Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 425

ตอนที่ 425

ไม่อาจตัดได้อีกต่อไป

เกาะที่ลอยอยู่ห่างออกไปในทะเลเทียนเหอ ถ้ามองเกาะนั้นจากด้านบนในท้องฟ้า ก็จะเห็นเป็นรูปเต่า เกาะแห่งนี้ค่อนข้างจะลี้ลับอยู่ในทะเลเทียนเหอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันลอยไปมาอยู่ที่นี่ และอยู่ที่นั่น ล้อมรอบไปด้วยกลุ่มหมอก

ทันใดนั้นเกาะที่ลอยอยู่ก็หยุดลง และเสียงมีโทสะอย่างน่าประหลาดใจก็ได้ยินออกมาจากเกาะนั้น

“ไสหัวไป!! เจ้าสารเลว! ข้าเพิ่งจะหลับไป แต่เจ้าก็มารบกวนข้าในตอนนี้? เจ้าคิดว่าข้าต้องการจะจดจำเจ้าโง่เมิ่งฮ่าว? บัดซบ! ไสหัวไป!!”

เสียงที่คล้ายเสียงฟ้าผ่าของปรมาจารย์เอกะเทวะดังก้องออกมา ทำให้เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในทะเลเทียนเหอ

เสียงเก่าแก่โบราณกล่าวด้วยความกระวนกระวาย “มีของเช่นนี้ด้วยหรือนี่!?!? ข้าจะตัดกรรมนี้ได้อย่างไร? ทำยังไงดี?!?!”

เสียงของมันร้อนลนและฉุนเฉียว ร่างสั่นสะท้าน เนื่องจากเมิ่งฮ่าวเป็นที่รู้จักไปทั่ว บนเกาะอีกแห่งหนึ่งในทะเลเทียนเหอ มีชายชราที่กำลังยืนก้มตัวอยู่ที่เบื้องหน้าขาตั้งภาพ กำลังวาดรูปของบุรุษร่างกายสูงใหญ่กำยำซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า

ท่ามกลางการขยับแปรงพู่กัน จู่ๆ ชายชราก็ขมวดคิ้ว และมองขึ้นไปในท้องฟ้า แสงอันลึกล้ำทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้น

“บุคคลที่คงอยู่ในความทรงจำของข้า ไม่มีทางที่สวรรค์แห่งจี้จะตัดกรรมของพวกมันไปได้” ท่านกล่าวเสียงแผ่วเบา ยกมือขวาขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็โบกสะบัดพู่กัน หยดน้ำหมึกลอยออกไป จากนั้นก็หลอมรวมเข้าไปในอากาศ

ฉับพลันนั้น ทั่วทั้งท้องฟ้าในบริเวณนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีดำโดยสิ้นเชิง

เสียงแผดร้องโหยหวนดังก้องออกมาจากความว่างเปล่า ไม่ใช่เสียงของใครอื่นนอกจากจี้สือจิ่วที่แก่ชรา

ขณะที่เสียงแผดร้องดังเต็มอยู่ในอากาศ ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่มีผลกระทบจากการทำลายเส้นใยกรรมจู่ๆ ก็สั่นไปทั้งร่าง เส้นใยที่เชื่อมต่อระหว่างพวกมันกับเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นก็เริ่มฟื้นฟูกลับคืนมา เส้นใยกรรมที่ถูกทำลายไปเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง อันที่จริง เพราะการก่อตัวขึ้นมาใหม่นี้ ทำให้เส้นใยกรรมเหล่านั้นแข็งแกร่งและเหนียวแน่นมากกว่าก่อนหน้านี้

ใบหน้าฉู่อวี้เยียนเป็นสีขาวซีด ลืมตาที่ปิดอยู่ขึ้นมา และมองไปยังตัวอักษร ‘孟 (เมิ่ง)’ ที่ถูกเขียนอยู่บนฝาผนังอย่างเงียบๆ ค่อยๆ ยกมือขึ้นไปและเขียนตัวอักษร ‘浩 (ฮ่าว = ยิ่งใหญ่)’

