Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 482

ตอนที่ 482

โลหิตแห่งตระกูลจี้

หลังจากที่เงาร่างสีโลหิตพุ่งจนหายลับตาไป กลุ่มคนของเผ่าห้าพิษอันยิ่งใหญ่ก็ลุกขึ้นมายืน ปรากฎว่าเผ่านี้มีสิ่งของเวทขนาดใหญ่ที่สามารถบินได้อยู่ มันมีขนาดใหญ่โตดูคล้ายกับเป็นอสรพิษที่มีชีวิตเป็นอย่างมาก

มันมีความยาวถึงหนึ่งพันจ้าง และกระจายแรงกดดันออกไปทั่วทุกทิศทาง นี่เป็นสิ่งของเวทที่บินได้ ซึ่งจริงๆ แล้วก็กลายร่างมาจากซากศพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ ซึ่งได้ตายไปเมื่อหลายปีนานมาแล้วในอดีต เผ่าห้าพิษได้จ่ายด้วยราคาที่แพงลิบลิ่ว เพื่อให้เผ่าเทียนกง (ผลงานสวรรค์) ใช้ทักษะของพวกมันเปลี่ยนให้ซากศพกลายเป็นสิ่งของเวทที่บินได้

กล่าวโดยทั่วไป มันสามารถบรรทุกผู้คนได้หลายพันคน แต่ด้วยความที่เผ่าห้าพิษรีบร้อนต้องการสังหารเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ พวกมันจึงไม่หวงแหนการใช้หินลมปราณ ไม่สนใจแม้ว่าสิ่งของเวทที่บินได้นี้อาจจะพังเสียหายได้ ถ้าต้องบรรทุกผู้ฝึกตนที่มากกว่าสามหมื่นคนขึ้นไป ดังนั้น พวกมันพร้อมด้วยหัวหน้าเผ่าและเก้าผู้เฒ่าสูงสุด จึงมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่เมิ่งฮ่าวอยู่ในทันทีด้วยสิ่งของเวทที่บินได้นี้

ท่ามกลางคนกลุ่มนี้เป็นจื่อเซียง หลังจากที่กลับมาจากอาณาจักรแห่งซากสะพาน นางก็พยายามหลีกเลี่ยงความสนใจของคนอื่นๆ และปกปิดพื้นฐานฝึกตนของตัวเองไว้ ไม่มีใครรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ในตอนนี้นางยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาสาดประกาย ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

“ข้าไม่เคยคาดคิดว่า เผ่าห้าพิษนี้จะมีหยดโลหิตแห่งตระกูลจี้ ปราณโลหิตที่ข้นหนืดนี้ดูเหมือนจะได้มาจากผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งของตระกูลจี้ในสมัยโบราณ มันได้อ่อนแอมาหลายปีแล้ว จนถึงจุดที่พลังของสายโลหิตนี้ไม่อาจจะกระจายออกไปได้ จึงเป็นเหตุให้ตระกูลจี้ไม่รู้ว่า มีโลหิตบรรพบุรุษของพวกมันบางคนได้หายไป”

“แม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ยังคงเป็นโลหิตเซียน…แต่มันก็คงไม่เพียงพอที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวได้” ดวงตาสาดประกาย แต่นางก็รักษาความเงียบไว้

อสรพิษยักษ์บินฝ่าอากาศไปเพียงไม่กี่วัน ในที่สุด ก็มาถึงทะเลสาบและมันก็ข้ามไปอย่างรวดเร็วหัวหน้าเผ่าห้าพิษนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงส่วนหัวของอสรพิษยักษ์ “ข้ารับรู้ได้ว่าโลหิตสวรรค์กำลังเข้าไปใกล้เป้าหมายแล้ว” มันกล่าว “มันจะไปสังหารในคืนนี้! เมื่อต้าซือหลงของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ตายไป พวกเราก็ต้องใช้ความรวดเร็วสูงสุด และไปถึงให้น้อยกว่าหนึ่งวัน!” ด้วยเช่นนั้น มันก็หลับตาลง

