Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1305

ตอนที่ 1305

ประตูมรดก

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจยังภาพที่ปรมาจารย์เอกะเทวะระเบิดเป็นพลังออกมา และรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาในทันที “ข้าจำได้ว่าไม่เคยทุบตีศีรษะเจ้าตอนที่ยังเล็กอยู่ ใช่หรือไม่?”

โชคร้ายที่คำพูดของเมิ่งฮ่าวยิ่งทำให้ปรมาจารย์เอกะเทวะรู้สึกเดือดดาลใจมากขึ้น ดวงตามันกลายเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่เริ่มนึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ จนต้องแผดร้องออกไปว่า “เจ้าสารเลวน้อยเมิ่งฮ่าว วันนี้ไม่เจ้าตายก็เป็นเหลาจู่สิ้น!”

ปรมาจารย์เอกะเทวะกู่ร้องออกมา พลังพุ่งขึ้นไป เริ่มขยับขาที่อ้วนสั้นของมันด้วยรูปแบบที่พิเศษเฉพาะ ดวงตาเริ่มสาดประกายขึ้น คาดไม่ถึงว่าปราณและโลหิตของมันเริ่มไหลเวียนด้วยวิธีเฉพาะตัว ราวกับว่ามันกำลังจะทุ่มออกมาจนสุดตัวเพื่อต่อสู้จนตายไป

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วก็คือประตูเคลื่อนย้ายทางไกลขนาดใหญ่ ได้ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวมัน

ในชั่วพริบตาประตูนั้นก็ทำการเคลื่อนย้ายร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะจากไป

ในขณะที่มันกำลังจะหายตัวไป เสียงหัวเราะด้วยความพึงพอใจในตนเองก็ดังก้องออกมา พร้อมกับคำพูดที่ติดตามมา “เหลาจู่ไปแล้ว เมิ่งฮ่าวเจ้าไม่ต้องตามหาเหลาจู่อีก ข้ารำคาญเจ้านัก!”

เมิ่งฮ่าวพอจะคาดคิดได้ว่าปรมาจารย์เอกะเทวะต้องรู้สึกพึงพอใจตนเองเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ จนเกิดเป็นสีหน้าแปลกๆ ขึ้น เมิ่งฮ่าวก้าวเดินตรงไปข้างหน้า และจากนั้นก็หายตัวไป

ตรงตำแหน่งที่ยืดยาวออกไปอีกแห่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของขุนเขาทะเลที่แปด รูปร่างที่ใหญ่โตมโหฬารของปรมาจารย์เอกะเทวะปรากฏขึ้นในทันที พร้อมกับเสียงหัวเราะดังก้อง

“เหลาจู่ช่างฉลาดนัก พิเศษไม่เหมือนใคร ไร้ผู้ต่อต้าน เจ้าเมิ่งฮ่าวนั่นคงไม่กล้าที่จะมาเทียบกับเหลาจู่อีกแล้ว?” ปรมาจารย์เอกะเทวะมีท่าทางภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความคิดว่าตนเองคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของคนฉลาดทั้งปวง กำลังมองลงไปยังคนทั้งหมดที่ด้านล่าง

อย่างไรก็ตาม ขณะที่มันกำลังถอนหายใจด้วยความรู้สึกยินดีอยู่นี้ เสียงไอแห้งๆ ก็ได้ยินออกมาจากด้านข้างที่ห่างไกลออกไป

ปรมาจารย์เอกะเทวะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

“หูฝาด ข้าต้องหูฝาดอย่างแน่นอน ทำไมเสียงไอนั้นถึงคล้ายกับเจ้าสารเลวน้อยนั่นเป็นอย่างยิ่ง?” ปรมาจารย์เอกะเทวะจิตใจสั่นสะท้าน มองไปยังด้านข้างและพบว่าเมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นข้างกายมัน ทำให้ดวงตาต้องเบิกกว้างขึ้น ในแง่ของขนาดรูปร่าง เมิ่งฮ่าวเทียบไม่ได้กับรูปร่างที่ใหญ่โตของปรมาจารย์เอกะเทวะแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาต้องหยุดจากการยื่นมือออกคว้าจับไปยังเคราเส้นหนึ่งของปรมาจารย์เอกะเทวะ และจากนั้นก็เหวี่ยงมันออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทำให้ร่างมันหมุนคว้างไปรอบแล้วรอบเล่า

