Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1234

ตอนที่ 1234

สุนัขป่าตะกละปรากฏร่าง

เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ พุ่งเข้าไปในอาณาเขตของสามสิบสามนรก โดยมีเสวียนเต้าจื่อและหงเฉินไล่ติดตามมาอย่างเร่งร้อน ในที่สุดคนทั้งสามก็พุ่งผ่านเขตพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับรอยแยก ซึ่งมีกลิ่นอายแห่งความตายไหลซึมออกมา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเย็นชา เขาเลือกที่จะผ่านเข้าไปในเขตพื้นที่อันร้ายแรงนี้ และด้วยเช่นนั้นจึงเตรียมตัวสำหรับธรรมชาติอันน่ากลัวที่อยู่ในบริเวณนั้นแล้ว หลังจากที่มองไปรอบๆ ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าใดนัก แต่ก็ดูเหมือนว่าสามารถจะผ่านเข้าไปได้เพียงแค่สี่หรือห้าจากสามสิบสามรอยแตกที่กำลังเรืองแสงอยู่เท่านั้น เห็นได้ชัดว่ารอยแตกอื่นๆ ยังไม่เปิดออกมา
แต่แววตาเมิ่งฮ่าวก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ขณะที่พุ่งตรงไปยังรอยแตกที่เปิดออกซึ่งอยู่ใกล้มากที่สุด
แทบจะราวกับว่ามีปากที่อ้ากว้างกำลังดูดกลืนสิ่งมีชีวิตเข้าไป และหายใจเอากลิ่นอายแห่งความตายออกมา ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ก็หายตัวไป
ที่ด้านหลัง เสวียนเต้าจื่อและหงเฉินกัดฟันแน่น ตามติดเข้าไปในทันที
ที่ห่างไกลออกไปมากกว่านั้นคือกลุ่มคนที่กำลังสั่นสะท้านแห่งตระกูลเมิ่ง พวกมันมีพื้นฐานฝึกตนอยู่แค่อาณาจักรเซียนเท่านั้น ดังนั้นเสาจู่ใดๆ ก็ตามที่มีสมองความคิด คงจะไม่ให้พวกมันมายุ่งเกี่ยวกับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าเป็นแน่
แต่เสาจู่แห่งตระกูลเมิ่งผู้นี้กลับออกคำสั่งอย่างชัดเจน ใครก็ตามที่ปฏิเสธจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง เมื่อพวกมันกลับไปถึงตระกูลแล้ว
ดังนั้นพวกมันจึงได้แต่กัดฟันแน่นยอมที่จะเสี่ยงชีวิตตนเองอย่างที่ไม่อาจจะเปลี่ยนใจได้ ดังนั้นพวกมันจึงบินเข้าไปในรอยแตกที่เรืองแสงด้วยดวงตาที่แดงก่ำและสีหน้าที่โศกเศร้าทีละคน
ไม่นานนักหลังจากที่คนทั้งหมดติดตามเมิ่งฮ่าวเข้าไปในสามสิบสามนรก กลุ่มโครงกระดูกสีขาวจู่ๆ ก็ส่งเสียงกระหึ่มดังมายังทิศทางนี้จากที่ห่างไกลออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว พวกมันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และในที่สุดก็มาหยุดอยู่ใกล้กับเรือตระกูลเมิ่ง เผยให้เห็นเป็นเงาร่างที่แทบจะมองไม่เห็นอยู่ด้านใน ทั้งหมดนั้นมีสีหน้าไร้ความรู้สึก และกระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา
เมื่อเสาจู่บนเรือตระกูลเมิ่งมองเห็นโครงกระดูกเหล่านั้น สีหน้ามันก็เปลี่ยนไป “หาน…หานชิงเหลย!!”
