Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 443

ตอนที่ 443

ถอดวิญญาณ!

“วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นกลาง!” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาหดเล็กลง ในบรรดาผู้ฝึกตนที่เขาเคยต่อสู้ด้วย พื้นฐานฝึกตนที่สูงทีสุดซึ่งเขาเคยเผชิญหน้าด้วยก็คือผู้พิสดารหลีเทียน แม้แต่หลีเทียนก็อยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดของขั้นต้นวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้น ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมากมายระหว่างขั้นต้น และขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง

ความแตกต่างระหว่างระดับต่างๆ ของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง มีมากกว่า ความแตกต่างของระดับต่างๆ ในขั้นพื้นฐานลมปราณ หรือขั้นสร้างแกนลมปราณ เมิ่งฮ่าวได้ครอบครองสองภาพศักดิ์สิทธิ์ และกำลังสวมใส่หน้ากากสีโลหิต ซึ่งช่วยให้เขาสามารถสังหารขั้นต้นวิญญาณแรกก่อตั้งได้ อย่างไรก็ตาม การต่อสู้กับขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้งก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากมาก

แต่เมื่อเขาได้เลือกที่จะโจมตีจ้าวโยวหลัน แล้วเขาจะไม่ระวังผู้เฒ่าสูงสุดสาขาแมงมุมได้อย่างไร? ในเวลาเดียวกับที่เขาถอยไปด้านหลัง มือทั้งสองก็ขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และจากนั้นเขาก็ชี้ตรงไป

“ดักแด้ไร้ตา!” เขากล่าวเสียงเย็นชา ทันใดนั้น เส้นไหมของดักแด้ไร้ตาที่อยู่รอบๆ ตัวเขาก็เปิดออก และดักแด้ไร้ตาก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว มันแวบขึ้น จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังผู้เฒ่าสูงสุด ขณะที่เป็นเช่นนั้น เส้นไหมจำนวนมากมายก็ปรากฎขึ้น พันไปรอบๆ ร่างผู้เฒ่าสูงสุด มัดมันไว้

“เจ้าพูดถูก ข้าไม่อาจจะสู้กับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นกลางได้”

เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ข้าไม่อาจจะพันธการเจ้าไว้ได้!” ผู้เฒ่าสูงสุดขมวดคิ้ว และมันเตรียมจะใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย แต่จากนั้น เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือ

“เวทผนึกอสูรรุ่นแปด!” เขาร้องออกมา ทันใดนั้น ปราณอสูรก็ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขณะที่มันพุ่งตรงไปยังผู้เฒ่าสูงสุด

สีหน้าผู้เฒ่าสูงสุดสลดลง ถึงแม้มันจะสลัดหลุดจากผลกระทบของเวทผนึกอสูรรุ่นแปดได้อย่างรวดเร็ว แต่ช่วงเวลาที่ล่าช้าเพียงน้อยนิดนี้ ก็ทำให้ดักแด้ไร้ตาสามารถพันธนาการมันด้วยเส้นไหมชั้นแล้วชั้นเล่าได้ ในที่สุด มันก็ถูกห่อหุ้มไว้เกือบทั้งตัว

เสียงระเบิดได้ยินออกมา ขณะที่ผู้เฒ่าสูงสุดใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของมัน อย่างไรก็ตาม ดักแด้ไร้ตาก็แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ และเส้นไหมของมันก็ไม่มีทางถูกทำลายลงไปได้ เส้นไหมพุ่งวนไปรอบๆ เร็วขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น ห่อหุ้มผู้เฒ่าสูงสุดไว้โดยสิ้นเชิง

เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา นี่เป็นพลังสะท้อนกลับของเวทผนึกอสูรรุ่นแปด เนื่องจากเขาได้ใช้เกินขีดจำกัดพื้นฐานฝึกตนของตัวเอง แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่สนใจ พุ่งผ่านผู้เฒ่าสูงสุดไป ในขณะที่ผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งเก้าใกล้เข้ามาจากด้านหลัง ตอนนี้เขาตรงเข้าไปยังจ้าวโยวหลัน