คืนนั้น ท้องฟ้ามืดมิดและไม่มีดวงจันทร์ ทุกสิ่งทุกอย่างมืดสนิท เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์กำลังพักผ่อน สร้างเพิงพักขึ้นมาอย่างเรียบง่ายเรียงกันเป็นรูปวงกลม

ในด้านกิจการต่างๆ ของเผ่า เมื่อเร็วๆ นี้หัวหน้าเผ่าอูปิงถูกเลือกให้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรมต่างๆ ถูกจัดขึ้นโดยมีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งคนอื่นๆ เข้าร่วมด้วย ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เริ่มดีขึ้นกว่าเดิม

ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในกระโจมส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของค่ายพักแรม ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความเคารพเทิดทูนที่เขาได้รับ ด้านนอกกระโจมมีผู้ฝึกตนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์คอยยืนยามอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน

ตอนนี้เขาหลับตาอยู่ และถือขวดสุราอยู่ในมือขวา ตลอดทั้งสองปีมานี้เขาได้ถือขวดสุราของหานซานไว้ในมืออยู่ตลอดเวลา ภายในขวดมีสุราที่ไม่เคยหมดสิ้น ถึงแม้การดื่มมันลงไปจะไม่ได้ทำให้เขามีปราณสุราเริงระบำใดๆ เกิดขึ้น แต่ก็ทำให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยให้เขารู้สึกสบายใจแม้จะมีฝนม่วงตกลงมาก็ตามที

เขาดื่มไม่มากนัก อย่างมากที่สุด เขาก็จะดื่มแค่สามคำเล็กๆ ต่อวัน

เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น หลับตาลง ความสนใจในตอนนี้กำลังเพ่งไปที่ด้านในของหน้ากากสีโลหิต มองไปที่จี้สือจิ่วซึ่งยังคงถูกพันธนาการไว้ด้วยธวัชสามแฉก เมื่อไหร่ที่เขามีเวลาในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ เมิ่งฮ่าวก็จะใช้เวลาเพื่อศึกษามัน กระบี่ไม้อันน่ากลัวทั้งสี่เล่มแทงเข้าไปในร่างมันอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จี้สือจิ่วจะด่าทอและสาบแช่ง พื้นฐานฝึกตนของมันก็ไม่อาจจะฟื้นคืนกลับมาได้ด้วยตัวเอง มันถูกปิดกั้นโดยกระบี่ไม้ของเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง

ด้านข้างจี้สือจิ่วเป็นปรมาจารย์ตระกูลหลี่ ซึ่งนั่งถูมือเข้าด้วยกันอย่างตื่นเต้นอยู่ที่นั่น ร่างของมันปกคลุมด้วยสายฟ้าที่ปะทุขึ้นเต้นไปมา หลังจากที่เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์เมื่อหลายปีก่อน มันแทบจะกลายเป็นวิญญาณสายฟ้าไปโดยสิ้นเชิง

ด้วยการยินยอมปฏิบัติตามความต้องการของเมิ่งฮ่าว มันได้กลายเป็นผู้คุมไปแล้ว คอยรับผิดชอบเฝ้าจับตาดูจี้สือจิ่ว ทุกครั้งที่เมิ่งฮ่าวมาทรมานจี้สือจิ่ว ปรมาจารย์ตระกูลหลี่ก็จะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง มันยังได้เสนอความเห็นต่อเมิ่งฮ่าวเล็กน้อย เพื่อช่วยให้เขาเปลี่ยนจี้สือจิ่วให้กลายเป็นวิญญาณสายฟ้า

เท่าที่จี้สือจิ่วคิด ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่สถานการณ์อันเลวร้ายมากเท่าใดนัก ที่เลวร้ายมากที่สุดก็คือในช่วงสองปีทีผ่านมา ผีโต้งมักจะให้ความสนใจมันเป็นอย่างมาก ทุกๆ สองสามวัน ผีโต้งก็จะเข้ามาและพยายามจะเปลี่ยนแปลงมัน จนจี้สือจิ่วใกล้จะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ ทุกครั้งที่ผีโตงมาเพื่อพยายามจะเปลี่ยนแปลงมัน ปรมาจารย์ตระกูลหลี่ก็จะยิ่งมีความตื่นเต้นมากขึ้น และใบหน้าของมันก็จะปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มอันน่ากลัว

