Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1515

ตอนที่ 1515

บิดาเรียกว่าอู่เหยีย

ดวงตานกแก้วกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า ขณะที่ลอยตัวอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ย้อนกลับไปในตอนที่ทั้งสองมารวมตัวใหม่ในครั้งแรก ความทรงจำของมันตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย แต่ถึงแม้ว่าไม่อาจจะมองเห็นเรื่องราวได้อย่างชัดเจน มันก็รู้ว่าเมิ่งฮ่าวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเลือกที่จะกลับมาหาเขา

มันมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้ความทรงจำที่กระจัดกระจายไปดูเหมือนว่าจะมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าภายในจิตใจของมันมีปมเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง ปมนั้นประกอบไปด้วยภาพของเมิ่งฮ่าว หลังจากที่เมิ่งฮ่าวตัวปรากฎขึ้น ปมนั้นก็เปิดออก ทำให้ความทรงจำที่ถูกลบล้างไปของนกแก้วปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

ในที่สุดจากช่วงวิกฤตอย่างลึกล้ำในตอนนี้ ความทรงจำที่ถูกลบไปของมันก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน และปะทุขึ้นมาด้วยพลังอันยิ่งใหญ่

ตูมมมมมมม!

ความทรงจำระเบิดขึ้นมาอยู่ในจิตใจนกแก้ว มันมองเห็นตัวเองพบกับเมิ่งฮ่าวในครั้งแรก มองเห็นตัวเองเผชิญหน้ากับอันตรายพร้อมกับเขาหลายครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มฟื้นฟูกลับคืนมา

ย้อนกลับไปในตอนที่ความทรงจำของมันถูกลบล้างไป มันได้ฝังปมนี้ไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ในที่สุดก็ทำให้มันมีโอกาสได้สติกลับคืนมา!

นกแก้วเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะจบลงอย่างน่าอนาถใจในตอนนั้น และตัวมันเองก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ แต่ก็ยังคงคิดแผนการสำรองนี้ขึ้นมาได้

“อู่เหยีย บิดาเรียกว่าอู่เหยีย!!” นกแก้วร้องตะโกน มันจดจำได้ จำได้ในทุกๆ เรื่อง มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังถูกกัดกินโดยใบหน้าเหล่านั้น และกรีดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กอันทรงพลังออกมาในทันที ชุดเกราะเมิ่งฮ่าวแตกกระจายไป ทำให้เกิดเป็นประกายไฟสีดำนับไม่ถ้วน ภายใต้การควบคุมของนกแก้ว ประกายไฟเหล่านั้นหมุนวนอยู่รอบๆ ตัวมัน เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นกระแสน้ำวน

พลังของกระแสน้ำวนสร้างเป็นแรงดึงดูดจำนวนมาก แต่พลังนั้นก็ไม่มีผลกระทบต่อโลกทั่วไป ยกเว้นใบหน้าที่กัดกินร่างเมิ่งฮ่าวอยู่เท่านั้น พวกมันถูกลากออกไปจากร่างเมิ่งฮ่าวซึ่งมีสีหน้าที่ดีใจขึ้นมาอย่างช้าๆ เวลาเดียวกันนั้นแสงของตะเกียงสัมฤทธิ์ก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

ใบหน้าเหล่านั้นส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน

ขณะที่ฉีกขาดออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในกระแสน้ำวน จนแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป แต่ก็ไม่ได้สังหารพวกมันไป แค่สร้างเป็นใบหน้าขนาดเล็กนับไม่ถ้วนเท่านั้น พวกมันปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะมีนับสิบเท่านั้น แต่มีนับร้อย จากนั้นก็นับพัน จากนั้นก็นับหมื่น

เมิ่งฮ่าวกำลังหอบหายใจ และร่างกายก็เหี่ยวแห้งลงไปอย่างน่ากลัว แต่ตอนนี้ใบหน้าเหล่านั้นไม่ได้กัดกินเขาอีกต่อไป พลังการต่อสู้และพลังการฝึกตนเริ่มฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็ปลดปล่อยพลังของตนเองออกไป ทำให้กระแสน้ำวนหมุนไปมาด้วยความรวดเร็วมากขึ้น

ในที่สุดก็กลายเป็นลมพายุขนาดใหญ่ ในขณะที่นกแก้วส่งเสียงแผดร้องออกมาอีกครั้ง ทำให้ลมพายุนั้นพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