ชายชราที่ยืนอยู่ตรงด้านข้างก้าวเดินตรงมาเพื่อคอยปกป้อง และเกราะป้องกันของเรือก็พุ่งขึ้นมา คนทั้งสองมองไปยังโครงกระดูกและบุรุษหนุ่มชุดสีดำที่นั่งเอามือเท้าคางอยู่ในท่ามกลางโครงกระดูกด้วยความวิตกกังวล
นี่คือผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาที่แปด, หานชิงเหลย!
“ตระกูลเมิ่ง…” มันกล่าวขึ้นดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหาร ขณะที่มองไปยังเรือตระกูลเมิ่งก่อน และจากนั้นค่อยมองไปยังสามสิบสามนรก
“เมิ่งฮ่าวอยู่ไหน?” มันถามเสียงราบเรียบ จนดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง
เสาจู่ตระกูลเมิ่งเริ่มสั่นสะท้าน มันสามารถจะแสดงท่าทีอย่างดุร้ายต่อหน้ากลุ่มคนในตระกูลของมัน และแสดงท่าทีเย่อหยิ่งต่อหน้าเมิ่งฮ่าว เพราะว่ามันไม่รู้จักความแตกต่างระหว่างสวรรค์และปฐพี แต่เมื่อเป็นหานชิงเหลย จิตใจมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาในทันที
บุคคลที่กล่าวตอบหานชิงเหลยคือผู้พิทักษ์เต๋าของเสาจู่ผู้นั้น “เมิ่งฮ่าวเข้าไปในบริเวณนั้น” มันเป็นคนที่มีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง และตระหนักดีว่าไม่อาจจะประเมินหานชิงเหลยต่ำจนเกินไป มันยังรู้ดีถึงความเป็นศัตรูระหว่างหานชิงเหลยและตระกูลเมิ่งอีกด้วย
“การเปิดออกของสามสิบสามนรกในเบื้องต้น…” หานชิงเหลยขมวดคิ้วขณะที่ตรวจสอบดูรอยแตกที่เรืองแสงทั้งสามสิบสามแห่งเหล่านั้นอย่างละเอียด ในที่สุดความมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในแววตาของมัน ไม่สนใจเรือของตระกูลเมิ่งแม้แต่น้อย บังคับให้กองกระดูกลอยตรงไปยังสามสิบสามนรก
ผู้ติดตามของมันทั้งหมดกลายเป็นภาพเลือนรางไปอีกครั้ง ขณะที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัวมันพุ่งติดตามเข้าไป
เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วยามต่อมา มองเห็นลำแสงอันเจิดจ้าพุ่งฝ่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมายังสถานที่แห่งนี้มากขึ้น พวกมันเป็นผู้ฝึกตนแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์ที่ตามล่าเมิ่งฮ่าวมา แต่เมื่อพวกมันตระหนักว่าสามสิบสามนรกได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจขึ้น และแผ่นหยกก็ถูกหยิบออกมาเพื่อถ่ายทอดข้อความไปยังสำนักของพวกมัน
ไม่นานนักข่าวคราวอันน่าตกใจก็กระจายออกไปทั่วทั้งพันธมิตรเทพสวรรค์ และในที่สุดผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนก็มารวมตัวกันในสถานที่แห่งนี้ ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังคนแล้วคนเล่ามาถึง นอกจากนี้สามสิบสามนรกก็ยังเป็น…สถานที่อันลี้ลับมากที่สุดในขุนเขาทะเลที่แปดอีกด้วย!
ความจริงแล้วมันน่าจะเป็นสถานที่อันลี้ลับมากที่สุดในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมด!
การเปิดออกของสามสิบสามนรกเป็นสิ่งที่ทำให้ขุนเขาทะเลที่แปดต้องสั่นสะเทือนไปทั่ว!
