Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1591

ตอนที่ 1591

แผ่นหยกของสุ่ยตงหลิว

จื่อเซียงมีความงดงามเป็นอย่างยิ่งในตอนที่นางยังเยาว์วัย หรือแม้แต่ในยามแก่ชรา เส้นผมหงอกขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น นางก็ยังดูงดงาม

ตลอดช่วงสองพันปีที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มตกตายไปทีละคน

ทุกครั้งที่ใครบางคนซึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับเมิ่งฮ่าวหลับตาลงไปเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็จะรู้สึกเจ็บปวดใจ บางครั้งก็ต้องหัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น เขาสามารถผนึกสวรรค์ แต่เมื่อต้องมาเกี่ยวข้องกับคำสาปแช่งนี้ ก็ไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรได้

คำสาปแช่งแห่งหลัวเทียนคือความทุกข์ทรมาน

เป็นความทุกข์สำหรับใครก็ตามที่สังหารมันไป คนผู้นั้นจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายไปชั่วชีวิต เฝ้ามองดูเวลาเลื่อนผ่านไป มองดูท้องทะเลสีครามกลายเป็นสวนต้นหม่อน (沧海桑田 = ชางไห่ซางเถียน หมายถึงการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของโลก)

มันคือกลยุทธ์ คือแผนการอันชั่วร้าย เมื่อหลัวเทียนเริ่มอ่อนแอลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ก็สามารถจะใช้กลยุทธ์อันชั่วร้ายนี้ทำให้จิตใจของศัตรูต้องเสื่อมถอยลงไป

มีแต่ทำเช่นนี้ หลัวเทียนจึงจะมีโอกาสได้รับชัยชนะ!

เมิ่งฮ่าวรู้ดีถึงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่อาจจะสะกดข่มความรู้สึกของตนเองได้ ไม่สามารถจะไม่สนใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้

เมื่อบิดาบุญธรรมเคออวิ๋นไห่เริ่มอ่อนแอลงและเข้าใกล้ความตายในที่สุดเขาก็ร้องไห้ออกมา คุกเข่าอยู่ที่หน้าเตียงของเคออวิ๋นไห่คล้ายกับเด็กทารก หยดน้ำตาไหลลงมานองหน้า

 

“เจ้าร้องไห้ทำไม…? สามารถมีชีวิตอยู่นับพันปีจนถึงตอนนี้ ได้เห็นเจ้า ได้เห็นจิ่วซือ จิ้วฟู่ (บิดาบุญธรรม) ก็พึงพอใจแล้ว…” เคออวิ๋นไห่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใย ยื่นมือออกไปลูบศีรษะเมิ่งฮ่าว และจากนั้นแสงในดวงตาก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ

ตลอดช่วงสองพันปีที่ผ่านมานี้ ผู้คนมากมายตกตายไป แต่โดยรวมทั้งหมดแล้ว ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น มีผู้แข็งแกร่งมากมายปรากฏตัวขึ้นมา สำหรับกลุ่ม

คนรุ่นเก่า พวกมันเริ่มตะหนักถึงคำสาปแช่งนี้ และถอนตัวออกไปจากกลุ่มฝูงชนด้วยเช่นกัน ในที่สุดก็มีแต่เพียงกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

เริ่มเกิดสงครามขึ้นมา เป็นสงครามที่ต่อสู้กันระหว่างขุนเขาทะเลด้วยกันเอง แต่เนื่องจากกฎธรรมชาติของอาณาจักรแห่งนี้ ทำให้สงครามในครั้งนี้ถูกจำกัดขอบเขตไว้

เวลาเลื่อนผ่านไปอีกหนึ่งพันปี ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลที่แก่ชราเริ่มตกตายไปทีละคน ตี้จ้างก็เป็นหนึ่งในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น

ก่อนที่เวลาของท่านจะมาถึง ท่านก็มาพบกับเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิง ถึงแม้ว่าใบหน้าจะแก่ชราลงไป แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเมตตา ซึ่งคนอื่นๆ ยากที่จะพบเห็น

ทุกยามราตรีท่านจะมาพบกับคนทั้งสอง จากนั้นก็ตายไปอย่างเงียบสงบ

ต่อมาก็เป็นเมิ่งไว่กง และยังมีฟางจู่ฟู่ จากนั้นก็เป็นฝานตงเอ๋อร์ สมาชิกร่วมตระกูลของเมิ่งฮ่าวตายไปทีละคน เช่นเดียวกับสหายทั้งปวง แต่ละครั้งที่มีคนตายไป ก็คล้ายกับเป็นคมมีดที่กรีดเฉือนลงไปในจิตใจ

ในตอนนี้สวี่ชิงมีเส้นผมที่ขาวโพลนไปทั่วทั้งศีรษะ แต่ก็ยังไม่ตายไป เมิ่งฮ่าวบำรุงร่างกายนางด้วยโลหิตและพลังชีวิตของตนเอง