“ท่านย่ามันเถอะ! พวกเจ้าบังอาจมาต่อสู้กับอู่เหยียได้อย่างไร? พวกเจ้าอาจจะไม่มีขนที่สวยงาม แต่อู่เหยียก็จะทะลวงพวกเจ้าจนตาย!” นกแก้วแผดร้อง

เมิ่งฮ่าวมองมาด้วยสายตาที่สาดประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น การที่นกแก้วฟื้นฟูความทรงจำกลับคืนมาได้ เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ตอนนี้ทั้งนกและคนต่างก็เร่งความเร็วเพิ่มขึ้น เพื่ออยู่ห่างออกไปจากกระแสน้ำวนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อย่างไรก็ตามใบหน้าที่ฉีกขาดกระจัดกระจายนับหมื่นเหล่านั้นก็ไล่ตามมาในทันที เมื่อพวกมันรู้สึกว่าไม่อาจจะตามไปได้ทัน ใบหน้าเหล่านั้นก็หลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นผืนหนังขนาดใหญ่ในทันที

ผิวหนังนั้นไม่มีกระดูก ไม่มีกล้ามเนื้อ ไม่มีโลหิต เป็นเพียงแค่ผิวหนังที่มีรูปร่างของมนุษย์เท่านั้น ส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงมายังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวและนกแก้วหลบหนี ผิวหนังไล่ตามมาทางด้านหลัง นกแก้วส่งเสียงแผดร้องที่ทรงพลังออกมา ราวกับว่ากำลังทุ่มออกมาจนสุดตัว

“ทำอย่างไรดี เมิ่งฮ่าว? บัดซบ! ความทรงจำของอู่เหยียเพิ่งจะฟื้นคืนกลับมา ก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว? ทำอย่างไรดี? ทำอย่างไรดี?”

“พวกเราอยู่ที่ด้านนอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตแล้ว ถ้าช้าไปแม้แต่น้อย เจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็จะตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ และพวกเราก็จะต้องตายไปอย่างแน่นอน ตอนนี้เจตจำนงของมันตื่นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…พวกเราต้องกลับเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต! ในที่แห่งนั้นเจตจำนงแห่งหลัวเทียนไม่มีผลกระทบกับพวกเราโดยตรง”

“เมิ่งฮ่าว เจ้าไปขัดขวางพวกมันไว้ได้หรือไม่? ข้าขอเวลาแค่ธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ก็สามารถจะเสียสละพลังแก่นแท้บางส่วนของกระจกทองแดง เพื่อสร้างเป็นประตูเคลื่อนย้ายทางไกลออกมา ทำให้พวกเราสามารถกลับเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวได้!” ถึงแม้ว่านกแก้วและเมิ่งฮ่าวจะเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่หนังผืนนั้นก็เคลื่อนมาด้วยความรวดเร็วมากกว่า และกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ทั้งสองตกอยู่ในกับดักอันร้ายแรง เป็นกับดักที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเป้าหมายอยู่ที่เมิ่งฮ่าว และด้วยเช่นนั้นทำให้แววตาเขาต้องแวบประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร

“เวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอก? ข้าคิดว่าน่าจะทำได้…” หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก็กัดฟันแน่น ถ้านกแก้วไม่ฟื้นฟูความทรงจำกลับคืนมา และเริ่มต้นให้การช่วยเหลือ เขาก็คงจะใช้เวทนั้นออกไปแล้ว

มันคือวิชาเวทที่เป็นไพ่ไม้ตายของตนเอง แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ และอาจจะทำให้เกิดเป็นผลกระทบอย่างที่คาดไม่ถึงขึ้นมาได้ ซึ่งยากที่จะบอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์หรือโทษอย่างไร

แต่ในตอนนี้ก็ไร้ทางเลือกอื่นอีกแล้ว ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา ขณะที่หมุนตัวไปในทันที และโบกสะบัดมือออกไป

“เริ่มติดตั้งค่ายกลเวท!” เมิ่งฮ่าวร้องตะโกนขึ้น ตนเองและนกแก้วร่วมมือกันมานาน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไตร่ตรองใดๆ ทันใดนั้นเส้นใยสีดำก็พุ่งออกมาจากนกแก้ว และเริ่มหมุนวนไปมาอยู่ทางด้านหลังเมิ่งฮ่าว เพื่อก่อตัวเป็นประตูเคลื่อนย้ายทางไกล

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่ชี้นิ้วออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวและพึมพำว่า “เวทรุ่นเก้า!”

