Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 515

ตอนที่ 515

เริ่มเข้าใจกรรมขั้นต้น

“การหลอมรวมห้าธาตุด้วยวิธีที่แตกต่างกัน ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน…” เมิ่งฮ่าวคิด บรรลุถึงการรู้แจ้งใหม่ๆ มองไปยังผู้แข็งแกร่งซึ่งมีใบหน้าซีดขาว และเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ากองโจร พวกมันต้องการจะสังหารเขา แต่ตอนนี้ก็ถูกห้อมล้อมปิดกั้นไว้โดยสัตว์ปีศาจมากมายนับไม่ถ้วน และกำลังอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว

พวกมันไม่มีทางจะเข้าไปถึงตัวเขาได้อย่างแท้จริง ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยสัตว์ปีศาจนับแสนตัว พวกมันไม่อาจแม้แต่จะเข้าไปถึงตัวเมิ่งฮ่าว โดยไม่ต้องพูดถึง…การจะไปสังหารเขา

“พวกเราพ่ายแพ้แล้ว…” หนึ่งในผู้แข็งแกร่งชรากล่าวอย่างขมขื่น ในตอนนี้ พวกมันรู้ว่ากำลังพ่ายแพ้ และรู้ว่าไม่อาจจะสังหารเมิ่งฮ่าวได้อีกแล้ว

เมิ่งฮ่าวไม่ใช่คนที่ใจร้อนหุนหันพลันแล่น ถึงแม้เขาจะมีพลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ก็ยังคงกระทำการด้วยความระมัดระวังตัว พวกมันรู้ว่าในตอนนี้เมิ่งฮ่าวต้องไม่ปล่อยให้ใครมาโจมตีเขาได้ และในเวลาเดียวกันก็ไม่ยโสโอหังจนไปเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งหมดโดยพร้อมเพรียงกันการที่ต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรเผ่ากองโจรเหล่านี้ ต่างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกว่าไร้กำลังที่จะกระทำการใดๆ

ทันทีที่คำพูดของชายชราดังก้องออกมา กลุ่มคนเผ่ากองโจรซึ่งอยู่กระจัดกระจายกันที่ด้านล่างบนพื้น ค่อยๆ เริ่มยอมแพ้ พวกมันหยุดการโจมตีกลับไป และยืนอยู่ที่นั่นอย่างสงบนิ่ง

จากกลุ่มคนในตอนแรกสองแสนคน มีเหลืออยู่ไม่ถึงสองในสิบส่วน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่ได้ชัยชนะมาโดยเมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียว แต่มาจากพลังบดขยี้ที่ผ่านมาของสัตว์ปีศาจแปดแสนตัว ที่เขาสามารถควบคุมได้ ทำให้กลุ่มศัตรูถูกบังคับให้ต้องพ่ายแพ้

ตอนนี้เมื่อพันธมิตรเผ่ากองโจรยอมแพ้ เมิ่งฮ่าวก็ไม่สังหารพวกมันอีกต่อไป เขาปล่อยให้กลุ่มคนที่ยังเหลืออยู่ของพวกมันออกไปจากสนามรบ ขณะที่พวกมันหายลับไปในพื้นที่ราบซึ่งอยู่รอบๆ บริเวณนั้น เมิ่งฮ่าวก็นำเผ่าอูเสิน, วิหารจินกวง, เผ่าเฮยหลง และสัตว์ปีศาจแปดแสนตัว ตรงไปยืนยังเบื้องหน้าของโม่เหมิน เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังกำแพงเมืองที่อยู่ด้านบน

“เผ่าอูเสินมาถึงพร้อมกับวิญญาณอสูร!” เขากล่าวขึ้นมาช้าๆ เสียงนั้นดังก้องเข้าไปในดินแดนสีดำ!

สวี่ไป๋ยืนอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว มองขึ้นไปยังประตูขนาดใหญ่โตมโหฬารซึ่งนำไปสู่ในดินแดนสีดำ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และกล่าวว่า “เผ่าเฮยหลงมาถึงพร้อมกับวิญญาณอสูร!”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ หลังจากนั้น…

เสียงกระหึ่มกึกก้องขนาดใหญ่ได้ยินมา ขณะที่ประตูขนาดใหญ่โตของโม่เหมิน…ค่อยๆ เริ่มเปิดออกอย่างช้าๆ!