จากนั้นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องขึ้น ขณะที่ร่างมันไปตกอยู่ยังที่ห่างไกลออกไป

ปรมาจารย์เอกะเทวะแผดร้องคำรามด้วยโทสะ

จากนั้นก็พุ่งตรงกลับไปยังเมิ่งฮ่าว อ้าปากกว้างขึ้นเพื่อที่จะกลืนกินเขาลงไป แต่เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงเย็นชา จนปรมาจารย์เอกะเทวะต้องร้องครางออกมาและหุบปากลง

“อ๊ากกกกก! เหลาจู่จะบ้าแล้ว! บัดซบ! บัดซบ! สู้ก็ไม่ได้ หลบหนีก็ไม่ได้ กินเจ้าก็ไม่ได้! พันธมิตรผู้ผนึกอสูรเป็นเจ้าลูกเต่าทั้งสิ้น! เหลาจู่จะจัดการพวกเจ้าให้หมด!!”

เสียงแผดร้องคำรามของปรมาจารย์เอกะเทวะ กลายเป็นระลอกคลื่นเสียงที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เวลาเดียวกันนั้นมันก็พุ่งถอยไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วสูงสุด เขย่าหลังตัวเองเล็กน้อย

“ศิษย์ทุกรุ่นแห่งสำนักเอกะเทวะ ออกมาสังหารคนผู้นี้!”

เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะเขย่าหลังของมัน ก็คล้ายกับเกิดแผ่นดินไหวไปทั่วแคว้นจ้าว แทบจะทันใดนั้นผู้คนนับร้อยก็บินออกมา หลังจากที่พวกมันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจ ยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน แต่หลังจากที่หอบหายใจออกมาชั่วขณะ พวกมันก็เริ่มประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว

“ขอน้อมพบ ท่านปรมาจารย์น้อย!”

“นั่นคือท่านปรมาจารย์น้อย? ขอน้อมพบ ท่านปรมาจารย์น้อย…”

บุคคลเหล่านี้จดจำได้ว่าเมิ่งฮ่าวคือใคร นอกจากนั้นเมิ่งฮ่าวก็เคยพบเจอกับกลุ่มคนเหล่านี้ตอนที่อยู่ในทะเลเทียนเหอบนดาวหนานเทียน

ในตอนนั้นปรมาจารย์เอกะเทวะเชื่อว่าตนเองเป็นผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยมอย่างลึกล้ำ ด้วยการมองการณ์ไกลอย่างน่าเหลือเชื่อ มันได้ประกาศให้เมิ่งฮ่าวมีศักดิ์ฐานะเป็นปรมาจารย์อย่างเป็นทางการ เพื่อหันเหความสงสัยของเขา

เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะมองเห็นศิษย์ทั้งหมดต่างก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว โทสะของมันก็ยิ่งเดือดพล่านขึ้นไปมากกว่าเดิม ตอนนี้แทนที่จะพยายามกลืนกินเมิ่งฮ่าว มันกลับพยายามบดขยี้เขาด้วยศีรษะของตนเอง

ในตอนนี้มันรู้ตัวดีว่าไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ เมิ่งฮ่าวรวดเร็วยิ่งจนมันต้องถอนหายใจออกมา ดังนั้นมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่มันสามารถจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ กระแทกไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยร่างกายของตนเอง ซึ่งดูเหมือนเป็นดวงดาวขนาดใหญ่ที่กำลังส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าความว่างเปล่าออกไป

“เลิกโวยวายได้แล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว จากนั้นก็ฟาดมือขวาออกไป

เสียงเพียะดังก้องออกมาจากศีรษะของปรมาจารย์เอกะเทวะ ทำให้ร่างมันถอยโซเซไปทางด้านหลัง รู้สึกเดือดดาลขึ้นจนแทบจะบ้าคลั่งไป แผดร้องคำรามออกมา “ใครโวยวาย? เจ้า เจ้า…เจ้าคนพาล!”

