Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1254

ตอนที่ 1254

ไว่ผอ

เมิ่งฮ่าวตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิงเมื่อรับรู้ได้ถึงกระแสปราณอาณาจักรขุนเขาทะเลในที่แห่งนี้ และทันใดนั้นก็ทำให้นึกขึ้นได้ถึงความทรงจำที่ผ่านมาว่า ราชันขุนเขาทะเลแห่งตี้ปาซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่แปด) น่าจะมาจากตระกูลเมิ่ง…

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มาถึงขุนเขาทะเลที่แปด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เมิ่งฮ่าวได้ยินก็ดูเหมือนว่าจะแตกต่างกันออกไป ราวกับว่าความทรงจำของเขาไม่ถูกต้อง

ตอนแรกเมิ่งฮ่าวรู้สึกสับสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่าราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปดถูกเรียกว่าเทียนเสิน (เทพสวรรค์) นับจากนั้นมาเขาก็เริ่มคาดเดาเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้

“เทียนเสิน เทียนเสิน…ไม่มีแซ่นำหน้า” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น มองไปยังรูปปั้น รู้สึกได้ถึงกระแสปราณแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครนอกจากเมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่สามารถจะรับรู้ได้

จากความจริงที่ว่าใบหน้าของรูปปั้นถูกขูดออกไป ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าต้องมีความลับบางอย่างเชื่อมโยงกันระหว่างเทียนเสินและตระกูลเมิ่งเมื่อในอดีตที่ผ่านมา

“พวกเราถึงบ้านแล้ว! ในที่สุด…พวกเราก็มาถึงบ้านจนได้!! เมิ่งเฉิน พวกเรากลับมาบ้านแล้ว!” เมิ่งเต๋อยืนอยู่ที่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว มองไปยังทวีปตระกูลเมิ่งด้วยความตื่นเต้น และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากสีหน้าของมันราวกับว่าจู่ๆ ก็มีชีวิตใหม่ขึ้นมา

“บ้าน…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ เมื่อคิดไปถึงกลุ่มคนสายโลหิตของท่านตา ดวงตาก็แวบขึ้นและเพ่งมองไปยังหนึ่งในเก้าทวีปที่มีขนาดเล็กกว่าซึ่งเชื่อมต่ออยู่กับทวีปใหญ่

จากวิชาควาญวิญญาณที่เมิ่งฮ่าวใช้ไปบนร่างของผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งตอนที่อยู่บนเรือ สายโลหิตท่านตาของเขาอยู่บนทวีปที่เล็กมากที่สุดในท่ามกลางทวีปทั้งเก้า

ในที่สุดเรือก็ไปจอดอยู่บนทวีปตรงกลาง ในเมืองใหญ่ที่ห้อมล้อมอยู่รอบรูปปั้น ซึ่งก็คือตำแหน่งที่ตั้งของคฤหาสน์บรรพชนตระกูลเมิ่ง

เมิ่งเต๋อบินออกไป ยังตำแหน่งที่ผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่งนับร้อยกำลังรอคอยต้อนรับมัน เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น คนทั้งหมดประสานมือโค้งตัวลงและกล่าวว่า

“ขอต้อนรับจิ๋วเสาจู่ (นายน้อยที่เก้า) ด้วยความเคารพ!”

แน่นอนว่าเมิ่งเต๋อก็คือจิ๋วเสาจู่ แทบจะในทันทีที่มันได้ยินเสียงทักทายนี้ ก็ดูเหมือนว่ามันจะกลับไปเป็นคุณชายที่ถูกตามใจเหมือนเดิม พยักหน้าให้กับกลุ่มคนเหล่านั้นเล็กน้อย ขณะที่พวกมันมาห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัว เพื่อนำมันไปยังที่ห่างไกล บิดามารดามันได้จากไปนานแล้ว และขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังจะจากไป ก็ดูเหมือนว่ามันจะนึกถึงเมิ่งเฉินขึ้นมาได้ จึงหมุนตัวกลับมาและมองไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ส่งจี้หยกให้ลอยออกไป

เมิ่งฮ่าวคว้าจับไว้ หลังจากนั้นก็ได้ยินเมิ่งเต๋อกล่าวขึ้นมาเป็นเสียงดัง “อีกสองสามวันให้มาหาข้า”

เมิ่งฮ่าวถือจี้หยกไว้พร้อมกับยิ้มออกมา ตอนแรกไม่มีใครในบริเวณนั้นจะให้ความสนใจต่อเขาแม้แต่น้อย แต่หลังจากที่เมิ่งเต๋อมอบจี้หยกให้กับเขา กลุ่มคนก็เริ่มสังเกตเห็นและแววตาพวกมันก็สาดประกายขึ้น