ขณะที่ประตูเปิดออก กลุ่มคนที่อยู่ด้านบนของกำแพงเมืองมองลงมา สายตาของกลุ่มคนเกือบทั้งหมดกวาดผ่านฝูงชนที่อยู่ด้านล่าง มาหยุดนิ่งอยู่ที่เมิ่งฮ่าว

เสียงพูดคุยเริ่มกระจายดังขึ้นมาในทันที

“ดูเหมือนว่านับจากนี้ไป ดินแดนสีดำคงจะมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม”

“เมิ่งฮ่าวผู้นี้ มีพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ธรรมดา และมีพลังเวทที่แปลกประหลาดนัก ภาพศักดิ์สิทธิ์ของมันก็ยิ่งน่าตกใจ แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง มันก็ยังสามารถสังหารไปได้ ในวันข้างหน้ามันต้องมีชื่อเสียงอยู่ในดินแดนสีดำเป็นอย่างมากอย่างแน่นอน!”

“วันสิ้นโลกแห่งทะเลทรายตะวันตกได้มาถึงจุดสำคัญแล้ว อีกไม่นานพวกเราคงจะได้เห็นทะเลเมื่อมองออกไปจากโม่เหมิน…เผ่าอูเสินและเผ่าเฮยหลง สร้างเป็นเส้นทางโลหิตจากทะเลทรายตะวันตกจนมาถึงที่นี่ พวกมันสองเผ่าเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาในดินแดนสีดำพร้อมกับวิญญาณอสูรได้ ด้วยเส้นทางโลหิตเช่นนั้น ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ…”

เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของพวกมัน ก็ทำให้หลัวชงกลอกตาไปมา มองลงไปยังเมิ่งฮ่าวซึ่งอยู่ในฝูงชนด้านล่างเป็นระยะ โดยไม่อาจจะรู้ได้ว่ามันกำลังคิดคำนึงถึงสิ่งใดอยู่

โจวเต๋อคุนมีสีหน้าตื่นเต้น ขณะที่มองลงไปยังเมิ่งฮ่าว ใบหน้าฉีกยิ้มกว้างออกมา

ตั่วหลันขมวดคิ้วในตอนแรก แต่ก็ทำสีหน้าให้ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา

ข้างกายนาง จางหวินสู่กำลังยิ้มออกมา ส่ายศีรษะกล่าวว่า “ภาพศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ รวมเข้าด้วยกัน…เป็นความคิดที่น่าสนใจยิ่ง โชคร้ายที่มันคงอยู่ได้แค่ชั่วคราว อีกไม่นานก็จะลอยออกไปราวกับเป็นจอกแหนที่ไร้ราก มันต้องไม่ใช่ผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน”

“ถ้าข้าได้พบกับมันอีกครั้งในดินแดนสีดำเมื่อวันข้างหน้า ข้าจะช่วยให้มันเข้าใจว่าทำไมการหลอมรวมเข้าด้วยกันของธาตุทั้งห้า ถึงไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเป็นเรื่องขำขันเท่านั้น” มันยิ้มออกมา

ในตอนนี้ เสียงกระหึ่มกึกก้องขนาดใหญ่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประตูได้เปิดออกอย่างสมบูรณ์ เผยให้เห็นสิ่งที่ดูคล้ายเป็นบานประตูกำลังเปิดอยู่ มีความกว้างประมาณหนึ่งร้อยจ้าง แสงอาทิตย์สาดส่องออกมาจากภายใน อีกด้านหนึ่งเป็นดินแดนสีดำ ราวกับว่าประตูนี้เป็นจุดแบ่งแยกระหว่างโลกทั้งสอง

สวี่ไป๋สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หันหน้ามายังเมิ่งฮ่าว ประสานมือโค้งตัวลงต่ำ “พี่เมิ่ง” มันกล่าว “ข้าไม่อาจจะเสาะหาคำพูดใดๆ มาแสดงให้เห็นถึงความซาบซึ้งต่อความเมตตาของท่าน พันธมิตรระหว่างพวกเราทั้งสองจะไม่มีทางแปรเปลี่ยนไป! ตอนนี้ ข้า, สวี่ไป๋จะนำเผ่าของข้าเข้าไปในดินแดนสีดำ หลังจากที่ลงหลักปักฐานได้แล้ว พวกเราค่อยมาสนทนาพูดคุยกัน!”

