Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1244

ตอนที่ 1244

เมิ่งฮ่าวรู้สึกตัว

“ช่างรอบรู้ไม่น้อย” ตันหลางกล่าว เลียริมฝีปากไปมา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันลี้ลับ “ดูเหมือนว่าข้าไม่ควรจะกินเจ้าลงไป บางทีการใช้วิชาควาญวิญญาณอาจจะช่วยให้ข้าเข้าใจถึงโลกแห่งเซียนในตอนนี้ได้ดีขึ้น”

ตันหลางขยับร่างตรงไปยังเสวียนเต้าจื่ออย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเสวียนเต้าจื่อจะพยายามหลบหนีไปอย่างไร มันก็เข้าไปใกล้ได้ในทันที อีกครั้งที่มันยื่นนิ้วแตะไปที่หน้าอกของเสวียนเต้าจื่อ ทำให้เกิดการเน่าเปื่อยและเหี่ยวแห้งพุ่งกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

เสวียนเต้าจื่อแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่พลังชีวิตของมันพุ่งขึ้นไปอีกครั้ง ใบหน้ามันซีดขาวจนแทบจะกลายเป็นความสิ้นหวัง รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่กระจายออกมาจากนิ้วของตันหลาง แต่ขณะที่กลิ่นอายนั้นผ่านเข้าไปในร่างมัน ก็ไปกระตุ้นให้พรสวรรค์ของมันปะทุเป็นพลังออกไป ทำให้พลังชีวิตที่อยู่ในเลือดเนื้อพุ่งขึ้นมา

ความเจ็บปวดที่เกิดจากวิธีการเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ดวงตาเสวียนเต้าจื่อแดงก่ำ และปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นออกไปในทันที แต่ก็ไม่อาจจะต่อต้านตันหลางได้

“บอกข้ามา เจ้าและเมิ่งฮ่าวมีเรื่องอะไรกัน? เท่าที่เห็นเจ้าไม่ต้องการจะสังหารมันไปจริงๆ เจ้าต้องการอะไรจากมัน…”

ตันหลางเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ แตะนิ้วลงไปอีกครั้ง, สองครั้ง, สามครั้ง เสวียนเต้าจื่อแผดร้องเป็นเสียงดังก้องออกไป แหลมเล็กอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่ร่างของมันเริ่มแห้งเหี่ยวลงไปอย่างต่อเนื่อง หน้าอก, แขน, ศีรษะ และในทุกส่วนของร่างกายมันที่ตันหลางแตะสัมผัสโดนก็เริ่มเน่าเปื่อยลงไป และไม่มีโลหิตไหลซึมออกมาแม้แต่หยดเดียว

ขณะที่ร่างมันเน่าเปื่อยไป พลังชีวิตก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในชั่วพริบตาตันหลางก็แตะนิ้วลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้แตะไปบนแผ่นหลัง ทำให้ทั่วทั้งร่างของเสวียนเต้าจื่อเต็มไปด้วยพลังชีวิต ความเจ็บปวดพุ่งกระจายไปทั่วร่าง รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าไป รู้ดีว่ากำลังจะตกตายไป มันแผดร้องขึ้น คาดไม่ถึงว่ากำลังจะเริ่มระเบิดตนเองไป

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พลังการระเบิดตัวเองปรากฏขึ้น ตันหลางก็แตะนิ้วลงไปอย่างดุร้าย เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่พลังของการระเบิดตนเองถูกสะกดข่มไป ตอนนี้ร่างของเสวียนเต้าจื่อแทบจะเน่าเปื่อยไปโดยสิ้นเชิง

เสื้อผ้าของมันหายไปเรียบร้อยแล้ว และกำลังกระจายเป็นกลิ่นอายแห่งความตายที่เน่าเปื่อยออกมา ดูน่ากลัวไปโดยสิ้นเชิงขณะที่การเน่าเปื่อยนั้นกระจายเข้าไปในอวัยวะภายใน กระดูก และเส้นลมปราณ ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเน่าเปื่อยลง

มันคือราชันเต๋าผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังอยู่ในอาณาจักรของตัวเอง แต่ในตอนนี้มันกลับแผดร้องออกมา “สังหารข้า! สังหารข้าไปเถอะ! ข้าขอร้อง ช่วยสังหารข้าด้วย!”

