Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 501

ตอนที่ 501

ข้าจะส่งท่านหนึ่งพันหลี่

โจวเต๋อคุนมองขึ้นไป และจากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ฟ้ามืดแล้ว เมิ่งฮ่าว…ไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตอีก เจ้ากำลังมีปัญหาใหญ่แล้ว เผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่ได้ส่งเผ่าจ้านจู้มากวาดล้างเจ้า เนื่องจากเหตุการณ์ของเผ่าห้าพิษในปีนั้น และต้องการวิญญาณอสูรของเจ้าด้วยเช่นกัน”

เมื่อได้ยินคำว่า “เผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่” ก็ทำให้แสงอันเย็นเยียบทันใดนั้นปรากฎขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว เขาไม่กล่าวอะไรออกมา

“โชคดีที่ข้าเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลใจ ข้าจะไม่ยอมให้มีสิ่งใดๆ เกิดขึ้นกับศิษย์น้องของข้า” มันตบไปที่หน้าอกอย่างเข้มแข็ง โจวเต๋อคุนไม่ใช่คนหนุ่มสาว แต่เนื่องจากความผกผันของชีวิต ทำให้มันมีชีวิตอยู่อย่างค่อนข้างสะดวกสบาย และจริงๆ แล้วก็ดูอายุน้อยกว่าความเป็นจริง

“ท่านมีภรรยากี่คนแล้วในตอนนี้?” เมิ่งฮ่าวหัวเราะ

“ไม่มาก, ไม่มาก เดือนที่แล้วข้าเพิ่งจะรับคนที่แปดมา” ใบหน้าโจวเต๋อคุนกลายเป็นสีแดงด้วยเลือดฝาด มันไอแห้งๆ ออกมา “ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้ ลองคิดดู ศิษย์น้อง พวกเรามาแสดงกันเล็กน้อย…” มันก้มหน้าลง และเริ่มอธิบายถึงแผนการต่อเมิ่งฮ่าว ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้าง ฝืนยิ้มออกมา

“นั่นมัน…เป็นความคิดที่ดีจริงๆ?” เขากล่าวด้วยความลังเล

“ไม่ต้องกังวลไป! เชื่อศิษย์พี่เถอะ!” โจวเต๋อคุนดูท่าทางเคร่งเครียดจริงจัง ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงไม่ทำอะไรนอกจากพึมพำและพยักหน้า

ไม่กี่อึดใจต่อมา…

“กลายเป็นว่าพวกเจ้าก็คือเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกวาดล้างชนเผ่าไปมากกว่าหนึ่งพันจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว! พวกเจ้าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดในเขตทางเหนือของทะเลทรายตะวันตก เป็นกองกำลังที่ทำให้แม้แต่เผ่าอันยิ่งใหญ่ก็ยังเกิดความเกรงกลัวอยู่ในจิตใจ!”

“ข้ารู้สึกชื่นชมพวกเจ้านัก! ถ้าพวกเราต่อสู้กัน ก็แน่นอนว่าต้องบาดเจ็บล้มตายไปทั้งสองฝ่าย ข้า, โจวเต๋อคุน ไม่ชอบเห็นโลหิต และตัวอักษร 德 (เต๋อ) ของนามข้า ก็หมายถึง คุณธรรม ดังนั้น ข้าจะใช้คุณธรรมเพื่อทำให้เจ้ายอมจำนน!”

“ข้าจะให้เวลาเจ้าสิบปี ตลอดช่วงเวลานั้น ข้า, โจวเต๋อคุน จะใช้คุณธรรมทำให้เจ้ายอมจำนนให้ได้!” เสียงตะโกนของโจวเต๋อคุน ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ได้ยินไปทั่วทั้งสองเผ่า เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาที่ดีกว่าเผ่าจ้านจู้ ซึ่งพวกมันทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง

ถึงแม้พวกมันไม่รู้จักโจวเต๋อคุนดีมากนัก แต่พวกมันก็เป็นสมาชิกของเผ่าอันยิ่งใหญ่ และเคยได้ยินเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ไม่ว่าจะมองไปยังโจวเต๋อคุนในมุมไหน ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่บุคคลที่จะชนะผู้อื่นด้วยคุณธรรม

