Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1442

ตอนที่ 1442

มันอดทนได้ไม่ถึงห้าวัน

ไม่ใช่จินหยุนซานเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เพ่งความสนใจไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนแท่นบูชา เจ้าสำนักและซาจิ่วตงต่างก็เพ่งมองไปด้วยเช่นกัน

ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน พร้อมกับแววตาอิจฉาและความมุ่งหวังที่แวบประกายขึ้นเป็นระยะ

“ตี้จิ่วจื้อจุนจะต้องยืนหยัดได้นานที่สุดอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่ามันจะอดทนได้อีกกี่วัน…”

เวลาเลื่อนผ่านไป เมื่อถึงวันที่สี่ จากกลุ่มคนทั้งเจ็ดมีอยู่สามคนที่กำลังสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่ากำลังจะลืมตาขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าพวกมันจะยินดีหรือไม่ก็ตาม กลิ่นอายแห่งการตื่นขึ้นมาเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น

“ผู้ยิ่งใหญ่อันดับเจ็ด, ห้าและสี่ มีพื้นฐานฝึกตนที่อ่อนแอกว่าคนอื่นๆ อยู่เล็กน้อย ข้าเกรงว่าพวกมันคงอดทนได้ไม่ครบสี่วัน” เสียงพูดคุยกระซิบกันไปมา ดังขึ้นในท่ามกลางเหล่าผู้ชมที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น

สีหน้าเมิ่งฮ่าวยังคงสงบนิ่ง แต่ในจิตใจความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับเวทผนึกสวรรค์ กำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤต โชคดีที่พลังแห่งความรู้แจ้งเพิ่มขึ้น ทำให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับเวทผนึกสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์ในตอนนี้ ถ้ามีใครสามารถจะมองเห็นภายในร่างของเมิ่งฮ่าวได้ ก็คงจะตกใจเมื่อได้เห็นเครื่องหมายผนึกกำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ

ที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ เครื่องหมายผนึกนั้นคือสัญลักษณ์เวทอีกแปดชิ้นที่ดูเหมือนกันเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดนั้นคือเวทผนึกอสูรทั้งแปด เท่าที่เห็นเวทผนึกรุ่นเก้าในตอนนี้กำลังถูกสร้างขึ้นมาได้เจ็ดในสิบส่วนแล้ว

มีเส้นใยมากมายที่ยื่นคดเคี้ยวไปมาจากเครื่องหมายผนึกชิ้นที่เก้านั้น กระจายออกไปทั่วร่างกายเมิ่งฮ่าว เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกมันก็ทำการเชื่อมต่อกับ…เส้นใยของปราณเซียนที่อยู่ภายในร่าง ซึ่งถูกตัดไปในช่วงของการถูกทำให้แปดเปื้อน และกลายเป็นอสูร

เส้นใยทั้งหมดที่กระจายออกมาจากเครื่องหมายผนึก ทำการเชื่อมต่อกับเส้นใยของปราณเซียนอย่างสมบูรณ์ ยิ่งมีปราณเซียนเต็มอยู่ภายในร่างมากเท่าใด เมิ่งฮ่าวก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าการเข้าไปสู่เหนือสูงสุดก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าการปรากฏขึ้นของเวทผนึกรุ่นเก้า จะช่วยให้เมิ่งฮ่าวสามารถเดินไปตามวิถีเซียนซึ่งเคยหายไปจากก่อนหน้านี้ได้!

เครื่องหมายเวทผนึกรุ่นเก้าค่อยๆ ทำให้ปราณเซียนเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เมิ่งฮ่าวกระจายเป็นกลิ่นอายของเซียนออกมา!

เวลผ่านไปทีละชั่วยาม ในที่สุดครึ่งวันที่สี่ก็ผ่านไป และผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้สามคนก็สั่นสะท้าน ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา หลังจากที่สบตาซึ่งกันและกัน พวกมันก็ถอนหายใจและเคลื่อนที่ออกไปจากแท่นบูชา

พวกมันได้รับความรู้แจ้งที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้กลุ่มแรกที่ต้องออกไปจากแท่นบูชา ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ พวกมันไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงด้านนอกแท่นบูชา และเฝ้าสังเกตดูอีกสี่คนที่เหลือต่อไป

จากคนทั้งสี่เหล่านั้น สามคนกำลังสั่นสะท้าน มีแต่เมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่ยังคงดูสงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้

เมื่อใกล้จะสิ้นสุดวันที่สี่ และวันที่ห้ากำลังจะมาถึง ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้อีกคนก็ลืมตาขึ้นมา ตอนแรกแววตามันเต็มไปด้วยความงุนงง แต่ในที่สุดก็ถอนหายใจและออกไปจากแท่นบูชา

แทบจะในทันทีที่มันจากไป วันที่ห้า…ก็มาถึง

ในตอนนี้มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่บนแท่นบูชา รวมทั้งเมิ่งฮ่าว!

