณดังก้องออกมา ราวกับว่าดังมาจากสวรรค์ที่ด้านบน คนทั้งหมดหันหน้าไปเห็นชายชราผู้หนึ่งก้าวเนิบนาบเข้ามาในอาคารการประมูล ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ฝึกตนชุดแดงสี่คน

มีรอยด่างสีน้ำตาลอยู่บนใบหน้าของชายชรา และดูเหมือนว่ามันจะดูน่ากลัวโดยที่ไม่ต้องทำท่ามีโทสะ พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในอาณาจักรโบราณขั้นสุดท้าย และแทบจะดูเหมือนว่าเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อม ภาพที่มันปรากฏขึ้นมาอย่างกระทันหันนี้ ทำให้ผู้ฝึกตนในบริเวณนั้นทั้งหมดตกตะลึงขึ้น

“นั่นคือเทียนฟงซ่างเหริน!!” (ผู้สูงส่งวาตะสวรรค์)

“มันเป็นศิษย์น้องของเทียนอวิ๋นซ่างเหริน หนึ่งในปรมาจารย์ของตลาดเมฆาสวรรค์!!”

“มันมาทำอะไรที่นี่? ทำไมถึงต้องมาประมูลด้วย? หนึ่งร้อยล้าน…เป็นไปได้หรือไม่ว่าเหรียญหยกนี้มีพลังหรือความสามารถอันน่าตกใจ?!” กลุ่มฝูงชนตกอยู่ในความปั่นป่วนขึ้นมาในทันที ผู้ดำเนินการประมูลจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง และหุบปากลงในทันที แทนที่จะทุบค้อนของมันลงไป มันกลับประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเทียนฟงซ่างเหรินด้วยความนับถือ

ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น ผู้ฝึกตนชุดแดงทั้งหมด รวมทั้งผู้เข้าร่วมการประมูลคนอื่นๆ ต่างก็ประสานมือและโค้งตัวลงเพื่อต้อนรับ

เทียนฟงซ่างเหรินยิ้มและพยักหน้าให้ จากนั้นก็หันไปมองยังเมิ่งฮ่าว ด้วยสีหน้าที่มีเมตตาและรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย เมื่อมันมองมายังเขาก็รู้สึกว่าเขาดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง และจิตใจก็เริ่มเต้นรัว จากนั้นดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อฉับพลันนั้นมันก็ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวคือใคร

แต่จากนั้นมันก็แสร้งเป็นไม่รู้จักเขา “สหายน้อย เหล่าฟูต้องขออภัยด้วยความจริงใจ ศิษย์พี่ข้าบังเอิญส่งของชิ้นนี้มาประมูลด้วยความไม่ตั้งใจ มันไม่ควรจะถูกนำมาขาย แต่ชื่อเสียงของตลาดเมฆาสวรรค์ก็เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ดังนั้นแทนที่จะยกเลิกการประมูล เหล่าฟูจะซื้อมันไว้เอง หวังว่าท่านจะเข้าใจ สหายน้อย”

เมื่อได้ยินคำพูดของมัน คนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็แอบหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผล แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นเจ้าของอาคารการประมูลแห่งนี้ ก็หมายความว่ามันสามารถจะเสนอราคาเท่าไหร่ก็ได้ตามที่มันต้องการ

สายตาเมิ่งฮ่าวเย็นชาลง หลังจากที่มองไปยังชายชราอยู่ชั่วขณะ เขาก็ไม่สนใจมันโดยสิ้นเชิงและกล่าวว่า “หนึ่งแสนหยกเซียน”

คำพูดของเขาทำให้คนทั้งหมดต้องอ้าปากค้างขึ้น หนึ่งแสนหยกเซียนเทียบเท่ากับหินลมปราณหนึ่งพันล้านก้อน ด้วยจำนวนเช่นนั้นจึงทำให้คนทั้งหมดเริ่มหอบหายใจออกมา ถึงแม้พวกมันจะรู้ว่าเมิ่งฮ่าวร่ำรวย แต่เมื่อได้ยินเขากล่าวเป็นตัวเลขเช่นนั้นออกมา ก็ทำให้พวกมันตกตะลึงไปตามๆ กัน

เทียนฟงซ่างเหรินสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ แต่ก็แสร้งทำเป็นเยือกเย็นและกล่าวว่า “พวกเราไม่อาจจะขายให้กับท่านได้ สหายน้อย เหล่าฟูขอเสนอหยกเซียนมากกว่าท่านหนึ่งเท่าตัว”

“ห้าแสนหยกเซียน” เมิ่งฮ่าวกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

“สหายน้อย โปรดอย่าได้สร้างปัญหา…”

“หนึ่งล้านหยกเซียน” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเย็นชา โบกสะบัดชายแขนเสื้อและโคจรพื้นฐานฝึกตน “ส่งมอบเหรียญนั้นมาให้ข้า!”

เสียงของเขาเย็นชาราวกับเป็นสายลมแห่งน้ำแข็งที่พัดมาจากทั่วทุกทิศทาง ทำให้คนทั้งหมดรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นในทันที อย่างไรก็ตามแม้ในขณะที่พวกมันเย็นลงไปมากขึ้น พวกมันก็ยังคงตกใจต่อราคาที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะพูดออกไป

“หนึ่งล้านหยกเซียน…นั่นเท่ากับหินลมปราณหนึ่งหมื่นล้านก้อน…สวรรค์! นั่นเป็นเหรียญหยกอะไรกัน!?!?”

“บ้าไปแล้ว! พวกเราทั้งหมดคงบ้าไปแล้ว…”

ขณะที่กลุ่มฝูงชนระเบิดเป็นเสียงอึกทึกขึ้น จิตใจเทียนฟงซ่างเหรินก็เต้นรัว และเริ่มหอบหายใจออกมา ยิ่งมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวมากเท่าใด ก็ยิ่งไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้มากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดดวงตาของมันก็กลายเป็นสีแดงก่ำไป

“ตลาดเมฆาสวรรค์ไม่ยอมให้มีการฉ้อโกงเกิดขึ้นในช่วงของการประมูล!” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง เพื่อตอบรับคำพูดของมัน เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้หยกเซียนชิ้นแล้วชิ้นเล่าลอยออกไป ในชั่วพริบตา ภูเขาหยกเซียนหนึ่งล้านชิ้นก็กองสูงขึ้นไปอยู่ที่ด้านข้าง

ภูเขาที่กองสูงอยู่นั้นทำให้คนทั้งหมดจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด จิตใจพวกมันว่างเปล่า เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มดังก้อง

ในทันทีที่หยกเซียนปรากฏขึ้น ร่างเมิ่งฮ่าวก็แวบตรงไปยังเวทีหลัก ยื่นมือออกไปคว้าจับเหรียญหยกจากผู้ดำเนินการประมูล

แต่ในตอนนี้เอง ที่เทียนฟงซ่างเหรินซึ่งมีดวงตาที่แดงก่ำ จู่ๆ ก็บินขึ้นไปในอากาศและไปยืนขวางทางเขาไว้ จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “สิบล้านหยกเซียน และเจ้าก็จะได้มันไป!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version