ไม่ใช่ว่ามันไม่มีจิตใจที่แน่วแน่ หรือเต๋าของมันไม่สมบูรณ์ แต่ความเจ็บปวดเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนไม่อาจจะทนทานได้

“บอกข้ามาในสิ่งที่เจ้ารู้ ข้าจะช่วยให้เจ้าดีขึ้น เจ้าน่าจะรู้ว่าในโลกแห่งเซียนนี้ เจ้าไม่ใช่คนแรกที่ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดเช่นนี้ ในช่วงสงครามใหญ่ ผู้คนมากมายเคยลิ้มลองมาก่อน” ตันหลางกล่าวพร้อมกับหัวเราะหึๆ ดวงตาสาดประกายด้วยความกระหายเลือด เดิมทีมันก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นความทุกข์ทรมานที่เสวียนเต้าจื่อกำลังเป็นอยู่ ก็ทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นขึ้น

“พื้นฐานเต๋า! ทั้งหมดนั้นก็เพื่อพื้นฐานเต๋า เมื่อข้าพบเมิ่งฮ่าว ได้เห็นมันใช้วิชาเดินข้ามกาลเวลาออกมา ทำให้แก่นแท้ของข้าปั่นป่วนขึ้น ดังนั้นข้าจึงมั่นใจว่าถ้าได้ดูดกลืนวิชาเดินข้ามกาลเวลาของมันมา ข้าก็จะมีพื้นฐานเต๋าบ้างเล็กน้อย!” เสวียนเต้าจื่อแผดร้องออกมา

ในทันทีที่มันพูดจบ ม่านตาของตันหลางก็หรี่เล็กลง และสีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พื้นฐานเต๋า…นั่นคืออาณาจักรสูงสุดเมื่อเทียบกับเหยียบย่ำสวรรค์และเต๋าไร้ขอบเขต!!” ตันหลางสั่นสะท้าน หอบหายใจออกมา ดวงตาเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความยินดีอย่างบ้าคลั่ง

“ข้า, ตันหลาง พานพบกับโชควาสนาในชีวิตมานับไม่ถ้วน ใครก็ตามที่พยายามจะสังหารข้า จะต้องถูกบดขยี้จากสิ่งของที่ตกลงมาจากท้องฟ้า สถานที่แห่งใดก็ตามที่ข้าไปถึง ก็จะกลายเป็นสถานที่วิเศษไป อะไรก็ตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะได้มันมาอยู่ในมือ”

“ครั้งนี้ ข้าไม่เพียงแต่จะได้ร่างกายที่เป็นของวิเศษอันล้ำค่าเท่านั้น ข้ายังได้ข่าวคราวเกี่ยวกับพื้นฐานเต๋าอีกด้วย!!”

“พื้นฐานเต๋า, พื้นฐานเต๋า, อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของโลกแห่งเซียน ถ้าข้าได้มันมา…การเดินไปบนเส้นทางเหยียบย่ำสวรรค์ของข้าก็จะยิ่งมีความสำเร็จได้มากขึ้น!!”

ตันหลางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้มันเลิกสนใจในความทุกข์ทรมานของเสวียนเต้าจื่อไปโดยสิ้นเชิง ไม่สนใจว่าเสวียนเต้าจื่อกำลังหวาดกลัวต่อร่างกายที่กำลังเน่าเปื่อยลงไปหรือไม่ ยื่นมือออกไปวางอยู่บนศีรษะของมันในทันที

“ควาญวิญญาณ!” ตันหลางเลียริมฝีปาก ขณะที่ปลดปล่อยวิชาเวทออกมา รู้สึกไม่อาจจะทนรอให้เสวียนเต้าจื่อพูดออกมาได้ ต้องการจะค้นหาคำตอบด้วยตนเอง

ร่างกายเสวียนเต้าจื่อเริ่มสั่นไปมา และแผดร้องอย่างน่าอนาถใจขึ้น ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทั้งหมดก่อนหน้านี้มาจากภายในร่างกายของมันเอง แต่ความเจ็บปวดในตอนนี้มาจากวิญญาณของมัน เสียงปะทุดังก้องออกมาจากร่างมัน และดวงตาก็ถลนออกมา ความเจ็บปวดที่มันกำลังพยายามอดทนอยู่ในตอนนี้ยากที่จะอธิบายออกมาได้

