Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 318

ตอนที่ 318

เชื่อมั่นในอู่เหยีย มีชีวิตชั่วนิรันดร์

“อู่เหยียรู้!”

“เจ้าไม่รู้!”

“อา! ก็ดี!” นกแก้วเต้นแร้งเต้นกา กระพือปีกของมัน

“ข้าจะให้เจ้าได้รับรู้ถึงพลังของปักษาเซียนโบราณ!” ดวงตานกแก้วเปลี่ยนเป็นสีเขียว เกียรติของมันถูกลบหลู่! แสงหลากสีทันใดนั้นก็กระจายออกมาจากร่าง ครอบคลุมไปทั่วทั้งภูเขาเตี้ยเพียงชั่วอึดใจเดียว

จากนั้นแสงก็พุ่งกลับมา ราวกับว่ามันได้รวบรวมบางสิ่งมาจากภายในภูเขา แสงรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นกองดินสีดำที่มีขนาดเท่ากำปั้น

“เห็นหรือไม่?” นกแก้วกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง ด้วยเสียงแหลมเล็ก

“ความลับของดินแดนสีดำแห่งนี้ สามารถพบได้ภายในภูเขาลูกนี้ นึ่คือการกลั่นสกัดโดยตัวข้าเอง, อู่เหยีย!”

ห่างออกไปด้านข้าง ผีโต้งมองมาด้วยความงุนงง เงียบสงบโดยสิ้นเชิง ราวกับว่ามันเพิ่งจะรู้แจ้ง ถึงแม้มันจะแสดงท่าทีถึงความตระหนักรู้ แต่มันก็มีความสงสัยใคร่รู้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว

“มันคืออะไร?” มันกล่าว กลอกกลิ้งดวงตาไปมา ขณะที่มันพิจารณาถึงคำพูดของเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ และจากนั้นก็คิดไปถึงเจ้านกแก้วที่วางท่าเย่อหยิ่ง ทันใดนั้น มันก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และพรั่งพรูออกมา “เจ้าพยายามจะใช้ก้อนอุจจาระนั่นมาหลอกลวงพวกเรา, เจ้านกแก่! เจ้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร!”

นกแก้วมองอย่างดูถูกไปยังผีโต้ง ครั้งนี้ มันไม่ได้มีปฏิกิริยาเหมือนกับที่เคยมีต่อเมิ่งฮ่าว ทำให้ผีโต้งจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขณะที่มองไปยังก้อนดินอย่างละเอียด จริงๆ แล้วมันเป็นสีม่วงคล้ำอมเขียว เมื่อมองไปก็ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ อันที่จริง ดูเหมือนมันจะค่อนข้างธรรมดาด้วยซ้ำไป

“เจ้าไม่รู้แม้แต่ว่าก้อนโคลนนี้มาจากที่ไหน แล้วยังกล้าจะบอกว่าเจ้ารู้ทุกเรื่อง?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ดูเหมือนนกแก้ว…ไม่ชอบให้ใครมายั่วยุให้เจ็บใจ

ถึงแม้ว่าผีโต้งได้ลองใช้วิธีนี้มาเมื่อสักครู่ ก็ไม่มีผลอันใด เมิ่งฮ่าวตัดสินใจลองใช้ดูอีกครั้ง

ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากเขา ขนที่มีสีสันสดใสของนกแก้วก็ลุกขึ้นตั้งชี้ชัน แสงสีเขียวสาดเจิดจ้าออกมาจากดวงตาของมัน และปราณสีขาวก็เริ่มไหลซึมออกมาจากด้านบนศีรษะ ดูเหมือนเกียรติของมันได้ถูกลบหลู่อย่างรุนแรง เป็นสิ่งที่ความเย่อหยิ่งของมันไม่อาจยอมรับได้

เห็นได้ชัดว่ามันไม่สนใจในสิ่งใดๆ ที่ผีโต้งพูด แต่ไม่ใช่การกระตุ้นท้าทายจากเมิ่งฮ่าว