“ตลอดหลายปีที่เหลาจู่ท่องเที่ยวไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล สิ่งเลวร้ายที่สุดก็คือการไปพบกับเหล่าลูกเต่าจากพันธมิตรผู้ผนึกอสูร พวกเจ้าช่างไร้เหตุผลนัก!!”

ปรมาจารย์เอกะเทวะแทบอยากจะร้องไห้ออกมา ตอนนี้มันรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเมิ่งฮ่าว ทำให้จิตใจต้องเต้นรัวขึ้น แต่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ดวงตาลุกโชนขึ้นด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว อ้าปากขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา ทำให้สัญลักษณ์เวทนับไม่ถ้วนส่องแสงระยิบระยับไปทั่วร่าง เห็นได้ชัดว่า มันกำลังพยายามจะทำลายผนึกบนร่างของตนเอง

เสียงกระหึ่มได้ยินมา ขณะที่พลังอันมหาศาลระเบิดออกไป จนทำให้แม้แต่ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ยังต้องเบิกกว้างขึ้น

“ในตอนนั้น กลุ่มคนจากพันธมิตรผู้ผนึกอสูรต้องรวมตัวกันเพื่อผนึกมันไว้ ดูเหมือนว่าปรมาจารย์เอกะเทวะช่างยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง” ด้วยเช่นนั้น เขาจึงฟาดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่ปรมาจารย์เอกะเทวะหมุนคว้างออกไป เวลาเดียวกันนั้นเสียงแผดร้องด้วยโทสะของมันก็ดังก้องขึ้น

ครั้งนี้เป็นเสียงที่ดังมากกว่าเสียงร้องตะโกนก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว กลายเป็นลมพายุส่งเสียงดังกระหึ่มม้วนกวาดออกไป เวลาเดียวกันนั้นภาพที่มีขนาดใหญ่โตดูน่ากลัวก็ฉายขึ้นมาอยู่ด้านหลังมัน

“เหลาจู่และเจ้าต้องตายกันไปข้าง! ช่างเป็นคนพาลนัก!” มันแผดร้องออกมาด้วยโทสะ สัญลักษณ์เวทที่รวมตัวกันอย่างแน่นหนาเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ดูคล้ายกับเป็นร่างแหขนาดใหญ่ที่ปกคลุมปรมาจารย์เอกะเทวะไว้ภายใน

แต่พลังของปรมาจารย์เอกะเทวะก็พุ่งออกไป จนทำให้สัญลักษณ์เวทสีทองเริ่มแยกออกไปจากร่างมัน และลอยเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขณะที่พลังอันน่าตกใจบนร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะเริ่มแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวส่งเสียงดังกระหึ่มและสั่นสะเทือนไปมา

ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นพลังของปรมาจารย์เอกะเทวะ แต่ในครั้งก่อนหน้านี้ พื้นฐานฝึกตนของเขายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ จึงไม่อาจจะบังคับให้ปรมาจารย์เอกะเทวะตกอยู่ในมุมอับได้เช่นนี้ ตอนนี้เต่าชราไร้ทางเลือกใดๆ เหลืออยู่ ทำให้มันเริ่มบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างแท้จริง!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่ขยับมือขวาร่ายเวท จากนั้นก็ชี้นิ้วตรงไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ

“เวทผนึกอสูรรุ่นแปด!”