“บอกข้ามาถึงวิธีการใช้เวทกรรมแห่งตระกูลจี้? ถ้าเจ้าบอกข้า, ข้าก็จะให้ผีโต้งไม่มารบกวนเจ้าตลอดทั้งหนึ่งเดือน เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เมิ่งฮ่าวกล่าวช้าๆ อย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่สิ่งทั้งหมดที่เขาได้กลับมาจากจี้สือจิ่วก็คือคำก่นด่าสาบแช่ง

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเริ่มเย็นชามากยิ่งขึ้น พื้นฐานฝึกตนของเขาไม่ได้อ่อนแอเหมือนหลายปีก่อนโน้น เขาได้บรรลุถึงจุดที่แข็งแกร่งเพียงพอ ที่จะสังหารจี้สือจิ่วผู้อ่อนแอนี้แล้ว ในตอนนี้ ดวงตาเขาสาดประกายด้วยความเย็นเยียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะสงบนิ่งขึ้นอีกครั้ง เขากำลังจะออกไปเรียกผีโต้ง แต่ทันใดนั้นเองที่ร่างเขาก็หายไปโดยสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในกระโจม รอยแยกจู่ๆ ก็เปิดออกขึ้นในอากาศตรงเบื้องหน้าที่เมิ่งฮ่าวกำลังนั่งอยู่

ทันทีที่รอยแยกเปิดออก มือสีโลหิตก็ยื่นออกมาจากข้างในรอยแยก อย่างเงียบเชียบและไม่มีใครตรวจพบได้ นี่เป็นมือที่ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก มันไม่มีรอยนิ้วมือหรือลายมืออยู่บนฝ่ามือเลย ตรงจุดกึ่งกลางของฝ่ามือ มองเห็นเป็นใบหน้าเวทอยู่นับหมื่น มือที่แปลกประหลาดนี้ฉับพลันนั้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ยื่นนิ้วออกไปพยายามที่จะแตะไปบนหน้าผากของเขา

เมื่อมือสีโลหิตอยู่ห่างจากหน้าผากเมิ่งฮ่าวเพียงเจ็ดชุ่น (1 ชุ่น ยาวประมาณ 3.34 เซนติเมตร) ดวงตาเขาก็ลืมขึ้นมาในทันที ความรู้สึกถึงจุดวิกฤตเป็นตายอย่างลึกล้ำเต็มอยู่ในจิตใจ เขาสงบจิตใจเคลื่อนที่ไปด้านหลังโดยฉับพลัน แต่ดรรชนีสีโลหิตก็ติดตามไปด้วยความรวดเร็วเดียวกัน ขณะที่ทำเช่นนั้น แขนสีโลหิตและจากนั้นก็เป็นร่างกายได้โผล่ออกมาจากรอยแยกกลางอากาศ

ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งถอยไป แผ่นหลังก็ไปปะทะกับผนังของกระโจม ดวงตาเขาสาดประกายขณะที่ภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทอง, ไม้, ไฟ และดินปรากฎขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์อยู่เบื้องหน้า กระแทกเข้าไปยังดรรชนีสีโลหิต

เกิดเป็นแรงระเบิดขึ้น ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน และดังก้องออกไปในยามราตรีอันเงียบสงบ กระโจมระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งออกมาจากด้านใน กลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์มากกว่าหนึ่งหมื่นคนตกใจ เริ่มโผล่ออกมาจากกระโจม เมื่อพวกมันมองไป ก็เห็นเซิ่งจู่เมิ่งฮ่าว พุ่งผ่านอากาศล่าถอยออกไป

ที่กำลังไล่ตามเขาไปเป็นเงาร่างสีโลหิต ซึ่งกระจายแสงสีโลหิตออกมา นิ้วของมันอยู่ห่างจากเมิ่งฮ่าวเพียงแค่เจ็ดชุ่น ถูกขวางกั้นไว้ด้วยภาพศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ทั้งสี่ ป้องกันไม่ให้นิ้วนั้นเข้าไปใกล้มากกว่านี้