สิ่งที่เมิ่งฮ่าวกำลังปลดปล่อยออกไปนั้นก็คือ…เวทรุ่นเก้า! ร่างจำแลงของตนเองสร้างเครื่องหมายผนึกได้อย่างสมบูรณ์แบบแปดชิ้นแล้ว และอยู่ในช่วงการสร้างชิ้นสุดท้าย แต่เพราะว่าเครื่องหมายชิ้นสุดท้ายยังไม่สมบูรณ์ ถ้าเมิ่งฮ่าวปลดปล่อยเวทรุ่นเก้าออกไป ก็ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบต่อร่างจำแลงหรือไม่ เขาไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาที่จะมาวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

เมิ่งฮ่าวใช้มือซ้ายขยับร่ายเวท จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไป

“เครื่องหมายผนึกแรก!” เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วทั้งฟ้าดิน และทุกสรรพสิ่งก็สั่นสะเทือนไปมา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน เมื่อพลังอย่างที่ยากอธิบายได้เริ่มมารวมตัวกันอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

ในทันทีที่เครื่องหมายผนึกปรากฏขึ้น หนังผืนนั้นก็หยุดชะงักนิ่งในทันที และแสงแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในส่วนลึกของดวงตามัน

ต่อมาเมิ่งฮ่าวก็ขยับมือร่ายเวทอีกครั้ง ทำให้เครื่องหมายผนึกชิ้นที่สองปรากฏขึ้น หลอมรวมเข้ากับเครื่องหมายผนึกแรก ทำให้พลังพุ่งทะยานขึ้นไปสูงมากกว่าเดิมนับสิบเท่าจากก่อนหน้านี้ จากนั้นก็มาถึงเครื่องหมายผนึกชิ้นที่สามและสี่ พวกมันปรากฏขึ้นมาทีละชิ้นและหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทำให้พลังอันน่ากลัวบรรลุถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ ทำให้ทุกสรรพสิ่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือนไปมาอย่างรุนแรง

ต่อมาเป็นเครื่องหมายผนึกชิ้นที่ห้า, หกและเจ็ด…ระดับพลังที่ปรากฏขึ้นมานั้น แม้แต่ชางหมางไถก็ไม่อาจจะต่อต้านได้ ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดก็ยังต้องสั่นสะท้าน ด้วยเครื่องหมายผนึกทั้งเจ็ดนี้ ก็ดูเหมือนว่าสามารถจะผนึกสวรรค์ได้อย่างแน่นอน

หนังผืนนั้นดูเหมือนว่าจะตกตะลึง เป็นครั้งแรก…ที่มันเริ่มถอยไปทางด้านหลัง แทนที่จะไล่ล่าติดตามมา แต่ตอนนี้เองที่แสงในดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และชูสองแขนขึ้นไป เจ็ดเครื่องหมายผนึกก่อตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นสัญลักษณ์เวทที่เปล่งแสงระยิบระยับ เริ่มพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว กระจายเป็นเจตจำนงที่สามารถจะผนึกได้แม้แต่สวรรค์

แสงที่เปล่งประกายออกมานี้ยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด เป็นแสงที่ดูเหมือนว่าจะสามารถผนึกได้ทุกสรรพสิ่ง ทำให้ความเจิดจ้าทั้งมวลต้องมืดสลัวลงไป ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงต้องก้มศีรษะลง เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง ขณะที่ทะเลแสงม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ตรงไปยังหนังผืนนั้น

“นั่นคืออะไร…?” เสียงแผดร้องนับไม่ถ้วนเริ่มดังก้องออกมาจากภายในหนังผืนนั้น แต่ไม่ว่ามันจะพยายามหลบเลี่ยงอย่างไร ก็ไม่อาจจะหลบรอดแสงนั้นไปได้ ซึ่งกระแทกลงมาในทันที

ด้านหลังเมิ่งฮ่าว นกแก้วอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปาก การใช้เวทรุ่นเก้าที่ไม่สมบูรณ์เช่นนี้ ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมาอย่างสูงลิ่ว

เสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง เวลาเดียวกันนั้นเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจก็ดังก้องออกมาจากหนังผืนนั้น ขณะที่แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยแสงที่สาดส่องไป ใบหน้าสกปรกมากมายปรากฏขึ้น และเริ่มลอยไปทางด้านหลัง ตรงไปยังเสาที่พวกมันจากมาในทันที

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว และกำลังส่ายโงนเงนไปมา ทันใดนั้นนกแก้วก็ละล่ำละลักพูดว่า “ตกลง ตกลง เกือบเรียบร้อยแล้ว อีกชั่วขณะพวกเราก็สามารถจะเคลื่อนย้ายทางไกลจากไปได้แล้ว”

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไปได้อย่างไร?”

