Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1385

ตอนที่ 1385

ความเป็นตายของผู้คนในขุนเขาทะเล

อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล่าวตอบหลี่หลิงเอ๋อร์ แต่เสียงประกาศยอมจำนนกลับเริ่มดังก้องอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“เหล่าฟูเป็นตัวแทนของสำนักเทียนเต้า (เต๋าสวรรค์)…”

“เหล่าฟูเป็นตัวแทนของตระกูลเซิน…”

ในช่วงเวลาก่อนที่ธูปจะไหม้หมดไป เสียงแล้วเสียงเล่าดังก้องอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้า ยกเว้นสำนักที่มาจากขุนเขาที่เก้าเอง และบางสำนักจากขุนเขาทะเลอื่นๆ ที่ยังคงแน่วแน่เด็ดเดี่ยวแล้ว คนทั้งหมดดูเหมือนว่าเลือกที่จะยอมจำนน…

ทุกเสียงที่พูดขึ้นมาทำให้เมิ่งฮ่าวต้องตกอยู่ในความเงียบมากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่ง…ทันใดนั้นเสียงอันเยือกเย็นก็ดังก้องออกมา ฟังดูเก่าแก่โบราณและอ่อนโยนราวกับเป็นเสียงของสตรี ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงนั้น ก็มองขึ้นไปอย่างฉับพลัน

“ข้าคือเจตจำนงแห่งทะเลที่เก้า ข้า…เลือกที่จะออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล ข้า…ยอมจำนน”

มีทั้งหมดเจ็ดสำนักและสิบเอ็ดตระกูลเลือกที่จะยอมจำนน รวมทั้งผู้ฝึกตนทั่วไปอีกนับหมื่นคน ทำให้จำนวนสุดท้ายของผู้ฝึกตนมีมากกว่าหนึ่งล้านคน

ในตอนที่ตระกูลและสำนักเหล่านั้นยอมจำนน ทางเลือกเดียวของพวกมันก็คือปฏิบัติตามคำสั่งของสุ่ยตงหลิว ออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่อาจที่จะอยู่ต่อไปได้อีก

พวกมันคือผู้ทรยศ และอาณาจักรขุนเขาทะเลก็จะไม่อดกลั้นต่อการปรากฏขึ้นของพวกมันในสงครามครั้งสุดท้ายนี้

พวกมันเริ่มเดินทางออกไปจากขุนเขาที่เก้า นำทรัพยากรและผู้แข็งแกร่งของพวกมันจากไป

พวกมันไม่ยอมล่าช้าหรือว่าเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ พวกมันจากไปด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

กลุ่มคนจำนวนมากที่ออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล ทำให้กองกำลังของอาณาจักรลดลงไปเกือบสามในสิบส่วน ภาพของผู้ฝึกตนจำนวนมากที่กำลังบินจากไป ทำให้คนที่เหลืออยู่ทางด้านหลังต้องแอบสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ พวกมันคิดว่ากลุ่มคนที่ยอมจำนน คงจะมีเป็นส่วนน้อยเท่านั้น

แล้วใครจะไปคาดคิดได้ว่าพวกมันจะยอมแพ้ไปอย่างมากมายเช่นนี้…? นอกจากนั้นแม้แต่การยอมจำนนเพียงแค่คนเดียว ก็จะทำให้ขวัญกำลังใจของอาณาจักรขุนเขาทะเลต้องตกต่ำลงไปทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

แม้แต่กลุ่มคนนอกคอกก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีผู้คนยอมจำนนมากมายเช่นนี้ เมื่อพวกมันมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ สีหน้าดูถูกเหยียดหยามก็ปรากฏขึ้น บางคนยังได้เริ่มหัวเราะออกมาอีกด้วย มองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ยิ่งใหญ่บุรุษแปดแก่นแท้ เหตุผลหลักที่มันพยายามจะสร้างความแตกแยกให้กับกองกำลังของอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็เนื่องมาจากความหวาดกลัวในตัวสุ่ยตงหลิวของมันนั่นเอง