ตันหลางกำลังหอบหายใจขณะที่ความทรงจำของเสวียนเต้าจื่อลอยออกมา มันเริ่มรับรู้ว่าโลกแห่งเซียนตกต่ำลงไปแล้ว และอาณาจักรขุนเขาทะเลได้มาแทนที่ มันยังพบอีกด้วยว่าจิ่วเฟิงตกตายไปแล้ว และสวรรค์ทั้งสามสิบสามชั้นยังคงอยู่ได้อย่างไร มันเรียนรู้ถึงสิ่งต่างๆ มากมายจากความทรงจำของเสวียนเต้าจื่อ

ในที่สุดมันก็บรรลุถึงการต่อสู้ระหว่างเสวียนเต้าจื่อและเมิ่งฮ่าว ขณะที่มันแทงเข้าไปในสติสัมปชัญญะของเสวียนเต้าจื่อ ราวกับว่ามันกำลังพบเจอกับวิธีการก้าวเดินของเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง

เมื่อตันหลางมองเห็นเช่นนั้น ก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นด้วยความตกตะลึง ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้มันรู้สึกว่าคุ้นเคยกับวิธีการเดินเช่นนั้นเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจจะจำได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แทนที่จะใช้เวลาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ มันกลับจมลงไปในความรู้สึกที่แก่นแท้ของเสวียนเต้าจื่อปั่นป่วนขึ้นมาอยู่ในตอนนั้น

ความรู้สึกนี้ทำให้ตันหลางตื่นเต้นขึ้นโดยสิ้นเชิง จู่ๆ มันก็เกิดเป็นลางสังหรณ์ขึ้นอย่างรุนแรงว่า นี่คือกุญแจสำคัญที่ก้าวไปสู่การเหยียบย่ำสวรรค์!

ในความตื่นเต้นของมัน ตันหลางไม่ได้มองไปยังเสวียนเต้าจื่อ ที่ตอนนี้แทบจะตกตายไปได้ทุกเมื่อ กำลังแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา แต่ในตอนนี้เองที่ดวงตาของเสวียนเต้าจื่อได้แวบประกายขึ้นด้วยความเย็นเยียบ จนบรรลุถึงระดับที่น่ากลัวขึ้นมาในทันที

ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามันกำลังแผดร้องออกมา แต่จริงๆ แล้วก็ทำการแยกจิตใจออกไป เห็นได้ชัดว่า…ทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นแค่การแสดงเท่านั้น และมันได้เก็บซ่อนความต้องการสังหารไว้อย่างลึกล้ำอยู่ภายในใจ

ทันใดนั้น มันก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เยือกเย็นโดยสิ้นเชิง “ข้าคือราชันเต๋า ยินดีที่จะตายไปในการต่อสู้ แต่จะไม่ขอตายภายใต้ความอัปยศเช่นนี้!”

ขณะที่เสียงมันดังก้องออกมา ตันหลางก็รู้สึกได้ถึงวิกฤตที่พุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน

ในช่วงวิกฤตนี้เอง เสวียนเต้าจื่อก็กางแขนออกโอบกอดไปรอบๆ ร่างตันหลาง ด้วยแววตาที่ดูถูกเหยียดหยาม

“เต๋าลี้ลับแห่งสวรรค์ หนึ่งเวทอันลึกล้ำ ก้าวผ่านความเป็นตาย แก่นแท้ก่อกำเนิด แก่นแท้มอดดับสิ้น!!” ขณะที่เสียงเก่าแก่โบราณของเสวียนเต้าจื่อดังก้องออกมา ร่างมันก็ระเบิดขึ้นในทันที ทำให้เศษชิ้นเนื้อที่เน่าเปื่อยและโลหิตจำนวนมากพุ่งกระจายออกไป วิญญาณ, แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์, แก่นแท้ของมัน ต่างก็แตกกระจายออกไป

แต่เนื่องจากการแตกกระจายนั้น ทำให้วิญญาณ, แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ และแก่นแท้ของมัน สามารถจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน และก่อตัวเป็นสัญลักษณ์เวทขนาดใหญ่หนึ่งชิ้น

สัญลักษณ์เวทนั้นดูเหมือนกับตัวอักษร 玄 (เสวียน = ลี้ลับ) และพุ่งตรงไปยังตันหลางด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ จากนั้นก็ประทับลงไปยังหน้าอกของมัน