ในที่สุดสีหน้าของจ้าวโยวหลันก็เปลี่ยนไป และนางก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าไปอย่างรุนแรง ตอนนี้เมิ่งฮ่าวเกือบจะเข้ามาใกล้นางแล้ว ในที่สุดนางก็ขยับตัว พุ่งถอยไปด้านหลัง แต่ยังคงถือดอกจิตปีศาจพิสดารไว้เหนือศีรษะ ซึ่งทำให้มันยังคงกระจายพลังออกมาได้อย่างต่อเนื่อง

นางตระหนักดีว่า ไม่อาจปล่อยให้แสงของดอกไม้นี้จางหายไป ถ้ามันเกิดขึ้น นางก็จะต้องตายไปอย่างแน่นอน ตอนนี้ถึงแม้จะดูเหมือนว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย แต่นางก็รู้ว่าทั้งหมดที่ต้องทำก็คืออดทนต่อไปเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ  เมื่อไหร่ที่เก้าผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งมาถึง สถานการณ์เช่นนี้ก็จะคลี่คลายไป

ขณะที่นางหลบหนีไป ก็เริ่มกล่าวคำพูดด้วยภาษาเวทที่แปลกๆ บางอย่างออกมา

เวทอาคมนั้นทำให้อากาศที่เบื้องหน้านางบิดเบี้ยวไปมา และกลายเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

ระลอกคลื่นนี้ทันใดนั้นก็ทำให้เห็นเป็นภาพที่แตกต่างกันสิบกว่าภาพของนาง ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว แทบจะแยกแยะไม่ได้ถึงความแตกต่างระหว่างพวกมัน

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาออกมา ไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย ยกมือขวาขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น แสงสีทองก็กระจายออกมาจากรอยสักธาตุทองที่อยู่บนหน้าอกของเขา ทำให้มือขวาเปลี่ยนเป็นสีทองไปทั้งหมด เขาชี้นิ้วตรงไปยังระลอกคลื่นนั้น ส่งเจตจำนงแห่งทองคำออกไป กระทบกับระลอกคลื่น ย้อมพวกมันให้กลายเป็นสีทอง

สีทองกระจายออกไปยังภาพของจ้าวโยวหลันที่กำลังหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ละครั้งที่ทองคำปกคลุมไปทั่วร่าง มันก็จะแตกกระจายออก

เพียงชั่วพริบตา เงาร่างเหล่านั้นก็หายไป จากนั้นระลอกคลื่นที่บิดเบี้ยวนั้นก็ส่งเสียงปะทุออกมาคล้ายเป็นฟองสบู่ เผยให้เห็นจ้าวโยนหลันที่กำลังตกใจ นางกระอักโลหิตออกมา

ร่างเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่เขาพุ่งตรงไป ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากจ้าวโยวหลันประมาณสามจ้าง แรงกดดันอย่างน่าเหลือเชื่อ และความรู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามา เกิดขึ้นในจิตใจของจ้าวโยวหลันมากกว่าสิ่งใดๆ ที่นางเคยเผชิญพบมาในชีวิต ใบหน้านางซีดขาว และริมฝีปากก็สั่นระริก ทันใดนั้น แสงสีขาวก็กระจายออกมาจากร่างนาง กลายเป็นเกราะป้องกันซึ่งเริ่มล้อมไปรอบๆ ตัวนาง

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา ดึงมือขวากลับมา และจากนั้นก็ปล่อยหมัดออกไป เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เกราะป้องกันสีขาวแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บางชิ้นก็พุ่งไปด้านหลัง กรีดเฉือนร่างของจ้าวโยวหลัน จนมีรอยแผลโลหิตไหลซึมออกมา

เมื่อเกราะป้องกันแตกสลาย จ้าวโยวหลันก็กระอักโลหิตออกมามากขึ้น แต่ก็ยังคงถือดอกจิตปีศาจพิสดารอยู่เหนือศีรษะต่อไป

ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ นางก็รีบร่ายเวทด้วยมือขวา จากนั้นดวงตาหงส์ของนางก็แวบรังสีสังหารออกมา ขณะที่รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์แมงมุมขาวบนหน้าผากของนางเริ่มกระจายแสงสีขาวออกมา

ขณะที่แสงนั้นกระจายออกมา แมงมุมก็ปรากฎขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ ส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กออกมา ซึ่งกลายเป็นสายลมอันรุนแรง กวาดผ่านทุกสิ่งทุกอย่างไป ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขาใกล้จะถูกฉีกกระชากออกไปจากร่างโดยสายลมนี้

แต่ใช้เวลาไม่นาน เมิ่งฮ่าวก็สามารถสะกดความรู้สึกนี้ลงได้ เขาสามารถสะกดข่มดอกปี่อ้านได้ ดังนั้นสายลมสังหารวิญญาณอันกระจ้อยร่อยเช่นนี้ จึงไม่มีผลใดๆ ต่อเขา ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่เคยสะกดข่มดอกปี่อ้านมาก่อนเมื่อในอดีต หรือถ้าสายลมนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยใครบางคนที่มีพื้นฐานฝึกตนสูงกว่านี้ ก็อาจจะเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไป วิญญาณของเขาก็จะถูกดูดซับเข้าไปในทันที และเขาก็คงต้องตกอยู่ในภวังค์ไปแล้ว

แต่เนื่องด้วยปัจจัยอื่นหลายอย่าง ทำให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของภาพศักดิ์สิทธิ์นี้ มีแต่สตรีศักดิ์สิทธิ์ของสาขาแมงมุมเท่านั้น ที่สามารถได้รับความรู้แจ้งนี้ ซึ่งไม่อาจจะทำอะไรเมิ่งฮ่าวได้แม้แต่น้อย

เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้พลังของภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไม้สำแดงออกมา แสงสีเขียวพุ่งตรงไปยังแมงมุมขาว กระแทกเข้าไป ทำให้แมงมุมขาวส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนออกมา จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีขาวกลับเข้าไปที่หน้าผากของจ้าวโยวหลัน อีกครั้งที่จ้าวโยวหลันกระอักโลหิตออกมา เป็นครั้งแรกที่ความสิ้นหวังได้ปรากฎขึ้นในดวงตาของนาง

แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกมา ทันใดนั้นโลหิตก็เริ่มกระจายกลิ่นคาวออกมาอย่างเข้มข้น จู่ๆ จ้าวโยวหลันก็ดูแก่ชราลงไปจากก่อนหน้านี้ นางมีท่าทางซึมเซาขณะที่กลิ่นอายโลหิตได้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า

ฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรง ด้านหลังเขา เก้าผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งกำลังส่งเสียงกู่ร้องขณะที่พวกมันเริ่มใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยตรงมาที่เขา จากนั้น พวกมันก็หยุดลงในทันที สร้างความตกตะลึงให้กับเมิ่งฮ่าว แต่ในตอนนี้เอง ที่ด้านบนท้องฟ้า เสียงกระหึ่มกึกก้องขนาดใหญ่ได้ยินออกมา จากบริเวณที่สิ่งศักดิ์สิทธ์โบราณของห้าเผ่ากำลังต่อสู้กับแมงมุมศักดิ์สิทธิ์

พร้อมกับเสียงกระหึ่มกึกก้องนั้น เงาสีดำขนาดใหญ่ทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้น ขณะที่มีบางสิ่งกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าตรงมายังบริเวณที่เมิ่งฮ่าวอยู่ ถ้ามองดูให้ละเอียดก็จะเห็นว่านั่นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นขาแมงมุม!