ในท่ามกลางเก้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ยิ่งใหญ่อันดับสองและสามมีพลังรองลงมาจากเจ้าสำนักเท่านั้น เมื่อวันที่ห้ามาถึง และพวกมันก็กำลังสั่นสะท้าน แต่ในตอนนี้เองที่กลิ่นอายแห่งการเข้าไปสู่เหนือสูงสุดจากการค้นหาความรู้แจ้งของพวกมันกำลังแข็งแกร่งขึ้น

“ถึงวันที่ห้าแล้ว!! เหลืออยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้น ไม่รู้ว่าใครจะอดทนได้นานมากที่สุด!”

“เจ้าสำนักอดทนได้เจ็ดวัน เช่นเดียวกับสหายเต๋าจินและซา เจ็ดวันคือขีดจำกัด”

“ข้าคิดว่าผู้ยิ่งใหญ่อันดับสองและสามจะต้องตื่นขึ้นมาในวันนี้ สำหรับตี้จิ่วจื้อจุน…มันอาจจะอดทนได้ถึงหกวัน แต่ไม่มีทางที่จะได้ถึงเจ็ดวัน!” ในขณะที่คนทั้งหมดกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้านขึ้นมา

ถึงแม้ว่าการขยับร่างนี้จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนมากนัก แต่คนทั้งหมดที่กำลังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด ก็สามารถจะสังเกตเห็นได้ในทันที

“หือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าตี้จิ่วจื้อจุนกำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว? นี่…นี่แค่วันที่ห้าเอง!”

“การต่อสู้ของมันกับสหายเต๋าจินก็พิสูจน์แล้วว่ามันมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นหนึ่งในราชันผู้ยิ่งใหญ่ แล้วมันจะตื่นขึ้นมาหลังจากที่ผ่านไปแค่ห้าวันได้อย่างไร?”

ดูเหมือนว่าคนทั้งหมดจะรู้สึกตกตะลึง แต่ริมฝีปากของจินหยุนซานก็บิดขึ้นมาจนกลายเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา มันรู้สึกมั่นใจในวิจารณญาณของตนเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่ทบทวนการต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวมาหลายครั้งจากไม่กี่วันที่ผ่านมา มันก็ยิ่งเชื่อว่ามีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมากเกี่ยวกับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว

ส่วนที่แปลกประหลาดนั้นก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีเก้าแก่นแท้อย่างแท้จริง ถ้ามี จินหยุนซานก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถบีบบังคับให้เขาใช้ออกมาได้

“บางทีมันอาจจะใช้วิธีการพิเศษเฉพาะบางอย่าง เพื่อปลดปล่อยพลังการต่อสู้ของระดับเก้าแก่นแท้ออกมา แต่ในความเป็นจริง พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่แค่ระดับแปดแก่นแท้เท่านั้น! ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง มันก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหนึ่งในราชันผู้ยิ่งใหญ่!” ดวงตาจินหยุนซานสาดประกายขึ้น และรอยยิ้มอันเย็นชาก็ยิ่งขยายกว้างมากขึ้น

ซาจิ่วตงและเจ้าสำนักต่างก็มีสีหน้าแปลกๆ ด้วยเช่นกัน

ขณะที่เฝ้าสังเกตดูเมิ่งฮ่าว พวกมันค่อนข้างจะตกใจ เมื่อเขาแสดงให้เห็นว่ากำลังจะตื่นขึ้นมาภายในช่วงเวลาแค่ห้าวันเท่านั้น

เวลาเลื่อนผ่านไปในที่สุดครึ่งวันที่ห้าก็ผ่านไป ตี้ซานจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับสาม) กระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำ และจากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ มันก็ส่ายหน้า แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ลุกขึ้นมายืนและออกจากแท่นบูชาไป

หลังจากนั้นไม่นานนัก ตี้เอ้อร์จื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับสอง) ก็มีท่าทางเซื่องซึมลงไป ร่างกายมันเหี่ยวแห้งลงอย่างถึงที่สุด และกลิ่นอายแห่งการตื่นขึ้นมาก็รุนแรงมากขึ้น แต่คาดไม่ถึงว่า…มันยังคงอดทนต่อไป

ทำให้เสียงพูดคุยดังขึ้นในท่ามกลางกลุ่มคนที่เฝ้ามองดูอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้านมากกว่าตี้เอ้อร์จื้อจุนซะอีก และกลิ่นอายแห่งการตื่นขึ้นมาก็ดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าบรรยากาศของการเข้าสู่เหนือสูงสุด คนเหล่านั้นมีสีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น? ตี้จิ่วจื้อจุนไม่อาจจะอดทนได้ถึงห้าวัน?”