ในที่สุดก็มีผู้ฝึกตนมารวมตัวกันในบริเวณนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่น้อยคนนักที่จะกล้าเข้าไปจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือโชควาสนาที่มีอยู่ในสามสิบสามนรก
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในโลกของรอยแตกที่เรืองแสงซึ่งก็คือสามสิบสามนรก เขาก็ถูกตัดขาดออกจากโลกด้านนอก เข้าไปอยู่ในโลกอีกแห่ง เป็นโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีเทาและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอย่างไร้ขอบเขต มองเห็นซากปรักหักพังอยู่ทั่วทุกที่ รวมทั้งเงาร่างที่เน่าเปื่อยนับไม่ถ้วนซึ่งกำลังเดินไปมาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า และส่งเสียงแผดร้องออกมาเป็นระยะ
กลิ่นอายแห่งความตายเข้มข้นอย่างรุนแรงจนเพียงพอที่จะกำจัดพลังชีวิตของคนผู้หนึ่งไป ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้ามาในโลกแห่งนี้ เขาก็รับรู้ได้และผิวกายก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงไปอย่างช้าๆ พลังชีวิตของเขาค่อยๆ เริ่มลดน้อยลงไป และเห็นได้ชัดว่าแม้แต่อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ก็ยังไม่อาจจะช่วยได้ อาการบาดเจ็บของเขาเริ่มเลวร้ายลงมากขึ้น
ที่ห่างไกลออกไป มองเห็นแท่นศิลาตัวอักษรขนาดใหญ่ลอยขึ้นไปในอากาศ ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันเป็นอย่างยิ่ง แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังมองเห็นตัวอักษรที่ถูกเขียนไว้บนพื้นผิวของมันได้อย่างเลือนลาง
“ผนึกโลกอีกฝั่ง…ไห่เต้าต้าเทียนจุน (มหาเทพเต๋าสมุทร) อยู่ในที่แห่งนี้ วิญญาณของมันจะถูกสะกดไว้ชั่วนิรันดร์!”
ตัวอักษรเหล่านี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สะกดข่ม และแท่นศิลาตัวอักษรเองก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของโลกแห่งนี้ แทบจะราวกับว่ามันคือผนึกเพียงหนึ่งเดียวที่ตรึงโลกแห่งนี้ไว้ ด้านล่างของตัวอักษรเหล่านั้น มองเห็นนามของคนผู้หนึ่ง
“จิ่วเฟิง!” (เก้าผนึก)
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นเช่นนั้น จิตใจก็เริ่มสั่นสะท้าน และหยดโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ภายในร่างก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมา กลายเป็นปราณและโลหิตเต็มอยู่ในร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้จิตใจเริ่มเต้นรัวไปพร้อมกับโลกแห่งนี้
ตึกตัก, ตึกตัก!
ขณะที่จิตใจของเขาเต้นรัว พื้นดินที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็สั่นสะเทือนขึ้น เวลาเดียวกันนั้นเงาร่างภูตผีที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็หยุดชะงักนิ่งในทันที และมองขึ้นมายังเมิ่งฮ่าว
เวลาเดียวกันนั้น ก็ได้ยินเสียงกระหึ่มดังออกมาจากด้านหลัง ขณะที่เสวียนเต้าจื่อและหงเฉินมาถึง
“เมิ่งฮ่าว ไม่ว่าเจ้าจะหลบหนีมายังที่แห่งนี้หรือไม่ เจ้าก็ต้องตาย!”