เขาก้าวเดินตรงไป และพื้นฐานฝึกตนก็ปะทุขึ้นด้วยพลัง “จะไปอย่างไร?”

ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังเสาที่ใบหน้าเหล่านั้นกำลังหลบหนีเข้าไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

“หลังจากที่เจี้ยนเหริน (นางสารเลว) หานเป้ย ส่งข้ามาที่นี่ สถานที่แห่งนี้ก็พยายามจะสังหารข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนแรกก็เป็นภาพลวงตาพร้อมกับศิษย์พี่เฉินฝาน จากนั้นก็เป็นเจตจำนงแห่งหลัวเทียนที่พยายามจะครอบงำข้า ต่อมาก็เป็นเสาทั้งห้าเหล่านี้ และใบหน้าปราณอสูรก็พยายามจะกัดกินข้า…”

“แล้วจะให้ข้าหลบหนี? จะให้ข้าจากไปได้อย่างไร?” เมิ่งฮ่าวแผดร้องคำราม ฟาดฝ่ามือออกไปที่เบื้องหน้า ทำให้แสงอันไร้ขอบเขตพุ่งทะยานขึ้นไป

“ข้าถูกบังคับให้ต้องปลดปล่อยเวทรุ่นเก้าที่ยังไม่สมบูรณ์ออกไป ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์!”

“ในอดีตที่ผ่านมา มีกุ่ยจุน (ราชาภูตผี) แห่งโลกปีศาจ ผู้ฝึกตนผมขาวแห่งเทพเซียน และผู้แข็งแกร่งเหนือสูงสุดจากอาณาจักรมาร พวกมันทำลายเสาไปสามต้น ถึงแม้ว่าข้าไม่อาจจะทำได้เช่นเดียวกัน แต่ก็จะพยายามลองทำดู!” เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวผลักดันแสงที่รวมตัวกันของเครื่องหมายผนึกให้พุ่งตรงไปยังเสาของปราณอสูร

เมื่อเมิ่งฮ่าวบินตามไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็แตกกระจายออกไป และใบหน้าเหล่านั้นก็กรีดร้องออกมา แสงนั้นพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็ว และขณะที่เข้าไปใกล้เสาต้นนั้น แววตาเมิ่งฮ่าวก็แวบเป็นรังสีสังหารขึ้นมา จากนั้นก็ขยับมือร่ายเวทและร้องตะโกนขึ้นว่า “เครื่องหมายผนึกชิ้นที่แปด!!”

ด้วยเช่นนั้นเครื่องหมายผนึกชิ้นที่แปดก็ปรากฏขึ้น เปล่งแสงระยิบระยับเจิดจ้า หลอมรวมเข้าไปในแสงอันเจิดจ้าก่อนหน้านี้ และหลอมรวมเข้ากับเครื่องหมายผนึกอีกเจ็ดชิ้น แสงนั้นเริ่มสาดประกายขึ้นกลายเป็นสีม่วงอันเจิดจ้า!

แสงสีม่วงทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องเงียบกริบลงไป ทุกสรรพสิ่งเริ่มสั่นไหวไปมาอย่างที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ ใบหน้าเหล่านั้นจางหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน ขณะที่แสงนั้นกรีดเฉือนลงไปในเสาที่เป็นตัวแทนของอสูร

ท้องฟ้าแตกกระจาย และทุกสรรพสิ่งก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ขณะที่เสาอสูรสั่นไหวไปมา

เวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน บนดาวชางหมาง บนทวีปแรก ในเมืองแห่งหนึ่งของโลกมนุษย์ เสียวเป่าซึ่งเป็นชีวิตที่เก้าของร่างจำแลงเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นก็กระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็โซเซไปมาชั่วขณะก่อนที่จะล้มลงไปบนพื้น

ทั่วทั้งบ้านตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายในทันที

เสียวเป่าเริ่มสั่นสะท้าน และกระตุกไปมา เมื่อเครื่องหมายผนึกที่หลากหลายเริ่มสาดประกายเจิดจ้าอยู่บนหน้าผาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version