“เป็น…เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน?”

“อาจจะเป็นอย่างอื่น มันไม่เคยใช้แก่นแท้ที่เก้าออกมา หรือเป็นเพราะว่า…มันไม่มีแก่นแท้ที่เก้าจริงๆ?!”

คนทั้งหมดในที่แห่งนี้ต่างก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และมีทักษะในการวางแผน ไม่นานนักคนทั้งหมดต่างก็ครุ่นคิดในทางเดียวกัน

ถ้าเมิ่งฮ่าวตื่นขึ้นมาภายในช่วงเวลาห้าวันจริงๆ คุณสมบัติใหม่ที่เขากลายเป็นหนึ่งในราชันผู้ยิ่งใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่ชวนให้สงสัย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดออกมา แต่เมื่อไหร่ที่กลับไปยังสำนัก เขาก็จะต้องพบเจอกับเรื่องยุ่งยากมากมาย

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวเริ่มสั่นสะท้านมากขึ้นกว่าเดิม และกลิ่นอายแห่งการตื่นขึ้นมาก็ยิ่งมีความเข้มข้นและชัดเจนมากขึ้น แม้แต่จิตใจเมิ่งฮ่าวก็ยังต้องสั่นสะท้านด้วยคลื่นแห่งความตกใจ

“ทำไมถึงเกิดขึ้นเช่นนี้?!?! นี่เป็นไปไม่ได้!!” เมิ่งฮ่าวแผดร้องอยู่ภายในใจ สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเองไปรวมตัวกันอยู่ที่เครื่องหมายผนึกของเวทรุ่นเก้าโดยสิ้นเชิง เครื่องหมายนั้นมีความสมบูรณ์ถึงเก้าในสิบส่วนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน และเส้นใยที่กำลังกระจายออกมาจากมันก็เต็มไปทั่วร่าง เวทรุ่นเก้าใกล้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และพื้นฐานฝึกตนก็เตรียมพร้อมที่จะพุ่งทะยานขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาแห่งความคาดหวังนี้ คาดไม่ถึงว่าเครื่องหมายผนึกของเวทรุ่นเก้า…เริ่มแยกส่วนออกจากกัน!!

เมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็ยืนยันได้ว่ามันเป็นความจริง เครื่องหมายผนึกกำลังแยกส่วนออกไปจริงๆ โดยไม่มีการเตือนหรือบ่งบอกเลยว่าทำไม ภายในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วยาม เครื่องหมายผนึกมากกว่าครึ่งพังทลายลงไป ทำให้เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว

นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเมิ่งฮ่าวถึงกำลังสั่นสะท้าน เวลาเดียวกันนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็พยายามจะกวาดเขาออกไปจากขั้นตอนการรู้แจ้งนี้

พลังสำรองของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นมา เขามีมรดกจากสุ่ยตงหลิว และที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็ยังมีตะเกียงสัมฤทธิ์อีกด้วย

เมื่อพลังอันแข็งแกร่งพยายามจะบังคับให้เขาออกไปจากการรู้แจ้งและบังคับให้ตื่นขึ้นมา ตะเกียงสัมฤทธิ์ก็เริ่มกระจายเป็นแสงอันอ่อนโยนออกมา ทำการลบล้างพลังนั้นไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก

คนทั้งหมดมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และในที่สุดโลหิตก็เริ่มหยดลงมาจากคาง

ในตอนนี้เองที่จู่ๆ ตี้เอ้อร์จื้อจุนก็กระอักโลหิตออกมา และสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ขณะที่โลหิตไหลซึมลงมา มันก็นั่งอยู่ที่นั่นชั่วขณะ จากนั้นก็ดิ้นรนลุกขึ้นมายืน แต่แทนที่จะมีท่าทางพ่ายแพ้ มันกลับแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา เมื่อก้าวเดินออกไปจากแท่นบูชา อย่างน่าประหลาดใจยิ่งที่มันกระจายเป็น…กลิ่นอายของขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ออกมา!

