ตอนที่ 1512
ตัดสัมพันธ์
ทุกสิ่งทุกอย่างในสำนักเงียบกริบลง มีแต่เมิ่งฮ่าวและเฉินฝานเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่
“เมิ่งฮ่าว เจ้า เจ้า…” เฉินฝานกำลังสั่นสะท้านด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ยังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมานี้ สายตาเต็มไปด้วยความเสียใจ, โทสะ และขัดแย้ง
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ยังซากศพและถอนหายใจ จากนั้นก็มองไปยังเมล็ดหลัวเทียน ที่กำลังพยายามจะแทรกซึมเข้ามาในฝ่ามือและบดขยี้มันไป!
เฉินฝานมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ขัดแย้ง “เจ้ากวาดล้างสำนัก! สังหารภรรยาและอาจารย์ของตัวเอง! ทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าโลกแห่งภาพลวงตานั้น? เมิ่งฮ่าว มันคุ้มค่าหรือไม่?”
เมิ่งฮ่าวมองตอบกลับไป “เฉินฝาน ข้ามักจะเคารพท่านในฐานะที่เป็นศิษย์พี่…หยุดเสแสร้งได้แล้ว ท่านมีวิถีทางของตนเองที่จะต้องเดินไป ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้กระทำเช่นนี้ แต่ก็มั่นใจว่าท่านคงมีเหตุผลของตนเอง ข้าจะไม่ตำหนิท่าน ข้าก็มีวิถีทางของตัวเองด้วยเช่นกัน”
เฉินฝานยืนที่นั่นด้วยความขมขื่นอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ขัดแย้งและขมขื่น ซึ่งค่อยๆ กลายเป็นความเด็ดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ “มันสัญญากับข้าว่า ตราบเท่าที่เจ้าสูญเสียตัวตนอยู่ในที่แห่งนี้ หลิงเอ๋อร์ก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างแท้จริง สำหรับมันแล้วการกระทำเช่นนี้ช่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ”
“เมิ่งฮ่าว ข้า, เฉินฝาน กระทำเรื่องทั้งหมดนี้ก็เพื่อการฟื้นคืนชีพของหลิงเอ๋อร์อย่างแท้จริง หลังจากที่ผ่านไปนานหลายปี นี่คือความหวังเพียงหนึ่งเดียวของข้า…ดังนั้น เจ้ามีสิทธิ์ที่จะตำหนิข้า แม้แต่จะเกลียดชังข้าก็ตาม เมิ่งฮ่าว…ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ…”
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็มีท่าทางขัดแย้งด้วยเช่นกัน
ความทรงจำต่างๆ แวบผ่านอยู่ในจิตใจ ขณะที่มองไปยังเฉินฝาน รู้ว่าหลิงเอ๋อร์ที่เฉินฝานพูดถึง คือซานหลิงแห่งสำนักอีเจี้ยน (กระบี่เดียวดาย)
เมิ่งฮ่าวส่ายศีรษะ ไม่สนใจเฉินฝานขณะที่นึกย้อนไปถึงอันตรายที่ตนเองเพิ่งจะพบเจอมา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่ากระจกทองแดง ไม่ใช่อี้ฟู่ (บิดาบุญธรรม) เคออวิ๋นไห่ ที่ยอมตายเพื่อให้ตนเองเข้าใจ และพลังแห่งเจตจำนงอย่างที่ยากจะจินตนาการได้ของตนเอง…ก็คงจะสูญเสียตัวตนไปในที่แห่งนี้ และกลายเป็นสิ่งที่หานเป้ยเคยบอกไว้ เขาจะต้องกลับไปอยู่ฝ่ายเดียวกับนางในฐานะของหลัวเทียนจื่อ
ถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้ว เมิ่งฮ่าวก้าวเดินตรงไปและใช้มือทำท่าฉีกกระชากออกไป เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่รอยแตกฉีกขาดออกอยู่ในอากาศที่เบื้องหน้า และกำลังจะก้าวเดินเข้าไป
“เมิ่งฮ่าว เจ้าไปไม่ได้! เจ้าต้องอยู่ต่อไป!” เฉินฝานร้องตะโกนขึ้น หยดน้ำตาไหลนองหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความคิดที่ถูกครอบงำ ยกมือขึ้นมา และโลกแห่งนี้ก็สั่นสะเทือน เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงกำลังตกลงมา จากนั้นก็ไหลเข้าไปในร่างเฉินฝาน