ถึงแม้จะดูเหมือนว่ากลุ่มคนนอกคอกกำลังมีเปรียบ แต่ลึกลงไปในจิตใจ มันก็รู้ว่าจะต้องลดกองกำลังของฝ่ายตรงข้ามลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และจากนั้นเจตจำนงแห่งทะเลที่เก้าก็พูดออกมา ทำให้จิตใจของผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลต้องหมุนคว้าง ทะเลที่เก้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขุนเขาทะเล ดังนั้นการที่มันยอมจำนน…

ความหมายที่อยู่เบื้องหลังของการกระทำเช่นนั้นก็น่าจะลึกล้ำ และผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะไปขบคิด นั่นเป็นเพราะว่า…การที่ทะเลที่เก้าประกาศยอมจำนนก็เป็นการบ่งชี้ว่าเจตจำนงแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมด อ่อนแอลงจากการที่ขุนเขาทะเลอื่นๆ ถูกทำลายล้างไป จนไม่อาจจะควบคุมทะเลที่เก้าได้อีก

ถ้าเปรียบเจตจำนงแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลเป็นแม่ทัพใหญ่ ถ้าเช่นนั้นเก้าขุนเขาและเก้าทะเลก็เหมือนกับเป็นขุนพล ตอนนี้ขุนพลตายไปแล้วสิบหกคน และแม่ทัพใหญ่ก็อ่อนแอลงจนเหลือเพียงแค่สองขุนพลเท่านั้น แต่หนึ่งในสองกลับเลือกที่จะกลายเป็นผู้ทรยศ

เห็นได้ชัดว่าแม้แต่สุ่ยตงหลิวก็คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แสงอันเข้มข้นเริ่มสาดประกายขึ้นมาในดวงตาท่าน ขณะที่จ้องมองไปยังทะเลที่เก้าและจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่จ้องมองไปยังทะเลที่เก้า มองไปยังระลอกคลื่นที่กระจายไปทั่วทั้งผิวน้ำ และศีรษะของผู้ฝึกตนทะเลต่างๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำ ทะเลที่เก้าเริ่มเคลื่อนที่ออกไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ร้องตะโกนออกไปจนคล้ายกับเสียงฟ้าร้องคำราม “เป็นเพราะข้าใช่หรือไม่?!”

เป็นคำถามที่ไม่ควรจะถามออกไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ยอมที่จะอดกลั้นเช่นนั้น

หลังจากที่เงียบไปนานสักพัก เจตจำนงแห่งทะเลที่เก้าก็กล่าวตอบกลับมา

“ท่านก้าวหน้าขึ้นจนถึงจุดที่ข้ารู้สึกเสียใจที่ดื้อรั้นมากเกินไปในตอนนั้น แต่…ถึงแม้ว่าจะไม่มีท่าน ข้าก็ยังคงเลือกที่จะทำเช่นนี้ ข้าเป็นแค่ทะเลเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในอาณาจักรนี้ ถ้าอาณาจักรขุนเขาทะเลแข็งแกร่งด้วยตัวมันเอง ข้าก็จะก้มศีรษะให้กับพลังอำนาจของมัน แต่ตอนนี้…อาณาจักรกำลังจะหายไป และข้าก็ไม่ต้องการจะถูกกลบฝังไปพร้อมกับมัน”

ด้วยเช่นนั้น ทะเลที่เก้าก็ลอยออกไปจากขุนเขาที่เก้าราวกับเป็นกระแสน้ำที่ไหลย้อนกลับ จนกระทั่ง…ทั้งสองถูกแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง

ขณะที่คนทรยศจากไป ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเล ซึ่งเลือกที่จะไม่ยอมจำนน รู้สึกราวกับว่าจิตใจกำลังถูกแทงด้วยคมมีด จนถึงจุดที่ขวัญกำลังใจของพวกมันตกต่ำลงจนถึงที่สุด