เมิ่งฮ่าวหัวเราะ และพยักหน้าตอบรับ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

ด้วยเช่นนั้น สวี่ไป๋ก็นำกลุ่มคนนับพันของเผ่ามันตรงเข้าไปในโม่เหมิน พวกมันหายตัวผ่านเข้าไปในดินแดนสีดำอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เผ่าเฮยหลงเดินทางผ่านเข้าไป เมิ่งฮ่าวก็มองกลับไปยังกลุ่มคนเผ่าอูเสินที่อยู่ด้านหลัง

หลังจากผ่านไปนาน สายตาเขาในที่สุดก็ไปหยุดนิ่งอยู่ที่กลุ่มคน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของห้าชนเผ่า พวกมันเหลืออยู่แค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น อูเฉินและอูหลิงก็อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นยังมีหัวหน้าเผ่าซึ่งได้เผาไหม้พลังชีวิตของตัวเองไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้มันแก่ชราลงไปมาก มีอายุขัยเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว

เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมัน พวกมันก็มองกลับมา ไร้คำพูดใดๆ หลังจากที่ใช้เวลาร่วมกันมานานหลายปี พวกมันก็รู้จักเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างดี ภายในความเงียบนั้นเป็นความหดหู่เศร้าเสียใจอย่างลึกล้ำ

หลังจากผ่านไปนาน เมิ่งฮ่าวก็ยิ้มออกมา

เขามองไปยังกลุ่มคนดั้งเดิมไม่กี่ร้อยคนของห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงสมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ ที่ได้เข้ามาร่วมตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เสียงของเขาอบอุ่นและมีอัธยาศัยอันดีกล่าวว่า “ในที่สุดข้าก็นำพวกท่านมายังที่นี่ได้ ตอนนี้ ข้าจะส่งมอบความหวังให้กับพวกท่าน”

เขาได้เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มคนเหล่านี้นานหลายปี ได้ต่อสู้เคียงข้างพวกมันจนมาถึงจุดนี้ ในที่สุด พวกมันก็บรรลุถึงจุดหมายปลายทาง ถึงประตูอันกว้างใหญ่ซึ่งจะนำเข้าไปในดินแดนสีดำประตูถูกเปิดออก และกำลังรอคอยให้พวกมันเดินผ่านเข้าไป

“พวกท่านสามารถฝึกฝนพลังฝึกตนด้วยภาพศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้ต่อไป” เขากล่าวต่อ “นอกจากนี้ ข้ายังได้ประทับพลังไปยังเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่พวกเราได้รับมา ดังนั้นเผ่าอูเสินก็สามารถสร้างภาพศักดิ์สิทธิ์ได้จากพวกมัน”

“สำหรับเถาวัลย์…มันได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ข้าจะมอบมันให้กับพวกท่านในฐานะเป็นผู้พิทักษ์และคอยคุ้มกัน” เขาโบกสะบัดมือ ทำให้เมล็ดต้นเถาวัลย์ป้อมปราการหนามปรากฎขึ้น ประทับภารกิจเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ปกป้องเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์!

หลังจากนั้น เขาก็ส่งเมล็ดต้นเถาวัลย์ให้กับหัวหน้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ชายชรามองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างเงียบๆ และคิดย้อนกลับไปยังภาพทั้งหมดเมื่อหลายปีที่ผ่านมา และคิดถึงสิ่งที่เมิ่งฮ่าวได้กล่าวมาเกี่ยวกับการส่งมอบความหวังให้กับเผ่า

เรื่องทั้งหมดนี้แวบขึ้นมาในจิตใจ ทำให้สายตามันค่อนข้างพล่าเลือน ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว

“นับจากวันนี้ไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงอ่อนโยน “วิหารจินกวง จะเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ นับจากนี้…เผ่าจะไม่ถูกเรียกว่าอูเสิน (อีกาศักดิ์สิทธิ์) อีกต่อไป แต่เป็นเผ่าจินอู (อีกาทองคำ)!” กลุ่มคนเผ่าอูเสินเริ่มสั่นสะท้าน ยากที่จะบอกว่าใครกระทำก่อนเป็นคนแรก แต่พวกมันทั้งหมดเริ่มคุกเข่าลง และโขกศีรษะให้กับเมิ่งฮ่าว

ไม่มีใครพูดจา แต่หยาดน้ำตาปรากฏขึ้นในดวงตาพวกมัน และสีหน้าที่ดูคุ้นเคยของพวกมันก็เห็นได้ชัดว่ามีความเคารพนับถือ, คลั่งไคล้ และสำนึกในบุญคุณของเมิ่งฮ่าวอย่างลึกล้ำ

เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมันและยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่กล่าวว่า “ถึงเวลาที่ต้องจากกันแล้ว”

เขาหันหน้าและมองไปยังกู่ลา “กู่ลา…นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าเป็นอิสระแล้ว ก่อนที่จะปล่อยเจ้าไป ข้าต้องขอบอกว่า จริงๆ แล้วข้าหวังว่าเจ้าจะยังคงเป็นสมาชิกของเผ่าจินอู เป็นซือหลงของพวกมันต่อไป”

