Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1321

ตอนที่ 1321

หลานตาพบหน้ากัน

“เจ้า!!” สีหน้าจักรพรรดิเต๋านอกคอกเปลี่ยนไปในทันที ไม่รู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในที่แห่งใด แต่ก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นอายแห่งความตายในสถานที่แห่งนี้ แข็งแกร่งอย่างที่ยากจะอธิบายได้

มันสามารถจะบอกได้ว่าภายในกลิ่นอายแห่งความตายนั้นเป็นผนึกอันทรงพลัง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจมากเท่าใดนัก สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือมันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายนับสิบในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งยังน่ากลัวกว่าตนเองอีกด้วย!

แต่ละกลิ่นอายเหล่านั้นเทียบได้กับผู้ยิ่งใหญ่!!

นอกจากนี้กลิ่นอายเหล่านั้นก็เต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย เต็มไปด้วยความละโมบ ความกระหายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ราวกับว่าพวกมันกำลังเฝ้ารอปราณ โลหิตและพลังการฝึกตนของมันอยู่

ทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร และจิตใจก็เริ่มเต้นรัวด้วยคลื่นแห่งความตกใจอย่างรุนแรง “สามสิบสามนรก!!”

มันรู้ว่าสามสิบสามนรกคืออะไร มันคือสถานที่ซึ่งจิ่วเฟิงจื้อจุนทำการผนึกผู้ยิ่งใหญ่ไว้เมื่อนานมาแล้ว อันที่จริงสามสิบสามสวรรค์เคยตรวจสอบรายละเอียดของสามสิบสามนรกในเชิงลึกมานานแล้ว และได้ข้อสรุปว่า…สำหรับผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล มันคือสถานที่สำหรับโชควาสนา หรืออาจจะเป็นหายนะก็ได้ แต่สำหรับใครก็ตามที่ไม่ได้มาจากอาณาจักรขุนเขาทะเล มันคือสถานที่แห่งความตายอย่างแน่นอน!

ในตอนนี้มันรู้สึกราวกับว่าตนเองได้กลายมาเป็นอาหารให้สามสิบสามนรกเหล่านี้กลืนกินลงไป!

“ไม่!!” มันแผดร้องขึ้นมาด้วยโทสะ พุ่งตรงไปด้วยความพยายามจะบินไปยังปากทางออก แต่เมิ่งฮ่าวจะปล่อยให้มันทำเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาสร้างสถานการณ์ทั้งหมดเพื่อให้คนนอกคอกมาติดกับอยู่ในที่แห่งนี้ หลอกล่อให้มันเข้าไปด้านใน แล้วจะปล่อยให้มันโผล่ออกมาได้อย่างไรกัน?

“ยกเว้นผู้สืบทอดแห่งจิ่วเฟิงจื้อจุน หรือใครบางคนที่ท่านรับรองแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถจะใช้สถานที่แห่งนี้เพิ่มพลังการฝึกตนของตัวเองได้ จักรพรรดิเต๋านอกคอกผู้นี้…ต้องตายไปอย่างแน่นอน!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่แก่นแท้พลังชีวิตของตันหลางพุ่งขึ้นมาอยู่ภายในร่าง จู่ๆ สามสิบสามนรกก็สั่นสะเทือน กลุ่มหมอกอันเข้มข้นกระจายออกไป และเสียงโซ่เหล็กกระทบกันไปมาก็ได้ยินขึ้น พร้อมกับเสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะ

เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือขวาออกไป เพื่อเรียกสุดยอดสะพานออกมา เมื่อสุดยอดสะพานบดขยี้ลงไป แก่นแท้พลังชีวิตของตันหลางก็ระเบิดออกไป กลุ่มหมอกที่อยู่ภายในรอยแตกไม่เพียงแต่จะมีความหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น แต่พื้นดินที่อยู่ตรงฐานด้านล่างของป้ายหลุมฝังศพก็แตกร้าวและแยกออกจากกัน ทำให้เกิดเป็นแรงดึงดูดอันมหาศาลพุ่งขึ้นมา

สีหน้าของจักรพรรดิเต๋านอกคอกเปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจ และส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะออกมา ตอนนี้มันกำลังสั่นไปทั้งร่าง ทุ่มพลังออกมาจนสุดตัวเพื่อพยายามจะหลบหนีออกไป อย่างไรก็ตามโซ่เหล็กก็พุ่งฝ่าอากาศมา ม้วนพันไปรอบๆ ตัวมัน จากนั้นกลุ่มหมอกก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ราวกับว่ายักษ์กำลังใกล้เข้ามา และคนนอกคอกก็ถูกฉุดลากเข้าไปในเวลาเดียวกัน

แรงดึงดูดอันน่าตกใจกำลังฉุดลากคนนอกคอกอยู่ ทำให้ไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ มันจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ขณะที่รอยแตกค่อยๆ เริ่มปิดลง ความบ้าคลั่งแวบขึ้นมาในดวงตา รวมทั้งความเกลียดชังอย่างชั่วร้าย

“ไม่!!”