ทันใดนั้นปรมาจารย์เอกะเทวะก็หยุดชะงักนิ่ง เวลาเดียวกันนั้นสัญลักษณ์เวทสีทองที่กำลังลอยอยู่รอบๆ ตัวมัน ก็เปล่งประกายเจิดจ้าขึ้น จากนั้นก็ตกลงไปบนร่างมัน ปรมาจารย์เอกะเทวะแข็งทื่อไป และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความกราดเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อต่อต้านเวทผนึกอสูรได้

“จงเชื่อฟังได้แล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าว เดินไปตบศีรษะของปรมาจารย์เอกะเทวะ จนมันต้องจ้องมองมาด้วยโทสะ แต่ก็ไม่อาจจะขยับตัวเคลื่อนไหว ได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างแผ่วเบาเท่านั้น

เมิ่งฮ่าวรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ดังนั้นจึงมองไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ และกล่าวขึ้นว่า “ท่านปรมาจารย์ ข้ามีปัญหาอยู่ตอนนี้ อย่าได้ดิ้นรนต่อต้านเลย การให้ท่านมาเป็นพาหนะของข้า ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายนัก ใช่หรือไม่? เช่นนี้เป็นอย่างไร ให้ข้านำมรดกแห่งราชันหลี่จากไป ถ้าท่านไม่ต้องการจะติดตามข้า พวกเราก็แค่แยกย้ายจากกันไป”

ปรมาจารย์เอกะเทวะมีท่าทางครุ่นคิด เมิ่งฮ่าวบอกได้ว่ามันกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ไม่สนใจและขยับตัวเคลื่อนไหวในทันที ไปปรากฏตัวขึ้นที่หลังของปรมาจารย์เอกะเทวะ ผู้ฝึกตนนับร้อยที่บินขึ้นไป ต่างก็โค้งตัวลงให้กับเขาอย่างต่อเนื่องจากที่ห่างไกล ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้

เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ก่อนที่ก้าวเดินตรงไป ไปปรากฏกายขึ้นตรงเขตพื้นที่ราบลุ่มในแคว้นจ้าว บนชายฝั่งของทะเลสาบ กู๋อี่ติงซานอวี่กำลังยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางน่ารักเป็นอย่างยิ่ง ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามา

สายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน ส่งยิ้มให้กันและกัน

“ข้าไม่เคยลืมสัญญา ที่จะช่วยท่านให้กลายเป็นทะเล” เมิ่งฮ่าวเอ่ยขึ้น

“ข้ากลายเป็นทะเลแล้ว” นางกล่าวตอบ ใช้มือปกปิดรอยยิ้มไว้

เมิ่งฮ่าวตกตะลึง มองออกไปยังทะเลสาบ จากนั้นก็มองไปยังภูเขาต้าชิงที่อยู่ห่างไกลออกไป ในที่สุดก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด ทันใดนั้นร่างเมิ่งฮ่าวก็จมลงไปในพื้นดิน เคลื่อนที่ลึกลงไปในแคว้นจ้าว พร้อมกับส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้มุ่งหน้าลงไปยังส่วนที่ลึกมากที่สุดของแคว้นจ้าว

ในที่สุดก็ไปพบกับส่วนหลังของปรมาจารย์เอกะเทวะ ซึ่งมี…ประตูอยู่ที่นั่น!

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ประตูบานนั้น ร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที เมื่อมันหลุดพ้นออกมาจากเวทรุ่นแปด เวลาเดียวกันนั้นพลังอันรุนแรงก็เริ่มรวมตัวกัน

เสียงกระหึ่มได้ยินขึ้น ขณะที่ดูเหมือนว่าสัญลักษณ์เวทสีทองกำลังจะหลุดออกไปอีกครั้ง

พื้นดินสั่นสะเทือน เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนเองอยู่ลึกลงไปมากแค่ไหน เขาขมวดคิ้วยกมือขวาขึ้นมาร่ายเวท ครั้งนี้เขาชี้นิ้วปลดปล่อยเวทผนึกอสูรรุ่นเจ็ดออกไป ปรมาจารย์เอกะเทวะแผดร้องคำรามออกมาอีกครั้ง ร่างกายสั่นสะท้าน แต่เวทรุ่นเจ็ดของเมิ่งฮ่าวก็สะท้อนกับเวทที่อยู่ภายในร่างของเขา ทำให้ทุกอย่างสงบลงอีกครั้ง