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไปขณะที่เขาล่าถอย หน้ากากสีโลหิตทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้น เมื่อเขาสวมใส่หน้ากาก แสงสีโลหิตก็พุ่งออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว กระจายออกไปในอากาศ ใบหน้าขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นพุ่งตรงไปยังเงาร่างสีโลหิต

เสียงระเบิดดังกึกก้องได้ยินออกมา ขณะที่เงาร่างสีโลหิตแทงทะลุผ่านใบหน้าขนาดใหญ่นั้นไป ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ห่างจากเมิ่งฮ่าวเจ็ดชุ่น แต่เป็นห้าชุ่น

“สิ่งนี้คืออะไร!?” เมิ่งฮ่าวคิด ม่านตาหดเล็กลง ในช่วงวิกฤตนี้เองที่แสงสีฟ้าทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นในดวงตา เขาอ้าปากขึ้น ทำให้กระบี่เซียนสีฟ้าลอยออกมา มันพุ่งไปราวกับเป็นสายฟ้ากระแทกเข้าไปยังเงาร่างสีโลหิต

เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่กระบี่กรีดเข้าไปในเงาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นก็ได้ยินเสียงดังออกมา คล้ายกับมีเสียงนับหมื่นต่างก็แผดร้องออกมาในเวลาเดียวกัน เงาร่างสีโลหิตระเบิดออกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วนในทันที เมิ่งฮ่าวมองเห็นใบหน้าเวทนับหมื่นบิดเบี้ยวและแตกกระจายไป

ขณะที่เสียงระเบิดดังก้องออกไป กลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่างก็มองขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวล เมื่อพวกมันมองเห็นเงาร่างสีโลหิตในที่สุดก็แตกสลายไป พวกมันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่น ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ของสิ่งนั้นปรากฎขึ้นอย่างคาดไม่ถึง น่าแปลกใจนัก มันต้องการสังหารข้า ซึ่งจะทำให้พื้นฐานฝึกตนของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดตกลงไป…”

“อา? ไม่ผิดแน่? ไม่ว่าชนเผ่าใดที่ต้องการจะสังหารข้า พวกมันคงไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะมาโจมตีหลังจากที่ข้าตายไปแล้ว พวกมันต้องตามมาโจมตีอย่างแน่นอน! นั่นก็หมายความว่าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ยังคงตกอยู่ในอันตราย!” เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป เขามองออกไปในท้องฟ้ายามราตรี และกำลังจะเรียกฝูงสัตว์ปีศาจ เมื่ออันตรายอันร้ายแรงที่เขาคาดคิดไว้ปรากฎขึ้น ดวงตาเขาหดแคบลง ขณะที่ร่างกลายเป็นดวงจันทร์สีดำ จากนั้นก็พุ่งตรงไปกลายเป็นกลุ่มควันสีเขียว

ด้านหลังเขาในกลางอากาศ จุดของโลหิตมากมายนับไม่ถ้วน จู่ๆ ก็เริ่มก่อตัวรวมกันเป็นเงาร่างสีโลหิตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แสงสีโลหิตดูอ่อนแอลงไปกว่าเดิม แต่ความรู้สึกของเมิ่งฮ่าวที่รับรู้ได้ก็คือมันบริสุทธิ์มากขึ้น ความรู้สึกถึงจุดวิกฤตแห่งความตายที่เขาสัมผัสได้ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิมในตอนนี้!

แสงสีโลหิตแวบขึ้นขณะที่จู่ๆ มันก็หดตัวเล็กลงไป กลายเป็นหยดโลหิตสีเข้มเพียงหนึ่งหยด หยดโลหิตนั้ทำให้เมิ่งฮ่าวเริ่มสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วงในทันที

“โลหิตวิญญาณ! นั่นก็คือหยดโลหิตวิญญาณ!!”