พลังของเฉินฝานพุ่งทะยานขึ้นไป และพลังการฝึกตนก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม เส้นเลือดเขียวโผล่ขึ้นมาบนใบหน้า ร่างกายสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ และดูเหมือนว่าจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปในทันที เหลือแต่เพียงสิ่งที่ถูกครอบงำเท่านั้น
ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นเงาร่างอันเลือนราง พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ยกมือขวาขึ้นมา จนดูเหมือนว่าแผ่นฟ้าและผืนดินจะคอยช่วยเกื้อหนุน และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็คงอยู่ภายในมือของมัน เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงแห่งหลัวเทียนได้ยึดครองร่างเฉินฝาน และกำลังใช้มันเป็นเหมือนเปลือกที่จะมาปรากฏตัวอยู่ภายในโลกแห่งนี้
เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา และเมิ่งฮ่าวก็ถอยไปทางด้านหลัง โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความโศกเศร้าเสียใจ บุคคลที่อยู่เบื้องหน้าตนเองคือศิษย์พี่ เป็นคนที่รู้จักกันดีมาโดยตลอดตั้งแต่สำนักเอกะเทวะบนดาวหนานเทียน จนแทบจะคล้ายกับเป็นพี่ชายร่วมสายโลหิตกับตนเอง
แต่ตอนนี้ก็ต้องต่อสู้กันเองอย่างไร้ทางเลือก
ไม่สามารถจะออมมือหรือยอมจำนน เฉินฝานไม่อาจจะล่าถอย มันทุ่มเทลงไปจนสุดตัว ด้วยความหวังว่าจะสามารถฟื้นคืนชีพภรรยาของตนเองได้
เมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะล่าถอยได้เช่นกัน ถ้าเขาล่าถอย ก็จะต้องสูญเสียตัวตนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ และจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งความจริงและความเท็จ สิ่งของเป็นของจริง ความเท็จก็คือช่วงเวลาที่พวกมันคงอยู่ไม่ใช่ในตอนนี้ แต่เป็นเมื่อในอดีต
เมิ่งฮ่าวยิ้มอย่างขมขื่น ใช้ฝ่ามือตบไปที่หน้าอกตนเอง และกระจกทองแดงก็ลอยออกมา กลายเป็นเส้นใยสีดำนับไม่ถ้วน กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งร่างในรูปแบบของชุดเกราะ อาวุธสงครามปรากฏขึ้นอยู่ในมือ และร่างเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังเฉินฝาน
เสียงกระหึ่มอย่างน่าเหลือเชื่อดังก้องออกมา แผ่นฟ้าแตกกระจายผืนดินพังทลาย และภูเขาก็กลายเป็นเศษหินดินทราย สำนักกลายเป็นเถ้าธุลี คนทั้งสองพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทำการต่อสู้กันไปมา
เฉินฝานกำลังต่อสู้ด้วยพลังเจตจำนงแห่งหลัวเทียน และความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่มันปลดปล่อยออกมาก็แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่ามันคือ…เวทความทรงจำ!
มันคือเวทหลอกลวงซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่ความทรงจำในจิตใจของเมิ่งฮ่าว ทำให้ภาพของเฉินฝานทั้งหมดซึ่งคงอยู่ในที่แห่งนั้น โจมตีมาโดยพร้อมเพรียงกัน
ไม่เพียงแต่เมิ่งฮ่าวในตอนนี้เท่านั้นที่กำลังตกเป็นเป้าโจมตี เมิ่งฮ่าวต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด ราวทั้งดาวหนานเทียนและสำนักเอกะเทวะก็เช่นเดียวกัน
เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ผลลัพธ์ก็คือในขณะที่เฉินฝานและเมิ่งฮ่าวต่อสู้กันในความเป็นจริง จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดราวกับถูกแทงนับไม่ถ้วน