“เจ้ากล้าดูถูกอู่เหยีย!?” นกแก้วพูดเสียงแหลมเล็กด้วยโทสะ

“อู่เหยียคือปักษาเซียนโบราณ! ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้! ภูเขาทะเลหรือสวรรค์ ไม่มีใครไม่รู้ว่า ถ้าเชื่อมั่นในอู่เหยีย, ก็จะมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์!? เจ้าฟังอู่เหยียให้ดี, นี่เป็นเซียนสือถู่! (ดินบ่งชี้เซียน) นานหลายปีมาแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ของคนรุ่นก่อนได้วาดภาพยันต์ในท้องฟ้า จากนั้นก็โยนมันลงมา ด้วยความตั้งใจจะปิดผนึกโลกไว้ทั้งดวง แต่ก็มีใครบางคนมาปิดกั้นไว้ และขณะที่ยันต์เวทนั้นเข้ามาในโลก มันก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าธุลี”

“แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ยิ่งใหญ่โบราณนั้น ก็มีพื้นฐานฝึกตนที่สูงล้ำ ดังนั้น สัญลักษณ์เวทที่มันวาดออกมา ก็ประกอบไปด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ยันต์นั้นจะกลายเป็นเถ้าธุลี มันก็ยังคงประกอบไปด้วยพลังแห่งเซียน เถ้าธุลีนั้นตกลงมาบนดินแดนแห่งนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพื้นดินในสถานที่แห่งนี้ถึงได้เป็นสีดำ

เพราะมันประกอบไปด้วยเศษชิ้นส่วนของยันต์ที่เผาไหม้! ข้า, ปักษาเซียนโบราณ ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทั้งหมดเมื่อหลายปีก่อนด้วยสองตาตัวเอง แล้วข้าจะกล่าวผิดได้อย่างไร!?”

หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวทุกอย่างนี้ ม่านตาเมิ่งฮ่าวก็หดเล็กลง และจิตใจก็เต้นรัว

ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเพียงพอจนสามารถวาดสัญลักษณ์เวทในท้องฟ้า และใช้มันปิดผนึกโลกทั้งดวง…ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ถ้ำกำเนิดใหม่ เมิ่งฮ่าวคงไม่เชื่ออย่างง่ายดายว่า เรื่องเช่นนี้จะเป็นความจริง แต่หลังจากที่ได้เห็นโฉ่วเหมินไถ เขาก็เข้าใจเรื่องราวเช่นนี้ได้ดีขึ้น

ตอนนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่มองไปยังนกแก้วที่กำลังมีโทสะอยู่ มั่นใจถึงแปดในสิบส่วนกับสิ่งที่มันพูดมา

“ผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถวาดภาพเวทปิดผนึกโลกทั้งใบได้ ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง” เขาคิด “แต่ใครบางคนที่ยื่นมือเข้ามา เผามันจนกลายเป็นเถ้าธุลี ก่อให้เกิดเป็นดินแดนสีดำ…นั่นคือใครกัน?” ในตอนนี้ ตัวอักษรจี้ กำลังลอยอยู่ในจิตใจ

“ยากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างภาพลวงตาออกไปจากความเป็นจริง” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “นั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ใครจะรู้ได้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่?” อันทีจริง เมิ่งฮ่าวเชื่อว่าเป็นความจริง แต่เขาก็ทำสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย

นกแก้วดูท่าทางกราดเกรี้ยวมากขึ้น มันบินเป็นวงกลมไปรอบๆ ถ้ำ จ้องมายังเมิ่งฮ่าว จากนั้น มันก็อ้าปากขึ้น และพ่นแสงเจิดจ้าสีเขียวพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนเมิ่งฮ่าวไม่มีโอกาสหลบเลี่ยง แสงสีเขียวผ่านเข้าไปในหน้าผาก กลายเป็นข้อมูลประทับเข้าไปในจิตใจ

ข้อมูลนั้นประกอบด้วยตัวอักษรหลายร้อยตัว ค่อนข้างซับซ้อน แต่หลังจากตรวจสอบมัน เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่ามันคือวิชาแห่งการมองเห็น

“ใช้วิชานี้และดูอีกครั้ง! นี่เป็นวิชาเซียนซึ่งถูกประทับอยู่ในจิตใจเจ้า ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้แจ้งหรือเรียนรู้ เพียงแค่ใช้มัน!” นกแก้วจ้องมายังเมิ่งฮ่าว แสดงให้เห็นว่ามันจะไม่ยอมหยุด จนกว่าเมิ่งฮ่าวจะเชื่อในสิ่งที่มันพูด