เสวียนเต้าจื่อแผดร้องขึ้น พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว ไม่สนใจว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น กัดฟันแน่นกลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีฟ้า พุ่งตรงไปยังแท่นศิลาตัวอักษร ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในบริเวณนั้น
เขารู้สึกได้อย่างเลือนรางว่า บางสิ่งบางอย่างกำลังร้องเรียกหาเขาจากที่แห่งนั้น
เมิ่งฮ่าวบินไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด และขณะที่เข้าไปใกล้กับแท่นศิลาตัวอักษร โลหิตผู้ยิ่งใหญ่ภายในร่างก็พลุ่งพล่านปั่นป่วนมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้บาดแผลภายในร่างเริ่มถูกรักษาฟื้นฟูขึ้นมา ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เวลาเดียวกันนั้นเงาร่างที่ด่านล่างก็เริ่มกรีดร้องขึ้นมาในทันที และลอยขึ้นมาในอากาศตรงมายังเมิ่งฮ่าวและเสวียนเต้าจื่อ ราวกับว่าป้องกันไม่ให้คนทั้งสองเข้าไปใกล้กับแท่นศิลาตัวอักษรนั้น
นั่นคือช่วงเวลาที่กลุ่มคนจากตระกูลเมิ่งเริ่มปรากฏตัวขึ้น คนแล้วคนเล่า ใบหน้าพวกมันซีดขาวด้วยความประหลาดใจขณะที่มองไปรอบๆ บริเวณนั้น
เสียงกระหึ่มกึกก้องขนาดใหญ่ได้ยินมา ขณะที่เงาร่างที่เน่าเปื่อยพุ่งฝ่าอากาศมา บ้างก็เป็นผู้ฝึกตน บ้างก็เป็นสัตว์อสูร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดเหล่านั้นไม่ได้มาจากยุคสมัยปัจจุบันนี้ พวกมันคงจะเกี่ยวข้องกันในการต่อสู้สมัยโบราณ และถูกฝังทั้งเป็นอยู่ในที่แห่งนี้ไปพร้อมกับคนที่ถูกสะกดข่มไว้ผู้นั้น
เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้นขณะที่บังเอิญนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาเมื่อในอดีต ช่วงที่เขาอยู่ในเศษซากเซียนแห่งขุนเขาทะเลที่เก้า เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับ…ผู้ผนึกอสูรรุ่นที่หก
นั่นคือตอนที่เขาได้เรียนรู้เวทผนึกรุ่นหกมา, เวทเป็นตาย!
เขาจดจำได้อย่างแม่นยำว่าผู้ผนึกอสูรรุ่นหกเคยเผชิญหน้ากับศัตรูที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้ และได้ใช้เวทเป็นตายไปควบคุมพวกมัน
สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในตอนนั้นมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ สิ่งที่แตกต่างกันก็คือสถานที่แห่งนี้เป็นสามสิบสามนรก และที่แห่งนั้นคือเศษซากเซียน
โดยไม่ลังเลใดๆ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือตรงไปยังกลุ่มเงาร่างที่ใกล้เข้ามา ดวงตาสาดประกายขึ้นขณะที่ปลดปล่อยเวทรุ่นหกออกไป
สัญลักษณ์เวทนับสิบปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา กระจายเป็นแสงระยิบระยับออกมา ทันใดนั้นสัญลักษณ์เวทก็ไปปรากฏขึ้นบนหน้าผากของกลุ่มเงาร่างที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว พวกมันเริ่มสั่นสะท้านขณะที่สัญลักษณ์เวทแวบประกายขึ้นตามเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ลอยออกมาจากหน้าผากของพวกมันพุ่งตรงมารวมตัวกันบนฝ่ามือของเขา จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็กำมือเป็นหมัด และทันใดนั้น…ก็รู้สึกได้ถึงเงาร่างนับสิบที่อยู่ภายในจิตใจ
และเขาก็สามารถจะควบคุมพวกมันไว้ได้!