หัวหน้าเผ่าจ้านจู้และผู้เฒ่าสูงสุดมีดวงตาเบิกกว้างกว่าใครๆ พวกมันงุนงงโดยสิ้นเชิง และไม่รู้ว่าสิ่งที่โจวเต๋อคุนกำลังพยายามจะทำให้สำเร็จนั้นคืออะไร

หลังจากที่บินลงมาจากด้านบน โจวเต๋อคุนและเมิ่งฮ่าวก็แยกย้ายกันไป เมิ่งฮ่าวสะกดข่มความอึดอัดใจที่เขารู้สึกอยู่ภายใน ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับโจวเต๋อคุน

“กลายเป็นว่าท่านมาจากเผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่ ชื่อเสียงของโจวเต๋อคุนต้าซือ ในเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยาได้โด่งดังมานานแล้ว และมีภรรยาถึงแปดคน ข้านับถือท่านอย่างแท้จริง ข้ายอมรับเดิมพันของท่าน ข้าจะให้เวลาท่านสิบปีเพื่อให้ท่านพยายามจะใช้คุณธรรมทำให้ข้ายอมจำนน” ยิ่งเขาพูดมากเท่าใด เมิ่งฮ่าวก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นเท่านั้น ไอแห้งๆ ออกมา มุ่งหน้ากลับไปยังยานบินของเขา

คำพูดที่เขาเพิ่งกล่าวออกมา ทำให้ดวงตาของกลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เบิกกว้าง พวกมันรู้สึกแปลกๆ ที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้น ดังออกมาจากปากของเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ สำหรับพวกมันเซิ่งจู่เป็นบุคคลที่สามารถสังหารใครก็ได้โดยไม่กระพริบตา แล้วท่านจะกล่าวคำพูดเช่นนั้นได้อย่างไร?

“ดี!” โจวเต๋อคุนร้องออกมาด้วยท่าทางฮึกเหิม จากนั้นมันเดินกลับขึ้นไปบนยานบินรูปกระบี่สีดำ โบกสะบัดชายแขนเสื้อ และพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงแน่วแน่ต่อไป “โชคร้ายที่ต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้อย่างชัดเจนระหว่างพวกเราทั้งสอง ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น พวกเราก็คงจะได้ดื่มคุยกันให้สำราญใจ และคงต้องกลายเป็นสหายกันชั่วชีวิตอย่างแน่นอน…” สีหน้ามันดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่ากำลังเสียดายอยู่อย่างสุดซึ้ง

“ข้าชื่นชมเจ้าอย่างแท้จริง” มันกล่าวอย่างสง่างามต่อไป “เมื่อเจ้าต้องการจะเห็นว่าข้าจะเอาชนะเจ้าด้วยคุณธรรมได้อย่างไร ก็ขอให้เดินทางต่อไป อีกสามวันนับจากนี้ข้าจะติดตามไป นี่เป็นคำสัญญาจากข้า และจะเป็นก้าวแรกในขั้นตอนการใช้คุณธรรมเพื่อให้เจ้ายอมจำนน” ด้านข้างมัน สีหน้าของหัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดเปลี่ยนไปในทันที

“โจวต้าซือ พวกเราไม่อาจทำเช่นนี้ ถ้าพวกเราปล่อยให้พวกมันจากไป ใครจะไปรู้ว่าพวกเราจะสามารถหาพวกมันพบอีกหรือไม่!?”

“เจ้ากำลังขัดขวางไม่ให้ข้าใช้คุณธรรมเพื่อให้พวกมันยอมจำนน!?” โจวเต๋อคุนกล่าว ชำเลืองมองไป

เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา และมองไปยังโจวเต๋อคุนด้วยสีหน้าแปลกๆ นึกไปถึงคำพูดที่โจวเต๋อคุนบอกให้เขาพูดออกมา แต่หลังจากที่คิดไปถึงคำพูดเหล่านั้น เขาก็ไม่อาจจะบังคับให้ตัวเองพูดออกมาได้ กระแอมไอออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก ยานบินเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกไปยังที่ห่างไกลในทันที

“โจวต้าซือ!” หัวหน้าเผ่าจ้านจู้ร้องออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ ขณะที่เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์บินจากไป สีหน้าโจวเต๋อคุนยังคงเย่อหยิ่งทรนงเหมือนเช่นเคย หัวหน้าเผ่าไม่มีทางเลือกนอกจากยืนอยู่ที่นั่น และไม่ยอมให้เผ่าจ้านจู้ไล่ตามไป