เมิ่งฮ่าวหลับตาลง เมื่อเขาลืมตาขึ้น ม่านตาที่ดวงตาข้างขวาก็หดตัวลง ขณะที่เป็นเช่นนั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าพื้นฐานฝึกตน จู่ๆ ก็กระจายอกมาจากดวงตาข้างขวา

รู้สึกราวกับว่าพื้นฐานฝึกตนได้เหือดแห้งลงในทันที ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกค่อนข้างตกใจ ทันใดนั้น เส้นใยแห่งพลังปราณเซียนที่อยู่ในร่าง ก็พุ่งตรงไปที่ดวงตาข้างขวา หลอมรวมเข้ากับมัน

เขารู้สึกเจ็บปวดราวถูกทิ่มแทงที่ดวงตาข้างขวา และน้ำตาก็ไหลออกมา สายตาเริ่มพร่าเลือน แต่จากนั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจน ตอนนี้โลกที่เขามองเห็นผ่านดวงตาข้างขวาดูแตกต่างเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะยากอธิบายว่าจริงๆ แล้วมันแตกต่างอย่างไร

เขามองลงไปยังก้อนดินสีม่วงแกมเขียว

เพียงมองแค่แวบแรก จิตใจเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน อย่างช้าๆ เริ่มมองเห็นกลุ่มควันสีทอง กำลังลอยขึ้นมาจากกองดิน และเริ่มรวมตัวกันในอากาศก่อตัวเป็นสัญลักษณ์เวทอย่างเลือนลาง แน่นอนว่า สัญลักษณ์นั้นเป็นสีทอง ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็กระจายแรงกดดันอันเข้มข้นออกมา ซึ่งมีเพียงเมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่สามารถรู้สึกได้

ภายใต้แรงกดดันนั้น สัญลักษณ์เวทดูเหมือนจะกลายเป็นคนตัวเล็กๆ พวกมันทั้งหมดลอยอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว และดูเหมือนกำลังวาดภาพบางอย่างอยู่

มีแรงกดดันแค่จางๆ แต่ก็ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง และจิตสัมผัสของเขาก็เริ่มไม่คงที่ ทันใดนั้นเขาก็หลับตาลง ตัดภาพที่มองเห็นและเลิกใช้วิชาเวทนี้ แม้จะเป็นเช่นนั้น ใบหน้าเขาก็ซีดขาว และต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อฟื้นฟูจิตสัมผัส เมื่อเขาลืมตาขึ้น ดวงตาข้างขวาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย

“เจ้ารู้สึกถึงมันหรือไม่?” นกแก้วถามอย่างวางมาด “อู่เหยียรู้ทุกอย่าง นี่เป็นก้อนดินที่มีสัญลักษณ์เวทอยู่แค่เล็กน้อย ถ้าเจ้าได้เผชิญหน้ากับเถ้าธุลีที่ถูกสร้างขึ้นมาจากยันต์เซียนที่แท้จริงในปีนั้น เจ้าไม่เพียงแต่แทบจะขาดใจเท่านั้น เจ้าคงต้องตายไปอย่างแน่นอน!”

“เจ้าก็รู้ว่ามีดินเช่นนี้อยู่ทั่วทุกที่ในดินแดนสีดำ ไม่อาจจะบอกว่ามันมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีอยู่ไม่น้อย จริงๆ แล้วก็ยากที่จะมองเห็นเจตจำนงของยันต์เซียนนี้ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากเช่นเดียวกับขนหงส์และเขากิเลน ถ้าพื้นที่แถบนี้ไม่ได้ถูกสะกดไว้ มันก็คงไม่มีอยู่จนกระทั่งถึงตอนนี้”

“ถ้านำดินก้อนนี้ออกไปจากพื้นที่แถบนี้ มันก็จะไม่มีประโยชน์ โอ, ให้ข้าบอกความลับอีกอย่างกับเจ้า ถ้าเจ้าโชคดี ก็จะสามารถรวบรวมก้อนดินเช่นนี้ได้อีกมาก และจากนั้นก็จะได้รับความรู้แจ้งความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของสัญลักษณ์เวทผู้ยิ่งใหญ่โบราณนั้น ตอนนี้โปรดพูดตามข้าด้วยเสียงดังๆ เชื่อมั่นในอู่เหยีย, มีชีวิตชั่วนิรันดร์! เมื่ออู่เหยียปรากฎขึ้น, ใครจะกล้ามาต่อกร! หลายปีมาแล้ว ที่ผู้คนมากมายสวดมนต์ด้วยคำพูดเหล่านี้!”

