ตอนที่ 1521
สวรรค์ลงทัณฑ์
หนึ่งปีต่อมา ในความเงียบยามราตรี เสียวเป่ากำลังแกะสลักเครื่องหมายผนึกชิ้นที่เก้าอยู่ ทันใดนั้นท่อนไม้แกะสลักนั้นก็เรืองแสงอย่างเลือนรางขึ้นมา ซึ่งตอนนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ในตอนนี้เองที่เสียงฟ้าร้องได้ดังกระหึ่มอยู่ในท้องฟ้าที่ด้านนอก กระจายเต็มไปทั่วอาณาจักรแรก ราวกับว่าเจตจำนงที่ทรงพลังบางอย่างกำลังแสดงโทสะของมันออกมาด้วยเสียงแผดร้องคำราม ดูเหมือนสวรรค์จะกลายเป็นดวงตาที่เฝ้ามองมายังดินแดนที่ด้านล่าง ราวกับว่ามันกำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ ในที่สุดดวงตานั้นก็หายไป
ในขณะที่กลุ่มเมฆตรงด้านบนพลุ่งพล่านปั่นป่วน ร่างจริงเมิ่งฮ่าวกำลังนั่งอยู่ในบ้านที่ห่างไกลไปจากบ้านของเสียวเป่าไม่มากนัก ค่อยๆ มองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยสายตาที่เย็นชา
ในตอนนั้นเสียวเป่าอดไม่ได้ที่จะต้องสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังมองลงมายังตัวเองจากด้านบนท้องฟ้า เขามองกลับขึ้นไป แต่ก็แน่นอนว่าไม่อาจจะเห็นอะไรได้
ราตรีนั้นขณะที่กลุ่มเมฆพลุ่งพล่านปั่นป่วน สายฝนก็เริ่มตกลงมา
ฝนกลุ่มนั้นไม่เพียงแต่จะตกลงมาในเมืองนี้เท่านั้น แต่…ตกลงมาทั่วทั้งทวีปแรก
สายฝนคือสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดังนั้นผู้คนจึงไม่ให้ความสนใจมากนัก ถ้ามนุษย์ไม่สนใจ ผู้ฝึกตนก็ยิ่งไม่ให้ความสำคัญแม้แต่น้อย แต่สายฝนก็ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน!
เนื่องจากการตกลงมาอย่างไม่มีวันจบสิ้นของมัน ทำให้บางพื้นที่ที่เป็นที่ราบลุ่มเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน หายนะเริ่มมาเยือน ในที่สุดผู้ครองแคว้นของมนุษย์ก็เริ่มวิตกกังวล และเริ่มหาวิธีมาควบคุมน้ำท่วมในครั้งนี้
แต่สายฝนก็ยังไม่ยอมหยุดหลังจากที่ผ่านไปเจ็ดวัน ท้องฟ้าเริ่มมีแสงแดดสาดส่องแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่จากนั้นเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังก้องขึ้น และสายฝนก็เริ่มตกลงมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะตกลงมาอย่างไม่มีวันจบสิ้น ตกติดต่อกันเป็นเวลาสองสัปดาห์ จากนั้นก็สาม จากนั้นก็สี่…
จากนั้นก็สองเดือน, สามเดือน และสี่เดือน…
โดยปกติแล้วฝนที่ตกลงมาเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้ใครต้องรู้สึกวิตกกังวล แต่เมื่อสายฝนเริ่มตกลงมาเดือนแล้วเดือนเล่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นดินเปียกชุ่มท่วมท้นไปด้วยสายน้ำโดยสิ้นเชิง ก็เป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไป
ในตอนนี้มันคือหายนะที่แท้จริง จนถึงจุดที่ผู้ฝึกตนในทวีปแรกพยายามที่จะสอดมือเข้าไปทำให้ฝนหยุดตก อย่างไรก็ตามแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่อาจจะทำอะไรได้
สิ่งที่พวกมันสามารถทำได้อย่างมากที่สุดก็คือ สร้างเป็นลำคลองเพื่อนำน้ำฝนให้ไหลลงไปในมหาสมุทรเท่านั้น
แต่ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกตนมากมายที่พยายามจะสอดมือเข้าไป ต่างก็มีปัญหาในการฝึกตนอย่างร้ายแรง และจากนั้นก็ตายไป
ราวกับว่าพวกมันไปตอแยเจตจำนงแห่งสวรรค์ และกำลังถูกลงโทษให้ตายไป