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย หลังจากที่ลงมาจากเรือ เขาก็มองไปยังอาคารบ้านเรือนที่อยู่รอบๆ ทั้งหมด เขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ พวกมันถูกออกแบบให้เป็นรูปวงกลม ดูลื่นไหลและไร้ขีดจำกัดกว่าสิ่งปลูกสร้างที่เป็นระเบียบเรียบร้อยของตระกูลฟางโดยสิ้นเชิง สำหรับคฤหาสน์บรรพชน ก็มีโครงสร้างเป็นรูปวงกลมด้วยเช่นกัน กระจายเป็นกลิ่นอายที่ประณีตสง่างามออกมา

มองเห็นผู้ฝึกตนมากมายในเมืองบรรพบุรุษแห่งนี้ ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินไปตามถนน และสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าพวกมันส่วนใหญ่อยู่ในอาณาจักรโบราณ มีผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียนอยู่น้อยมาก ในทุกๆ หนึ่งร้อยคนที่เห็น จะมีเซียนเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น

ไม่มีร้านค้าอยู่ในบริเวณนี้เช่นเดียวกับโรงเตี๊ยม จริงๆ แล้วก็น่าจะเหมาะสมกว่าที่จะเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นส่วนนอกของคฤหาสน์บรรพชน แทนที่จะเรียกเป็นเมือง แต่ด้วยขนาดของมันก็เทียบได้กับเมืองๆ หนึ่ง

เมืองนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายเขต เหมือนกับของตระกูลฟาง มีเขตที่อยู่ฝั่งตะวันออก ตะวันตก ทิศใต้และทิศเหนือ ภายในเขตเหล่านั้นเป็นอาคารบ้านเรือนขนาดใหญ่ สำหรับสมาชิกที่สำคัญของตระกูล ซึ่งมาจากสายโลหิตที่แตกต่างกันอาศัยอยู่

ไม่มีอาณาเขตส่วนกลางหรือสุสานให้มองเห็น แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่โดดเด่นห้าชนิดที่อยู่ภายในรูปปั้นขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายเหล่านั้นเป็นของอาณาจักรเต๋า!

แต่สำหรับกลิ่นอายทั้งห้านั้น สองกลิ่นอายเลือนรางเป็นอย่างยิ่ง แทบจะถึงจุดที่กำลังจางหายไป อีกสามกลิ่นอายมีความเข้มข้นมากกว่า และหนึ่งในนั้นก็เป็นของปู่ของเมิ่งเต๋อ

“ห้าผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋า…สามคนมีกลิ่นอายที่เข้มข้น สองในสามเป็นเต๋าหนึ่งแก่นแท้ และอีกคนเป็นเต๋าสองแก่นแท้ สำหรับกลิ่นอายที่เลือนรางนั้น มีอยู่หนึ่งคนเป็นราชันเต๋า และอีกคน…ข้าไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ก็พอจะบอกได้ว่ากลิ่นอายนั้นแทบจะจางหายไปในไม่ช้า” เมิ่งฮ่าวมองไปยังรูปปั้น ดวงตาสาดประกายขึ้น ขณะที่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กระจายออกไปมากขึ้น

ไม่นานนักสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็กระจายเต็มไปทั่วทั้งคฤหาสน์บรรพชน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ด้านในต่างก็ปรากฏขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว

เขามองกลับไปยังรูปปั้น ด้วยความประหลาดใจว่าผู้ฝึกตนทั้งห้าที่อยู่ด้านใน ไม่มีใครสามารถจะรับรู้ได้ถึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง เกราะป้องกันใดๆ ของตระกูลเมิ่งไม่ได้ทำงานขึ้นมาเลย จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็เริ่มดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมา และมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางทวีปที่สายโลหิตของท่านตาอาศัยอยู่

แต่แทบจะในทันทีที่เขากำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็ต้องหยุดชะงักลง มีเหตุการณ์หนึ่งที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นกำลังเกิดขึ้น ซึ่งเมิ่งฮ่าวมองเห็นได้จากภายในสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ต้องเพ่งมองไป

มองเห็นหญิงชราอยู่ในลานบ้านของที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่ง ใบหน้าซีดขาวขณะที่อ้อนวอนขอร้องบุรุษวัยกลางคนที่เย่อหยิ่งเย็นชา หญิงสาวเยาว์วัยนอนอยู่ตรงเท้าของบุรุษผู้นั้น เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลมากมาย มือขวาของนางกำสิ่งของบางอย่างไว้แน่น และใบหน้าก็ซีดขาวอย่างน่ากลัว ขณะที่บุรุษวัยกลางคนเตะไปบนร่างนางอย่างดุร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า

“ต้าเกอ (พี่ใหญ่) พอได้แล้ว เมิ่งหรูก็แค่วิตกเกี่ยวกับญาติในสายโลหิตของนาง ทำให้ต้องขโมยเม็ดยามา ต้าเกอ…” หญิงชราอ้อนวอน