ขณะที่มันแผดร้องคำราม เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมาเมื่อแสงสีโลหิตพุ่งขึ้นมา มันคือเกราะป้องกันที่กระจายกลิ่นอายแห่งผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยการปกป้องนั้น ทำให้มันหลุดพ้นเป็นอิสระออกมาจากโซ่เหล็กของยักษ์ และพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า

อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะที่มันเข้าไปใกล้รอยแตก…ปากทางออกก็ปิดลง!

ตูม!

จักรพรรดิเต๋านอกคอกแผดร้องคำราม ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความหวาดกลัว ขณะที่มองกลับลงไปยังกลุ่มหมอกที่ด้านล่าง เห็นได้ชัดว่ากลุ่มหมอกเหล่านั้นไม่ได้รับผลกระทบจากแรงดึงดูด เมื่อมองไปมันก็ตระหนักขึ้นมาในทันทีว่า มีสายตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความละโมบได้ปรากฏขึ้นอยู่ภายในนั้น

สิ่งที่ทำให้มันต้องสั่นสะท้านมากไปกว่านั้นก็คือว่า มันสามารถจะรู้สึกได้ว่าโลกแห่งนี้กำลังใกล้เข้ามาจากด้านอก…ราวกับว่าทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้กำลังตื่นขึ้นมา จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากใต้พื้นดินที่อยู่ลึกลงไป พร้อมกับเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความมุ่งหวังและโหยหา

“เลือดเนื้อ…วิญญาณ…พลังการฝึกตน…”

“ถ้าได้กินมัน ชีวิตข้าก็จะยืดยาวไปได้อีกหนึ่งหมื่นปี…”

“นานมากแล้วที่ข้าเคยลิ้มรสจักรพรรดิเต๋า…”

เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น ขณะที่จักรพรรดิเต๋านอกคอกแผดร้องคำรามด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ทุ่มพลังทั้งหมดเท่าที่จะรวบรวมได้ออกไป แม้แต่พลังชีวิตของตนเอง ให้ไหลเข้าไปในเกราะป้องกันผู้ยิ่งใหญ่สีโลหิต

ดวงตามันกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า กระแทกขึ้นไปยังด้านบนด้วยความหวังว่า จะทำลายให้เปิดออก และหลบหนีจากไปก่อนที่จะถูกกลืนกิน

ที่ด้านนอกของสามสิบสามนรก ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว กวาดเช็ดโลหิตออกมาจากมุมปาก จากนั้นก็ขยับตัวเคลื่อนไหว หลังจากที่ออกมาจากสามสิบสามนรก ก็มองกลับไปยังอาณาเขตสีดำสนิท และดวงตาก็แวบประกายเย็นชาขึ้น

“หวังว่าจักรพรรดิเต๋านอกคอกจะถูกสังหาร และกลายเป็นสารอาหารอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เมื่อข้ากลับมาในภายหลัง ก็สามารถจะดูดซับพลังที่ช่วยให้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม…ถ้ามันไม่ถูกสังหารไป อย่างน้อยก็จะติดอยู่ในนั้นนานสักพัก” เมื่อเมิ่งฮ่าวคิดไปถึงเกราะป้องกันสีโลหิตที่จักรพรรดิเต๋านอกคอกใช้ออกมา และกลิ่นอายอันเข้มข้นที่เกราะนั้นกระจายออกมา ก็เห็นได้ชัดว่ามันคือเครื่องป้องกันที่ได้รับมาจากผู้ยิ่งใหญ่

“ถึงแม้ว่ามันสามารถจะหลบหนีออกมาได้ แต่ก็คงไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็น่าจะมีเวลาในการเตรียมตัวเพื่อต่อสู้กำจัดจักรพรรดิเต๋าไปได้” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้าขึ้น หันหลังออกไปจากสามสิบสามนรก ตอนนี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ถูกสะกดไว้อีกต่อไป เขาส่งมันให้กระจายออกไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่แปด

สิ่งที่เมิ่งฮ่าวเห็นก็คือ ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลกำลังต่อสู้กับกลุ่มคนนอกคอกจากสวรรค์ชั้นแรกอย่างดุร้าย เนื่องจากสงครามก่อนหน้านี้ระหว่างขุนเขาทะเลที่เจ็ดและแปด ทำให้ผู้ฝึกตนเหล่านั้นคุ้นเคยกับการต่อสู้ และเกิดเป็นสองสนามรบหลักที่โจมตีกันไปมาอย่างวุ่นวาย

นอกจากสองสนามรบหลักนั้นแล้ว ยังมีการต่อสู้หลักอยู่อีกแห่ง…บนขุนเขาที่แปดเอง!

ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด และหนึ่งในห้าร่างจำแลงของจักรพรรดิเต๋านอกคอกกำลังต่อสู้กันไปมา ทำให้ขุนเขาที่แปดสั่นสะเทือนไปทั่ว ขณะที่ระลอกคลื่นแห่งวิชาเวทพุ่งกระจายออกไป เมิ่งฮ่าวมองเห็นไว่กงเมิ่งกำลังปะทะกับร่างจำแลงจักรพรรดิเต๋าครั้งแล้วครั้งเล่าได้แทบจะในทันที

“ไว่กง…” เมิ่งฮ่าวคิด ร่างแวบหายไป เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่บนสนามรบที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดและคนนอกคอกจากสวรรค์ชั้นแรก ในทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น พลังการฝึกตนก็พุ่งขึ้นมา และสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ม้วนกวาดออกไป ทำให้กลุ่มคนนอกคอกเกือบครึ่งต้องแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา ขณะที่ศีรษะพวกมันระเบิดออก

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็หายตัวไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไปปรากฏกายขึ้นบนสนามรบของผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลที่แปด อีกครั้งที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้ม้วนกวาดออกไป ทำให้เกิดเป็นเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องขึ้น เมื่อกลุ่มคนนอกคอกระเบิดออกไปคนแล้วคนเล่า

ด้วยการตายไปเป็นจำนวนมากในทันทีเช่นนี้ ทำให้จิตใจของกลุ่มคนนอกคอกต้องตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่หยุดชะงักนิ่ง หายตัวไปอีกครั้ง ไปปรากฏกายขึ้นตรงจุดสูงสุดของขุนเขาที่แปด

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้น ไว่กงกำลังโจมตีกลับไปด้วยพลังแห่งขุนเขาทะเล ร่างจำแลงจักรพรรดิเต๋านอกคอกกระอักโลหิตออกมาและถอยไปทางด้านหลัง แต่เมิ่งฮ่าวก็เพิ่งจะปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังมัน ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่กำมือเป็นหมัดและต่อยออกไปด้วยหมัดสังหารเทพ

เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่สีหน้าของร่างจำแลงเปลี่ยนไป มันไม่มีเวลาจะหลบเลี่ยง และหมัดนั้นก็กระแทกลงไปยังแผ่นหลังของมันโดยตรง ร่างกายครึ่งท่อนบนแตกกระจายไปในทันที และมันก็ส่งเสียงแผดร้องโหยหวนออกมา พุ่งถอยออกมาจากเมิ่งฮ่าว ร่างกายมันฟื้นฟูกลับมา แต่กลิ่นอายก็อ่อนแอลงไปเป็นอย่างมาก

เมื่อมันหมุนตัวกลับไปและมองเห็นเมิ่งฮ่าว สีหน้าก็สลดลง

“เจ้ายังไม่ตาย เกิดอะไรขึ้นกับหลงหลินจื่อ?”

“มันเรียกว่าหลงหลินจื่อ?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบเสียงราบเรียบ เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เมื่อทำเช่นนั้น ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด ไว่กงของเมิ่งฮ่าวก็เข้ามาใกล้ หลังจากที่เห็นว่าเป็นเมิ่งฮ่าว ท่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความรักและการรำลึกถึงความหลัง

หลังจากที่ผ่านไปนานหลายปี ท่านไม่เคยคิดว่าหลานชายของตนเองจะเติบใหญ่ขึ้นเช่นนี้

สีหน้าของจักรพรรดิเต๋านอกคอกสลดลงอีกครั้ง และความไม่อยากจะเชื่อก็สาดประกายขึ้นมาในแววตา มันตระหนักดีถึงพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของหลงหลินจื่อ ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอกว่าตนเองก็ตาม แต่ตอนนี้มันแยกตัวออกเป็นห้าร่าง หลงหลินจื่อพยายามจะสังหารคนผู้นี้ไปโดยไม่ได้แยกร่างออกมาเลย ดังนั้นจึงสามารถจะใช้พลังการต่อสู้ทั้งหมดออกมาได้

แต่มันก็ยังคงพ่ายแพ้!!