“พวกเจ้าต้องศรัทธาในเผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่ พวกเราจะใช้คุณธรรมเพื่อให้พวกมันยอมจำนน!” โจวเต๋อคุนแอบถอนหายใจอยู่ภายใน เมื่อครู่นี้มันได้เตรียมคำพูดไว้มากกว่านี้เพื่อโต้ตอบกับเมิ่งฮ่าว

“แต่ภารกิจที่พวกเราได้รับมาก็คือให้ทำลายเผ่า…” ผู้เฒ่าสูงสุดกล่าวอย่างมีโทสะ

“ใช่หรือไม่ว่าเจ้าไม่มีความศรัทธาในเผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่?” โจวเต๋อคุนกล่าวตอบอย่างเคร่งขรึม “หรือว่าเป็นข้าเองที่เจ้าไม่ศรัทธา? หือ?” ทั้งในแง่ของศักดิ์ฐานะหรือตำแหน่ง โจวเต๋อคุนสูงส่งกว่าทุกคนในเผ่าจ้านจู้ และเป็นผู้นำของกองกำลังนี้ด้วยเช่นกัน ถ้าหัวหน้าเผ่าไม่รับฟังคำสั่งมัน โจวเต๋อคุนก็สามารถร้องเรียนมัน และจากนั้นทั่วทั้งเผ่าจ้านจู้ก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย

การกล่าวตอบอย่างเรียบง่ายของโจวเต๋อคุน ทำให้หัวหน้าเผ่าจ้านจู้และผู้เฒ่าสูงสุดไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก ทำให้เวลาสามวันผ่านไปเช่นนั้น

สามวันหลังจากนั้น ยานบินรูปกระบี่สีดำก็แหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็กขึ้นอีกครั้ง

ไม่กี่วันหลังจากนั้น ยานบินรูปกระบี่สีดำทั้งสามลำก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วสูงสุด โจวเต๋อคุนแผดร้องตะโกนออกไป “พวกเรามาพบกันอีกแล้ว เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าจะยอมจำนนหรือไม่?”

รังสีสังหารทันใดนั้นก็เดือดพล่านออกมาจากกลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ เห็นได้ชัดว่าพวกมันรู้สึกว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นได้ทุกขณะจิต

เผ่าจ้านจู้ก็เช่นเดียวกัน พวกมันสะกดข่มความหงุดหงิดของสถานการณ์ก่อนหน้านี้ลง และปลดปล่อยรังสีสังหารให้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า

เมิ่งฮ่าวยิ้มอย่างแห้งแล้งออกมา สูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็กล่าวตอบโจวเต๋อคุนตามที่มันแนะนำมา

“พวกเราไม่ยอมจำนน…”

“ฮาฮาฮา! ข้าก็คาดว่าเจ้าไม่ยอม ถ้าเจ้ายอม ข้าก็คงคาดว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ก็ดี ครั้งนี้ข้าจะให้เวลาเจ้าเจ็ดวัน ก่อนที่ข้าจะไล่ตามเจ้าไปอีกครั้ง นี่เป็นวิธีที่จะใช้คุณธรรมในการทำให้ใครบางคนยอมจำนน!” เพื่อตอบรับคำพูดที่หยิ่งทรนงของโจวเต๋อคุน เมิ่งฮ่าวหมุนตัวไปพร้อมกับรอยยิ้มอันแห้งแล้ง ยานบินพุ่งออกไปยังที่ห่างไกลอีกครั้ง

หัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดมีท่าทีกราดเกรี้ยวเดือดดาล แม้แต่สมาชิกของเผ่าจ้านจู้บางคนยังได้ส่งเสียงแผดร้องและพุ่งตรงไปขวางกั้นเส้นทางของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

“หยุด!” โจวเต๋อคุนร้องคำรามออกมา “พวกเจ้าคิดจะเป็นขบถต่อเผ่าจริงๆ!?”