โลหิตวิญญาณกลายเป็นริ้วลายเส้น ขณะที่มันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่เป็นเช่นนั้น กลิ่นอายอันน่าเหลือเชื่อก็กระจายออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น ความรู้สึกแห่งกรรม ก็สามารถสัมผัสได้อยู่ภายในหยดโลหิตนั้นเช่นเดียวกัน

ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นภายในหน้ากากสีโลหิต ธวัชสามแฉกจู่ๆ ก็เริ่มสั่นสะท้าน กระจายความรู้สึกแห่งความหวังออกมา และกลิ่นอายของมันก็บอกให้รู้ว่า ฉับพลันนั้นมันก็ได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ!

สำหรับจี้สือจิ่ว เสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในร่างของมัน และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“กลิ่นอายบรรพบุรุษ? เป็นกลิ่นอายที่โบราณ, โบราณเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจจะโบราณมากกว่าตระกูลจี้ซะอีก…นี่เป็นไปไม่ได้ โลหิตโบราณนี้มาจากรุ่นใดกันแน? ใครเป็นเจ้าของโลหิตนี้?!?!”

“โลหิตตระกูลจี้!” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาเบิกกว้าง ขณะที่เขาตระหนักว่าจากความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด, วิชาเวททั้งหมด และภาพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของเขา ต่างก็ไร้ประโยชน์ที่จะมาต่อสู้กับโลหิตนี้ แม้แต่การใช้วิชาหลบหนีกลุ่มควันสีเขียว เขาก็ยังไม่เร็วเพียงพอที่จะหลบหนีมันไปได้ เพียงชั่วพริบตา มันก็จะไล่มาทันเขาแล้ว

แม้แต่จะใช้ปราณกระบี่เริงระบำ เมิ่งฮ่าวก็ยังไม่มีเวลาที่จะใช้มันออกมา

มีเพียงสิ่งเดียวที่เขามีเวลาพอจะกระทำได้ ในช่วงก่อนที่โลหิตจะมาถึงตัว เขาได้โบกสะบัดมือ ฉับพลันนั้น สัตว์ปีศาจแปดหมื่นตัวก็โผล่ออกมา ด้วยคำสั่งของเมิ่งฮ่าว พวกมันพุ่งลงไปปกป้องเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

เขามีเวลาทำได้สำเร็จเพียงแค่นี้ จากนั้น โลหิตก็กระแทกเข้าไปที่หน้าผาก ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดดังกระหึ่มไปทั่วร่าง

ในเวลานี้เองที่เมิ่งฮ่าวแผดร้องออกมา “ฉีหนาน!”

ทันใดนั้นพลังของฉีหนานก็ระเบิดออกมาจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว ต่อสู้กลับไปยังพลังของหยดโลหิต ไม่ชัดเจนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่หยดโลหิตก็ไม่อาจจะสังหารเมิ่งฮ่าวได้ หลังจากที่กระแทกมาโดนเขา พลังอำนาจอันไร้ขอบเขตของฉีหนานก็กระจายออกไป ปกป้องเมิ่งฮ่าวไว้โดยสิ้นเชิง

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ที่อสรพิษยักษ์ของเผ่าห้าพิษก็ปรากฎขึ้นในท้องฟ้า ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศมา ผู้ฝึกตนเผ่าห้าพิษนับหมื่น กลายเป็นลำแสงหลากสี พุ่งลงมายังพื้นดิน

พวกมันร่วมมือกับสัตว์ปีศาจนับหมื่น ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของซือหลงเผ่าห้าพิษเพียงไม่กี่คน นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งอันทรงพลังใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยลงไป เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะกำจัดเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์แบบขุดรากถอนโคลน

ที่ห่างไกลออกไป อากาศกระจายเป็นระลอกคลื่น ขณะที่เซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าห้าพิษ ยกเว้นแมงมุมและแมงป่อง ต่างก็ปรากฎตัวขึ้น

ในช่วงเวลานั้นเอง ที่กลุ่มคนดั้งเดิมหนึ่งพันคนของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ จดจำได้ว่าบุคคลเหล่านี้ก็คือเผ่าห้าพิษ ดวงตาพวกมันก็กลายเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาในทันที

เมื่อมาพบกับศัตรูคู่แค้นเก่า ไม่ตายไม่เลิกลา!

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version