“นางเป็นแค่คนรับใช้ แต่ก็กล้าที่จะขโมยเม็ดยา! ไม่ว่านางจะทำไปด้วยเหตุผลอันใด นางก็สมควรตาย! ถ้าข้าไม่ตีนางให้ตาย คนทั้งหมดก็คงจะเอานางเป็นเยี่ยงอย่าง!” ดวงตาบุรุษวัยกลางคนสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่ก้มลงไปจิกผมของหญิงสาววัยเยาว์นั้นขึ้นมา นางมีหน้าตาที่งดงาม แต่มีปานสีแดงอยู่บนใบหน้า ทำให้ดูน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง

“รูปร่างหน้าตาของเจ้าไม่เลว แต่ปานแดงนี้ทำให้ผู้คนขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง!”

“ต้าเกอ ลูกพี่ลูกน้องของหรูเอ๋อร์อยู่ในอาณาจักรเซียน เป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันของจิ๋วเสาจู่ ที่นางทำไปก็แค่ยาหนึ่งเม็ดเท่านั้น ท่าน…ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” หญิงชราอ้อนวอนด้วยความวิตกอย่างต่อเนื่อง ชำเลืองมองลงไปยังหญิงสาวเยาว์วัยที่นอนอยู่บนพื้น โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากเป็นระยะ

หญิงชราไม่มีทางรู้ว่า ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากนาง เมิ่งฮ่าวที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ถนนในคฤหาสน์บรรพชน ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมา และหมุนตัวไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา

เขาทราบมาว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของสายโลหิตท่านตา มักจะไปอยู่ในบ้านของคนในตระกูลอื่นๆ ด้วยการทำงานเป็นข้ารับใช้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรในการฝึกตน ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวมั่นใจว่าหญิงสาวเยาว์วัยที่เขาเห็นผ่านทางสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ คือสมาชิกของสายโลหิตท่านตา เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเมิ่งเฉิน

เมิ่งฮ่าวไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก้าวเดินตรงไปและแวบหายไปในทันที การกระทำของเขาแม้แต่ห้าปรมาจารย์ก็ไม่อาจจะรับรู้ได้

ย้อนกลับไปในลานบ้านของที่อยู่อาศัยแห่งนั้น บุรุษวัยกลางคนเริ่มหัวเราะเสียงเย็นชา เพื่อตอบรับคำพูดที่เพิ่งกล่าวกับมัน

“ลูกพี่ลูกน้องนาง? เจ้าหมายถึงเจ้าเด็กแซ่เมิ่งที่มีหน้าตาน่ารักคล้ายหญิงสาวคนนั้น? มันเรียกว่าเมิ่งเฉิน ใช่หรือไม่? เจ้าคิดว่าข้าจะไว้หน้าผู้คุ้มกันเช่นมัน?”

บุรุษผู้นั้นคุกเข่าลงไป และจับมือเมิ่งหรูไว้ พร้อมกับใบหน้าที่เย็นชา มันเริ่มหักนิ้วนางทีละนิ้ว เมิ่งหรูสั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยความเจ็บปวด แต่ก็กัดฟันแน่นไม่ยอมร้องออกมาแม้แต่น้อย

ในที่สุดก็เผยให้เห็นเม็ดยาที่อยู่ในมือ แต่ก็กำลังละลายไป เนื่องจากโลหิตที่ไหลซึมเข้าไปในยาเม็ดนั้น บุรุษวัยกลางหยิบมันขึ้นมา และโยนลงไปในสระน้ำที่อยู่ใกล้เคียง

ดวงตาเมิ่งหรูเบิกกว้างขึ้น ก่อนหน้านี้นางไม่เคยจะหลั่งน้ำตาออกมาแม้แต่หยดเดียว แม้แต่ตอนที่นิ้วของนางกำลังถูกหักไปก็ตามที แต่ตอนนี้เมื่อนางเห็นเม็ดยากำลังละลายอยู่ในสระน้ำ หยดน้ำตาก็เริ่มไหลลงมาบนใบหน้า

“โอ้โห! ร้องไห้แล้ว?” บุรุษวัยกลางคนหัวเราะขึ้น ยื่นมือลงไปราวกับว่าจะกวาดเช็ดน้ำตาให้นาง แต่ก่อนที่มือมันจะทันไปสัมผัสใบหน้านาง ก็ปรากฏเป็นมือข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้าจับมือของมันไว้อย่างกะทันหัน

บุรุษผู้นั้นจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็ส่งเสียงแผดร้องออกมา เมื่อมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวกำลังยืนอยู่ที่ด้านข้างเมิ่งหรู โดยที่ไม่ต้องขบคิดแม้แต่น้อย มันรีบก้าวถอยหลังไปในทันที