เสียงคำรามอันน่าตกใจของโจวเต๋อคุน ทำให้สมาชิกของเผ่าจ้านจู้หยุดนิ่งลงในทันใด ดวงตาของหัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดแดงก่ำ ขณะที่พวกมันหันหน้ามาจ้องไปยังโจวเต๋อคุน

โจวเต๋อคุนแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็เชิดหน้ากล่าว “พวกเจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้?” มันค่อยๆ ดึงปกเสื้อให้เปิดออก เผยให้เห็นเหรียญคำสั่งผู้อาวุโสของเผ่า หลังจากที่ได้เห็นเหรียญนั้น หัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากสะกดข่มโทสะของพวกมันและก้มหน้าลง

ด้วยการกระทำเช่นนี้ สามเดือนก็ค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ

“เจ้าจะยอมจำนนหรือไม่?!”

“เจ้ายังไม่ยอมจำนนอีก?”

“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยอมจำนน ไม่เป็นไร…”

ตลอดช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เผ่าจ้านจู้ติดตามไปจนทัน โจวเต๋อคุนก็จะมีข้ออ้างและเหตุผลมากมาย เพื่อปล่อยให้เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จากไป ในที่สุดยานบินรูปกระบี่สีดำทั้งสามลำ ที่ถึงแม้จะเป็นของชนเผ่าอันยิ่งใหญ่ ก็เริ่มขาดแคลนทรัพยากร ความเร็วของมันค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ จนถึงจุดที่ในที่สุด พวกมันก็ไม่อาจจะไล่ตามเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้ทัน

ในขณะที่เวลาผ่านไปหลายเดือน เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้ ทุกครั้งที่เผ่าจ้านจู้ติดตามมาทัน พวกมันก็มองไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตอนนี้พวกมันเห็นว่าชายชราที่แซ่โจวผู้นี้จริงๆ แล้วก็เป็นคนดีคนหนึ่ง…

อันที่จริง ในครั้งหนึ่ง เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์กำลังถูกโอบล้อมโดยชนเผ่าขนาดกลางอื่นๆ ในช่วงเวลาวิกฤตนั้น เผ่าจ้านจู้ก็ปรากฎขึ้น โจวเต๋อคุนส่งเสียงคำรามออกมา และใช้คุณธรรมเป็นข้ออ้างเพื่อให้เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ยอมจำนน บังคับเผ่าจ้านจู้ไม่ให้ทำการโจมตี ในที่สุดเผ่าจ้านจู้ก็ได้แต่ระบายโทสะครั้งนี้ไปยังชนเผ่าขนาดกลางนั้น

สุดท้ายโจวเต๋อคุนก็ปล่อยให้เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ยุติการต่อสู้นั้น ด้วยข้ออ้างว่าต้องการใช้คุณธรรมเพื่อให้พวกมันยอมจำนน มันปล่อยให้เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ยึดสินทรัพย์จากสงครามไปทั้งหมด ดวงตาของคนในเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ จากนั้นพวกมันก็เดินทางต่อจนหายลับตาไป

อีกหนึ่งเดือนได้ผ่านไป หัวหน้าเผ่าจ้านจู้และผู้เฒ่าสูงสุดไม่ได้มีอารมณ์บูดบึ้งอีกต่อไป ไม่ใช่ว่าโจวเต๋อคุนไม่ยอมให้พวกมันได้ต่อสู้ สิ่งที่โจวเต๋อคุนไม่ยอมก็คือการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ถ้าเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวก็ไม่เป็นไร…

ดังนั้น ในช่วงหลายเดือนต่อมา ทั้งสองเผ่าก็แทบจะเดินทางไปด้วยกัน ผู้ฝึกตนบางคนก็จะบินออกไปต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวเป็นระยะ

แต่ละการต่อสู้นั้น จะมีคู่ต่อสู้แค่สองคน ไม่มีมากไปกว่านั้น…

ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่การต่อสู้มาถึงจุดวิกฤตช่วงอันตราย โจวเต๋อคุนก็จะยุติการต่อสู้ในทันที…

เมื่อเวลาผ่านไป เผ่าจ้านจู้ก็เริ่มงุนงงกับสถานการณ์ พวกมันพบว่าโจวเต๋อคุนและเมิ่งฮ่าวได้รู้จักกันมานานแล้ว และเห็นได้ชัดว่า คนทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกล้ำต่อกัน แม้แต่หัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดในที่สุดก็ต้องยอมรับสถานการณ์นี้ไปโดยปริยาย