รู้สึกว่าความทรงจำของตนเองกำลังหลุดออกมาจากความเป็นจริง ราวกับว่าความทรงจำของเฉินฝานกำลังพุ่งขึ้นมาและระเบิดออกไป วิชาเวทนี้ไม่ใช่เป็นแค่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่เป็นเต๋าที่สูงเกินกว่ากฎธรรมชาติใดๆ
เป็นบางสิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่เคยพบเจอมาก่อน
แต่ก็รู้ว่าหนทางเดียวเท่านั้นที่จะกำราบเฉินฝานได้ก็คือ ต้องเอาชนะมันในทุกความทรงจำเมื่อในอดีตทั้งหมดที่อยู่ในจิตใจของตนเอง
ขณะที่คนทั้งสองต่อกันในความเป็นจริง เมิ่งฮ่าวก็คิดย้อนกลับไปในตอนที่สามสิบสามสวรรค์กำลังจะตกลงมายังอาณาจักรขุนเขาทะเล แม้ในขณะที่ตนเองกำลังเตรียมตัวจะปกป้องขุนเขาทะเล ทันใดนั้นเฉินฝานก็โจมตีมา
เวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปยังดาวหนานเทียน
เมิ่งฮ่าวกำลังไปเยี่ยมเยือนเฉินฝานในสำนักของมัน คนทั้งสองกำลังดื่มสุราอยู่ที่เบื้องหน้าก้อนศิลาซึ่งเป็นซานหลิง แต่ทันใดนั้นดวงตาเฉินฝานก็แวบประกายรังสีสังหาร และกรีดเฉือนกระบี่ตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เวลาเดียวกันนั้น เขาได้ย้อนกลับมาในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน หลังจากที่ออกจากสำนักเอกะเทวะได้ไม่นาน ก็ไปถึงจุดศูนย์กลางของดินแดนด้านใต้ เมื่อไปพบเจอกับเฉินฝาน เฉินฝานรู้สึกดีใจที่ได้พบกับตนเอง แต่จากนั้นใบหน้าก็บิดเบี้ยวขึ้นด้วยความดุร้าย และโจมตีมา
คนทั้งสองย้อนกลับเข้าไปในสำนักเอกะเทวะ เมื่อสำนักใหญ่อื่นๆ มาเพื่อต้องการครอบครองคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ
ขณะที่ศิษย์คนอื่นๆ ถูกนำจากไป เมิ่งฮ่าวยืนโดดเดี่ยวอยู่บนยอดเขา เฝ้ามองไปด้วยความขมขื่นขณะที่บุรุษวัยกลางคนจากสำนักอีเจี้ยนถามเฉินฝานว่า ต้องการไปเป็นศิษย์มันหรือไม่
เฉินฝานกำลังจะตอบกลับไป แต่ดวงตาก็แวบประกายขึ้น โดยไม่มีการกล่าวเตือนล่วงหน้าใดๆ มันหมุนตัวและโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที
ยังมีเหตุการณ์อื่นอีก ที่เมิ่งฮ่าวและเฉินฝานกำลังนั่งอยู่ด้วยกันในสำนักเอกะเทวะ เฉินฝานกำลังให้คำแนะนำเมิ่งฮ่าวเกี่ยวกับสำนัก แต่ทันใดนั้นดวงตาก็แวบประกายขึ้นด้วยความเย็นชาและโจมตีมา
ย้อนกลับไปยังวันแรกๆ ที่เมิ่งฮ่าวมาเข้าสังกัดสำนัก ตนเองและเจ้าอ้วนกำลังถูกนำตัวไปยังเขตข้ารับใช้ด้วยกัน แต่ทันใดนั้นเงาร่างเลือนรางสายหนึ่งได้ปรากฏขึ้น พุ่งลงมาจากยอดเขาแห่งหนึ่ง เงาร่างนั้นพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ด้วยความต้องการสังหาร
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากเมิ่งฮ่าว ขณะที่มองเห็นตนเองถูกเฉินฝานสังหารไปครั้งแล้วครั้งเล่า เวลาเดียวกันนั้น ก็มองเห็นตนเองสังหารเฉินฝานไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเช่นกัน ความทรงจำซ้อนทับกันไปเรื่อยๆ และเวลาเดียวกันนั้น การต่อสู้ที่แท้จริงของคนทั้งสองก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น
ความทรงจำของคนทั้งสองกำลังต่อสู้กันไปมา จนกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกปลูกฝังอยู่ในจิตใจ
“เมิ่งฮ่าว จงกลายเป็นหลัวเทียนจื่อ (บุตรแห่งหลัวเทียน) กลายเป็นหลัวเทียนสือเจ่อ (ทูตแห่งหลัวเทียน) เพื่อขจัดความเจ็บปวดของเจ้าไป! ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว!” เฉินฝานกล่าว
จากนั้นก็ร้องตะโกนขึ้นว่า “หลัวเทียน ร้อยเปลี่ยนพันแปลง!”