มันเคลื่อนที่ลงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่ใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวสัมผัสได้ถึงอันตรายอันร้ายแรง และรู้สึกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังสั่นสะเทือน กลิ่นอายแห่งความตายเต็มอยู่ในเขตรัศมีห้าร้อยจ้างทั่วทุกทิศทาง

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่จ้าวโยวหลันได้เกาะกุมโอกาสนี้ไว้ ใช้พลังของโลหิตที่นางพ่นออกมา เพิ่มความเร็วในการหลบหนีของนางขึ้น จากความรวดเร็วเช่นนี้ นางก็คงจะสามารถหลบหนีออกไปจากเขตอันตรายนี้ได้เพียงชั่วพริบตา

ร่างของนางเริ่มเลือนลางไป ราวกับว่านางกำลังยืดยาวออกไป ตอนนี้เมิ่งฮ่าวมีสองทางเลือก ทางเลือกแรกก็คือยกเลิกการไล่ล่านางและหลบหนีการโจมตีของแมงมุมศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวนี้ อีกทางเลือกก็คือ…พยายามไล่ติดตามสังหารนางต่อไป

เป็นสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน และไม่มีเวลาที่จะมานั่งขบคิด ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงอันเย็นเยียบ และทันใดนั้นเขาก็พุ่งตรงไป ยกมือขึ้นและคว้าจับไปที่แขนอันเรียวยาวของจ้าวโยวหลัน ซึ่งกำลังถือดอกจิตปีศาจพิสดารอยู่

แขนของนางเรียบลื่นและงดงาม แต่ก็เยียนเยียบราวน้ำแข็ง ซึ่งการได้สัมผัสนางเช่นนี้ก็ทำให้น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้นรังสีสังหารก็ยังคงสาดประกายอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว

“กลับมานี่!” เขากล่าว กระชากแขนนางอย่างรุนแรง และในเวลาเดียวกันนั้น ก็กระจายพลังที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถบดขยี้พื้นฐานฝึกตนออกไป

ด้านบนขึ้นไป ท้องฟ้าดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆสีดำ ขณะที่ขาของแมงมุมศักดิ์สิทธิ์ตกลงมาราวกับเป็นเคียวยักษ์ พุ่งลงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และดูราวกับว่ามันกำลังตัดอากาศให้เปิดออกมาได้

สีหน้าจ้าวโยวหลันเปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจ แต่นี่เป็นห้วงเวลาความเป็นตาย และดวงตานางก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันดุร้าย ทันใดนั้น นางก็ยกมือซ้ายขึ้นมา ซึ่งมีกระบี่บินปรากฎอยู่ นางรู้ว่าไม่อาจจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวได้ ดังนั้นเมื่อนางตวัดกระบี่ลงไป ก็ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เขา แต่เป็นแขนของนางเอง ซึ่งเขากำลังคว้าจับไว้ มันไร้ความรู้สึกไปแล้ว และเต็มไปด้วยพลังอย่างน่ากลัวซึ่งกำลังคุกคามไปทั่วร่างของนาง

กระบี่เฉือนลงไป และโลหิตก็กระจายออกไปทั่ว ทันทีที่พลังการทำลายล้างของเมิ่งฮ่าวปรากฎขึ้น จ้าวโยวหลันก็ตัดสินใจอย่างยากมากที่สุดในการตัดแขนขวาของนางออกไป ร่างของนางทันใดนั้นก็พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ในที่สุด นางก็อยู่ห่างไกลออกไปห้าร้อยจ้าง และกระอักโลหิตออกมาแปดครั้ง ใบหน้าซีดขาว โลหิตและชิ้นเนื้อติดอยู่รอบๆ แขนที่ถูกตัดออกไป นางมีท่าทางอ่อนแอลงและพื้นฐานฝึกตนก็ลดลง นี่เป็นอาการบาดเจ็บที่มากที่สุด เท่าที่นางเคยได้รับมาในชั่วชีวิตของนาง นางหลบหนีจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด!

เส้นผมของนางยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง ทั่วร่างอ่อนแอลงอย่างถึงที่สุด หน้าตาที่สวยงามของนางในตอนนี้บิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด เนื่องมาจากความเจ็บปวดจากแขนที่ถูกตัดไป ทำให้นางแทบจะหมดสติไป นางเงยหน้าขึ้นและจ้องไปยังเมิ่งฮ่าว สั่นไปทั้งร่าง

“ข้าจะเอาคืนกลับเป็นสิบเท่าสำหรับเรื่องนี้!”