ถึงตอนนี้มันรับรู้ได้ว่ากลิ่นอายของหลงหลินจื่อได้หายไปแล้ว ทำให้ร่างจำแลงต้องหอบหายใจออกมา โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยมันเริ่มหลบหนีจากไป การต่อสู้ในครั้งนี้มีเรื่องราวที่คาดไม่ถึงมากเกินไปแล้ว

มันประเมินราชันแห่งขุนเขาทะเลผู้นี้ต่ำมากเกินไป…อันที่จริงร่างจำแลงของมันต้องพ่ายแพ้ให้กับอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมด ที่เลวร้ายมากที่สุดก็คือราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปดนี้ ทำให้มันพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า

สำหรับผู้ฝึกตนที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้น ระดับพลังการฝึกตนที่แท้จริงดูเหมือนว่าจะต่ำ แต่ก็สามารถจะป้องกันตัวเองจากการโจมตีมาของผู้ยิ่งใหญ่ได้

แม้แต่หลงหลินจื่อก็ไม่อาจจะสู้กับเขาได้ ทำให้จักรพรรดิเต๋านอกคอกสามารถคิดได้แค่เรื่องเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือหลบหนีจากไป

“คิดจะหนี?” ไว่กงเมิ่งร้องตวาดขึ้น กระทืบเท้าขวาลงไป ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวที่อยู่รอบๆ ตัวจักรพรรดิเต๋านอกคอกบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่เครื่องหมายผนึกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยกมือขวาขึ้นมา

ขยับร่ายเวทและชี้นิ้วออกไป เวทผนึกอสูรรุ่นที่แปด! ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะต่อสู้กับหลงหลินจื่อได้ แต่นี่เป็นเพียงแค่ร่างจำแลงของจักรพรรดิเต๋าเท่านั้น การสังหารมันไปจึงง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ!

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวชี้นิ้วออกไป ร่างจำแลงก็หยุดชะงักนิ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เวลาเดียวกันนั้น ไว่กงเมิ่งก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจและร้องอุทานขึ้นมาว่า “หือ?”

เมิ่งฮ่าวชี้นิ้วออกไปอีกครั้ง

เวทผนึกอสูรรุ่นที่เจ็ด เวทผนึกกรรม!

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของคนนอกคอก กรรมของมันตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย จนต้องแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา จากนั้นก็เป็นผนึกรุ่นหก ทำให้เครื่องหมายผนึกสีเทาปรากฏขึ้นบนหน้าผาก ต่อมาเสียงระเบิดก็ดังก้องขึ้นเมื่อเครื่องหมายนั้นแตกกระจายออกไป ทำให้ศีรษะมันแยกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็ยังไม่ตายไป มันรีบฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว แต่ก็อ่อนแอลงไปมากกว่าเดิม

หลังจากที่มาถึงเวทรุ่นที่ห้า เวทด้านในด้านนอก เสียงแตกร้าวก็กระจายออกไปทั่วทั้งร่างของมัน และเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวก็ดังก้องออกมา ขณะที่ร่างจำแลงแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป

แต่ก็ยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น แม้ในขณะที่ร่างมันแตกกระจายไป เมิ่งฮ่าวก็ปลดปล่อย…เวทผนึกรุ่นที่สองออกไป!

เวทจริงเท็จ!

เมื่อร่างกายที่กำลังพังทลายลงไปของมันเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่ และรีบหลบหนีออกไปยังที่ห่างไกล เศษชิ้นส่วนที่แตกกระจายไปทั้งหมดของร่างมันที่กลายเป็นของจริง…ก็กลายเป็นภาพลวงตาไป!

เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องอยู่ชั่วขณะก่อนที่มันจะตายไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมันกลายเป็นเถ้าธุลีไป ร่างจำแลงจักรพรรดิเต๋านอกคอกผู้นี้ไม่อาจจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวได้อย่างแท้จริง!

พลังการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวอาจจะเทียบไม่ได้กับตี้จ้าง แต่ก็ยังถือได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในอาณาจักรขุนเขาทะเล!

“ดี!” ไว่กงเมิ่งกล่าว หัวเราะเป็นเสียงดังก้อง ความรักในแววตาสาดประกายขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อมองไปยังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวหันหน้าไปด้วยความตื่นเต้น ประสานมือและโค้งตัวลงขณะที่กล่าวว่า “ฮ่าวเอ๋อร์ ขอน้อมพบไว่กง!”

ไว่กง (ท่านตา) และไว่ซุน (หลานชาย) มองดูซึ่งกันและกัน จิตใจเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก และความทรงจำอย่างที่ยากจะเรียงร้อยเป็นถ้อยคำออกมาได้ ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ถามเกี่ยวกับจู่ฟู่ (ท่านปู่)

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ไว่กงเมิ่งก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “มัน…ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล”

“ข้าปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้อาวุโสคนนอก และกลายมาเป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด โชคร้ายที่ข้าหลับใหลไปตั้งแต่ตอนนั้น แต่จู่ฟู่เจ้ามีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ด้วยพรสวรรค์ที่สูงเกินกว่าบิดาของเจ้า ผู้อาวุโสคนนอกจึงไว้ใจให้มันรับผิดชอบเรื่องสำคัญ…”

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังไว่กงและถามว่า “ผู้อาวุโสคนนอกนั้นคือใคร?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version