แต่ก็ไม่อาจจะหยุดนางจากวัยชราที่ร่วงโรยลงไปได้ ในที่สุดก็มาถึงจุดที่นางได้แต่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้น

นั้นก็ตายไปอย่างเงียบสงบ

ต่อมาก็เป็นเมิ่งไว่กง และยังมีฟางจู่ฟู่ จากนั้นก็เป็นฝานตงเอ๋อร์ สมาชิกร่วมตระกูลของเมิ่งฮ่าวตายไปทีละคน เช่นเดียวกับสหายทั้งปวง แต่ละครั้งที่มีคนตายไป ก็คล้ายกับเป็นคมมีดที่กรีดเฉือนลงไปในจิตใจ

ในตอนนี้สวี่ชิงมีเส้นผมที่ขาวโพลนไปทั่วทั้งศีรษะ แต่ก็ยังไม่ตายไป เมิ่งฮ่าวบำรุงร่างกายนางด้วยโลหิตและพลังชีวิตของตนเอง

แต่ก็ไม่อาจจะหยุดนางจากวัยชราที่ร่วงโรยลงไปได้ ในที่สุดก็มาถึงจุดที่นางได้แต่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้น

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ความรู้สึกอันอ่อนโยนที่มีต่อเมิ่งฮ่าวก็ไม่เคยจางหายไปจากแววตา ราวกับว่าการมองไปยังเขาชั่วชีวิตก็ยังคงไม่เพียงพอสำหรับนาง

แต่ก็ดูเหมือนว่านางจะยังคงไม่พึงพอใจ นางพึงพอใจที่สามารถใช้เวลาหลายพันปีร่วมกับเมิ่งฮ่าว สิ่งเดียวที่นางเสียใจก็คือว่าไม่อาจจะมีบุตรให้กับเขาได้ ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการ แต่เลือกที่จะไม่มีมากกว่า

นางไม่ต้องการให้บุตรของตนเองต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้การทำลายล้างของคำสาปแช่งนี้…

เวลากลายเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกหนึ่งพันปีได้ผ่านไป ตอนนี้จำนวนผู้คนที่ตกตายไปมากจนไม่อาจจะคาดคิดได้ ผู้ฝึกตนรุ่นเก่านับไม่ถ้วนกลายเป็นเถ้าธุลีไป มีแต่กลุ่มคนที่เคยต่อสู้ในช่วงสงครามขุนเขาทะเลสมัยโบราณเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่

สุ่ยตงหลิวอดทนอยู่ต่อไปได้อีกหนึ่งพันปี

แต่ในที่สุดก็ถูกบังคับให้ต้องหลับตาลงตกตายไป ก่อนที่จะตายไป ท่านยิ้มออกมา และวางแผ่นหยกลงไปบนฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็จ้องมองมาด้วยแววตาที่ลึกซึ้งแฝงภูมิปัญญา

“จดจำไว้…หลังจากที่ดูแผ่นหยกนี้แล้ว ให้จดจำไว้ในใจ และทำลายมันทิ้งไป นี่คือข้อสรุปของเหล่าฟู…เพื่อทำลายคำสาปแช่ง!”

หลังจากที่รับแผ่นหยกมา เมิ่งฮ่าวก็รวบรวมเมล็ดวิญญาณของสุ่ยตงหลิวและนำไปไว้ในภูเขาน้ำแข็ง จากนั้นก็ตรวจสอบดูแผ่นหยกและ

ทำลายมันไป แสงแห่งความทุกข์ใจปรากฏขึ้นในส่วนลึกของดวงตา

เวลาเลื่อนผ่านไปอีกครั้ง น้อยคนนักที่จะอดทนได้เป็นเวลานาน ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ให้กับอายุขัยของตนเอง สุดท้ายปรมาจารย์เอกะเทวะก็ตัดสินใจเข้าสู่สถานะหลับใหล ซึ่งจะช่วยยืดชีวิตของมันให้ถึงระดับที่เกือบจะไร้ขีดจำกัด

หลายร้อยปีต่อมา เครือญาติของเมิ่งฮ่าวผู้หนึ่งก็จากไปอย่างกะทันหัน

ซึ่งก็คือฟางอวี๋ พี่สาวของตนเอง นางและซุนไห่เฝ้าอดทนมานานหลายปี ทนทุกข์ทรมานต่อการเฝ้ามองดูบุตรธิดาของตนเองตกตายไปทีละคนจนหมดสิ้น

เมื่อบุตรคนสุดท้ายของคนทั้งสองตกตายไป ทั้งฟางอวี๋และซุนไห่ก็จับมือกัน หลับตาลง ตายไปพร้อมกันในฐานะที่เป็นสามีภรรยา

หลังจากที่เก็บรวบรวมเมล็ดวิญญาณของคนทั้งสอง เมิ่งฮ่าวก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เป็นเวลานาน คิดไปถึงช่วงเวลาเมื่อในอดีต คิดไปถึงพี่สาวที่มักจะปกป้องตนเองอยู่ตลอดเวลา โดยไม่รู้สึกตัวหยดน้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา จนกระทั่งไหลลงมาอาบแก้มทั้งสอง ที่ยืนอยู่ด้านข้างเป็นบิดามารดาซึ่งจมอยู่ในความเสียใจ ร้องไห้ออกมา

ลึกลงไปในจิตใจ เมิ่งฮ่าวกล่าวว่า “ข้าสาบานว่าจะเริ่มวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง…เพื่อพวกท่านทั้งหมด!”