กลิ่นอายนั้นทำให้คนทั้งหมดที่มองดูอยู่ในบริเวณนั้นต้องตกตะลึงขึ้นมาในทันที

เจ้าสำนัก, ซาจิ่วตง และจินหยุนซานต่างก็เพ่งมองไป ตี้เอ้อร์จื้อจุนได้รับโชควาสนามาจากแท่นบูชาอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่ามันจะไม่บรรลุถึงขั้นสูงสุด แต่พื้นฐานฝึกตนของมันก็ก้าวหน้าขึ้นไปครึ่งก้าว ทำให้อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเก้าแก่นแท้

ทันใดนั้นเสียงที่แสดงถึงความยินดีก็เริ่มดังก้องออกมา เจ้าสำนักยิ้มและประสานมือให้ด้วยความหมายอันลึกล้ำ

ตี้เอ้อร์จื้อจุนที่กำลังตื่นเต้น สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที ภายในดวงตาแวบประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ ถ้าเมิ่งฮ่าวสามารถจะกลายเป็นหนึ่งในราชันผู้ยิ่งใหญ่ มันเชื่อมั่นว่าตนเองก็สามารถจะทำได้เช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่า ถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่บนแท่นบูชา แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสั่นสะท้านไปมา

นั่นคือสิ่งที่ทำให้ตี้เอ้อร์จื้อจุนรู้สึกมั่นใจ และเป็นเหตุผลที่ทำไมคนทั้งหมดถึงได้ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้

ทันใดนั้นจินหยุนซานก็หัวเราะหึๆ พร้อมกับกล่าวว่า

“มันอดทนได้เพียงแค่ห้าวันเท่านั้น อีกสองชั่วยามก็คงจะจบลงแล้ว” ขณะที่เสียงของมันดังก้องออกไป ซาจิ่วตงก็ขมวดคิ้ว และแววตาสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตาเจ้าสำนัก

คนทั้งหมดมองไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครต้องการจะพูดออกมา สายตาทุกคู่จ้องนิ่งไปบนร่างเมิ่งฮ่าว ในขณะที่เวลาเลื่อนผ่านไป

จิตใจเมิ่งฮ่าวตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย จ้องมองไปยังจุดแสงที่กระจัดกระจายไปของเวทรุ่นเก้า ขณะที่พวกมันเริ่มลอยเข้าไปในร่างอย่างช้าๆ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็เริ่มทำจิตใจให้เยือกเย็นลง

“ความคิดของข้าต้องไม่ผิดพลาด การเปลี่ยนเวทผนึกสวรรค์ให้กลายเป็นเวทรุ่นเก้าของข้าคือความคิดที่ถูกต้อง”

“ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดขั้นตอนการรู้แจ้ง ความเข้าใจในเวทผนึกสวรรค์ของข้าก็ไปไกลเกินกว่าระดับก่อนหน้านี้ ข้ายังทำการรวบรวมเวทผนึกได้อย่างราบรื่นอีกด้วย ดังนั้นทำไมข้าถึงต้องล้มเหลวในตอนสุดท้าย?”

“ข้าจำเป็นต้องลองพยายามอีกครั้ง และค้นหาเหตุผลให้ได้ ว่ามีอะไรที่ทำให้การแปลงเวทรุ่นเก้าของข้าต้องล้มเหลว!?” เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เมิ่งฮ่าวก็ไม่ลังเลที่จะเริ่มรวบรวมจุดแสงที่เป็นเวทรุ่นเก้าเข้าด้วยกัน พร้อมกันนั้นก็ใช้พลังของแท่นบูชาเพื่อเร่งความเร็วของขั้นตอนการรู้แจ้ง

ขณะที่จุดแสงถูกรวมเข้าด้วยกัน เครื่องหมายผนึกของเวทรุ่นเก้าก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่ ครั้งนี้เมิ่งฮ่าวดำเนินการด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ทุกลมหายใจที่ผ่านไป

เขาเพ่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ หลังจากที่บรรลุถึงระดับความรู้แจ้งต่างๆ เขาก็ใช้ความรู้ที่ได้รับมานั้นสร้างเป็นเวทรุ่นเก้าตามลำดับ

เวลาเลื่อนผ่านไป หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม…เสียงกระหึ่มดังก้องอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว และเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนี้เองที่…วันที่ห้าก็สิ้นสุดลง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version