“ไม่ต้องตื่นเต้นไป ข้าแค่มารับมรดกไปเท่านั้น หลังจากนั้นเจ้าก็จากไปได้ ข้ารู้มาหลายปีแล้วว่าเจ้ามาอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปดแห่งนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำให้เจ้าต้องกลายมาเป็นพาหนะของข้า” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเดินตรงไปยังประตูบานนั้น

แสงจางๆ ปกคลุมอยู่รอบๆ ประตู ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ ก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนที่คุ้นเคย ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังร้องเรียกตนเองอยู่!

ความผันผวนเหล่านั้นคือกลุ่มพันธมิตรผู้ผนึกอสูร และดูเหมือนว่าการร้องเรียกนั้นจะทำให้เวทผนึกอสูรมีปฏิกิริยาขึ้นมาในทันที และแผ่นหยกผนึกอสูรโบราณที่อยู่ในถุงสมบัติก็กำลังสั่นไปมาด้วยเช่นกัน

“ต้องเป็นพันธมิตรผู้ผนึกอสูรอย่างแน่นอน…ถ้าเช่นนั้นราชันหลี่…คือผู้ผนึกอสูรรุ่นที่เท่าไหร่กัน?!” แสงแปลกๆ สาดประกายขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว ขณะที่เริ่มมั่นใจในการคาดเดาก่อนหน้านี้อย่างน้อยก็เจ็ดในสิบส่วน

อย่างไรก็ตามขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ประตู ความรู้สึกของพลังสะท้อนก็เริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น อีกครั้งที่ปรมาจารย์เอกะเทวะเริ่มดิ้นรนอย่างรุนแรง ราวกับว่ากำลังถูกทิ่มแทง ขณะที่มันแผดร้องคำรามออกมา สัญลักษณ์เวทสีทองก็เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง ราวกับว่า…พวกมันกำลังจะพังทลายลงไป

ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า กลิ่นอายอันแข็งแกร่งกำลังพุ่งขึ้นมาจากภายในร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะ คาดไม่ถึงว่า…มันจะเทียบเท่ากับอยู่ในอาณาจักรเต๋า และกำลังพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว!

หนึ่งแก่นแท้, สองแก่นแท้, ราชันเต๋าสามแก่นแท้…

ท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ถ้าเขาไม่อาจจะทำให้ปรมาจารย์เอกะเทวะสงบลง ก็อาจจะมีผลกระทบต่อความพยายามที่จะได้ครอบครองมรดกแห่งราชันหลี่ของตนเองได้

“ท่านปรมาจารย์ ใจเย็นๆ จงเชื่อฟังข้า” เมิ่งฮ่าวกระทืบเท้าขวาลงไป ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างกระดองของปรมาจารย์เอกะเทวะ และพื้นดินอันกว้างใหญ่ที่ด้านบนแตกกระจายไป ขณะที่เกิดขึ้นเช่นนี้…กระดองเต่าสีดำสนิทก็เผยออกมาให้เห็น รวมทั้งหอกจำนวนมากที่แทงลึกลงไปอย่างน่าตกใจ!

นอกจากนั้น…ก็มีบางสิ่งที่มองเห็นได้จากบนกระดองเต่าตรงที่ห่างไกลออกไป มันคือ…สิ่งที่ค่อยๆ บิดเบี้ยวไปมาตลอดเวลาที่ปรมาจารย์เอกะเทวะเติบโตขึ้น มันคือ…ตัวอักษรหนึ่งแถว

ในทันทีที่ปรมาจารย์เอกะเทวะตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น มันก็แผดร้องออกมาด้วยโทสะและความอึดอัดใจ “อย่าดู!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version