ตันหลางกู่ร้องออกมาและพุ่งถอยไปทางด้านหลัง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ใบหน้าซีดขาว ตัวอักษรเสวียนจมลึกลงไปในหน้าอกมัน และจากนั้นก็หายไป หลอมรวมเข้าไปในร่างมัน ทำการค้นหาวิญญาณของตันหลาง

ตันหลางกำลังสั่นสะท้าน และใบหน้าก็แดงก่ำ กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง แผดร้องออกมาพยายามจะสะกดข่มตัวอักษรนั้น ด้วยการโบกสะบัดมือออกไปทางด้านหลัง ตรงไปยังทิศทางของเสาทั้งเก้า ทันใดนั้นโล่และกระดิ่งที่อยู่ข้างซากศพที่แห้งกรังก็ลอยขึ้นไปในอากาศ และมาอยู่เหนือร่างมันอย่างช้าๆ กระจายเป็นแสงเจิดจ้าออกมา ด้วยความพยายามจะช่วยเหลือตันหลาง

แก่นแท้พลังชีวิตของตันหลางหมุนวนไปมา ขณะที่มันใช้ออกมาหนึ่งส่วนเพื่อขับไล่การโจมตีอันน่ากลัวของเสวียนเต้าจื่อออกไป ผลก็คือตัวอักษรเสวียนนั้นถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง

แต่แก่นแท้พลังชีวิตของมันกลับลดน้อยลงไปกว่าสองในสิบส่วน ทำให้ต้องหอบหายใจออกมา มองไปยังเลือดเนื้อที่แหลกเหลวของเสวียนเต้าจื่อ จากนั้นก็กัดฟันแน่น

มันต้องยอมรับว่าไม่ได้ระวังตัวเท่าใดนัก และเย่อหยิ่งมากเกินไป หลังจากที่ได้ครอบครองร่างนี้ มันก็สูญเสียความระมัดระวังตัวที่พึงมีไป และตกอยู่ในความยโส มองข้ามความต้องการสังหารที่พุ่งขึ้นมาในจิตใจที่สิ้นหวังของราชันเต๋าไป

ตอนนี้เมื่อมันคิดไปถึงเรื่องนี้ เสียงแผดร้องที่ดังก้องออกมาเมื่อครู่นี้ อันเนื่องมาจากความเจ็บปวดทางร่างกาย ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องหลอกลวง จุดประสงค์ทั้งหมดก็คือต้องการหลอกล่อให้ตันหลางเข้ามาใกล้ จริงๆ แล้ว เหตุผลที่เสวียนเต้าจื่อพูดคำว่าพื้นฐานเต๋าออกมา ก็เพื่อดึงดูดความสนใจของมัน และล่อลวงมันให้ทำการควาญหาวิญญาณ

เมื่อไหร่ที่ตันหลางเริ่มทำการควาญหาวิญญาณ เสวียนเต้าจื่อก็จะมีโอกาสปลดปล่อยวิชาเวทอันน่ากลัวนั้นออกมา

“มันยินดียอมตายเพื่อโจมตีข้าในครั้งสุดท้าย…”

ตันหลางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และความระมัดระวังตัวก็เริ่มลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งในแววตา มันรับรู้ได้ว่ายังคงเหลือแก่นแท้พลังชีวิตอยู่เพียงแค่สองส่วนเท่านั้น

จึงรีบหมุนตัวมองไปยังซากศพที่แห้งกรังซึ่งอยู่ระหว่างเสาทั้งเก้าต้นในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตะวันสีฟ้าดวงนั้น ในที่สุดมันก็ยิ้มออกมา

“มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกประทับใจอย่างลึกล้ำได้ เสวียนเต้าจื่อผู้นี้ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน แต่…มันก็ยังอ่อนหัดนัก เวทนั้นไม่อาจจะกำจัดข้าไปได้ จริงๆ แล้วถ้าผลไม้เต๋าบัดซบนั่น ไม่ดูดกลืนแก่นแท้พลังชีวิตของข้าไปมากกว่าครึ่ง ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันกวาดล้างการโจมตีนั้นไปถึงหนึ่งส่วน”