ตานกุ่ยเก็บเม็ดยาไว้ และมองออกไปยังที่ห่างไกลโดยไร้คำพูด อย่างไรก็ตาม ดวงตาของท่านก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่และมุ่งมั่น

เจ้าอ้วนยกมือลูบศีรษะ ขณะที่คิดสับสนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทันใดนั้นร่างมันก็สั่นสะท้าน และมันก็อ้าปากค้าง ตอนนี้ความทรงจำมากมายในอดีตได้หวนกลับคืนมา สีหน้ามันเปลี่ยนไปขณะที่รำลึกถึงเมิ่งฮ่าว

เฉินฟ่านก็เป็นเช่นเดียวกัน ขณะที่ทั่วทั้งดินแดนด้านใต้, ในดินแดนสีดำและทะเลทรายตะวันตก ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่เส้นใยกรรมได้รับผลกระทบ ฉับพลันนั้นก็ฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิม

ฉื่อชิงกัดริมฝีปากอย่างเงียบๆ มองไปยังขวดยาที่ถืออยู่ในมือ ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างลึกล้ำ ตอนนี้นางจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ และเต็มไปด้วยความเย็นชา นางได้แต่คิดว่าจะต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างแค่ไหน ถ้าเมิ่งฮ่าวหายไปจากความทรงจำของนาง

ภายในความเงียบนี้ นางกัดฟันแน่น รู้ดีว่ามีแต่ความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างแท้จริง ตอนนี้นางมีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม ที่จะหลอมรวมความทรงจำเข้ากับเฟิ่งจู่ต้าเหริน (พญาหงส์ผู้ยิ่งใหญ่) และเพิ่มระดับพื้นฐานฝึกตนของนางเอง

ย้อนกลับไปยังทะเลทรายตะวันตก ในดินแดนสักการะอีกาศักดิ์สิทธิ์ ภายในส่วนลึกของปล่องภูเขาไฟ เมิ่งฮ่าวยืนตัวสั่นไปมาอยู่ในสระแห่งโชคชะตา เขาก็ได้ยินเสียงแผดร้องโหยหวนด้วยเช่นกัน ขณะที่มันดังก้องออกมา เขาก็ลืมตาขึ้นมามองไปยังสายเบ็ดตกปลาสีเงินที่เปลี่ยนเป็นสีดำ ความดำมืดกระจายออกไป และเมื่อเป็นเช่นนั้น สายเบ็ดตกปลาก็กลายเป็นเถ้าธุลีและกลุ่มควัน ลอยกระจายออกไปท่ามกลางเสียงแผดร้องนั้น

เสียงแผดร้องโหยหวนนั้นทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความเย็นเยียบออกมา เขาไม่อาจจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้ แต่ก็ได้มีส่วนรู้เห็นการตัดกรรมของชายชราไส้เดือน ทำให้คิดได้ว่าเขาเพิ่งจะเผชิญหน้ากับความตายมา

รังสีสังหารกระจายออกมาจากดวงตา ขณะที่เขามองไปยังเงาร่างเลือนลางที่อยู่เบื้องหน้า มันเป็นเงาร่างของผู้ฝึกตนที่ห้อมล้อมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำ แผดร้องออกมาขณะที่มันตะเกียกตะกายดิ้นรนพยายามจะหายตัวไปจากสถานที่แห่งนี้

เงาร่างเลือนลางนั้นตะโกนนามหนึ่งขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “สุ่ยตงหลิว, มันคือสุ่ยตงหลิว…”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ยกมือซ้ายขึ้นวางหน้ากากสีโลหิตลงไปบนใบหน้า พลังอันมหาศาลระเบิดออกมาจากพื้นฐานฝึกตนของเขาอย่างบ้าคลั่ง ปราณโลหิตกระจายออกมาเป็นเกลียวคลื่นขณะที่เขาพุ่งตรงไป

ดรรชนีโลหิต, ฝ่ามือโลหิต, สังหารโลหิต!