โลกมนุษย์เปี่ยมล้นไปด้วยน้ำ เมืองที่เสียวเป่าอาศัยอยู่ก็ไม่มีข้อยกเว้น จนทำให้ส่วนของกำแพงเมืองถูกท่วมท้นจนแทบจะพังทลายลงไป เช่นเดียวกับอาคารบ้านเรือนมากมายทั่วทั้งเมือง ผู้คนไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องค้ำยันบ้านเรือนของตัวเองไม่ได้ไหลไปตามสายน้ำเท่านั้น
จนถึงจุดที่ไม่มีใครสามารถจะป้องกันไม่ให้สายน้ำพัดพาเอาบ้านเรือนของพวกมันไปได้ ขณะที่น้ำเริ่มท่วมสูงขึ้น ความเจ็บป่วยและเชื้อโรคก็แผ่กระจายออกไปทั่ว
บ้านของเสียวเป่าเป็นเพียงไม่กี่หลังเท่านั้นที่ค่อนข้างจะแห้ง เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เช่นเดียวกับบุตรีของตนเอง
มีแต่ภรรยาของเขาเท่านั้นที่รู้ นางได้ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปกป้องดูแลครอบครัว
“เมื่อไหร่ฝนเหล่านี้ถึงจะหยุดลง…?” เสียวเป่ากล่าวขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา เนื่องจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ทำให้การค้าขายต้องหยุดชะงักไป แต่โชคดีที่มีอาหารตุนไว้ แต่ถ้าสายฝนยังคงตกลงมาเช่นนี้ อีกไม่นานอาหารเหล่านั้นก็จะหมดไป
เสียวเป่านั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ทำการแกะสลักต่อไป ทุกครั้งที่คมมีดกรีดเฉือนลงไป เศษไม้ก็จะตกลงมา คล้ายกับสายฝนที่ด้านนอก
ผู้ฝึกตนเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันเริ่มติดตั้งค่ายกลเวท และสร้างเป็นคลองส่งน้ำขึ้นมา ทั้งหมดนั้นแค่ช่วยบรรเทาแรงกดดันได้เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริง
เหตุการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนี้จนกระทั่งผ่านไปสามปี
ตลอดช่วงเวลานั้น…สายฝนไม่เคยหยุดตก ผู้คนเริ่มอพยพย้ายไปยังเขตพื้นที่อื่นบนทวีปแรกนั้น ขณะที่หมู่บ้านแห่งแล้วแห่งเล่าถูกสายน้ำกลืนกินไป พื้นที่ราบหายไป และในที่สุดแม้แต่เมืองที่เสียวเป่าอาศัยอยู่ก็จมลงไปใต้น้ำ
เสียวเป่าและครอบครัวจากไปพร้อมกับผู้อพยพคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปยังเขตพื้นที่ที่สูงกว่า ระหว่างทางที่อพยพบิดามารดาของเสียวเป่าเริ่มไม่สบายขึ้นมา
พวกท่านแก่ชรามากแล้ว และเริ่มอ่อนแอลงไป จนแทบจะเสียชีวิตไปด้วยอาการเจ็บป่วย แต่ในตอนที่ดูเหมือนว่าจะไร้ความหวังไปโดยสิ้นเชิง จู่ๆ พวกท่านก็หายเป็นปกติในทันที ทำให้เสียวเป่าดีใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่สามารถจะมองเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของภรรยาในตอนนั้นได้
สายฝนตกลงมาหนักมากขึ้น ทุกๆ วันจะมีผู้คนตกตายไป ในท่ามกลางผู้อพยพไปยังดินแดนที่สูงกว่าทั้งหมด มีแต่เสียวเป่าและครอบครัวเท่านั้นที่ยังคงมีจิตใจที่กล้าแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นเสียวเป่าก็ไม่เคยหยุดการแกะสลักแม้แต่น้อย จะใช้เวลาทำงานแกะสลักของตัวเองในทุกๆ วัน
การอพยพใช้เวลาหนึ่งปีเต็ม ในที่สุดคนทั้งหมดก็บรรลุถึงเขตภูเขาสูง ซึ่งค่อยๆ เต็มไปด้วยกลุ่มคนอพยพมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นสายฝนก็หยุดตก คนทั้งหมดเริ่มร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ รู้สึกได้ถึงสายลมอันหนาวเย็นที่พัดผ่านใบหน้าไปเท่านั้น ดูเหมือนว่าสายลมนั้นจะทำให้ความอบอุ่นของพวกมันต้องจางหายไป ทันใดนั้นเองที่จิตวิญญาณของพวกมันเริ่มหนาวเย็นราวน้ำแข็ง