“แต่ตอนนี้มันก็จบลงแล้ว ข้าจะปลดผนึกและดึงเอาดวงตะวันมหาเทพ ดูดกลืนวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของข้ามา ข้าก็จะไม่มีวิญญาณแค่ครึ่งเดียวอีกต่อไป แต่เป็นวิญญาณที่เต็มสมบูรณ์ ข้าจะต่อสู้ไปตลอดทางยังนรกอีกสามสิบสองแห่ง กวาดล้างพวกมันไปทีละแห่ง เมื่อถึงเวลาที่ข้าออกไปจากสถานที่แห่งนี้…ข้าก็จะอยู่ในเหยียบย่ำสวรรค์แล้ว! ถึงแม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็คงจะห่างเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น!”

ตันหลางเลียริมฝีปาก พุ่งตรงไปยังเสาทั้งเก้าต้น ไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าเสาต้นหนึ่ง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง ขณะที่ยื่นมือออกกดลงไปบนเสาต้นนั้น ด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าจะสามารถปลดผนึกแรกออกมาได้

“เปิดออก!” มันกล่าวด้วยเสียงที่ดังก้องกังวาน มือกลายเป็นภาพอันเลือนรางสีเทา ขณะที่เข้าไปใกล้เสาต้นนั้น แต่ก่อนที่มันจะสัมผัสไปโดน ในตอนที่อยู่ห่างเพียงแค่หนึ่งชุ่นเท่านั้น จู่ๆ มือของมันก็หยุดชะงักนิ่งและเริ่มสั่นสะท้านไปมา

ดวงตาตันหลางเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่ตระหนักว่าจู่ๆ ใบหน้าขนาดเล็กใบหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมัน เป็นใบหน้าที่ดูเหมือนกับเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง อันที่จริงมันคือ…เมิ่งฮ่าวตัวจริง!

ทันใดนั้นเสียงราบเรียบของเมิ่งฮ่าวก็ดังก้องอยู่ในจิตใจและความคิดของตันหลาง

“ขอบคุณสำหรับการช่วยข้ากลั่นสกัดร่างกาย, อาวุธเวท เพิ่มพลังการฝึกตน ช่วยให้ข้าหลอมรวมเข้ากับผลเนี่ยผานลูกที่สี่ และมอบแก่นแท้พลังชีวิตอันล้ำค่าเช่นนั้นให้ และต้องขอบคุณสำหรับการช่วยข้าจัดการกับศัตรูทั้งปวง”

“เป็นไปไม่ได้ ไม่น่าจะเป็นไปได้! ข้ากลืนกินวิญญาณเจ้าไปแล้ว ข้ากวาดล้างทุกส่วนของร่างกายเจ้าด้วยเปลวไฟ เห็นได้ชัดว่าเป็นร่างกายใหม่ เศษชิ้นส่วนวิญญาณเจ้าไม่อาจจะหลงเหลืออยู่อีกแล้ว เป็นไปไม่ได้…” ตันหลางแผดร้องออกมา พร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าน ถึงแม้คำพูดของมันจะดูเหมือนว่าไม่อยากจะเชื่อต่อสิ่งเหล่านั้น แต่วิญญาณอันชั่วร้ายของมันก็ระเบิดออกไป ด้วยความพยายามจะกวาดล้างเศษชิ้นส่วนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของเมิ่งฮ่าวไปให้หมดสิ้น

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข้าหลบซ่อนอยู่ในผลเนี่ยผานลูกที่สาม และโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ มาตรวจสอบดูได้เลยถ้าเจ้าต้องการ” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ แทบจะในทันใดนั้นตันหลางก็ทำการโจมตีมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวพูด ผลเนี่ยผานลูกที่สี่จู่ๆ ก็ปะทุขึ้นด้วยแรงดึงดูดอันน่ากลัวมากกว่าเดิม อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

วิญญาณตันหลางสั่นสะท้าน ขณะที่แก่นแท้พลังชีวิตของมันไหลออกไปราวกับเป็นน้ำตก

“ไม่!! จิ่วเฟิง! มันคือจิ่วเฟิง! จิ่วเฟิงวางแผนหลอกลวงข้า!!” นั่นเป็นเพราะว่ามันไม่เคยรับรู้ได้ถึงโลหิตของจิ่วเฟิงจื้อจุนแม้แต่น้อยมาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่มันจะมองเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version