 

เก้าผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้ง เคลื่อยย้ายทางไกลย่อยมาอยู่ข้างกายนาง เพื่อคอยคุ้มกันขณะที่นางหลบหนีไป พวกมันทุกคนจ้องมายังเมิ่งฮ่าว พร้อมกับรังสีสังหารอันเข้มข้นอยู่ในแววตา

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น เขารู้ว่าในตอนนี้ เป็นไปได้ยากที่จะสามารถสังหารนางได้ ความมุ่งมั่นของนางได้สร้างความประทับใจให้กับเขาอย่างลึกล้ำ นับจากช่วงที่เขาเริ่มฝึกวิถีเซียนจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยพบเห็นใครที่จะแสดงความเด็ดขาดในช่วงเวลาที่วิกฤตเช่นนี้มาก่อน

ถ้านางลังเลแม้แต่เพียงเล็กน้อย หรือกระทำช้ากว่านี้เพียงน้อยนิด สิ่งที่นางพบเจอก็มีแต่ความตายเท่านั้น

ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง ขณะที่เขาเหวี่ยงมือขวาออกไป ทำให้แขนที่ถูกตัดออกมาของจ้าวโยวหลันลอยเข้าไปในถุงสมบัติ เห็นได้ชัดว่านางมีตำแหน่งที่สูงส่งอยู่ในเผ่าห้าพิษ บางทีเขาอาจจะได้รับผลประโยชน์จากการศึกษาพลังภาพศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนแขนข้างนั้น

ตอนนี้ความเป็นศัตรูได้เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจำเป็นต้องค้นหาวิธีการสังหารไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แต่เป็นทั้งเผ่าของนาง ในโลกแห่งการฝึกตนนี้ กฎแห่งป่าคือทุกสิ่ง เมื่อต้องต่อสู้กับสวรรค์และปฐพี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มคนหมู่มาก การมีจิตใจที่อ่อนโยนจะทำให้ไร้ที่ยืน

โดยไม่ลังเล นอกเหนือจากแขนที่ถูกตัดออกข้างนั้น เมิ่งฮ่าวยังได้เก็บกล่องที่มีดอกจิตปีศาจพิสดารไว้ เขาปิดฝากล่องลงในทันที ทำให้แสงของดอกไม้จางหายไป ซึ่งมีผลกระทบกับทั่วทั้งสนามรบในทันที โดยไม่ลังเล เขาเก็บของวิเศษอันล้ำค่านี้กลับเข้าไปในถุงสมบัติ

ของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้น้อยมากในโลกแห่งนี้ ด้วยฐานะเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมิ่งฮ่าวจะมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ศึกษามัน บางทีเขาอาจจะปรุงเม็ดยาที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกันนี้ออกมาได้ จึงไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้โอกาสนี้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังเงาสีดำขนาดใหญ่ซึ่งกำลังตกลงมาที่เขา และในเวลาเดียวกันนั้นก็ชี้นิ้วตรงไปยังผู้เฒ่าสูงสุดที่ถูกพันธนาการอยู่

เส้นไหมของดักแด้ไร้ตา ทันใดนั้นก็หายไป เผยให้เห็นผู้เฒ่าสูงสุดที่กำลังตกใจอยู่ในนั้น มันได้ใช้ทุกวิธีที่สามารถคิดได้ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามันไม่อาจแม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้กับเส้นใยนี้ได้

เส้นใยพุ่งกลับไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว และเริ่มพันไปรอบๆ ร่าง เขายืนอยู่ที่นั่น ประสานมืออยู่ด้านหลัง ขณะที่เงาสีดำปรากฎอยู่ที่ด้านบน เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และดวงตาก็เต็มไปด้วยความเย็นเยียบ

“ดักแด้ไร้ตาของข้าสามารถต่อต้านกับทัณฑ์สายฟ้าได้ ข้าไม่สนใจว่าพื้นฐานฝึกตนแมงมุมปีศาจของเจ้าจะลึกล้ำมากแค่ไหน เจ้าคิดว่ามันจะเทียบกับทัณฑ์สายฟ้าได้จริงๆ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version