สายฝนหยุดลง แต่หิมะเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ความอบอุ่นในทวีปแรกเริ่มลดลงไปอย่างรวดเร็ว
หิมะเริ่มตกลงมา และเสียวเป่าก็สั่นสะท้าน รู้สึกได้ว่าหิมะกำลังตกลงมาบนใบหน้า และได้ยินคนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตัว กำลังร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
เป็นเสียงที่ทำให้จิตใจต้องห่อเหี่ยว เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความตายและสิ้นหวัง…
ก่อนหน้านี้ทุกสิ่งทุกอย่างเปียกชื้น แต่ตอนนี้ทุกสรรพสิ่งกำลังถูกแช่แข็งด้วยความหนาวเย็น อากาศที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเช่นนี้กลายเป็นหายนะครั้งใหม่จนถึงระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หิมะปกคลุมเต็มไปทั่วพื้นดิน และความอบอุ่นก็ลดลงไปอย่างรวดเร็ว พื้นดินถูกแช่แข็ง และความหนาวเย็นอันน่ากลัวก็ยื่นกรงเล็บออกไปทั่วทุกที่ แม้แต่คลองส่งน้ำก็ยังไม่อาจจะหนีรอดไปได้ และถูกแช่แข็งจนกลายเป็นน้ำแข็งไป
ผู้ฝึกตนพยายามจะสอดมือเข้ามามากขึ้น แต่ใครก็ตามที่ทำเช่นนี้ ก็จะตกตายไปอย่างไร้คำตักเตือนในที่สุด แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ ที่อยู่ในท่ามกลางความพยายามจะหยุดหายนะในครั้งนี้ จู่ๆ ก็ถูกโจมตีโดยสายลมที่เย็นเยียบจนทำให้วิญญาณต้องถูกแช่แข็งไป และตกตายไปในทันที หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำเรื่องใดๆ อีกเลย
เนื่องจากสายฝน และจากนั้นก็เป็นหิมะ ทำให้ตี้อีจง (สำนักแรก) ต้องถูกบังคับให้ย้ายขึ้นไปยังที่สูงด้วยเช่นกัน จากความเข้าใจของพวกมัน สวรรค์ได้ส่งหายนะนี้มาทำลายทวีปแรกไปอย่างแท้จริง
ไม่มีอะไรที่สามารถจะทำได้ ไม่มีการต่อต้านในเรื่องนี้ แม้แต่เจ้าสำนักแรกก็ยังไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากส่ายหน้าไปมาด้วยความขมขื่นเท่านั้น นอกจากนี้มันยังรู้สึกได้ว่าหายนะนี้ยังคงอยู่อีกยาวนานกว่าที่จะสิ้นสุดลง
ตี้อีจงจึงต้องทำการอพยพด้วยเช่นกัน
ในยามราตรีของคืนหนึ่ง เยียนเอ๋อร์ผู้เป็นภรรยาของเสียวเป่า กำลังมองขึ้นไปยังหิมะที่กำลังตกลงมา นางรู้ว่าตี้อีจงกำลังอพยพจากไป และในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาที่ต้องนำเสียวเป่าและบุตรีออกไปจากทวีปแรกแล้ว แต่เมื่อนางกำลังจะปลดปล่อยเวทบางอย่างออกมา พลังแห่งฟ้าดินที่คงอยู่ในทวีปแรกก็หายไป
เมื่อเป็นเช่นนั้น พลังลมปราณทั้งหมด พลังแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตทั้งปวง จู่ๆ ก็หายไปอย่างกะทันหัน ราวกับว่าถูกตัดออกไปอย่างไร้ร่องรอยแม้แต่น้อย
เกิดเป็นผลลัพธ์อันน่าตกใจบางอย่างขึ้นมา อันเนื่องมาจากการหายไปของพลังแห่งฟ้าดิน ทันใดนั้นผู้ฝึกตนทั้งหมดในทวีปแรกต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ ทันใดนั้นก็ตกลงมาบนร่างพวกมัน การฝึกตนตลอดหลายปีที่ผ่านมา พลังการฝึกตนทั้งหมดของพวกมันหายไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าพวกมันจะต่อสู้หรือดิ้นรนเพื่อรักษาไว้อย่างไร…ในตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็ย้อนกลับไปอยู่ในอาณาจักรของมนุษย์ธรรมดา พวกมัน…กลายเป็นคนธรรมดาไปแล้วในตอนนี้!