พวกมันรู้ว่าในแง่ของตำแหน่งและศักดิ์ฐานะ พวกมันล้วนด้อยกว่าโจวเต๋อคุน ยิ่งไปกว่านั้น โจวเต๋อคุนยังได้เป็นผู้นำของกองกำลังนี้อีกด้วย ดังนั้นความรับผิดชอบต่อภารกิจนี้ทั้งหมด เป็นธรรมดาที่ต้องตกอยู่บนบ่าของโจวเต๋อคุนนั่นเอง

ดังนั้นพวกมันจึงได้ยกเลิกความต้องการกวาดล้างเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าโจวเต๋อคุนจะสั่งอะไรมา พวกมันล้วนยอมปฏิบัติตาม

ในที่สุด ก็มาถึงจุดที่โจวเต๋อคุนและเมิ่งฮ่าวรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป คนทั้งสองมักจะตั้งโต๊ะอยู่กลางอากาศ เพื่อร่วมดื่มคุยด้วยกัน อย่างช้าๆ แต่มั่นคง กลุ่มคนของทั้งสองเผ่าก็เริ่มรู้จักซึ่งกันและกัน

ในที่สุด พวกมันก็เริ่มอยู่ร่วมด้วยกันอย่างสามัคคีกลมเกลียว…

สิ่งที่ทำให้หัวหน้าเผ่า และผู้เฒ่าสูงสุดไร้คำพูดมากไปกว่านั้นก็คือ ในช่วงของความสัมพันธ์หลายเดือนที่ผ่านมา สมาชิกหลายคนของทั้งสองเผ่าได้กลายเป็นสหายกัน พวกมันมักจะกลายเป็นแขกของเผ่า เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองที่เกี่ยวข้องกับการฝึกตนซึ่งกันและกัน ทั้งหัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดได้แต่ยิ้มอย่างแห้งแล้งออกมา

นอกจากนั้น ทั้งสองเผ่านี้ต่างก็มีรังสีสังหารอันเข้มข้น พวกมันมีประสบการณ์การต่อสู้มาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงได้ปฏิบัติซึ่งกันและกันด้วยความเคร่งเครียดจริงจัง พวกมันต่างก็เห็นคุณค่าซึ่งกันและกัน และยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากการเป็นผู้มีประสบการณ์ผ่านการทำสงครามมาแล้วมากมาย พวกมันทั้งหมดต่างก็เป็นผู้ฝึกตน การมีประสบการณ์อยู่ร่วมกันด้วยความสงบสันติตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง

ทั้งหมดประสานเข้าขากันเป็นอย่างดี…

เมื่อไหร่ที่พวกมันพบกับศัตรู ก็ไม่จำเป็นต้องให้โจวเต๋อคุนกล่าวอันใดออกมา ทั้งเผ่าจ้านจู้และเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ก็จะรวมพลังเข้าด้วยกันทำการต่อสู้ในทันที หัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดรู้ว่าภารกิจของพวกมันล้มเหลว ดังนั้นพวกมันจึงทำอย่างดีที่สุดเพื่อประจบเอาใจโจวเต๋อคุน ด้วยเช่นนั้น จึงสามารถทำให้เผ่าหลักเกิดความรู้สึกที่ดีต่อพวกมันได้

เวลาผ่านไปด้วยบรรยากาศเช่นนี้ เผ่าจ้านจู้และเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เริ่มความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันนี้ จากการเสแสร้งแสดงแบบแปลกๆ ต่อกัน และบางครั้งก็มีการต่อสู้กันเป็นระยะ ในตอนนี้เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้ผ่านเขตภาคกลางของทะเลทรายตะวันตกไปเกือบสุดทางแล้ว และกำลังเข้าไปใกล้ชายแดนของเขตทางใต้…

ในวันหนึ่ง แผ่นหยกสามแผ่นได้มาถึงเผ่าจ้านจู้อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยข้อความอันโกรธกริ้วจากเผ่าหลักอวิ๋นเทียน เรียกร้องให้มีคำอธิบายและออกคำสั่งให้เผ่าจ้านจู้และโจวเต๋อคุนกลับไปในทันที

ภารกิจในการทำลายล้างเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ได้มอบหมายให้กับเผ่าย่อยอื่นๆ โจวเต๋อคุนถอนหายใจออกมา มันรู้ว่าไม่อาจจะคอยคุ้มกันร่วมทางไปกับเมิ่งฮ่าวได้ไกลกว่านี้อีกแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version