มันมองมายังเมิ่งฮ่าวที่มีใบหน้าซีดขาวด้วยท่าทางหยิ่งยโสมากขึ้นกว่าเดิม มีความเชื่อมั่นในพลังอำนาจของมันมากขึ้นไปเรื่อยๆ

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจนกแก้ว คิดอยู่ในใจ “ด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังเช่นนั้น…โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่านี่เป็นเพียงก้อนดินเล็กๆ แต่มันก็ยังประกอบไปด้วยพลังอันน่าตกใจ เมื่อคิดว่ายังมีดินเช่นนี้อีกมากมายทั่วทั้งดินแดนสีดำ…” เขาเริ่มสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็สาดประกาย

ทันใดนั้น เขาก็คิดไปถึงคำพูดของแผ่นหยกผนึกอสูร

“เซียนอมตะแห่งขุนเขาที่เก้า; จุดสูงสุดของการวาดภาพ; สัญลักษณ์เวทของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด; การพังทลายของสวรรค์…

พลังได้ถูกหลอมรวมอยู่ในดินแดนนี้ ให้กลายเป็นการทำลายล้าง และเต็มไปด้วยพลังชีวิตแห่งอสูร ดินแดนนี้…สามารถใช้ฝึกฝน…วิชาผนึกความเที่ยงธรรม!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย วิธีการฝึกฝนวิชาผนึกความเที่ยงธรรมมีอยู่ในจิตใจเขาเรียบร้อยแล้ว ในช่วงที่เพ่งสมาธิไปที่การรักษาอาการบาดเจ็บ เขาไม่มีเวลาที่จะศึกษาความรู้แจ้งนี้ แต่เมื่อได้เห็นก้อนดินนี้ ทันใดนั้น เขาก็พบว่าตัวเองจมอยู่ในห้วงความคิดในทันที

เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่าน ในที่สุด ครึ่งเดือนก็ผ่านไป นกแก้วและผีโต้งไม่ได้อยู่ในถ้ำแห่งเซียน แต่หายไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง การโต้เถียงระหว่างศัตรูเก่าทั้งสอง มักจะเกิดจากผีโต้งไปกระตุ้นท้าทายนกแก้ว แต่เจ้านกแก้วก็มักจะตอบโต้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ผีโต้งต้องห่อเหี่ยวลงไปในทันที

เมิ่งฮ่าวเพ่งสมาธิไปที่วิชาผนึกความเที่ยงธรรม นานๆ ครั้งก็จะใช้วิชาแห่งการมองเห็นเพื่อตรวจสอบก้อนดิน แต่ละครั้งเขาก็จะพบว่าขาดความรู้แจ้งในบางแง่มุมหรือบางอย่าง ขณะที่เขาศึกษามันไปอย่างต่อเนื่อง บางครั้งเขาก็หยิบถุงสมบัติของจี้หงตงออกมา เครื่องหมายเวทผนึกยังคงมีอยู่ แต่มันกำลังอ่อนแอลง หลังจากพยายามทำลายมันสองสามครั้ง เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าคงอีกไม่นาน เขาก็จะสามารถเปิดถุงสมบัตินี้ออกมาได้

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ นอกจากการศึกษาค้นคว้า เขาก็ใช้เวลาในการครุ่นคิด เขาไม่ได้กลืนเม็ดยาเทียนฟางที่ท่านอาจารย์ให้มา เป็นความจริงที่เม็ดยานี้สามารถช่วยเพิ่มอายุขัย และที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ มันสามารถใช้สะกดดอกปี่อ้านได้

เขาสามารถกลืนมันลงไปได้แค่สามครั้งในชีวิต ดังนั้นจึงไม่ต้องการจะใช้โอกาสนี้อย่างฟุ่มเฟือย

สำหรับเม็ดยาแรกเสริมฟ้า มันก็สามารถช่วยเพิ่มอายุขัยได้เช่นเดียวกัน แต่เขามีเพียงแค่เม็ดเดียว ในตอนนี้ เขาไม่มีหินลมปราณมากเพียงพอที่จะคัดลอกมัน

ดังนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ปิดผนึกมันไว้ ในตอนนี้ เขาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้สมบูรณ์แล้ว อายุขัยได้ลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนมากเกินไป

ตอนนี้สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือ ทัณฑ์สวรรค์ที่จะมาพร้อมกับแกนสมบูรณ์สีทอง ขณะนี้เขามีส่วนผสมทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในการปรุงเม็ดยาแกนสีทองสมบูรณ์ ยกเว้นต้นสมุนไพรชนิดหนึ่ง

ต้นสมุนไพรที่เขาต้องการไม่ได้หายากมากนัก เมิ่งฮ่าวคาดว่าแม้แต่ในดินแดนสีดำ ก็มีโอกาสที่เขาจะหามาได้หนึ่งต้น

แต่หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานานเกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์ เมิ่งฮ่าวยังคงไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรดี นอกจากใช้ผีโต้ง

ในวันหนึ่ง หลังจากที่ได้รู้แจ้งเกี่ยวกับดินเซียนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จิตใจเมิ่งฮ่าว จู่ๆ ก็สั่นสะท้านขึ้นมา เขาส่งจิตสัมผัสออกไปรอบๆ ถ้ำแห่งเซียนประมาณหนึ่งร้อยหลี่ ที่นั่นเขามองเห็นหวงต้าเซียน กำลังนำกลุ่มผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณท่าทางดุร้าย มายังทิศทางนี้อย่างระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง

“ผู้อาวุโส” มันกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ตรงไปข้างหน้า ท่านทั้งสี่จะมองเห็นสถานที่ซึ่งบุรุษผู้นั้นอาศัยอยู่” จมูกมันเต็มไปด้วยโลหิต และใบหน้าก็บวมปูด ดูเหมือนฟันของมันจะหายไปบางซี่ สีหน้ามันท้อแท้เศร้าซึม

“หุบปาก” หนึ่งในสี่ผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณกล่าวพร้อมแค่นเสียงเย็นชา “นำทางต่อไป!”

“ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าบุรุษผู้นั้นจะมีความสามารถเหนือมนุษย์อย่างที่เจ้าพูดหรือไม่!” อีกคนเอ่ย “และยังมีเม็ดยานั่นอีก!”

ดวงตาผู้ฝึกตนทั้งสี่สาดประกายด้วยความโลภ ท่ามกลางคนทั้งสี่ น่าประหลาดใจที่มีหนึ่งคนอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นพื้นฐานลมปราณ

อีกสามคนที่เหลืออยู่ในขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ คนทั้งสี่นี้ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักอยู่ในเขตพื้นที่แถบนี้ ร่างกายของพวกมันประดับตกแต่งด้วยสิ่งที่เรียกว่ารอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ ค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก ถึงแม้จะไม่เหมือนกันมากนัก

คนทั้งสี่สบสายตากัน และเริ่มพูดจากันด้วยเสียงแผ่วเบา

“พวกเราต้องระมัดระวังตัวไว้ ด้วยการมีเม็ดยามากมาย มันต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป อย่าได้ทำลายถุงสมบัติก่อนที่มันจะตาย มิเช่นนั้นการมาครั้งนี้ของพวกเราก็จะสูญเปล่า”

“ใช่แล้ว พวกเราทั้งหมดจะโจมตีและจัดการมันในครั้งเดียว ไม่เปิดโอกาสให้มันทำลายถุงสมบัติไปก่อนอย่างแน่นอน!”

หวงต้าเซียนดูท่าทางมีโทสะ แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา นอกจากเออออไปกับพวกมัน

เมิ่งฮ่าวถอนจิตสัมผัสกลับมา หวงต้าเซียนถูกประทับด้วยจิตสัมผัสของเขา ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงรับรู้ถึงการกระทำทั้งหมดของมัน รวมถึงเพทภัยที่มาจากตัวมันเองเนื่องจากยาเม็ดนั้น และรู้ว่ามันถูกจับกุมตัวได้อย่างไร

ถ้าเขาต้องการ เมิ่งฮ่าวก็สามารถกำจัดพวกมันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับดินเซียน ซึ่งประกอบด้วยสัญลักษณ์เวทแห่งเซียน เขาก็เปลี่ยนใจและปล่อยให้หวงต้าเซียนนำพวกมันมายังที่นี่

“ข้าต้องการดินเซียน ยิ่งมากยิ่งดี นั่นจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ข้าเพื่อบรรลุความรู้แจ้งทั้งหมด” เมิ่งฮ่าวหลับตาลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version