“เมิ่งเฉิน! เจ้ากล้าดีอย่างไร!!” ถึงแม้ว่ามันจะรู้สึกตกใจกลัว แต่หลังจากที่ตระหนักว่าเป็นใคร ก็ดูเหมือนว่าความกล้าหาญของมันจะกลับคืนมา พร้อมกับเสียงตวาด มันปลดปล่อยพลังการฝึกตนซึ่งอยู่ในขั้นค้นหาเต๋าออกไป

“เกอ (พี่ชาย) …” เมิ่งหรูกล่าว ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ เมื่อนางมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็เริ่มร้องไห้และสั่นสะท้านจากความอัปยศที่นางเพิ่งจะอดทนมา

“ไปให้พ้น เมิ่งเฉิน บัดซบ เจ้ากล้าดีอย่างไร! ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะฟ้องพี่ชายข้า และสายโลหิตของเจ้าก็จะถูกกวาดล้างไปทั้งหมด” บุรุษวัยกลางคนกล่าว

“เห็นได้ชัดว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าก็แซ่เมิ่งด้วยเช่นกัน หรือว่าเจ้าไม่คิดว่าพวกข้าคือส่วนหนึ่งของตระกูลเมิ่งอีกต่อไป?” เมิ่งฮ่าวเคยคาดเดาถึงสถานการณ์อันน่าอนาถใจของกลุ่มสายโลหิตท่านตาในตอนนี้ แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ก็ทำให้ต้องรู้สึกราวกับมีใบมีดอันคมกริบ กำลังกรีดเฉือนหัวใจของตนเองออกเป็นชิ้นๆ

เมิ่งฮ่าวกำมือแน่นในทันที ทำให้เสียงแตกร้าวและเสียงปะทุดังก้องขึ้นมา บุรุษวัยกลางคนแผดร้องออกมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวบดขยี้มือลงไปอีกครั้ง ความหวาดกลัวและเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่างมัน แต่ขณะที่เสียงแผดร้องดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่แผ่นหลังของมัน

การกระทำนั้นทำให้เสียงแตกร้าวดังก้องออกมามากยิ่งขึ้น ขณะที่กระดูกทั้งหมดในร่างของบุรุษวัยกลางคนแตกกระจายกลายเป็นฝุ่นผงไป โดยที่ไม่มีโครงกระดูกค้ำยันร่างมันไว้ ทำให้บุรุษผู้นั้นกลายเป็นถุงหนังกองลงไปบนพื้น

ไม่มีเสียงดังออกมา ขณะที่มันนอนกองอยู่ที่นั่น ดูไม่เป็นผู้คนอีกต่อไป ตอนนี้ความเจ็บปวดของมันเกินกว่าความตายมากนัก หญิงชราที่ยืนห่างออกไปด้านข้าง รู้สึกหวาดกลัวจนต้องอ้าปากค้าง สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้นางแทบไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง

สำหรับเมิ่งหรู นางกำลังจ้องมองมาด้วยความตกใจด้วยเช่นกัน

“เกอ…” นางพึมพำขณะที่เมิ่งฮ่าวช่วยพยุงร่างนางไว้ วางมือลงไปช่วยรักษานิ้วที่หักไป และอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน เมื่อนางได้สติกลับคืนมา ก็เริ่มหอบหายใจขณะที่จู่ๆ ก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้

คว้าจับไปที่แขนของเมิ่งฮ่าวและกล่าวว่า

“เกอ รีบด่วน พวกเราต้องรีบกลับไป จู๋หมู่ (ท่านย่า) กำลัง…จะตาย…”

“จู๋หมู่…ไว่ผอ (ท่านยาย) !!!” เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาโอบเมิ่งหรูไว้ในวงแขน บินจนหายลับตาไป

เมื่อเมิ่งฮ่าวจากไป หญิงชราที่อยู่ในลานบ้านในที่สุดก็กรีดร้องออกมา ทำให้สมาชิกในตระกูลคนอื่นๆ ได้ยิน เมื่อพวกมันมาถึง ก็มองเห็นบุรุษวัยกลางที่ไร้กระดูกกำลังนอนอยู่ที่นั่น คนทั้งหมดหอบหายใจออกมา

“ใครเป็นคนทำ? นี่…นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว สังหารไปเลยน่าจะดีกว่า!”

หมายเหตุ:

เนื่องจากบุตรธิดาต้องใช้แซ่ตามบิดา ดังนั้นเมิ่งหรูจึงเรียกว่าจู๋หมู่ (ท่านย่า) ซึ่งหมายถึงมารดาของบิดา แต่เมิ่งฮ่าวเรียกว่าไว่ผอ (ท่านยาย) ซึ่งก็คือมารดาของเมิ่งลี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version