กู่ลาตัวสั่นสะท้าน ขณะที่คุกเข่าอยู่ และจ้องไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความงุนงง บนเส้นทางแห่งการเดินทางที่ยาวนาน ความไม่พอใจของมันก่อนหน้านี้ได้หายไปจนหมดสิ้นมานานแล้ว ตอนนี้มันมีสีหน้าแปลกๆ หนึ่งในนั้นเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยเต็มใจนักที่ต้องแยกจากกัน หลังจากผ่านไปชั่วขณะ มันก็ก้มศีรษะลงและพูดจารับคำ

“ข้าจะมอบยักษ์เถื่อนให้แก่เจ้า” เขากล่าวต่อ “ดูแลมันให้ดีด้วย” เมิ่งฮ่าวมองไปยังยักษ์เถื่อน ตลอดหลายปีมานี้ มันได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า และร่างกายของมันในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยริ้วรอยแผลเป็น แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังดูยิ่งใหญ่ทรงพลัง มันมองกลับมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้างุนงง ราวกับว่าไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น

“สำหรับสัตว์ปีศาจแปดแสนตัว ข้าจะไม่นำพวกมันไป ข้าจะส่งมอบพวกมันทั้งหมดให้กับเจ้า เพื่อก่อตั้งเป็นแกนหลักของพลังการต่อสู้แห่งเผ่าจินอู ข้าจะประทับพลังทั้งหมดของพวกมันด้วยตัวเอง ดังนั้นเจ้าจึงไม่จำเป็นต้องควบคุมพวกมัน พวกมันจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเผ่าจินอู” ด้วยเช่นนั้น เขาโบกสะบัดมือขวา ทันใดนั้น สัตว์ปีศาจแปดแสนตัวก็ส่งเสียงแผดร้องคำรามอย่างน่าตกใจออกมา แต่ละตัวมองมายังเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าพวกมันกำลังติดต่อสื่อสารกับเขา…

เสียงร้องสะอื้นด้วยความเสียใจอย่างรุนแรง ได้ยินมาจากต้าเหมาและตัวอื่นๆ ราวกับว่าพวกมันไม่ยินดีที่ต้องแยกจากเขา

เมิ่งฮ่าวมองไปยังสุนัขป่าชิงมู่พร้อมกับรอยยิ้มอันอ่อนโยน คิดย้อนกลับไปยังหลายปีที่ผ่านมาทั้งหมด เมื่อเขาได้มาเข้าร่วมกับห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ และการได้พบกันครั้งแรกกับลูกสุนัขป่าชิงมู่ทั้งห้าตัว

เขายังจำได้ถึงเสียงร้องครางคร่ำครวญ หลังจากที่พวกมันต้องทนหิวโหยมาตลอดทั้งคืน

เขาคิดถึงตอนที่ต้องวิ่งเข้าไปในเขตป่าภูเขา เพื่อค้นหาอาหารมาให้พวกมัน

“พวกเจ้าโตแล้วในตอนนี้” เขากล่าวเสียงอ่อนโยน “ไม่จำเป็นต้องติดตามข้าอีกต่อไป…ที่ซึ่งข้ากำลังจะไป…พวกเจ้าทั้งห้าไม่อาจไปได้”

เสียงร้องไห้อย่างโหยหวนเศร้าใจของพวกมัน ดูเหมือนจะปลุกให้กลุ่มคนเผ่าจินอูที่อยู่รอบๆ ต้องยืดตัวขึ้นมาจากการหมอบกราบ พวกมันเงยหน้าขึ้นมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า

“เซิ่งจู่ต้าเหริน ได้โปรด อย่าได้จากเผ่าจินอูไป…”

“เซิ่งจู่ต้าเหริน ท่านไม่อาจจะอยู่กับพวกเราในดินแดนสีดำได้จริงๆ?”

“ถ้าปราศจากท่าน เซิ่งจู่ต้าเหริน พวกเราก็คงต้องถูกกำจัดไปนานแล้วบนเส้นทางที่มายังที่นี่ เซิ่งจู่, เผ่าจินอูจะจดจำความเมตตาของท่านไว้ตลอดไป!”