และจากนั้นธูปก็ถูกเผาไหม้ไปจนหมดสิ้น…

อย่างไรก็ตามการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็ยังไม่เริ่มขึ้นในทันที สำนักและตระกูลที่ยอมจำนน รวมทั้งผู้ฝึกตนอีกมากมาย ต่างก็บินออกมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน รักษาระยะห่างซึ่งกันและกันไว้

ขณะที่พวกมันกระจัดกระจายกันออกไป ผู้ยิ่งใหญ่บุรุษแปดแก่นแท้ก็ลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะประกาศเป็นสงครามครั้งสุดท้ายออกมา

ผู้ที่ยอมจำนนแห่งทะเลที่เก้าเป็นสิ่งที่มันรู้สึกวิตกเป็นอย่างยิ่ง ใช้สายตาที่เย็นชากวาดมองไปยังผู้ฝึกตนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของขุนเขาทะเล และได้เห็นท่าทางที่หดหู่ใจของพวกมัน

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองที่ใครบางคนในอาณาจักรขุนเขาทะเลร้องตะโกนออกมาด้วยโทสะว่า น่าจะไล่ล่าผู้ทรยศและสังหารพวกมันไป บางคนยังได้เริ่มเรียกร้องให้ไห่เมิ่ง, สุ่ยตงหลิว และเมิ่งฮ่าว ยินยอมให้พวกมันกระทำเช่นนั้น

ไห่เมิ่งและเมิ่งฮ่าวรักษาความเงียบอันน่าขมขื่นนี้ไว้ แต่สุ่ยตงหลิวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป

“ถ้าพวกมันต้องการไป ก็ปล่อยพวกมันไป นับจากนี้เป็นต้นไป พวกมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรขุนเขาทะเลอีกต่อไป!” ถึงแม้ว่าเสียงของท่านจะดูเหมือนว่าเยือกเย็น แต่ผู้ยิ่งใหญ่บุรุษแปดแก่นแท้ก็สามารถจะรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและผิดหวังที่อยู่ภายในน้ำเสียงนั้นได้

จากนั้นมันก็เริ่มหัวเราะออกมา

เวลาเลื่อนผ่านไปเมื่อผู้ฝึกตนทั้งหมดที่ยอมจำนน ออกมาจากอาณาจักรขุนเขาทะเล และเข้ามาใกล้กองกำลังกลุ่มคนนอกคอก ในที่สุดผู้ยิ่งใหญ่บุรุษแปดแก่นแท้ก็โบกสะบัดมือออกไป

“การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเริ่มขึ้นได้!”

ตูมมมมมมม!!

ทันใดนั้นกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกที่ห้อมล้อมขุนเขาที่เก้าอยู่ก็แผดร้องคำรามออกมา จากนั้นก็พุ่งตรงไป ระเบิดเป็นรังสีสังหารและความดุร้ายออกมา

ในที่สุดกองกำลังด่านหน้าของกลุ่มคนนอกคอกก็ข้ามผ่านผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลที่ยอมจำนน ซึ่งกำลังสั่นสะท้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน นอกจากนั้นอาณาจักรขุนเขาทะเลก็เคยเป็นบ้านของพวกมันมาก่อน…

อย่างไรก็ตามแม้ในขณะที่กองกำลังกลุ่มคนนอกคอกม้วนกวาดผ่านฝึกตนขุนเขาทะเลที่ยอมจำนน ผู้ฝึกตนผู้หนึ่งก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา

“ข้ามีนามว่าจ้าวเทียนเหลียง! มีชีวิตอยู่เพื่อขุนเขาทะเล ตายไปเพื่อขุนเขาทะเล!!”

โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มันระเบิดตนเองขึ้นในทันที แต่เสียงระเบิดก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากกองกำลังขนาดใหญ่นั้น เช่นเดียวกับเสียงร้องตะโกนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายของมัน

แต่…หลังจากนั้น การระเบิดตนเองก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกที่ห้อมล้อมขุนเขาที่เก้า การระเบิดตนเองหนึ่งพันครั้งปะทุขึ้น จากนั้นก็หมื่นครั้ง จากนั้นก็หนึ่งแสนครั้ง!!

ด้วยการระเบิดตนเองแต่ละครั้ง ก็มีเสียงร้องตะโกนออกมา เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม, โศกเศร้าเสียใจ และบ้าคลั่ง

“ข้ามีนามว่าซุนโหยวไห่! มีชีวิตอยู่เพื่อขุนเขาทะเล ตายไปเพื่อขุนเขาทะเล!!”

“ข้ามีนามว่าฉางอี่! มีชีวิตอยู่เพื่อขุนเขาทะเล ตายไปเพื่อขุนเขาทะเล!!”

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มที่ดังก้องจนทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน การระเบิดตนเองเกิดขึ้นจนสามารถจะสร้างเป็นความหวาดกลัวให้กับจิตใจของเทพเซียน การระเบิดนับแสนครั้งกลายเป็นพลังทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ จนถึงช่วงเวลาหนึ่งสำนักแห่งหนึ่งก็เลือกที่จะปลดปล่อยความบ้าคลั่งของพวกมันออกมาด้วยการระเบิดตนเองไปทั้งสำนัก!!

“ข้ามีนามว่าโจวเซิ่ง! สหายเต๋าแห่งขุนเขาทะเล ถ้าพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ระลึกถึงความเสียสละของข้าในวันนี้!!”

“ข้ามีนามว่าหลิวเหวินอวี้ ถ้ามีใครรอดชีวิตไปจากสงครามครั้งนี้ ได้โปรด…ล้างแค้นให้ข้าด้วย!!”

เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่ทั้งสำนักทำการระเบิดตนเอง ความบ้าคลั่งของผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลทำให้กลุ่มคนนอกคอกสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง สำหรับผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่บนขุนเขาที่เก้า จิตใจพวกมันกำลังสั่นสะท้านด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงแต่สำนักเท่านั้นที่ตัดสินใจทำเช่นนี้ ต่อมาตระกูลแห่งหนึ่งก็แยกย้ายออกไปในทั่วทุกทิศทางและจากนั้นก็ระเบิดตนเองในทันที ไม่ว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันจะอยู่ในระดับใด ขณะที่พวกมันระเบิดขึ้น ก็ร้องตะโกนนามของตนเองออกมา และถึงแม้ว่าพวกมันจะรู้สึกเกลียดชังที่ต้องแยกจากขุนเขาทะเล แต่โทสะที่มีต่อกลุ่มคนนอกคอกก็ทำให้พลังการเสียสละของพวกมัน ปกคลุมไปทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวจนต้องสั่นสะเทือนไปทั่ว!

“วันนี้สำนักเทียนเต้าของพวกเราจะทำลายเต๋าของตนเอง ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเล ขอให้จดจำในสิ่งที่พวกเราได้กระทำในวันนี้!!”

“ตระกูลเซินของพวกเราเริ่มต้นทำสงครามนี้ด้วยผู้เข้มแข็งนับล้าน และตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียงแค่เก้าพันคนเท่านั้น ตระกูลของพวกเราแทบจะถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น ตอนนี้พวกเราทั้งเก้าพันคนจะระเบิดตนเอง ถึงแม้ว่าสายโลหิตของพวกเราจะถูกกวาดล้างไป แต่ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเล…ล้างแค้นให้กับพวกเราด้วย!!”