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น เมื่อชิ้นเนื้อและโลหิตของมันเหือดแห้งหายไป กลายเป็นโครงกระดูก และกลุ่มหมอกโลหิตซึ่งเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งหลัวเทียน ก็พุ่งกระจายออกไปปกคลุมเมิ่งฮ่าวไว้ภายใน
เวลาเดียวกันนั้นเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าวก็ระเบิดออก ทำให้กลุ่มหมอกกระจายเป็นเจตจำนงแห่งหลัวเทียนขึ้นมา ราวกับว่ามีผลกระทบกับเมิ่งฮ่าวจากด้านในออกมายังด้านนอก เพื่อบังคับให้เขากลายเป็นทั้งบุตรและทูตแห่งหลัวเทียน
เมื่อเมิ่งฮ่าวกำลังจะต่อสู้กลับไป ก็ตระหนักว่าพลังของสายโลหิตไม่ได้ช่วยปกป้องตนเองไว้แม้แต่น้อย แต่สามารถจะกล่าวได้ว่าโลหิตของตนเองกลับทำตัวเหมือนกับเป็นผู้เหย้าคอยต้อนรับเจตจำนงแห่งหลัวเทียนอย่างสมบูรณ์แบบ
แม้แต่ปราณอสูรภายในร่างก็ทำตัวเช่นนั้นอีกด้วย!
ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตนเอง ถูกจัดเตรียมมาสำหรับเจตจำนงแห่งหลัวเทียนโดยเฉพาะ ถ้าเจตจำนงแห่งหลัวเทียนเข้าไปในร่างของคนอื่นๆ การครอบครองนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นนี้
ราวกับว่านี่คือการครอบครองที่สมบูรณ์แบบ ราวกับว่าจริงๆ แล้ว เมิ่งฮ่าวได้เตรียมตัวมาโดยเฉพาะสำหรับเจตจำนงแห่งหลัวเทียน
ทั้งภายาในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสายโลหิตหรือปราณอสูร ไม่ว่าจะภายในความทรงจำหรือไม่ใช่ความทรงจำ เมื่อเจตจำนงแห่งหลัวเทียนระเบิดออกไป ก็ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะไร้พลังที่จะต่อต้านมันได้ แต่จากนั้นจู่ๆ เจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็หยุดชะงักนิ่งในทันที
เจตจำนงนั้นสามารถจะยึดครองวิญญาณ, โลหิต และแม้แต่ปราณอสูรของเมิ่งฮ่าว แต่ขณะที่มันแพ่กระจายออกไปทั่วร่าง พยายามจะทำการควบคุม ก็ต้องพบเจอกับพลังต่อต้านบางอย่าง
พลังต่อต้านนี้ออกมาจากตะเกียงสัมฤทธิ์!
ยิ่งไปกว่านั้นร่างของเมิ่งฮ่าวก็ถอดแบบมาจากตะเกียงสัมฤทธิ์เอง ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมสำหรับเจตจำนงแห่งหลัวเทียน เนื่องจากเช่นนั้นในช่วงวิกฤตอันร้ายแรงมากที่สุดนี้เอง ที่เจตจำนงแห่งหลัวเทียนต้องหยุดชะงักนิ่งในทันที
ในตอนนั้นเปลวไฟแห่งตะเกียงสัมฤทธิ์ได้ลุกโชนขึ้นมา ทำให้แสงอันยิ่งใหญ่กระจายออกไปต่อสู้กับเจตจำนงแห่งหลัวเทียน ดูเหมือนว่าพลังทั้งสองนี้เข้ากันไม่ได้ราวกับเป็นน้ำและไฟ
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ก็ดูเหมือนว่า เจตจำนงแห่งหลัวเทียนอันไร้ขอบเขต ซึ่งคงอยู่ในแผ่นฟ้าและผืนดิน พยายามที่จะพุ่งเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าวเพื่อกำจัดเปลวไฟของตะเกียงสัมฤทธิ์
ในช่วงวิกฤตนี้เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงสีแดง ในตอนที่ตะเกียงสัมฤทธิ์และเจตจำนงแห่งหลัวเทียนเริ่มต่อสู้ซึ่งกันและกัน เขาก็ยกมือขวาขึ้นมา และจากนั้นก็ทำท่าสับลงไปยังร่างของตนเอง!
“เวทผนึก ผนึกกรรม!”
เมิ่งฮ่าวกำลังใช้เวทผนึกอสูรเพื่อค้นหากรรมของเฉินฝาน เส้นใยกรรมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนศีรษะของมัน ในท่ามกลางเส้นใยเหล่านั้น มีอยู่เส้นหนึ่งเป็นสีดำสนิทที่เชื่อมต่อตนเองกับเฉินฝาน
“ตัด!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาด ใช้อาวุธสงครามกรีดเฉือนลงไปยังเส้นใยนั้น!