เวทเป็นตายไม่ใช่สิ่งที่จะถูกใช้ออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่มีเวลาที่จะไปขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาออกคำสั่งในทันทีทำให้เงาร่างนับสิบส่งเสียงกรีดร้อง และพุ่งผ่านตนเองตรงไปยังเสวียนเต้าจื่อและหงเฉินอย่างฉับพลัน
เสวียนเต้าจื่อตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะใช้วิชาเวทอะไรออกมา แต่ก็มองเห็นว่าเงาร่างแปลกๆ เหล่านี้ไม่สนใจเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย ทำให้จิตใจของเสวียนเต้าจื่อต้องเริ่มเต้นรัวขึ้นมา
หงเฉินก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
เมิ่งฮ่าวไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมองกลับไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ เขาพุ่งต่อไปทำให้อยู่ห่างไกลออกไปมากขึ้น แต่ก็ไม่โจมตีกลับไป ในทันทีที่เขาเริ่มเคลื่อนที่ออกไป ก็จะปลดปล่อยเวทเป็นตายออกมายังเงาร่างที่เห็น และส่งพวกมันทั้งหมดไปโจมตียังเสวียนเต้าจื่อและหงเฉินที่อยู่ด้านหลัง
ในที่สุดเขาก็ไปอยู่ในอาณาเขตของแท่นศิลาตัวอักษร และได้ส่งเงาร่างเหล่านั้นไปต่อสู้กับเสวียนเต้าจื่อและหงเฉินมากกว่าหนึ่งร้อยตน
เงาร่างเหล่านั้นไม่ว่าพวกมันจะยังมีชีวิตอยู่หรือตกตายไปแล้ว ได้แต่ต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น กลิ่นอายแห่งความตายหมุนวนไปรอบๆ ร่างพวกมัน ขณะที่ต่อสู้กลับไปอย่างดุร้ายยังคนทั้งสอง เมื่อเสียงระเบิดดังก้องขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ไปถึงฐานของแท่นศิลาตัวอักษร
เมื่อเขามองขึ้นไป ก็ตระหนักว่าแท่นศิลาตัวอักษรแทบจะดูคล้ายกับไม้เท้าขนาดใหญ่ที่ปักลึกลงไปในพื้นดิน ยากที่จะบอกได้ว่ามันมีความลึกมากเท่าใด ดังนั้นแทนที่จะบอกว่ามันเป็นแท่นศิลาตัวอักษร ก็น่าจะดีกว่าถ้าจะกล่าวว่า…มันคือป้ายหลุมฝังศพขนาดใหญ่!
“ถ้ามันคือป้ายหลุมฝังศพ สถานที่แห่งนี้ก็คือหลุมฝังศพขนาดใหญ่!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ เนื่องจากเสียงเรียกจากป้ายหลุมฝังศพ และโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังเดือดพล่าน ทำให้พื้นฐานฝึกตนของเขาฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้าขึ้น เขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ดังนั้นถ้าสามารถจะรักษาให้หายดีในที่แห่งนี้ เขาก็ไม่สนใจว่ามันจะเป็นป้ายหลุมฝังศพหรือเป็นซากศพโบราณใดๆ เขาพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ไปนั่งลงขัดสมาธิตรงจุดสูงสุดของป้ายหลุมฝังศพในทันที
ขณะที่เมิ่งฮ่าวนั่งลงไป ป้ายหลุมฝังศพก็เริ่มสั่นสะเทือน และโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ภายในร่างก็เดือดพล่านอย่างรุนแรงมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นพื้นฐานฝึกตนก็กำลังฟื้นฟูกลับคืนมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่ากลัว!
ขณะที่ร่างกายเมิ่งฮ่าวได้รับการรักษาอยู่นั้น ก็มองออกไปยังเงาร่างทั้งหมดที่กำลังรายล้อมอยู่รอบๆ เสวียนเต้าจื่อและหงเฉินด้วยสายตาที่เย็นชา และสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร
เวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ในพื้นดินตรงฐานด้านล่างของป้ายหลุมฝังศพ ทันใดนั้น…ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้น จ้องนิ่งมายังเมิ่งฮ่าว
“เป็นเวลานานมาแล้ว…ตั้งแต่ที่ข้ามองเห็นสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นในโลกของข้า แม้ในขณะที่ผู้คนจากด้านนอกเข้ามาและยืนตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่เคยมองเห็นพวกมัน แต่คนผู้นี้…ข้าสามารถมองเห็นมันได้จริงๆ!! ร่างกายที่มีชีวิตเลือดเนื้อนี้…ข้ากระหายต้องได้มันมา!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version