“ตระกูลหลี่…คือลูกหลานของราชันหลี่ บางทีพวกเราอาจจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล และบางทีรากเหง้าของพวกเราอาจจะไม่อยู่ในที่แห่งนี้ แต่…นี่คือบ้านของพวกเรา! วันนี้…พวกเรายินดีที่จะทำลายเต๋าของตนเอง! หลิงเอ๋อร์เสี่ยวเป้ย (ผู้เยาว์หลิงเอ๋อร์) เจ้าไม่จำเป็นต้องสาปแช่งข้าเหลาจู่!!!”

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา เหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจนี้ ทำให้กองกำลังกลุ่มคนนอกคอกทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง แม้แต่สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่บุรุษแปดแก่นแท้ก็ยังต้องสลดลงไป มันไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เวลาเดียวกันนั้นผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลก็กำลังสั่นสะท้าน และความฮึกเหิมก็ปะทุขึ้นมาจากส่วนลึกของความสิ้นหวัง

เสียงร้องตะโกนด้วยความขมขื่นและสิ้นหวังที่ดังก้องอยู่นี้ ทำให้โลหิตของผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลทั้งหมดต้องเดือดพล่านขึ้นมา ดวงตาพวกมันกลายเป็นสีแดงก่ำ และเริ่มแผดร้องคำรามออกมาด้วยความคลุ้มคลั่ง

คำพูดของท่านปรมาจารย์ดังก้องอยู่ในหูของหลี่หลิงเอ๋อร์ และนางก็สั่นสะท้านขณะที่มองดูตระกูลหลี่ของตนเองกำลังตกตายไป

ในตอนนี้การระเบิดตนเองยังได้เกิดขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย!

“สำนักหานเหมิน (ประตูยะเยือก) ของพวกเรา จะทำลายเต๋าของตนเอง ขอให้ฟ้าดินเป็นพยาน ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวได้เห็นว่าโลหิตของสำนักพวกเราจะสาปแช่งสามสิบสามสวรรค์ให้ตกตายไปด้วยความหวาดกลัว!!!”

“ชิงอวิ๋นเต้า (เต๋าเมฆาเขียว) ของพวกเราจะทรยศต่อขุนเขาทะเลได้อย่างไร!? ตายยยยยยย!!”

“เหล่าฟู, เต้าอวิ๋นหลาย เป็นผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเล จดจำนามนี้ไว้ เจ้าคนนอกคอกอันชั่วร้าย!!”

เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่การระเบิดตนเองเกิดขึ้นอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล แสงของการระเบิดพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาที่เก้า คล้ายกับเป็นบุปผาที่กำลังเบ่งบานอยู่นับไม่ถ้วน สิ่งที่แตกต่างไปจากบุปผาเหล่านั้นก็คือ…พวกมันเป็นบุปผาแห่งโลหิต!

เมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้าน ในตอนนี้เขารับรู้ได้ว่าทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งจากแผนการของสุ่ยตงหลิว เห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นในตอนที่สุ่ยตงหลิวกล่าวว่าจะปล่อยให้คนทั้งหมดจากไป แต่ถึงกระนั้นเมิ่งฮ่าวก็อดที่จะสะท้านใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นเขาก็จดจำได้ถึงสิ่งที่เคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว และตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงนั้นแล้ว

หลังจากที่สวรรค์ถูกเปลี่ยนแปลงไป ต้นเจี้ยนมู่ก็ปฏิเสธที่จะยอมจำนน และยอมที่จะทำลายตัวเองอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว!

มันคือเต๋า มันคือสุดยอดของกฎธรรมชาติและกฎแห่งเวททั้งปวง บางที…มันอาจจะเป็นเต๋าที่แท้จริง เป็นวิวัฒนาการขั้นสุดท้าย ซึ่งกลายมาเป็น…ภาพลวงตา แต่ก็มีเต๋า…คงอยู่อย่างแท้จริง!

ทันใดนั้นสุ่ยตงหลิวก็ร้องตะโกนขึ้นว่า “ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเล ถ้าไม่ต่อสู้ในตอนนี้ แล้วจะรอถึงเมื่อไหร่!?!?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version