ราวกับว่ามีผ้าห่มขนาดใหญ่ถูกโยนมาปกคลุมดินแดนแห่งทวีปแรกทั้งหมดไป ทำให้คนทั้งหมดไม่สามารถจากไปได้ และทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาด้วยเช่นกัน
ผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตามที่ข้ามผ่านเขตแดนเข้ามาในทวีปแรก ก็จะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาไปในทันที
ชางหมางพ่าย (สำนักไร้สิ้นสุด) ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั้งหมด ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ต่างก็มารวมตัวกันตรงเขตชายแดนของทวีปแรก พวกมันจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ลึกลงไปในจิตใจคนทั้งหมดกำลังสั่นสะท้านกันถ้วนทั่วทุกตัวคน
“ความโกรธกริ้วแห่งสวรรค์!!” เจ้าสำนักแอบพึมพำอยู่ในใจ มองขึ้นไปในสวรรค์ มองขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน และจากระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน ก็สามารถจะบอกได้ว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวดูเหมือนว่าจะมีโทสะต่อทวีปแรก
เวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนจำนวนมากที่เชี่ยวชาญในด้านการพยากรณ์ทำนาย ก็เริ่มใช้ทักษะของตนเองเพื่อทำการตรวจสอบ คนแล้วคนเล่าต่างก็ถูกพลังสะท้อนกลับโจมตีกลับมา ทำให้พวกมันต้องกระอักโลหิตออกมา แต่คนทั้งหมดต่างก็ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกัน
“ทัณฑ์แห่งสวรรค์!”
“สวรรค์กำลังมีโทสะ!”
“มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นบนทวีปแรก ทำให้ความว่างเปล่าไร้ขอบเขตมีโทสะขึ้นมา!”
“มีพลังบางอย่างกำลังถูกสร้างขึ้นมาบนทวีปแรก พลังนั้นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตมองว่าเป็นศัตรู!”
“พวกเราต้องแยกตัวออกมาจากพลังนั่น พวกเราต้องผนึกสถานที่แห่งนั้นไว้ มิเช่นนั้นพลังนั้นอาจจะกระจายออกมาจากทวีปแรก และจะมีผลกระทบต่อท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งปวง!”
การทำนายพยากรณ์และคำอธิบายเช่นนี้เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดทวีปแรกก็ถูกผนึกไว้โดยสิ้นเชิง
ผู้ฝึกตนทั้งปวงที่สูญเสียพลังการฝึกตนของตัวเองไป ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากสั่นสะท้าน ขณะที่เฝ้ามองไปอย่างสิ้นหวังยังหิมะที่กำลังตกลงมา เยียนเอ๋อร์ก็อยู่ในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา แต่ก็รู้ว่าไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดนี้ได้
เสียวเป่าไม่ได้ตระหนักว่าภรรยาของตนเองมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็รู้สึกได้ว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา รับรู้ว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยอีกแล้วในตอนนี้ แต่เต็มไปด้วยโทสะและความต้องการเข่นฆ่าสังหาร
ผู้คนตกตายไปมากขึ้น ความปั่นป่วนวุ่นวายกระจายไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนั้น ในท่ามกลางหายนะเช่นนี้ ด้านมืดของผู้คนก็ปรากฏขึ้นมา เพื่อช่วยให้มีชีวิตรอดต่อไป
ทั่วทั้งทวีปเริ่มมีแต่คนชั่ว ขณะที่หิมะตกลงมาและความหนาวเย็นก็ลดลงไป ผู้คนกลายเป็นซากศพมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่รอดชีวิตอยู่ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องค้นหาสถานที่เพื่อให้รอดชีวิตจากความหนาวเย็นเท่านั้น
ผู้รอดชีวิตบางส่วนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เบียดเสียดอยู่รวมกันในถ้ำบนภูเขา เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่ต่อไป
อาหารเริ่มขาดแคลน ทำให้ยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปมากขึ้น เพื่อที่จะได้อาหารเล็กๆ น้อยๆ หญิงสาวเยาว์วัยมากมายต้องกระทำในสิ่งที่ตนเองไม่เคยทำมาก่อน ผู้คนต้องต่อสู้และสังหารกันเอง ข่าวคราวเรื่องการกินคนเริ่มเผยแพร่กระจายออกไป
หญิงสาวที่งดงามน่ารักมักจะพบเจอกับเรื่องเลวร้าย ดังนั้นภรรยาของเสียวเป่าที่สูญเสียพลังการฝึกตนไป ก็ใช้มีดทำลายโฉมหน้าของตนเองไป
ในคืนนั้นเสียวเป่าโอบกอดภรรยาและบุตรี คนทั้งสามต่างก็ร้องไห้ไปด้วยกัน