เมื่อได้ยินคำพูดของพวกมันทั้งหมด ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เป็นเวลานาน ในที่สุด เขาก็ส่ายศีรษะและมองไปยังพวกมันอย่างจริงจัง

“พวกท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า” เขากล่าวเสียงราบเรียบ “ทุกสิ่งที่ข้าทำมา เป็นการตอบแทนบุญคุณอีกาสีทองและต้นไม้ยักษ์ ข้าเองที่ต้องขอโทษ บางที…นี่ก็คือกรรม” เขาโบกสะบัดมือ ทำให้หนึ่งในวิญญาณอสูร ซึ่งเขาได้ผนึกไว้ลอยเข้าไปในมือของหัวหน้าเผ่า

“นำมันผ่านเข้าไปในดินแดนสีดำ!” เขามองไปยังเผ่าจินอูอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ชำเลืองมองไปยังดินแดนสีดำ เขารู้ว่าในที่สุดวิญญาณอสูรที่ยังคงเหลืออยู่ของเขา จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ฉวยโอกาสที่ห้าธาตุได้หลอมรวมตัวกันชั่วคราว เร่งพุ่งออกไปยังที่ห่างไกลจนหายลับตาไป

“อ้ายเฟย (สนมรัก)” นกแก้วกล่าว เลียนแบบท่าทางเมิ่งฮ่าว “เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่ โปรดช่วยดูแลวิหารจินกวงให้ข้าด้วย อู่เหยีย…จะกลับมาหาเจ้าอย่างแน่นอน” ด้วยท่าทางทั้งเสียใจและเย่อหยิ่ง มันกระพือปีกขณะที่พุ่งห่างออกไปไกล ติดตามเมิ่งฮ่าวไป

“ฮา ฮา ฮา! อิสระแล้ว สารเลว! อ้ายเฟยของข้าขี้อิจฉาเป็นอย่างมาก ข้าทนไม่ไหวแล้ว ในที่สุด ข้าก็เป็นอิสระ…อา, กลิ่นอายของอิสรภาพ! ช่างดีจริงๆ!”

“เซิ่งจู่ต้าเหริน!” ขณะที่เมิ่งฮ่าวจากไป กลุ่มคนทั้งหมดของเผ่าจินอูหันหน้าไป และหมอบกราบตรงไปที่เขาอีกครั้ง หลังจากเวลานานผ่านไป พวกมันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืน เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ไม่แน่ใจต่ออนาคตวันข้างหน้า พวกมันนำสัตว์ปีศาจทั้งแปดแสนตัวไปด้วย ผ่านเข้าไปในดินแดนสีดำ

การจากไปของเมิ่งฮ่าว ทำให้สีหน้าของฝูงชนที่อยู่บนกำแพงเมืองที่ด้านบนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ม่านตาจางเหวินสู่หดเล็กลง ทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่าความคิดของมันที่มีต่อเมิ่งฮ่าวได้ผิดพลาดไปโดยสิ้นเชิง

“มันกำลังจะไปไหน…?”

ตั่วหลันก็ตกตะลึง โจวเต๋อคุนจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

ที่ห่างไกลออกไป เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าต่อไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง กิริยาท่าทางของเขาทั้งหมดแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

“ถ้าข้าไม่ได้เลือกจะไปยังห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ในปีนั้น อีกาสีทองก็คงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายพันปี การไปถึงของข้าก็คือการโปรยหว่านเมล็ดกรรม ผลของกรรมนั้นก็คือความตายของอีกาสีทอง แต่ผลของกรรมนั้นก็คือการโปรยหว่านเมล็ดกรรมอื่นอีก เพราะอีกาสีทองได้ตายไป จึงทำให้เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เสื่อมโทรมลง และหลีกหนีจากการถูกทำลายล้างไปได้อย่างหวุดหวิด พวกมันเกือบจะถูกกวาดล้างไปในวันสิ้นโลก นั่นก็คือผลของกรรมนั้น”

“การโปรยหว่านเมล็ดกรรมประกอบไปด้วยผลของกรรม, ผลของกรรมประกอบไปด้วยการโปรยหว่านเมล็ดกรรม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะการโปรยหว่านเมล็ดกรรม กรรมก็คือผลที่เกิดขึ้นหลังจากที่ข้านำเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากเขตทางเหนือ มุ่งหน้ามายังดินแดนสีดำ”

“มันก็เหมือนกับการตอบแทนความเมตตา ความเมตตาก็คือการหว่านเมล็ดกรรม และการตอบแทนก็คือผลของมัน!”

“กรรมก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นและผลกระทบของมัน…ตอนนี้…ข้าเข้าใจแล้ว” ขณะที่เขาเดินทางไปเรื่อยๆ ดวงตาก็เริ่มเปล่งแสงแห่งความรู้แจ้ง ราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นเส้นใยแห่งกรรมอันเลือนลาง เชื่อมต่ออยู่กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!

เมิ่งฮ่าวส่งเสียงหัวเราะ ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาคันเบ็ดตระกูลจี้ออกมา ขณะที่เขาส่งจิตสัมผัสเข้าไป ภายในจิตใจก็รู้สึกได้ถึงเส้นใยกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดลอยไปมา

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version