วิชาทั้งหมดปรากฎขึ้น ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่วิชาทั้งหมดนี้กระแทกลงไปยังเงาร่างเลือนลางนั้น รังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานขึ้น ขณะที่เขาโบกสะบัดมืออีกครั้ง ค่ายกลกระบี่ดอกบัวปรากฎขึ้น ขณะที่มันหมุนวนไปมา พลังแห่งกาลเวลาก็กระจายเป็นระลอกคลื่นออกมา

“ตาย!” เมิ่งฮ่าวตะโกนด้วยเสียงที่เย็นเยียบราวน้ำแข็ง ขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และชี้ตรงไป

สับปราณม่วง, รัดปราณม่วง, จันทราม่วง, เจิดจ้าม่วง ระเบิดออกมาเป็นเสียงดังกึกก้อง ทำให้แสงสีม่วงพุ่งพล่านปั่นป่วน

“ไร้หน้า, หนึ่งคำ, เปลวไฟแห่งสงครามหลอมรวมเป็นหนึ่ง!”

เมิ่งฮ่าวยกมือซ้ายขึ้น กดลงไปบนหน้ากาก ทันใดนั้น ใบหน้าขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฎขึ้น มันอ้าปากและกล่าวคำพูดที่ไร้เสียงออกมา เสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วในอากาศ ขณะที่พุ่งตรงไปยังเงาร่างเลือนลางนั้น

ขณะที่เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เมิ่งฮ่าวก็พุ่งตรงไป สวมใส่ถุงมือของตระกูลฟางไว้ที่มือขวา กำเป็นหมัดต่อยออกไป เสียงกึกก้องได้ยินมา ความต้องการสังหารของเมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานขึ้น ขณะที่เขาต่อยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า มากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง

แต่ละหมัดประกอบไปด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อ เสียงกึกก้องดังอย่างไม่รู้จบ และเงาร่างเลือนลางนั้นก็ดูเหมือนใกล้จะระเบิดออกเป็นชิ้นๆ เหมือนมันจะถูกผนึกไว้ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ แม้แต่พื้นฐานฝึกตนของมันก็อ่อนแอเกินกว่าจะเทียบได้ มันพยายามจะหลบหนีหายตัวไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ร่ายเวทอาคมอื่นขึ้นมาอีก และเวทผนึกอสูรรุ่นแปดก็ปรากฎ

ขณะที่จู่ๆ เงาร่างนั้นหยุดการเคลื่อนไหว ใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็บิดเบี้ยวด้วยความต้องการสังหาร วิชาเวทของเขาดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบใดๆ กับเงาร่างนี้ แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ยอมให้มันหลบหนีจากไปได้

เขาได้สังหารหนึ่งในบุตรแห่งจี้ และเขาก็ไม่กลัวที่จะต้องสังหารจี้สือจิ่วอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่าถ้าเขาไม่สังหารมันในช่วงที่กำลังอ่อนแอมากที่สุดในตอนนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนผู้นี้คงจะสร้างปัญหาให้กับเขาอย่างไม่รู้จบในวันข้างหน้า

เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น ใช้มือกดลงไปที่หน้ากากสีโลหิตอีกครั้ง

“ธวัชสามแฉก!” เขาแผดเสียงคำราม นี่เป็นอาวุธเวททรงพลังมากที่สุดที่เขามีอยู่ในตอนนี้

เมื่อพิจารณาถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของเขาในตอนนี้ เขาสามารถใช้ได้เพียงแค่หนึ่งแฉกเท่านั้น ครั้งนี้ มันไม่ได้ปรากฎเป็นภาพลวงตาขึ้นมา ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก พลังก็กระจายเต็มอยู่ในบริเวณนั้นเมื่อธวัชสีโลหิตปรากฎขึ้น ทันทีที่มันหลุดออกไปจากมือเมิ่งฮ่าว สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน มันพุ่งตรงไปห่อหุ้มทั่วทั้งเงาร่างของจี้สือจิ่ว ลากมันมา

จี้สือจิ่วส่งเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวด้วยความตกใจ, หวาดกลัว และไม่อยากจะเชื่อออกมา

“นี่…นี่คือ…ธวัชของราชันแห่งขุนเขาทะเล!”

มันตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทันใดนั้น สิ่งที่เป็นเงาร่างเลือนลางเหมือนภาพลวงตา มีเพียงบางส่วนที่อยู่ในโลกเดียวกันกับเมิ่งฮ่าว ในตอนนี้ก็ถูกกระชากลากออกมา ที่นั่น กำลังยืนอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว เป็นชายชราผู้หนึ่ง

 

เห็นได้ชัดว่ามันมีหน้าตาโกรธแค้นอย่างรุนแรง ใบหน้ามันเต็มไปด้วยรอยเผาไหม้จากน้ำหมึกสีดำ และกลิ่นอายของมันก็ปั่นป่วนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันกำลังถูกสะกดไว้ สามารถใช้พลังได้แค่ขั้นสร้างแกนลมปราณเท่านั้น

สีหน้ามันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะถูกลากมาอยู่ในโลกแห่งนี้ได้จริงๆ

“เป็นไปไม่ได้! มันต้องไม่ใช่ธวัชของจอมราชัน มรดกธวัชจอมราชันได้ถูกทำลายไปแล้ว…”

“ธวัชจอมราชันคืออะไร, เจ้าสารเลว!?” เมิ่งฮ่าวกล่าว ใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยโทสะ ขณะที่เขาคิดว่าเกือบจะตายไปอย่างง่ายดายเมื่อครู่นี้ จากนั้นก็ระลึกได้ถึงสิ่งที่สุ่ยตงหลิวได้พูดไว้เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งบอกว่า บุคคลที่อยู่ในความทรงจำของท่าน จะไม่ถูกตัดกรรมโดยตระกูลจี้ ทำให้เขามั่นใจว่าถ้าไม่ใช่เพราะสุ่ยตงหลิว เขาก็คงต้องตายไปอย่างแน่นอน

ด้วยโทสะ ทำให้เขาใช้คำพูดของนกแก้วโดยไม่ต้องคิด ด้วยเช่นนั้น เขากำมือเป็นหมัดและต่อยออกไป เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ และชายชราผู้นั้นก็ส่งเสียงแผดร้องออกมา

“เจ้ามนุษย์กระจ้อยร่อย เจ้ากล้าทำให้ข้าบาดเจ็บ? เจ้า…”

ตูม!

“เจ้ากล้าสังหารข้า!?!?”

ตูม!

เมิ่งฮ่าวต่อยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยหมัดที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ รัวหมัดไปที่ชายชราจนกระทั่งร่างกายมันเกือบจะระเบิดออกมา อย่างไรก็ตาม พื้นฐานฝึกตนของมันก็ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง แม้จะถูกโจมตีเช่นนั้น ร่างของมันก็ฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว

“เจ้ามนุษย์ผู้อ่อนแอ เจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บ และลากข้าออกมาจากโลกแห่งจี้ รอให้ข้าฟื้นพลังกลับมาอย่างสมบูรณ์ก่อนเถอะ ข้าจะสังหารเจ้าด้วยมือเปล่านี้เอง!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงอันเย็นเยียบ ดึงมือขวากลับไป จ้องมองไปยังชายชราอย่างเย็นชา ทำให้มันตกตะลึง แต่จากนั้นชายชราก็เริ่มหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา

ทันทีที่มันเริ่มหัวเราะ มือขวาเมิ่งฮ่าวก็ขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็กดลงไปบนหน้าผากของชายชรา

“ข้าคงจะเสียดายที่ต้องสังหารเจ้า แต่โลหิตของเจ้า พร้อมกับโลหิตของบุตรแห่งจี้ที่ข้าเคยสังหาร จะช่วยให้ข้าสร้างวิญญาณโลหิตขึ้นมาได้!”

“การฟื้นฟูร่างกายของข้ารวดเร็วกว่าอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ที่เจ้าได้ทำไว้” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้าย ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือ และค่ายกลกระบี่ดอกบัวก็ปรากฎขึ้น ระลอกคลื่นพลังแห่งกาลเวลากระจายออกมา กดทับลงไปที่ชายชราอย่างไม่ลดละ

สีหน้าชายชราสลดลง แต่กระนั้นมันก็ยังแค่นเสียงเย็นชาออกมา

“ถ้ามันแข็งแกร่งกว่านี้สองเท่า บางทีก็อาจจะมีผลกระทบกับข้า แต่ระดับพลังของเวลายังไม่เพียงพอ!”