หลังจากที่ฟางอวี๋และซุนไห่ตกตายไป ก็ผ่านไปอีกหกร้อยปี ในตอนนี้ก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

จากคนกลุ่มแรกในอาณาจักรขุนเขาทะเลที่ยังคงเหลืออยู่ นอกจากสวี่ชิง เมิ่งฮ่าว และบิดามารดาแล้ว ก็ยังมีหวังโหย่วฉาย เจ้าอ้วน ต๋งหู่ และตานกุ่ย ยังมีฉู่อวี้เยียนด้วยเช่นกัน แต่นางก็ยังคงไม่ยินดีที่จะตื่นขึ้นมา

คนอื่นๆ ทั้งหมดกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว เมล็ดวิญญาณของพวกมันถูกเมิ่งฮ่าวนำไปเก็บไว้

เนื่องจากโลหิตของเมิ่งฮ่าว ทำให้สวี่ชิงสามารถจะอดทนได้อย่างเต็มฝืน บิดามารดาเมิ่งฮ่าวสามารถจะอยู่ได้ต่อไป เนื่องจากได้หลอมรวมเข้ากับผีเสื้อขุนเขาทะเล ต๋งหู่ยังอยู่ได้ก็เนื่องจากไข่มุกมหัศจรรย์เม็ดนั้น สำหรับตานกุ่ย ท่านถือกำเนิดขึ้นมาใหม่จากเม็ดยา ทำให้สามารถจะอดทนได้นานมากที่สุด

 

คนที่จากไปก่อนเป็นคนแรกก็คือหวังโหย่วฉาย เมื่ออายุขัยของมันสิ้นสุดลง ก็ตายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ เมิ่งฮ่าวรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจราวกับถูกแทงด้วยคมมีด วางเมล็ดวิญญาณของหวังโหย่วฉายไว้ในถ้ำน้ำแข็ง และร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ที่ยิ่งน่าเจ็บปวดใจมากไปกว่าความตายของหวังโหย่วฉายก็คือ…เจ้าอ้วน

เมิ่งฮ่าวและเจ้าอ้วนเป็นพี่น้องกันมาชั่วชีวิต คนทั้งสองเริ่มเดินไปบนเส้นทางแห่งการฝึกตนด้วยกัน จวบจนกระทั่งถึงวันนี้ ในวันที่เจ้าอ้วนตกตายไป มันไม่ได้อ้วนอีกต่อไป ร่างกายผอมแห้งจนกระทั่งเหลือแต่ผิวหนังห่อหุ้มกระดูก มันเฝ้ามองดูเหล่าภรรยา รวมทั้งบุตรธิดาตกตายไปทั้งหมด

ขณะที่นอนอยู่ที่นั่นก็มองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างเงียบๆ มันอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง

แม้แต่น้อย

“ท่านย่ามันเถอะ…เมิ่งฮ่าว เจ้าต้องจัดการหลัวเทียนให้กับข้า…เจ้าต้องชนะให้จงได้ เมื่อทำลายคำสาปแช่งได้แล้ว ก็ส่งข้าไปเกิดใหม่ ทำให้ข้าจดจำชาติที่แล้วได้ด้วย…” เจ้าอ้วนหายใจเข้าเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้เป็นพลังสำหรับการร้องตะโกนขึ้นมา เมื่อใช้พลังส่วนสุดท้ายไปหมดสิ้นแล้วก็หลับตาลง

ในปีนั้น ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่นมากมายปรากฏขึ้นมา

เมื่อเทียบกับอาณาจักรขุนเขาทะเลแล้ว การตายที่เกิดขึ้นบนดาวชางหมางน้อยกว่ามากนัก ถึงแม้ว่าจะยังคงเกิดขึ้น แต่เป็นเพราะว่ากรรมที่เชื่อมต่อกันในที่แห่งนั้นยังไม่ได้ลึกซึ้งเท่าใดนัก จึงไม่มีผลกระทบกับผู้คนเป็นจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด สำหรับใครบางคนที่มีกรรมเชื่อมต่อกับเมิ่งฮ่าวอย่างแข็งแกร่ง พวกมันก็จะมีอายุขัยที่จำกัดด้วยเช่นกัน แต่เมื่อพวกมันมีพื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่งเช่นนั้น อายุขัยจึงไม่ได้สิ้นสุดลงอย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกมันสามารถจะบรรลุเหนือสูงสุด คำสาปแช่งก็จะไม่มีผลใดๆ ต่อตนเองอีกต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version