“ไม่เพียงพอ?” เมิ่งฮ่าวถาม ดวงตาสาดประกายเย็นเยียบ เขาหยิบเอากระบี่ไม้ทั้งสี่เล่มออกมาในทันที เมื่อกระบี่ไม้ทั้งสี่แทงเข้าไปในร่างมัน ชายชราก็ไร้ทางเลือกนอกจากส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา

“บัดซบ! บัดซบ! นี่คือ…กระบี่สังหารเซียน!! เจ้า, เจ้า, เจ้า…เป็นใครกันแน่?! เจ้ามีตั้งหลายเล่มได้อย่างไร!? ถึงแม้ว่าพวกมันยังไม่ได้ถูกปลดผนึกอย่างสมบูรณ์…แต่พวกมันก็ยังเป็นกระบี่สังหารเซียนอย่างแท้จริง!!”

อาการบาดเจ็บของมันจู่ๆ ก็เลวร้ายลง และการฟื้นฟูร่างกายของมันก็ช้าลงราวกับเต่าคลาน โชคดีที่เมิ่งฮ่าวมีอาวุธเวทที่หลากหลายมากมาย ทำให้จี้สือจิ่วต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าอนาถใจอย่างน่าเหลือเชื่อ

“เจ้ายังต้องทุกข์ทรมานไปอีกนาน!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ความเย็นเยียบสาดประกายอยู่ในแววตา

ในเวลาเดียวกันนั้น…

ในอาณาจักรต้าถังแห่งดินแดนตะวันออก มีคฤหาสน์เลิศหรูอยู่แห่งหนึ่ง ด้านในนั่งไว้ด้วยหญิงสาวที่เคยระเบิดอารมณ์อันรุนแรงออกมา ซึ่งเมิ่งฮ่าวเคยพบกับนางเมื่อปีนั้น, ฟางหยู ตอนนี้นางกำลังปาดเช็ดโลหิตที่ริมฝีปาก จี้สือจิ่วจะคาดคิดได้อย่างไรว่า ผลกระทบในการตัดกรรมของมัน จะมาถึงอาณาจักรต้าถังในดินแดนตะวันออก และฟางหยู?

สีหน้าฟางหยูเต็มไปด้วยโทสะ และนางก็ลุกขึ้นมายืน กำลังจะก้าวเดินออกไปนอกประตู แต่ทันใดนั้นเสียงของสตรีก็ได้ยินมา เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะจนน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ดังมาจากเขตด้านหลังของคฤหาสน์

“ตระกูลจี้!!”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ สีหน้าฟางหยูก็เปลี่ยนไป มองเห็นใครบางคนบินออกมาจากเขตด้านหลังตรงมาหานาง เป็นสตรีวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดประณีตงดงาม มีใบหน้าที่สวยงาม แต่เคร่งเครียด ทันทีที่นางปรากฎขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดสลัวลง อากาศเริ่มสั่นไปมา พื้นดินสะเทือน และรอยร้าวก็ปรากฎขึ้นบนผนังของสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น แม้จะมีเวทอาคมปกป้องพวกมันไว้ก็ตามที

“ท่านแม่…” ฟางหยูกล่าวขึ้น ตัวสั่นสะท้าน นางไม่เคยกลัวใครในโลกนี้มากไปกว่ามารดาของนาง

“เจ้ามากับข้า!” สตรีนางนั้นกล่าว สตรีนางนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นสตรีที่เคยไปปรากฎตัวอยู่ในตระกูลซ่งแห่งดินแดนด้านใต้ ดวงตานางสาดประกายรังสีสังหาร ขณะที่หมุนตัวตรงไปยังคฤหาสน์ตระกูลจี้ ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาจักรต้าถังแห่งดินแดนตะวันออก

“ท่านแม่, อย่าได้ใจร้อน ท่านพ่อเคยกล่าวไว้ว่า…”

“อย่าได้พูดถึงบิดาเจ้ากับข้า เจ้าจะมาหรือไม่?!” ดวงตาหงส์ของสตรีนางนั้นสาดประกายรังสีสังหารออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version